ต้นเหตุแห่งการงอก
ผมไม่คิดไม่ฝันว่าผมจะสนใจฟร้อนต์ยี่ห้อ Clarion มาก่อนเลยครับ เนื่องจากตามอ่านบทความและคอมเม้นต์ต่างๆในอินเตอร์เน็ต ต่างพูดตรงกันว่า ยี่ห้อนี้มีดีที่เสียงร้อง เหมาะกับเพลงช้า เพลงหวาน เสียงอวบอิ่ม ผมเลยคิดว่ามันน่าจะจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับ Alpine นั่นคือ คนที่ชอบฟังเพลง Rock เพลงสนุกสนานแบบผม ไม่ควรจะไปยุ่งกับมันเลย แต่ด้วยต้นเหตุในครั้งนี้ต้องขอบพระคุณพี่ลำไผ่ครับ ที่ได้ให้ผมยืมฟร้อนต์ Addzest DRX 9255 Exl (Clarion ตัวยุ่น) มายืมฟัง ซึ่งผมเอาไปฟังเทียบกับ Alpine 148EBT, JVC R900BT, และ Carrozzeria DEH-970 (Pioneer ตัวยุ่น) ถึงได้รู้ว่ามันไม่ได้ฟังดีแค่เพลงร้องนะ แต่มันก็ Rock ได้ !!
DXZ786UB (ภาพจากในเน็ตครับ)
Alpine CDE-148EBT (ภาพจากในเน็ตครับ)
หลังจากรู้จักกับ Clarion ผมคิดว่า Calrion ก็คือ Calrion ไม่ว่าจะรุ่นไหนบุคลิกน่าจะไปทางเดียวกัน เลยไปคว้า Clarion มือหนึ่งเก่าเก็บที่ร้าน M มาครับ ซึ่ง Clarion ตัวนี้ถ้าจะเปรียบเทียบกันจริงๆตามคุณภาพและราคาแล้ว น่าจะพิกัดเดียวกับ Pioneer P80rsii และ Alpine CDA-117E ได้กระมัง การที่ผมเอามาเที่ยบกับ Alpine 148EBT อาจจะเหมือนเอามวยค่ายมาต่อยกับมวยวัด แต่ผมเชื่อว่าผู้ที่สนใจน่าจะได้ประโยชน์จากการเปรียบเทียบข้ามรุ่นครั้งนี้ครับ
เทียบสเปค
ถ้าดูกันที่สเปคแล้ว Alpine ชนะขาดเลยครับ ท้ง EQ 9 แบนด์ ครอสละเอียดกว่ามาก อัตราส่วนสัญญาณกับเสียงรบกวนก็สูงกว่า และค่าความเพี้ยนก็ต่ำกว่า ส่วน Clarion มีดีที่ Pre-out 6 Volt กำลังขับ 53 วัตต์ และสามารถเล่น 3 ทางได้ครับ
อุปกรณ์ในชุด
ผมได้นำ Clarion มาเปลี่ยนแทน Alpine โดยอุปกรณ์อื่นๆยังคงเหมือนเดิมครับ โดยของเดิม Passive Crossover ผมปรับไว้ที่ -2db (Alpine แหลมค่อนข้างจัด)
- Front: Clarion DXZ786UB <------ เปลี่ยนแทน Alpine CDE-148EBT
- ลำโพงคู่หน้า: Hertz HSK (เดิมปรับ Passive -2 หลังใส่ Clarion ปรับเป็นกลาง)
- ลำโพงคู่หลัง: Hertz ESK 6*9 (ไม่ได้เปิดใช้งาน)
- ซับวูฟเฟอร์: Kicker Com S 10 นิ้ว 2 ดอก
- แอมป์กลางแหลม: Arc xxk4050 (เปลี่ยนซีเป็น Nichicon)
- แอมป์ขับซับ: Arc Kar 1100
- สายสัญญาณ: Connection
- สายลำโพง: Monster
ความแตกต่างหลังเปลี่ยนฟร้อนต์
