ภัทรเองก็อดเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจไม่ได้ เมื่อจู่ๆ ในช่วงหลังๆ ของการสนทนา ท่าที
ของรินก็เริ่มเปลี่ยนเป็นการตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้มากขึ้น
‘เพราะน้ำเสียงในตอนแรกนั้น ดูเหมือนว่ารินจะปฏิเสธเรื่องนี้แบบหัวชนฝาเลยทีเดียว
แต่แล้วทำไมจู่ๆ ก็ดูเหมือนเธอจะเริ่มเปลี่ยนใจ ยอมพิจารณาข้อเสนออันนี้ขึ้นมาได้นะ
แล้วถ้าเกิดเธอยอมรับมันขึ้นมาจริงๆ ล่ะ เขาจะทำยังไงต่อไปดี จะตามน้ำหรือจะทำตัว
เป็นคนดีเหมือนที่เคยเป็น’
หลังจากคิดดูในใจสักครู่ฝ่ายเดวิล ในใจของภัทร ก็เอาชนะฝ่ายแองเจิ้ลในใจของเขา
ไปได้อย่างขาดลอย เพราะตอนนี้ภัทรกำลังคิดจะไปต่อกับข้อเสนอนี้ โดยยกให้รินเป็น
ฝ่ายตัดสินใจแทน
“เฮ้ย... ผมก็ไม่ได้คิดจะทำอะไรใครโดยที่อีกฝ่ายไม่เต็มใจนะ ผมถึงถามคุณก่อนไง
ถ้าไปคิดทบทวนให้ดีจนได้คำตอบแล้ว คุณก็โทรมาบอกผมละกัน ผมจะรอ แล้วก็ไม่
ต้องกดดันตัวเองนะ ผมไม่อยากบังคับจิตใจใคร ผมต้องการอะไรที่มันแฟร์ๆ สำหรับ
เราทั้งสองฝ่าย” ภัทรพูดเสร็จก็กล่าวลาก่อนจะวางสายไป
ขณะที่ภัทรคุยกับรินนั้นฝ่ายเดวิลในตัวเขามันก็พยายามคัดค้านไม่ให้ตัวเขาใจอ่อน
ยอมยกเลิกข้อเสนอตลอดเวลา เพราะชายหนุ่มเองก็อยากจะทดสอบมานานแล้วว่า
จริงๆ แล้วตัวเขาเองนั้นชอบอะไรกันแน่ แต่เพราะด้านมโนธรรม เขาก็เลยไม่อยาก
จะหลอกลวงผู้หญิงคนไหน แล้วก็ยิ่งไม่อยากให้มีใครรู้เรื่องรสนิยมของเขาเองด้วย
‘ไหนๆ รินก็รู้อยู่แล้วว่าตัวเขาชอบอะไร และตอนที่เคยคุยปรึกษากันทางหลังไมค์
เธอก็เคยบอกกับเขาเองว่า การที่เขาอยากจะหาคนมาลองด้วยมันก็ไม่ได้ผิดอะไร
หากว่าเขาไม่ได้ล่อลวงและอีกฝ่ายเต็มใจที่จะให้ความร่วมมือ’
หลังจากวางสายจากริน ภัทรก็ยังหยุดคิดถึงเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายๆ
‘มันก็น่าลองไม่ใช่เหรอ แล้วเขาเองก็ไม่ได้ไปบังคับขู่เข็ญยายรินสักหน่อย การตัดสินใจ
ทุกอย่างตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวรินเองทั้งนั้น ว่าจะตกลงไหม ยังไงก็รอดูท่าทีของยายริน
ไปก่อนดีกว่า ถ้ารินปฏิเสธ ตัวเขาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เขาไม่ได้คิดจะไปบังคับเธอโดย
ที่เธอไม่เต็มใจด้วยสักหน่อย ก็เรื่องพรรค์นี้มันบังคับกันได้ที่ไหนเล่า แล้วอีกอย่าง
ถ้าเกิดเธอตอบรับขึ้นมาจริงๆ พอถึงวันนั้น เขาก็ยังมีทางเลือกที่จะทำหรือไม่ทำก็ได้นี่นา
แต่ถึงตอนนี้แล้ว เขาก็อดกลัวใจตัวเองขึ้นมาไม่ได้จริงๆ ถ้าลองเขากล้าพูดข้อเสนอที่เขา
ไม่เคยคิดว่าจะกล้าพูดกับใครออกมาได้ขนาดนี้ ถ้าเกิดมีโอกาสขึ้นมาจริงๆ มีหรือที่ตัวเขา
