ต่อจากกระทู้เก่าที่ได้แชร์เรื่องราวของการทำแท้งไปนะคะ
http://ppantip.com/topic/33796257
จากกระทู้เดิมที่ตั้งไปเมื่อไม่นานมานี้ มีหลายๆคนคงพึ่งจะเคยได้อ่านเรื่องราวแบบนี้ และคงคิดว่าเรื่องแบบนี้มันมีอยู่จริงหรอ? ทำไมสังคมเริ่มอยู่ยากขึ้นทุกวัน ดิฉันคิดเห็นว่าคงไม่ใช่เริ่มอยู่ยากหรอกคะ แต่คงเป็นแบบนี้มานานแล้ว เรื่องราวที่ดิฉันได้แชร์ไปเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นมาเมื่อสิบกว่าปีก่อนคะ ดิฉันปิดมาตลอดไม่กล้าที่จะบอกหรือพูดคุยกับใครเพราะคิดว่าคนส่วนใหญ่คงรับไม่ได้ และคนอีกบางส่วนที่ทำเป็นรับไม่ได้.
เรื่องราวของการทำแท้งมันไม่ได้เป็นแค่ปัญหาส่วนตัว แต่ดิฉันคิดว่ามันเป็นปัญหาของสังคมเลยมากกว่า
ตัวอย่างเช่น เด็กคนนึ่งใจแตกมีแฟนตอนอายุ16แล้วตั้งท้อง เธอกลัวพ่อแม่และคนรอบข้างจะดุด่า เลยหาทางออกโดยการทำแท้ง
เมื่อสังคมคนอื่นรับรู้ เขาด่าใครค่ะ?? แน่นอนอยู่แล้ว ว่าเขาต้องด่าเด็กที่ไปทำแท้ง เลวบ้างละ ร่านบ้างละ ไม่พร้อมแล้วไปให้คนอื่นเอาทำไม ด่าสาระพัด ดิฉันไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่คุณด่าไม่ใช่ความจริงหรือผิดนะคะ
แต่คุณบางคนเคยตั้งคำถามไหมว่า ที่เด็กใจแตกเพราะอะไรใครอยู่เบื้อหลัง แล้วสิ่งที่เด็กกลัวคืออะไรกันแน่ และถ้าคนรอบข้างตัวเด็กให้ความช่วยเหลือเด็กให้คำแนะนำที่ดีกับเด็ก มันจะเกิดเรื่องราวที่ไม่ดีเหล่านั้นขึ้นหรือเปล่า??
ดิฉันมีเรื่องอยากจะมาแชร์เพิ่มเติมคะเป็นเรื่องจริงที่อยากให้ทุกคนได้อ่านกันคะ (หากเรื่องที่ดิฉันได้ถ่ายทอดออกมาแรงเกินไปก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ)
อย่าที่ดิฉันได้เคยเล่าไปเมื่อกระทู้ก่อนหน้า ดิฉันได้เข้ามาเรียนที่วิทลัยแห่งหนึ่งในตัวจังหวัด(จะยกตัวอย่างแค่รุ่นเดียวกับดิฉันนะคะ) เด็กที่เข้ามาเรียนที่นี่ 90% จะมีแฟนแทบทุกคนเลยค่ะ บางคนก็มีมาตั้งแต่เรียนที่โรงเรียนเก่า บางคนก็แต่งงานมีลูกแล้ว ถามว่าเด็กที่เรียบร้อยละเขาจะมีหรอ?? เท่าที่เห็นนะคะ มีค่ะ พอกลับบ้านก็ทำตัวปกติเท่านี้ก็ไม่มีใครสงสัยแล้ว
พอเริ่มมีแฟนกัน ก็จะย้ายมาอยู่ด้วยกันแบบสามีภรรยา จนทำให้เกิดการท้องในวัยเรียน และนำไปสู่การทำแท้ง สำหรับบางคนที่บอกว่า ทำไมไม่รู้จักป้องกัน ทำตัวต่ำ พ่อแม่ไม่สั่งสอน คือถ้าถามว่าทำไมไม่รู้จักป้องกัน ด้วยตัวของดิฉันเองและที่รับรู้มา ก็ป้องกันนะคะ บางทีมันก็ผลาดซึ่งเราก็ไม่ได้รู้มาล่วงหน้าว่ามันจะผลาดตอนไหน และก็มีความเชื่อแบบผิดๆเกี่ยวกับการป้องกันการท้องในหมู่วัยรุ่นที่บอกต่อๆกันมา ส่วนมากก็นำมาทำตามกันซึ่งโดยส่วนตัวมันใช้ไม่ได้ผลคะ ตอนที่จะมารู้ว่าไม่ได้ผลก็สายเกินไปแล้ว ถ้าถามพ่อแม่ไม่สั่งสอนหรือไง อยากจะให้ทำความเข้าใจว่า คนแต่ละคนมาจากครอบครัวที่ต่างกัน การเลี้ยงดูที่ต่างกัน "อย่างเพื่อนของดิฉันเองเคยเล่าให้ดิฉันฟัง ว่าเธอมีแฟน เป็นผู้ชายที่เรียนอยู่คนละสาขา ตอนเธอกลับบ้านเธอก็หลุดปากพูดถึงเรื่องแฟนให้น้องฟัง พอพ่อแม่เพื่อนของดิฉันได้ยินเข้า