ผมขอเทียบเสียงของทั้งสองฟร้อนต์ในแบบที่ EQ เป็น Flat ไม่ใช้ TA ปรับเสียงซับให้กลมกลืน และปรับจุดตัดไว้ที่ 50 Hz นะครับ เพื่อให้ฟร้อนต์ได้แสดงเนื้อเสียงออกมาแบบตรงๆ ไม่มีการปรับแต่งให้เสียงเพี้ยนใดๆ
เสียงแรก
แว่บแรกที่ได้นั่งฟัง รู้สึกว่าเสียงดูแพงขึ้นชัดเจน เสียงใสสะอาดกว่ามาก มีความอวบอิ่ม นุ่มนวล ในขณะที่ Alpine เดิม เด่นที่กลางหนา และความสดจัดชัดเจนของกลางสูงถึงแหลม หัวเบสชัดแข็งกระชับ โดยรวมจะชัดเจนที่หัวโน๊ตครับ แต่จะติดกระด้างๆนิดๆ
Tonal Balance
Clarion จะเด่นในย่านกลาง ส่วนเสียงทุ้มกับแหลม ถึงแม้ปริมาณไม่เยอะ แต่ก็เป็นในแบบที่มีเนื้อ มีมวล มีพลัง มีตัวตน ส่วน Alpine จะค่อนข้างเก่งที่ย่านกลางสูงและแหลม เสียงสดใส ชัดเจน กรุ๊งกริ๊ง รายละเอียดดี แต่ในย่านต่ำผมว่าเนื้อเสียงบางและขาดพลังครับ ถึงแม้หัวเบสจะชัดก็ตาม Clarion จึงมี Tonal Balance ที่ดีกว่า ส่วน Alpine จะค่อนข้างโอนเอนไปทางเสียงแหลมครับ ด้วยเหตุนี้หลังจากใส่ Clarion เข้าไป แหลมมันไม่จัดเหมือนก่อน ผมจึงสามารถปรับ Passive ให้เป็นค่ากลางได้ครับ (เดิมตอนใส่ Alpine ปรับเป็น -2 db)
รายละเอียดเสียง
เรื่องรายละเอียดนี่กินกันไม่ลงครับเพราะทั้งสองยี่ห้อเก่งกันคนละเรื่อง Clarion เสียงรายละเอียดเล็กๆน้อยๆจะน้อยกว่า Alpine แต่การจัดลำดับความสำคัญจะดีกว่า เสียงไหนยิบย่อยเกินไปก็จะฟังดูเล็กและเบา หรืออาจจะเงียบหายไปเลย แต่เสียงไหนเป็นชิ้นดนตรีที่พอจับต้องได้ก็จะได้ยินชัดขึ้น ปริมาณความดังไล่ไปตามขนาดของชิ้นดนตรีครับ แต่ละตัวโน๊ตจะมีสำเนียงพอประมาณ ส่วน Alpine รายละเอียดเสียงระยิบระยับเยอะมาก เสียงออกกรุ๊งกริ๊งกระดิ่งแมวมาก ทุกเสียงรายละเอียดฟังชัดเจนครับ ติดกระด้างนิดๆ ในชิ้นดนตรีที่เป็นเครื่องเล่นหลักเช่นในตอนโซโล สำเนียงจะออกมาแบบละเอียดชัดเจน หางละยากยาววววววว เรียกว่า ขยี้ลูกคอ ขยี้สาย ขยี้ไม้กลองกันเลยทีเดียวครับ
ความต่อเนื่อง
ข้อนี้ผมยกให้ Alpine ดีกว่าครับ การไล่สเกลเสียงจากกลางไปสูง และไล่โน๊ตจากกลางลงต่ำ Alpine ทำได้ดีกว่า เสียงที่คมชัดในย่านกลาง พอขึ้นสูงหรือลงต่ำก็ยังคงชัดเหมือนเดิมจนสุดเสียง สำเนียง รายละเอียดเสียง ไม่ค่อยเปลี่ยน แต่กับ Clarion เสียงกลางจะชัดใสดี ออกจะอวบอิ่มมีแอมเบี้ยน แต่พอไล่สเกลขึ้นไปยังเสียงสูง เสียงจะฟังดูทึบลงและนุ่มลง รอยต่อของเสียงไม่ค่อยเนียน การไล่เสียงลงต่ำก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกันครับ มันจะฟังออกว่าเสียงกลางเด่นกว่า แต่พอไล่เสียงไปแล้ว ความชัดเจนและลำดับความสำคัญของเสียงนั้นมันดรอบลงไป (ตรงนี้ปรับ EQ ช่วยชดเชยได้นะครับ แต่ที่ผมเขียนเปรียบเทียบอยู่นี้ เป็นในกรณีที่ EQ ปรับ Flat ทั้งคู่ครับ)
