หากเกิดเรื่องแบบนี้กับคุณ คุณจะอโหสิให้คนรักไหม?
เพื่อโศกนาฎกรรมแห่งรักในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่เธอโทรศัพท์มาหาผมเพื่อให้ผมไปรับที่บ้านในสวน เพราะแม่กับพ่อจับได้ว่าเรามีอะไรกัน
แต่ผมก็จำเป็นต้องหาที่ระบายความผิดบาป และถือเป็นการสารภาพบาป
ซึ่งอนาคตแม้ผมจะมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก แต่ความผิดบาปที่ผมสารภาพนี้ ก็จะเป็นสิ่งที่อย่างน้อย ผมได้กล้าพอที่จะสารภาพ
1. เธอคนที่ผมคิดว่า อกหักซ้ำๆ ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลายในโรงเรียนหญิงล้วนประจำจังหวัด ซึ่งในชั้นม.ปลายจะมีนักเรียนชายในห้องประมาณ 5 -10 คน เท่านั้น บางห้องแค่ 3 คน บางห้องแค่ 2 คน แต่เธอกลับเลือกที่จะคบหาดูใจกับเพื่อนในสมัยเรียน ซึ่งถือเป็นแฟนคนแรกที่เธอเล่าให้ผมฟัง
ผมก็ไม่คิดไรมาก เพราะตอนนั้นผมกับเธอมีอะไรกันแล้ว แต่สิ่งที่ผมประหลาดใจ และรู้สึกว่า ผมควรเห็นใจเธอนั้นก็คือ เธอบอกเลิกกับแฟนคนแรกเพื่อไปคบกับเด็กช่างกล แต่สุดท้ายเธอก็ถูกทิ้ง เธอบอกว่า เธอทุ่มเทให้กับผู้ชายคนที่สองของเธอจนสุดฤทธิ์
2. แต่สิ่งที่ผมแปลกใจก็คือ แฟนคนแรกที่เธอบอกว่างี่เง่านั้น หมายถึง พยายามรับผิดชอบในการล่วงเกินเธอใช่ไหม หรือเพราะอะไรกันแน่?
คำถามในใจของผมเป็นเหมือนวังวนแห่งการรอวันพิสูจน์ สุดท้ายผมก็เริ่มสงสารเธอมากขึ้น หลังจากที่เธอเล่าถึงสามีคนที่สามของเธอที่ได้สามีใหม่ในบ่อนแห่งหนึ่ง แล้วสามีคนที่สามของเธอก็ทิ้งเธอกับลูกไป หลังจากลูกสาวของเธออายุได้ 2 ขวบ แต่ก็ยอมส่งเสียให้เดือนละสองสามพันบาท ซึ่งผมก็สบายใจขึ้น หลังจากที่เธอพาลูกหนีมาอยู่กับผม ซึ่งลูกของเธอกับลูกของผมเป็นเพื่อนร่วมห้องกัน และนั้นทำให้ผมคิดว่า เราคงไปกันรอด
3. สิ่งที่ผมตกใจมากกว่านั้น เธอมีสามีอีก เป็นคนที่ 4 แล้วคนๆ นี้ดันเป็นน้องชายของพี่สะใภ้ของผม ฟังแล้วเหมือนเธอมีสามีเก่าเป็นญาติๆ กันกับผม ผมควรรังเกลียดเธอไหม หรือรู้สึกผิดไหม แต่ผมก็พยายามสู้ต่อ เอาความดีสู้ แม้จะไม่สู้ดีนัก เพราะมันคลุกเคล้ากับอารมณ์ร้ายๆ ที่ต้องการสลัดสภาพรักที่รุงรังในครั้งนี้ออกจากชีวิต