แค่นั้นแหละ ไม่ถามที่มาที่ไปสักคำ โวยวายบ้านแตก ด่าสาระพัด ขู่ให้เลิกยุ่งไปเลย ไม่งั้นจะให้ออกจากโรงเรียน" ฟังดูแล้วก็นะ ก็ไม่รู้จะเอาเวลาตอนไหนมาสอนเพราะด่าอย่างเดียว บางครอบครัวก็มีปัญหาแตกต่างกันไป ถ้าถามว่า มันจะไม่มีครอบครัวดีๆบ้างเลยหรอ ก็มีนะคะ ครอบครัวที่ดีก็มี แต่เท่าที่เห็นที่เขาไปทำแท้ง เพราะเขากลัวคะ กลัวสังคมรอบข้างดูถูก กลัวพ่อแม่อาย กลัวพ่อแม่เสียใจเลยแอบไปทำเองดีกว่า เท่าที่เจอก็มีนะคะแบบนี้
ถ้าถามว่ากลัวทำไมสังคมดูถูกว่าท้อง การที่ท้องแล้วไปทำแท้งไม่เลวร้ายกว่าหรอ คำตอบคือ ใช่การที่ท้องแล้วไปทำแท้งเลวร้ายกว่าเป็นไหนๆ แต่ด้วยความที่เป็นเด็กและความกดดันรอบข้างจากสังสมจะมีเยอะ ถ้าคุณเคยผ่านจุดๆนั้นมาคุณจะรับรู้ถึงความรู้สึกได้ เคยได้ยินแบบนี้ไหมคะ "ดูอิลูกบ้านนั้นสิมันไปเรียนไม่ทันไรก็ท้องเข้าบ้านสะละ ถ้าลูกหลานฉันเป็นแบบนี้ ฉันจะตบให้คว่ำเลย" "ดูอิน้องลูกบ้านนั้นสิ เมื่อก่อนพ่อแม่มันอวดนะว่าลูกดีอย่างงั้นดีอย่างงี้ แล้วเป็นไงท้องโย้มาทั้งๆที่ยังเรียนไม่จบ ขายขี้หน้าเขาไหมละ" และอีกสาระพัดคำพูด คุณได้ฟังแล้วรู้สึกยังไงบ้างคะ
เด็กที่มีครอบครัวที่ดียังถือว่าโชคดีมากนะคะ เมื่อเทียบกับเด็กอีกหลายๆคน เพราะสิ่งที่พวกเขาเจอไม่ใช่แค่คำพูดหรือคำดูกถูก มันมากกว่านั้นคะ พูดแล้วก็อิจฉานะคะคนที่มีครอบครัว ....
ต่อไปนี้จะเล่าถึงการทำแท้งคะ
(เรื่องต่อไปนี้เป็นเรื่องของเพื่อนที่อยู่ต่างสาขาคะ)
ให้ชื่อว่าเอ เอมาจากครอบครัวต่างจังหวัดทั่วไป ได้เข้ามาเรียนที่วิทลัยแห่งนี้ได้ไม่นานก็ท้อง แต่เอไม่รู้ตัว มารู้ตัวอีกทีก็ท้องได้ห้าเดือนเข้าไปแล้ว เอไม่รู้จะทำยังไง เพราะเลิกกับแฟนไปแล้วด้วย จึงไปขอคำปรึกษาจากเพื่อนที่เที่ยวด้วยกัน เพื่อนของเอก็แนะนำให้ซื้อยาสตรีมีกินเพื่อขับให้ออก เอเลยซื้อมากินวันนั้นเอกินไปสามขวด พอตกกลางคืน เอก็รู้สึกหน่วงๆที่ท้องน้อย แต่ก็ไม่มีเลือดออกแต่อย่างใด ผ่านไปประมาณสามวัน เอรู้ว่ามันไม่ได้ผล เลยไปสอบถามกับคนที่มีประสบการณ์เรื่องนี้ เขาได้แนะนำให้เอไปหาป้าคนหนึ่ง บ้านป้าคนดังกล่าวอยู่ไม่ไกลจากวิทลัยที่เอเรียนมากนัก พอเอไปถึงเขาก็ให้เอเปลี่ยนผ้าถุงแล้วให้มานอนที่กลางบ้าน ป้าคนนั้นใช้มือคลำที่ท้องของเอด้วยความชำนาญ แล้วป้าก็ใช้มือจิกไปที่ท้องของเอ แล้วบิดเหมือนหักอะไรสักอย่าง
สังคมเริ่มอยู่อยากหรอคะ??หรือเป็นแบบนี้มานานแล้ว
http://ppantip.com/topic/33796257
จากกระทู้เดิมที่ตั้งไปเมื่อไม่นานมานี้ มีหลายๆคนคงพึ่งจะเคยได้อ่านเรื่องราวแบบนี้ และคงคิดว่าเรื่องแบบนี้มันมีอยู่จริงหรอ? ทำไมสังคมเริ่มอยู่ยากขึ้นทุกวัน ดิฉันคิดเห็นว่าคงไม่ใช่เริ่มอยู่ยากหรอกคะ แต่คงเป็นแบบนี้มานานแล้ว เรื่องราวที่ดิฉันได้แชร์ไปเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นมาเมื่อสิบกว่าปีก่อนคะ ดิฉันปิดมาตลอดไม่กล้าที่จะบอกหรือพูดคุยกับใครเพราะคิดว่าคนส่วนใหญ่คงรับไม่ได้ และคนอีกบางส่วนที่ทำเป็นรับไม่ได้.