อารมณ์เพลง
ในเพลงร้อง เพลงจีน เพลง Ballad ทำได้ดีพอๆกันครับ โดย Clarion จะเน้นเสียงร้องอวบอิ่มมีแอมเบี้ยน และไล่ลำดับความสำคัญของแต่ละชิ้นดนตรี (ซึ่งมีน้อยชิ้น) ส่วน Alpine จะเน้นเสียงร้องที่คมชัดและสำเนียงขยี้อารมณ์ครับ
ในเพลง Jazz Bossa ที่เครื่องดนตรีย่านแหลมหลายๆชิ้น Alpine ค่อนข้างเก่งกว่า เก็บรายละเอียดเสียงแหลมได้ชัดถ้อยชัดคำ มีหัวเบสที่ชัด กระชับ อาจจะติดแข็งกระด้างไปนิด แต่ได้ความเป็นธรรมชาติมากๆ แต่สำหรับผม บุคลิกเสียงแหลมแบบ Alpine ทำให้ผมรู้สึกว่าน่ารำคาญยิ่งนัก ชัดกรุ๊งกริ๊งเสียจนผมรู้สึกว่ามันมากไป แถมย่านแหลมมันยังสดไปกันใหญ่เลย ส่วน Clarion ให้รายละเอี่ยดเสียงแหลมได้ไม่ดีเท่า Alpine ครับ สู้ได้เพียงเรื่องเสียงร้องที่แนวนี้ไม่ค่อยเน้นมากนัก ส่วนย่านเบส Clarion ก็ไม่สะอาดสะอ้าน ไม่กระชับแบบ Alpine ครับ ออกไปทางอวบอิ่ม นุ่ม ซึ่งไม่ค่อยตรงแนวนี้เท่าไร
ในเพลง Rock และเพลงสนุกสนาน Clarion กินขาดครับ ย่านกลางและแหลมยังพอสูสีเพราะแนวนี้ไม่ค่อยเน้นเท่าไร แต่เบสของ Alpine นั้นแห้ง บาง และขาดพลัง ถึงแม้จะมีหัวเบสที่ชัด แต่ก็เป้นเบสที่ให้อารมณ์สุภาพ ถ้าเร่งเบสให้ดังขึ้นพบว่าจะแข็งและคราง แต่ Clarion ให้เบสที่มีเนื้อมีน้ำหนักดี นุ่มนวลและมีพลัง จึงชนะไปโดยไม่ยากเย็น
ส่วนในเพลงลูกทุ่ง ทั้งสองฟร้อนต์สามารถทำได้ดีมากครับ Alpine ได้ความกรุ๊งกริ๊งของเครื่องดนตรียิบย่อย การขยี้สำเนียงของนักร้องและการโซโลชิ้นดนตรีได้อารมณ์มาก แต่ข้อเสียคือเบสแห้งและบาง ทำให้การเดินเบสคุมจังหวะของเพลงลูกทุ่งนั้นฟังดูแห้งไปถนัด ส่วน Clarion ทำได้ดีกว่าด้วยความสมดุลของย่านต่ำ กลาง แหลม และเสียงร้องที่อวบอิ่มมีแอมเบี้ยน แต่สำเนียงขยี้ลูกคอยังแพ้ Alpine อยู่ครับ
บทสรุป