4. แต่สุดท้าย หลังจากที่เธอบอกว่าท้องกับผม หลังจากที่เธอไปค้างกับเพื่อน เพราะเราทะเลาะกันแรงมาก แต่เธอก็กลับมาหลังเที่ยงคืน เธอบอกว่าเพื่อนไม่ให้ยืมเงิน เธอขอเงินจากผมแทน เพราะมีคนนำเงินมาช่วยค่านมลูกชายคนเล็กของผม ซึ่งผมก็ต้องให้ เพราะกลัวเธอไปทำเรื่องไม่ดีอย่างที่เธอขู่ ซึ่งมันเป็นเรื่องน่าอับอายสำหรับการเป็นหัวหน้าครอบครัวอย่างมาก หากคนที่เรารักไม่มีเงิน แล้วไปทำอาชีพอย่างนั้นจริงๆ ซึ่งมันเป็นความทรงจำที่โหดร้ายที่สุดครั้งหนึ่งในการที่อยู่กินกับเธอ เพราะผมยินยอมให้ลูกในท้องของเธอแท้ง เธอเจ็บกาย แล้วพาผมไปหาซื้อไรกลับบ้าน เหมือนได้แวะมาช๊อปปิ้งที่กทม แต่ผมเจ็บปวดใจ ละคนไปกับความรักที่มีให้เธอ
5. แต่ก็มีเรื่องเลวร้ายไปกว่านั้นก็คือ แทนที่เธอจะเก็บลูกไว้ เธอกลับตัดสินใจ ให้ผมพาเธอไปทำแท้ง เธอเสนอให้ผมออกเงิน เธอมีที่ทำแท้งในจังหวัด แต่ว่าเธอกลับมากับความผิดหวัง เธอบอกว่าคลีนิคที่แม่เธอพามาในตอนสาวๆ เพื่อตรวจมดลูก และก็เป็นคลีนิคที่เธอเคยมาทำแท้งกับสามีคนที่สี่ของเธอ ผมเจ็บมากๆ
ตอนนั้นผมไม่ค่อยมีเงิน เธอจึงไปยืมเงินเพื่อนของเธอ แต่เพื่อนของเธอปฏิเสธ ผมก็ตัดสินใจหาที่ทำแท้งให้เธอ แต่หากทำไม่ได้ ก็ขอให้เธอเก็บลูกไว้ เชื่อหรือไม่ว่า เราไปหากันสองที่ และได้ที่ที่เหมาะกับการให้คำปรึกษาในการจะดูแลลูกในท้อง หรือเอาลูกในท้องออก เธอให้เหตุผลว่า พ่อแม่เธอรับไม่ได้หากเธอมีลูกกับผม เพราะครอบครัวของผมจน ไม่สามารถดูแลลูกได้แน่นอน ซึ่งก็คงเป็นอารมณ์และความรู้สึกของเธอ ซึ่งสวนทางกับผม ผมกลัวว่า หากเธอไปหาที่ทำแท้งเองกับแม่ของเธอ แล้วไม่แท้ง ลูกของเธอในท้องอาจพิการเหมือนอย่างที่ลูกชายคนเล็กของผมเป็น ซึ่งผมก็คงรับสภาพรับภาระไม่ไหวแน่นอนหากลูกคนที่สามของผมพิการเหมือนพี่ชายของเขา
6. แต่ผ่านเวลาไป หนึ่งปี เธอย้ายมาอยู่ห้องเช่า ผมไปอยู่กับเธอบ้าง แต่เธอมักชวนทะเลาะ เพื่ออ้างไม่ให้ผมอยู่กับเธอ บางครั้งผมก็เห็นเธอขี่รถไปทั้ว ทิ้งลูกสาวของเธอไว้ในห้องเช่า ซึ่งผมก็ตกใจมาก ที่เธอขังลูกสาวของเธอไว้ในห้อง แทนที่จะให้มาเล่นกับลูกสาวของผม ซึ่งลูกๆ ของเราเป็นเพื่อนร่วมห้องกันอยู่แล้วด้วยซ้ำ และในช่วงเวลานั้นเธอก็ท้องอีก หลังจากเลิกกินยาคุม แต่สิ่งที่ผมไม่คิดก็คือ แทนที่เราจะได้คุยกับครอบครัวของเธอ เพื่อไม่ต้องทำแท้ง เพราะ ประเด็นหนึ่งก็คือ เธออาจได้รับอันตรายถึงชีวิต ผมพยายามบนบานขอสิ่งศักดิ์สิทธิให้ลูกหลุดเอง ไม่ต้องทำแท้ง แต่ก็นะผมไม่ได้แยกแยะในสิ่งที่ผมขอว่าเป็นสิ่งที่ควรขอหรือไม่