จะปฏิเสธ แล้วถ้าเกิดเขาลองทำจริงๆ ขึ้นมา เขาจะรู้สึกยังไงนะ จะแอบรู้สึกผิดไหม โอ๊ย
ไอ้บ้าภัทร แกก็มโนไปไกลเกินไปแล้ว’
ภัทรเริ่มคิดไปไกล จนเขาถึงกับต้องรีบหยุดตัวเอง แล้วหันไปทำอย่างอื่นแทน เพื่อจะ
ได้ไม่ต้องมานั่งคิดฟุ้งซ่านเรื่องนี้ต่อ
ขณะเดียวกันหลังจากที่ภัทรวางสายไปแล้ว รินเองก็แอบคิดอะไรในใจของเธออยู่เช่นกัน
‘ไม่บังคับ แต่ก็เสนออะไรมาที่ทำฉันลำบากใจเลยทีเดียว แต่จะว่าไปก็อยากลองอยู่นะ’
เมื่อด้านมืดกับด้านสว่างในจิตใจเถียงกันไปเถียงกันมา ในที่สุดด้านมืดก็ชนะ
‘ในเมื่ออายุก็ปาไปตั้งยี่สิบเก้าปี เรียนจบปริญญาเอกแล้ว งานการก็มีทำ เป็นผู้ใหญ่จน
เลี้ยงดูตัวเองได้แล้ว ในเมื่อเธอเองก็อยากลอง แล้วเธอจะรออะไรอยู่ล่ะ ในเมื่ออีกฝ่าย
ก็เป็นคนดี ไม่มีพันธะ แถมต่างคนก็ต่างกุมความลับของอีกฝ่ายไว้ขนาดนี้ เขาย่อมไม่มี
วันเอาเรื่องของเธอออกมาขายแน่ๆ ยังไงถ้าถึงตอนนั้นแล้วรู้สึกทำตามสัญญาไม่ไหว
ขึ้นมาจริงๆ ก็แอบขี้โกงซะสิ ถอนหมั้นแล้วย้ายหอหนีมันซะเลยก็แล้วกัน เพราะยังไง
ไอ้เรื่องแบบนี้ ถ้าเธอไม่ยอมเสียอย่าง ยังไงนายภัทรก็ทำอะไรเธอไม่ได้อยู่แล้ว ยังไง
รับปากไปก่อนแล้วค่อยมาหาทางหนีทีไล่เอาทีหลังก็ยังได้’
รินเริ่มคิดจะโกงสัญญาภัทรเสียตั้งแต่ตั้งแต่ยังไม่ทันจะได้ตกปากรับคำเขา
พลิกรักจากหลังไมค์ ตอนที่ 8 ค่ะ :)
ของรินก็เริ่มเปลี่ยนเป็นการตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้มากขึ้น
‘เพราะน้ำเสียงในตอนแรกนั้น ดูเหมือนว่ารินจะปฏิเสธเรื่องนี้แบบหัวชนฝาเลยทีเดียว
แต่แล้วทำไมจู่ๆ ก็ดูเหมือนเธอจะเริ่มเปลี่ยนใจ ยอมพิจารณาข้อเสนออันนี้ขึ้นมาได้นะ
แล้วถ้าเกิดเธอยอมรับมันขึ้นมาจริงๆ ล่ะ เขาจะทำยังไงต่อไปดี จะตามน้ำหรือจะทำตัว
เป็นคนดีเหมือนที่เคยเป็น’
หลังจากคิดดูในใจสักครู่ฝ่ายเดวิล ในใจของภัทร ก็เอาชนะฝ่ายแองเจิ้ลในใจของเขา
ไปได้อย่างขาดลอย เพราะตอนนี้ภัทรกำลังคิดจะไปต่อกับข้อเสนอนี้ โดยยกให้รินเป็น
ฝ่ายตัดสินใจแทน
“เฮ้ย... ผมก็ไม่ได้คิดจะทำอะไรใครโดยที่อีกฝ่ายไม่เต็มใจนะ ผมถึงถามคุณก่อนไง
ถ้าไปคิดทบทวนให้ดีจนได้คำตอบแล้ว คุณก็โทรมาบอกผมละกัน ผมจะรอ แล้วก็ไม่
ต้องกดดันตัวเองนะ ผมไม่อยากบังคับจิตใจใคร ผมต้องการอะไรที่มันแฟร์ๆ สำหรับ
เราทั้งสองฝ่าย” ภัทรพูดเสร็จก็กล่าวลาก่อนจะวางสายไป
ขณะที่ภัทรคุยกับรินนั้นฝ่ายเดวิลในตัวเขามันก็พยายามคัดค้านไม่ให้ตัวเขาใจอ่อน
ยอมยกเลิกข้อเสนอตลอดเวลา เพราะชายหนุ่มเองก็อยากจะทดสอบมานานแล้วว่า
จริงๆ แล้วตัวเขาเองนั้นชอบอะไรกันแน่ แต่เพราะด้านมโนธรรม เขาก็เลยไม่อยาก