Clarion กับ Alpine เป้นฟร้อนต์ที่ฟังเพลงร้องได้ดีทั้งคู่ครับ แต่ Clarion สำหรับผมแล้วฟังเพลงได้หลากหลายแนวกว่า เพราะมีเบสที่อิ่มกว่า ส่วน Alpine เบสจะค่อนข้างบาง แห้ง กระด้างและขาดพลัง เพลงอะไรที่มีเบสจึงมักรู้สึกว่าขาดไปนิดครับ สองรุ่นที่ยกมานี้ จุดที่ต่างกันมากๆคือเรื่องความใสสะอาดของน้ำเสียงโดยรวมที่ Clarion ทำได้ดีกว่ามาก และเรื่องของ Tonal Balance ที่ Clarion จะมีเสียงที่สมดุลย์ในย่านสูงกลางต่ำมากกว่า ส่วน Alpine จะค่อนข้างเน้นหนักไปทางกลางแหลม กับแหลมครับ
สุดท้ายนี้ขออภัยที่เขียนเสียยืดยาว ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบครับ หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์กับผู้ที่กำลังศึกษาข้อมูล หรือกำลังจะงอกฟร้อนต์ใหม่นะครับ ถ้ามีส่วนหนึ่งส่วนใดผิดพลาด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
== เพิ่มเติม ==
ในตอนที่ผมเริ่มเล่นเครื่องเสียงใหม่ๆ ผมไม่ได้ต้องการให้เสียงเทพเลยครับ ผมขอแค่ได้คุณภาพเสียงพอๆกับหูฟังแถมไอโฟน หรือซัมซุงแค่นั้นพอ ถ้าเทียบกับที่วางขายตามร้านก็น่าจะเป้นหูฟังที่ราคาไม่เกิน 1000+- บาทนะครับ
หลังจากผ่านการอัพมาหลายครั้ง ทั้งอุปกรณ์และงานติดตั้งจนผมเริ่มท้อเพราะทำไปหลายตังค์มันก็ยังไม่ไกล้เคียงเป้าหมายของผมเลยครับ ทำให้ผมรู้สึกท้อไปช่วงหนึ่ง จนวันนี้หลังจากที่ได้ใส่ฟร้อนต์ Clarion ตัวนี้เข้าไป ทำให้ผมรู้สึกว่าผมได้ในสิ่งที่ผมคาดหวังไว้แล้วครับ เสียงไม่ได้ดี ไม่ได้เทพอะไร แต่ได้เสียงที่ดีไกล้เคียงหูฟังราคา 1000+- บาท ถ้าต่อจากนี้ผมยังมีการเปลี่ยนแปลงใดๆอีก คงเป็นกิเลสล้วนๆแล้วละครับ..
ฝากติดตามผลงานที่เพจ Need For Slow ด้วยครับ:
https://www.facebook.com/Needforslow247/
[CR] รีวิวสามัญชน Clarion DXZ786UB vs Alpine CDE-148EBT
ผมไม่คิดไม่ฝันว่าผมจะสนใจฟร้อนต์ยี่ห้อ Clarion มาก่อนเลยครับ เนื่องจากตามอ่านบทความและคอมเม้นต์ต่างๆในอินเตอร์เน็ต ต่างพูดตรงกันว่า ยี่ห้อนี้มีดีที่เสียงร้อง เหมาะกับเพลงช้า เพลงหวาน เสียงอวบอิ่ม ผมเลยคิดว่ามันน่าจะจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับ Alpine นั่นคือ คนที่ชอบฟังเพลง Rock เพลงสนุกสนานแบบผม ไม่ควรจะไปยุ่งกับมันเลย แต่ด้วยต้นเหตุในครั้งนี้ต้องขอบพระคุณพี่ลำไผ่ครับ ที่ได้ให้ผมยืมฟร้อนต์ Addzest DRX 9255 Exl (Clarion ตัวยุ่น) มายืมฟัง ซึ่งผมเอาไปฟังเทียบกับ Alpine 148EBT, JVC R900BT, และ Carrozzeria DEH-970 (Pioneer ตัวยุ่น) ถึงได้รู้ว่ามันไม่ได้ฟังดีแค่เพลงร้องนะ แต่มันก็ Rock ได้ !!