ในช่วงปีนั้นผมทุกข์มากๆ ยิ่งตอนที่หมอถามว่ายังไม่ครบปีดีก็มาทำแท้งอีกแล้วหรือ ครั้งนี้เธอทำให้ผมชาไปทั้งหัวสมอง มีเงินแล้ว ก็ไม่ต้องไปยืมใคร ควักเงินจ่ายเงิน ลงลายมือชื่อ ฆ่าลูกตัวเองเป็นครั้งที่สอง ไม่ว่าเขาจะเล็กเท่ากับหยดเลือด หรือก้อนหูด เขาก็คือก้อนเลือกก้อนเนื้อของเรา ซึ่งหากไม่เอาเขาออก พ่อแม่ของเธอก็ต้องเอาออก แล้วก็หากเขาไม่ออก เกิดพิการ ครอบครัวของเธอก็คงโยนภาระให้กับผม ในฐานะที่ผมมีประสบการณ์เลี้ยงลูกพิการ
7. ผมควรอโหสิกรรมให้เธอไหม? ที่ครอบครัวของเธอรวมถึงตัวของเธอกดดันผม และนำครอบครัวของเธอมากดดันผมให้ผมยินยอมทำแท้งลูกหรือไม่ เพราะตอนนี้เราเลิกรากันอย่างเด็ดขาดแล้ว หลังจากที่เธอสารภาพว่าไม่เคยรักใคร มีแต่รักตัวของตัวเอง ผมก็คงแปลความว่า เธอหลอกใช้ทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ซึ่งผมก็รู้สึกดีใจว่าลูกของผมไม่ต้องเกิดมา แต่หากเธอพาผมไปฆ่าลูกคนอื่นละ เธอไม่กล้าอุ้มท้องกลัวคลอดออกมาไม่ใช่ลูกของผมละ ผมจะบาปสุดๆ ไหม ผมไม่มีสิทธิ์อะไรเลยหากลูกทั้งสองครั้งไม่ใช่ลูกของผม และยิ่งบาปมากๆ หากเป็นลูกของผม ผมไม่มีปัญญาปกป้องแม้กระทั้งลูกของผมเอง เพียงเพราะทนแรงกดดันที่ครอบครัวของเธอกดดันไม่ได้
หากผมด่ากลับเธอ ที่เธอด่าผมว่า หน้าด้าน ที่รู้แล้วว่าถูกหลอกยังมีหน้ากล้ามาเรียกร้องความรักอีก ผมก็ด่ากลับไปว่า ผมหน้าด้านแต่คุณนะไร้ยางอาย ที่มาอยู่กินกับผมแต่ไม่เคยรักผมเลยสักนิด มันแย่นะ ที่ผมด่าเธอไปแบบนั้น เพราะผมสามารถเลือกวิธีอื่นได้ เช่น บล็อกไลน์ บล็อกเบอร์ หรือตัดการติดต่อทั้งหมด ไม่ต้องเผื่อว่าเธอเดือดร้อนเธอจะโทรมาขอหยิบยืมเงินของผมเหมือนทุกครั้งที่เคย
ผมติดสินใจปิดเบอร์ไม่ให้เธอโทรหาได้อีก ไลน์ก็ตัดขาดเธอ เฟสก็ปิดกั้นเธอมาร่วมปี หลังจากยินยอมทำแท้งลูกคนแรกที่เกิดกับเธอ แต่ผมเลวมากๆ ใช่ไหม? ที่ผมเคยพาคนรักคนนี้ไปทำแท้งถึง 2 ครั้ง