จะหลอกลวงผู้หญิงคนไหน แล้วก็ยิ่งไม่อยากให้มีใครรู้เรื่องรสนิยมของเขาเองด้วย
‘ไหนๆ รินก็รู้อยู่แล้วว่าตัวเขาชอบอะไร และตอนที่เคยคุยปรึกษากันทางหลังไมค์
เธอก็เคยบอกกับเขาเองว่า การที่เขาอยากจะหาคนมาลองด้วยมันก็ไม่ได้ผิดอะไร
หากว่าเขาไม่ได้ล่อลวงและอีกฝ่ายเต็มใจที่จะให้ความร่วมมือ’
หลังจากวางสายจากริน ภัทรก็ยังหยุดคิดถึงเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายๆ
‘มันก็น่าลองไม่ใช่เหรอ แล้วเขาเองก็ไม่ได้ไปบังคับขู่เข็ญยายรินสักหน่อย การตัดสินใจ
ทุกอย่างตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวรินเองทั้งนั้น ว่าจะตกลงไหม ยังไงก็รอดูท่าทีของยายริน
ไปก่อนดีกว่า ถ้ารินปฏิเสธ ตัวเขาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เขาไม่ได้คิดจะไปบังคับเธอโดย
ที่เธอไม่เต็มใจด้วยสักหน่อย ก็เรื่องพรรค์นี้มันบังคับกันได้ที่ไหนเล่า แล้วอีกอย่าง
ถ้าเกิดเธอตอบรับขึ้นมาจริงๆ พอถึงวันนั้น เขาก็ยังมีทางเลือกที่จะทำหรือไม่ทำก็ได้นี่นา
แต่ถึงตอนนี้แล้ว เขาก็อดกลัวใจตัวเองขึ้นมาไม่ได้จริงๆ ถ้าลองเขากล้าพูดข้อเสนอที่เขา
ไม่เคยคิดว่าจะกล้าพูดกับใครออกมาได้ขนาดนี้ ถ้าเกิดมีโอกาสขึ้นมาจริงๆ มีหรือที่ตัวเขา
จะปฏิเสธ แล้วถ้าเกิดเขาลองทำจริงๆ ขึ้นมา เขาจะรู้สึกยังไงนะ จะแอบรู้สึกผิดไหม โอ๊ย
ไอ้บ้าภัทร แกก็มโนไปไกลเกินไปแล้ว’
ภัทรเริ่มคิดไปไกล จนเขาถึงกับต้องรีบหยุดตัวเอง แล้วหันไปทำอย่างอื่นแทน เพื่อจะ
ได้ไม่ต้องมานั่งคิดฟุ้งซ่านเรื่องนี้ต่อ
ขณะเดียวกันหลังจากที่ภัทรวางสายไปแล้ว รินเองก็แอบคิดอะไรในใจของเธออยู่เช่นกัน
‘ไม่บังคับ แต่ก็เสนออะไรมาที่ทำฉันลำบากใจเลยทีเดียว แต่จะว่าไปก็อยากลองอยู่นะ’
เมื่อด้านมืดกับด้านสว่างในจิตใจเถียงกันไปเถียงกันมา ในที่สุดด้านมืดก็ชนะ
‘ในเมื่ออายุก็ปาไปตั้งยี่สิบเก้าปี เรียนจบปริญญาเอกแล้ว งานการก็มีทำ เป็นผู้ใหญ่จน
เลี้ยงดูตัวเองได้แล้ว ในเมื่อเธอเองก็อยากลอง แล้วเธอจะรออะไรอยู่ล่ะ ในเมื่ออีกฝ่าย
ก็เป็นคนดี ไม่มีพันธะ แถมต่างคนก็ต่างกุมความลับของอีกฝ่ายไว้ขนาดนี้ เขาย่อมไม่มี
วันเอาเรื่องของเธอออกมาขายแน่ๆ ยังไงถ้าถึงตอนนั้นแล้วรู้สึกทำตามสัญญาไม่ไหว
ขึ้นมาจริงๆ ก็แอบขี้โกงซะสิ ถอนหมั้นแล้วย้ายหอหนีมันซะเลยก็แล้วกัน เพราะยังไง
ไอ้เรื่องแบบนี้ ถ้าเธอไม่ยอมเสียอย่าง ยังไงนายภัทรก็ทำอะไรเธอไม่ได้อยู่แล้ว ยังไง
รับปากไปก่อนแล้วค่อยมาหาทางหนีทีไล่เอาทีหลังก็ยังได้’
รินเริ่มคิดจะโกงสัญญาภัทรเสียตั้งแต่ตั้งแต่ยังไม่ทันจะได้ตกปากรับคำเขา