DXZ786UB (ภาพจากในเน็ตครับ)
Alpine CDE-148EBT (ภาพจากในเน็ตครับ)
หลังจากรู้จักกับ Clarion ผมคิดว่า Calrion ก็คือ Calrion ไม่ว่าจะรุ่นไหนบุคลิกน่าจะไปทางเดียวกัน เลยไปคว้า Clarion มือหนึ่งเก่าเก็บที่ร้าน M มาครับ ซึ่ง Clarion ตัวนี้ถ้าจะเปรียบเทียบกันจริงๆตามคุณภาพและราคาแล้ว น่าจะพิกัดเดียวกับ Pioneer P80rsii และ Alpine CDA-117E ได้กระมัง การที่ผมเอามาเที่ยบกับ Alpine 148EBT อาจจะเหมือนเอามวยค่ายมาต่อยกับมวยวัด แต่ผมเชื่อว่าผู้ที่สนใจน่าจะได้ประโยชน์จากการเปรียบเทียบข้ามรุ่นครั้งนี้ครับ
เทียบสเปค
ถ้าดูกันที่สเปคแล้ว Alpine ชนะขาดเลยครับ ท้ง EQ 9 แบนด์ ครอสละเอียดกว่ามาก อัตราส่วนสัญญาณกับเสียงรบกวนก็สูงกว่า และค่าความเพี้ยนก็ต่ำกว่า ส่วน Clarion มีดีที่ Pre-out 6 Volt กำลังขับ 53 วัตต์ และสามารถเล่น 3 ทางได้ครับ
อุปกรณ์ในชุด
ผมได้นำ Clarion มาเปลี่ยนแทน Alpine โดยอุปกรณ์อื่นๆยังคงเหมือนเดิมครับ โดยของเดิม Passive Crossover ผมปรับไว้ที่ -2db (Alpine แหลมค่อนข้างจัด)
- Front: Clarion DXZ786UB <------ เปลี่ยนแทน Alpine CDE-148EBT
- ลำโพงคู่หน้า: Hertz HSK (เดิมปรับ Passive -2 หลังใส่ Clarion ปรับเป็นกลาง)
- ลำโพงคู่หลัง: Hertz ESK 6*9 (ไม่ได้เปิดใช้งาน)
- ซับวูฟเฟอร์: Kicker Com S 10 นิ้ว 2 ดอก
- แอมป์กลางแหลม: Arc xxk4050 (เปลี่ยนซีเป็น Nichicon)
- แอมป์ขับซับ: Arc Kar 1100
- สายสัญญาณ: Connection
- สายลำโพง: Monster
ความแตกต่างหลังเปลี่ยนฟร้อนต์
ผมขอเทียบเสียงของทั้งสองฟร้อนต์ในแบบที่ EQ เป็น Flat ไม่ใช้ TA ปรับเสียงซับให้กลมกลืน และปรับจุดตัดไว้ที่ 50 Hz นะครับ เพื่อให้ฟร้อนต์ได้แสดงเนื้อเสียงออกมาแบบตรงๆ ไม่มีการปรับแต่งให้เสียงเพี้ยนใดๆ
เสียงแรก
แว่บแรกที่ได้นั่งฟัง รู้สึกว่าเสียงดูแพงขึ้นชัดเจน เสียงใสสะอาดกว่ามาก มีความอวบอิ่ม นุ่มนวล ในขณะที่ Alpine เดิม เด่นที่กลางหนา และความสดจัดชัดเจนของกลางสูงถึงแหลม หัวเบสชัดแข็งกระชับ โดยรวมจะชัดเจนที่หัวโน๊ตครับ แต่จะติดกระด้างๆนิดๆ
Tonal Balance
Clarion จะเด่นในย่านกลาง ส่วนเสียงทุ้มกับแหลม ถึงแม้ปริมาณไม่เยอะ แต่ก็เป็นในแบบที่มีเนื้อ มีมวล มีพลัง มีตัวตน ส่วน Alpine จะค่อนข้างเก่งที่ย่านกลางสูงและแหลม เสียงสดใส ชัดเจน กรุ๊งกริ๊ง รายละเอียดดี แต่ในย่านต่ำผมว่าเนื้อเสียงบางและขาดพลังครับ ถึงแม้หัวเบสจะชัดก็ตาม Clarion จึงมี Tonal Balance ที่ดีกว่า ส่วน Alpine จะค่อนข้างโอนเอนไปทางเสียงแหลมครับ ด้วยเหตุนี้หลังจากใส่ Clarion เข้าไป แหลมมันไม่จัดเหมือนก่อน ผมจึงสามารถปรับ Passive ให้เป็นค่ากลางได้ครับ (เดิมตอนใส่ Alpine ปรับเป็น -2 db)