ผมเลวมากๆ หรือไม่? เมื่อเคยพาคนรักไปทำแท้งถึง 2 ครั้ง หลังจากที่เธอออนวอนสุดชีวิต
เพื่อโศกนาฎกรรมแห่งรักในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่เธอโทรศัพท์มาหาผมเพื่อให้ผมไปรับที่บ้านในสวน เพราะแม่กับพ่อจับได้ว่าเรามีอะไรกัน
แต่ผมก็จำเป็นต้องหาที่ระบายความผิดบาป และถือเป็นการสารภาพบาป
ซึ่งอนาคตแม้ผมจะมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก แต่ความผิดบาปที่ผมสารภาพนี้ ก็จะเป็นสิ่งที่อย่างน้อย ผมได้กล้าพอที่จะสารภาพ
1. เธอคนที่ผมคิดว่า อกหักซ้ำๆ ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลายในโรงเรียนหญิงล้วนประจำจังหวัด ซึ่งในชั้นม.ปลายจะมีนักเรียนชายในห้องประมาณ 5 -10 คน เท่านั้น บางห้องแค่ 3 คน บางห้องแค่ 2 คน แต่เธอกลับเลือกที่จะคบหาดูใจกับเพื่อนในสมัยเรียน ซึ่งถือเป็นแฟนคนแรกที่เธอเล่าให้ผมฟัง
ผมก็ไม่คิดไรมาก เพราะตอนนั้นผมกับเธอมีอะไรกันแล้ว แต่สิ่งที่ผมประหลาดใจ และรู้สึกว่า ผมควรเห็นใจเธอนั้นก็คือ เธอบอกเลิกกับแฟนคนแรกเพื่อไปคบกับเด็กช่างกล แต่สุดท้ายเธอก็ถูกทิ้ง เธอบอกว่า เธอทุ่มเทให้กับผู้ชายคนที่สองของเธอจนสุดฤทธิ์
2. แต่สิ่งที่ผมแปลกใจก็คือ แฟนคนแรกที่เธอบอกว่างี่เง่านั้น หมายถึง พยายามรับผิดชอบในการล่วงเกินเธอใช่ไหม หรือเพราะอะไรกันแน่?
คำถามในใจของผมเป็นเหมือนวังวนแห่งการรอวันพิสูจน์ สุดท้ายผมก็เริ่มสงสารเธอมากขึ้น หลังจากที่เธอเล่าถึงสามีคนที่สามของเธอที่ได้สามีใหม่ในบ่อนแห่งหนึ่ง แล้วสามีคนที่สามของเธอก็ทิ้งเธอกับลูกไป หลังจากลูกสาวของเธออายุได้ 2 ขวบ แต่ก็ยอมส่งเสียให้เดือนละสองสามพันบาท ซึ่งผมก็สบายใจขึ้น หลังจากที่เธอพาลูกหนีมาอยู่กับผม ซึ่งลูกของเธอกับลูกของผมเป็นเพื่อนร่วมห้องกัน และนั้นทำให้ผมคิดว่า เราคงไปกันรอด
3. สิ่งที่ผมตกใจมากกว่านั้น เธอมีสามีอีก เป็นคนที่ 4 แล้วคนๆ นี้ดันเป็นน้องชายของพี่สะใภ้ของผม ฟังแล้วเหมือนเธอมีสามีเก่าเป็นญาติๆ กันกับผม ผมควรรังเกลียดเธอไหม หรือรู้สึกผิดไหม แต่ผมก็พยายามสู้ต่อ เอาความดีสู้ แม้จะไม่สู้ดีนัก เพราะมันคลุกเคล้ากับอารมณ์ร้ายๆ ที่ต้องการสลัดสภาพรักที่รุงรังในครั้งนี้ออกจากชีวิต