รายละเอียดเสียง
เรื่องรายละเอียดนี่กินกันไม่ลงครับเพราะทั้งสองยี่ห้อเก่งกันคนละเรื่อง Clarion เสียงรายละเอียดเล็กๆน้อยๆจะน้อยกว่า Alpine แต่การจัดลำดับความสำคัญจะดีกว่า เสียงไหนยิบย่อยเกินไปก็จะฟังดูเล็กและเบา หรืออาจจะเงียบหายไปเลย แต่เสียงไหนเป็นชิ้นดนตรีที่พอจับต้องได้ก็จะได้ยินชัดขึ้น ปริมาณความดังไล่ไปตามขนาดของชิ้นดนตรีครับ แต่ละตัวโน๊ตจะมีสำเนียงพอประมาณ ส่วน Alpine รายละเอียดเสียงระยิบระยับเยอะมาก เสียงออกกรุ๊งกริ๊งกระดิ่งแมวมาก ทุกเสียงรายละเอียดฟังชัดเจนครับ ติดกระด้างนิดๆ ในชิ้นดนตรีที่เป็นเครื่องเล่นหลักเช่นในตอนโซโล สำเนียงจะออกมาแบบละเอียดชัดเจน หางละยากยาววววววว เรียกว่า ขยี้ลูกคอ ขยี้สาย ขยี้ไม้กลองกันเลยทีเดียวครับ
ความต่อเนื่อง
ข้อนี้ผมยกให้ Alpine ดีกว่าครับ การไล่สเกลเสียงจากกลางไปสูง และไล่โน๊ตจากกลางลงต่ำ Alpine ทำได้ดีกว่า เสียงที่คมชัดในย่านกลาง พอขึ้นสูงหรือลงต่ำก็ยังคงชัดเหมือนเดิมจนสุดเสียง สำเนียง รายละเอียดเสียง ไม่ค่อยเปลี่ยน แต่กับ Clarion เสียงกลางจะชัดใสดี ออกจะอวบอิ่มมีแอมเบี้ยน แต่พอไล่สเกลขึ้นไปยังเสียงสูง เสียงจะฟังดูทึบลงและนุ่มลง รอยต่อของเสียงไม่ค่อยเนียน การไล่เสียงลงต่ำก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกันครับ มันจะฟังออกว่าเสียงกลางเด่นกว่า แต่พอไล่เสียงไปแล้ว ความชัดเจนและลำดับความสำคัญของเสียงนั้นมันดรอบลงไป (ตรงนี้ปรับ EQ ช่วยชดเชยได้นะครับ แต่ที่ผมเขียนเปรียบเทียบอยู่นี้ เป็นในกรณีที่ EQ ปรับ Flat ทั้งคู่ครับ)
อารมณ์เพลง
ในเพลงร้อง เพลงจีน เพลง Ballad ทำได้ดีพอๆกันครับ โดย Clarion จะเน้นเสียงร้องอวบอิ่มมีแอมเบี้ยน และไล่ลำดับความสำคัญของแต่ละชิ้นดนตรี (ซึ่งมีน้อยชิ้น) ส่วน Alpine จะเน้นเสียงร้องที่คมชัดและสำเนียงขยี้อารมณ์ครับ
ในเพลง Jazz Bossa ที่เครื่องดนตรีย่านแหลมหลายๆชิ้น Alpine ค่อนข้างเก่งกว่า เก็บรายละเอียดเสียงแหลมได้ชัดถ้อยชัดคำ มีหัวเบสที่ชัด กระชับ อาจจะติดแข็งกระด้างไปนิด แต่ได้ความเป็นธรรมชาติมากๆ แต่สำหรับผม บุคลิกเสียงแหลมแบบ Alpine ทำให้ผมรู้สึกว่าน่ารำคาญยิ่งนัก ชัดกรุ๊งกริ๊งเสียจนผมรู้สึกว่ามันมากไป แถมย่านแหลมมันยังสดไปกันใหญ่เลย ส่วน Clarion ให้รายละเอี่ยดเสียงแหลมได้ไม่ดีเท่า Alpine ครับ สู้ได้เพียงเรื่องเสียงร้องที่แนวนี้ไม่ค่อยเน้นมากนัก ส่วนย่านเบส Clarion ก็ไม่สะอาดสะอ้าน ไม่กระชับแบบ Alpine ครับ ออกไปทางอวบอิ่ม นุ่ม ซึ่งไม่ค่อยตรงแนวนี้เท่าไร
ในเพลง Rock และเพลงสนุกสนาน Clarion กินขาดครับ ย่านกลางและแหลมยังพอสูสีเพราะแนวนี้ไม่ค่อยเน้นเท่าไร แต่เบสของ Alpine นั้นแห้ง บาง และขาดพลัง ถึงแม้จะมีหัวเบสที่ชัด แต่ก็เป้นเบสที่ให้อารมณ์สุภาพ ถ้าเร่งเบสให้ดังขึ้นพบว่าจะแข็งและคราง แต่ Clarion ให้เบสที่มีเนื้อมีน้ำหนักดี นุ่มนวลและมีพลัง จึงชนะไปโดยไม่ยากเย็น
ส่วนในเพลงลูกทุ่ง ทั้งสองฟร้อนต์สามารถทำได้ดีมากครับ Alpine ได้ความกรุ๊งกริ๊งของเครื่องดนตรียิบย่อย การขยี้สำเนียงของนักร้องและการโซโลชิ้นดนตรีได้อารมณ์มาก แต่ข้อเสียคือเบสแห้งและบาง ทำให้การเดินเบสคุมจังหวะของเพลงลูกทุ่งนั้นฟังดูแห้งไปถนัด ส่วน Clarion ทำได้ดีกว่าด้วยความสมดุลของย่านต่ำ กลาง แหลม และเสียงร้องที่อวบอิ่มมีแอมเบี้ยน แต่สำเนียงขยี้ลูกคอยังแพ้ Alpine อยู่ครับ
บทสรุป
Clarion กับ Alpine เป้นฟร้อนต์ที่ฟังเพลงร้องได้ดีทั้งคู่ครับ แต่ Clarion สำหรับผมแล้วฟังเพลงได้หลากหลายแนวกว่า เพราะมีเบสที่อิ่มกว่า ส่วน Alpine เบสจะค่อนข้างบาง แห้ง กระด้างและขาดพลัง เพลงอะไรที่มีเบสจึงมักรู้สึกว่าขาดไปนิดครับ สองรุ่นที่ยกมานี้ จุดที่ต่างกันมากๆคือเรื่องความใสสะอาดของน้ำเสียงโดยรวมที่ Clarion ทำได้ดีกว่ามาก และเรื่องของ Tonal Balance ที่ Clarion จะมีเสียงที่สมดุลย์ในย่านสูงกลางต่ำมากกว่า ส่วน Alpine จะค่อนข้างเน้นหนักไปทางกลางแหลม กับแหลมครับ
สุดท้ายนี้ขออภัยที่เขียนเสียยืดยาว ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบครับ หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์กับผู้ที่กำลังศึกษาข้อมูล หรือกำลังจะงอกฟร้อนต์ใหม่นะครับ ถ้ามีส่วนหนึ่งส่วนใดผิดพลาด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
== เพิ่มเติม ==
ในตอนที่ผมเริ่มเล่นเครื่องเสียงใหม่ๆ ผมไม่ได้ต้องการให้เสียงเทพเลยครับ ผมขอแค่ได้คุณภาพเสียงพอๆกับหูฟังแถมไอโฟน หรือซัมซุงแค่นั้นพอ ถ้าเทียบกับที่วางขายตามร้านก็น่าจะเป้นหูฟังที่ราคาไม่เกิน 1000+- บาทนะครับ
หลังจากผ่านการอัพมาหลายครั้ง ทั้งอุปกรณ์และงานติดตั้งจนผมเริ่มท้อเพราะทำไปหลายตังค์มันก็ยังไม่ไกล้เคียงเป้าหมายของผมเลยครับ ทำให้ผมรู้สึกท้อไปช่วงหนึ่ง จนวันนี้หลังจากที่ได้ใส่ฟร้อนต์ Clarion ตัวนี้เข้าไป ทำให้ผมรู้สึกว่าผมได้ในสิ่งที่ผมคาดหวังไว้แล้วครับ เสียงไม่ได้ดี ไม่ได้เทพอะไร แต่ได้เสียงที่ดีไกล้เคียงหูฟังราคา 1000+- บาท ถ้าต่อจากนี้ผมยังมีการเปลี่ยนแปลงใดๆอีก คงเป็นกิเลสล้วนๆแล้วละครับ..
ฝากติดตามผลงานที่เพจ Need For Slow ด้วยครับ:
https://www.facebook.com/Needforslow247/