4. แต่สุดท้าย หลังจากที่เธอบอกว่าท้องกับผม หลังจากที่เธอไปค้างกับเพื่อน เพราะเราทะเลาะกันแรงมาก แต่เธอก็กลับมาหลังเที่ยงคืน เธอบอกว่าเพื่อนไม่ให้ยืมเงิน เธอขอเงินจากผมแทน เพราะมีคนนำเงินมาช่วยค่านมลูกชายคนเล็กของผม ซึ่งผมก็ต้องให้ เพราะกลัวเธอไปทำเรื่องไม่ดีอย่างที่เธอขู่ ซึ่งมันเป็นเรื่องน่าอับอายสำหรับการเป็นหัวหน้าครอบครัวอย่างมาก หากคนที่เรารักไม่มีเงิน แล้วไปทำอาชีพอย่างนั้นจริงๆ ซึ่งมันเป็นความทรงจำที่โหดร้ายที่สุดครั้งหนึ่งในการที่อยู่กินกับเธอ เพราะผมยินยอมให้ลูกในท้องของเธอแท้ง เธอเจ็บกาย แล้วพาผมไปหาซื้อไรกลับบ้าน เหมือนได้แวะมาช๊อปปิ้งที่กทม แต่ผมเจ็บปวดใจ ละคนไปกับความรักที่มีให้เธอ
5. แต่ก็มีเรื่องเลวร้ายไปกว่านั้นก็คือ แทนที่เธอจะเก็บลูกไว้ เธอกลับตัดสินใจ ให้ผมพาเธอไปทำแท้ง เธอเสนอให้ผมออกเงิน เธอมีที่ทำแท้งในจังหวัด แต่ว่าเธอกลับมากับความผิดหวัง เธอบอกว่าคลีนิคที่แม่เธอพามาในตอนสาวๆ เพื่อตรวจมดลูก และก็เป็นคลีนิคที่เธอเคยมาทำแท้งกับสามีคนที่สี่ของเธอ ผมเจ็บมากๆ
ตอนนั้นผมไม่ค่อยมีเงิน เธอจึงไปยืมเงินเพื่อนของเธอ แต่เพื่อนของเธอปฏิเสธ ผมก็ตัดสินใจหาที่ทำแท้งให้เธอ แต่หากทำไม่ได้ ก็ขอให้เธอเก็บลูกไว้ เชื่อหรือไม่ว่า เราไปหากันสองที่ และได้ที่ที่เหมาะกับการให้คำปรึกษาในการจะดูแลลูกในท้อง หรือเอาลูกในท้องออก เธอให้เหตุผลว่า พ่อแม่เธอรับไม่ได้หากเธอมีลูกกับผม เพราะครอบครัวของผมจน ไม่สามารถดูแลลูกได้แน่นอน ซึ่งก็คงเป็นอารมณ์และความรู้สึกของเธอ ซึ่งสวนทางกับผม ผมกลัวว่า หากเธอไปหาที่ทำแท้งเองกับแม่ของเธอ แล้วไม่แท้ง ลูกของเธอในท้องอาจพิการเหมือนอย่างที่ลูกชายคนเล็กของผมเป็น ซึ่งผมก็คงรับสภาพรับภาระไม่ไหวแน่นอนหากลูกคนที่สามของผมพิการเหมือนพี่ชายของเขา
6. แต่ผ่านเวลาไป หนึ่งปี เธอย้ายมาอยู่ห้องเช่า ผมไปอยู่กับเธอบ้าง แต่เธอมักชวนทะเลาะ เพื่ออ้างไม่ให้ผมอยู่กับเธอ บางครั้งผมก็เห็นเธอขี่รถไปทั้ว ทิ้งลูกสาวของเธอไว้ในห้องเช่า ซึ่งผมก็ตกใจมาก ที่เธอขังลูกสาวของเธอไว้ในห้อง แทนที่จะให้มาเล่นกับลูกสาวของผม ซึ่งลูกๆ ของเราเป็นเพื่อนร่วมห้องกันอยู่แล้วด้วยซ้ำ และในช่วงเวลานั้นเธอก็ท้องอีก หลังจากเลิกกินยาคุม แต่สิ่งที่ผมไม่คิดก็คือ แทนที่เราจะได้คุยกับครอบครัวของเธอ เพื่อไม่ต้องทำแท้ง เพราะ ประเด็นหนึ่งก็คือ เธออาจได้รับอันตรายถึงชีวิต ผมพยายามบนบานขอสิ่งศักดิ์สิทธิให้ลูกหลุดเอง ไม่ต้องทำแท้ง แต่ก็นะผมไม่ได้แยกแยะในสิ่งที่ผมขอว่าเป็นสิ่งที่ควรขอหรือไม่
ในช่วงปีนั้นผมทุกข์มากๆ ยิ่งตอนที่หมอถามว่ายังไม่ครบปีดีก็มาทำแท้งอีกแล้วหรือ ครั้งนี้เธอทำให้ผมชาไปทั้งหัวสมอง มีเงินแล้ว ก็ไม่ต้องไปยืมใคร ควักเงินจ่ายเงิน ลงลายมือชื่อ ฆ่าลูกตัวเองเป็นครั้งที่สอง ไม่ว่าเขาจะเล็กเท่ากับหยดเลือด หรือก้อนหูด เขาก็คือก้อนเลือกก้อนเนื้อของเรา ซึ่งหากไม่เอาเขาออก พ่อแม่ของเธอก็ต้องเอาออก แล้วก็หากเขาไม่ออก เกิดพิการ ครอบครัวของเธอก็คงโยนภาระให้กับผม ในฐานะที่ผมมีประสบการณ์เลี้ยงลูกพิการ
7. ผมควรอโหสิกรรมให้เธอไหม? ที่ครอบครัวของเธอรวมถึงตัวของเธอกดดันผม และนำครอบครัวของเธอมากดดันผมให้ผมยินยอมทำแท้งลูกหรือไม่ เพราะตอนนี้เราเลิกรากันอย่างเด็ดขาดแล้ว หลังจากที่เธอสารภาพว่าไม่เคยรักใคร มีแต่รักตัวของตัวเอง ผมก็คงแปลความว่า เธอหลอกใช้ทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ซึ่งผมก็รู้สึกดีใจว่าลูกของผมไม่ต้องเกิดมา แต่หากเธอพาผมไปฆ่าลูกคนอื่นละ เธอไม่กล้าอุ้มท้องกลัวคลอดออกมาไม่ใช่ลูกของผมละ ผมจะบาปสุดๆ ไหม ผมไม่มีสิทธิ์อะไรเลยหากลูกทั้งสองครั้งไม่ใช่ลูกของผม และยิ่งบาปมากๆ หากเป็นลูกของผม ผมไม่มีปัญญาปกป้องแม้กระทั้งลูกของผมเอง เพียงเพราะทนแรงกดดันที่ครอบครัวของเธอกดดันไม่ได้
หากผมด่ากลับเธอ ที่เธอด่าผมว่า หน้าด้าน ที่รู้แล้วว่าถูกหลอกยังมีหน้ากล้ามาเรียกร้องความรักอีก ผมก็ด่ากลับไปว่า ผมหน้าด้านแต่คุณนะไร้ยางอาย ที่มาอยู่กินกับผมแต่ไม่เคยรักผมเลยสักนิด มันแย่นะ ที่ผมด่าเธอไปแบบนั้น เพราะผมสามารถเลือกวิธีอื่นได้ เช่น บล็อกไลน์ บล็อกเบอร์ หรือตัดการติดต่อทั้งหมด ไม่ต้องเผื่อว่าเธอเดือดร้อนเธอจะโทรมาขอหยิบยืมเงินของผมเหมือนทุกครั้งที่เคย
ผมติดสินใจปิดเบอร์ไม่ให้เธอโทรหาได้อีก ไลน์ก็ตัดขาดเธอ เฟสก็ปิดกั้นเธอมาร่วมปี หลังจากยินยอมทำแท้งลูกคนแรกที่เกิดกับเธอ แต่ผมเลวมากๆ ใช่ไหม? ที่ผมเคยพาคนรักคนนี้ไปทำแท้งถึง 2 ครั้ง