เรื่องราวของการทำแท้งมันไม่ได้เป็นแค่ปัญหาส่วนตัว แต่ดิฉันคิดว่ามันเป็นปัญหาของสังคมเลยมากกว่า
ตัวอย่างเช่น เด็กคนนึ่งใจแตกมีแฟนตอนอายุ16แล้วตั้งท้อง เธอกลัวพ่อแม่และคนรอบข้างจะดุด่า เลยหาทางออกโดยการทำแท้ง
เมื่อสังคมคนอื่นรับรู้ เขาด่าใครค่ะ?? แน่นอนอยู่แล้ว ว่าเขาต้องด่าเด็กที่ไปทำแท้ง เลวบ้างละ ร่านบ้างละ ไม่พร้อมแล้วไปให้คนอื่นเอาทำไม ด่าสาระพัด ดิฉันไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่คุณด่าไม่ใช่ความจริงหรือผิดนะคะ
แต่คุณบางคนเคยตั้งคำถามไหมว่า ที่เด็กใจแตกเพราะอะไรใครอยู่เบื้อหลัง แล้วสิ่งที่เด็กกลัวคืออะไรกันแน่ และถ้าคนรอบข้างตัวเด็กให้ความช่วยเหลือเด็กให้คำแนะนำที่ดีกับเด็ก มันจะเกิดเรื่องราวที่ไม่ดีเหล่านั้นขึ้นหรือเปล่า??
ดิฉันมีเรื่องอยากจะมาแชร์เพิ่มเติมคะเป็นเรื่องจริงที่อยากให้ทุกคนได้อ่านกันคะ (หากเรื่องที่ดิฉันได้ถ่ายทอดออกมาแรงเกินไปก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ)
อย่าที่ดิฉันได้เคยเล่าไปเมื่อกระทู้ก่อนหน้า ดิฉันได้เข้ามาเรียนที่วิทลัยแห่งหนึ่งในตัวจังหวัด(จะยกตัวอย่างแค่รุ่นเดียวกับดิฉันนะคะ) เด็กที่เข้ามาเรียนที่นี่ 90% จะมีแฟนแทบทุกคนเลยค่ะ บางคนก็มีมาตั้งแต่เรียนที่โรงเรียนเก่า บางคนก็แต่งงานมีลูกแล้ว ถามว่าเด็กที่เรียบร้อยละเขาจะมีหรอ?? เท่าที่เห็นนะคะ มีค่ะ พอกลับบ้านก็ทำตัวปกติเท่านี้ก็ไม่มีใครสงสัยแล้ว
พอเริ่มมีแฟนกัน ก็จะย้ายมาอยู่ด้วยกันแบบสามีภรรยา จนทำให้เกิดการท้องในวัยเรียน และนำไปสู่การทำแท้ง สำหรับบางคนที่บอกว่า ทำไมไม่รู้จักป้องกัน ทำตัวต่ำ พ่อแม่ไม่สั่งสอน คือถ้าถามว่าทำไมไม่รู้จักป้องกัน ด้วยตัวของดิฉันเองและที่รับรู้มา ก็ป้องกันนะคะ บางทีมันก็ผลาดซึ่งเราก็ไม่ได้รู้มาล่วงหน้าว่ามันจะผลาดตอนไหน และก็มีความเชื่อแบบผิดๆเกี่ยวกับการป้องกันการท้องในหมู่วัยรุ่นที่บอกต่อๆกันมา ส่วนมากก็นำมาทำตามกันซึ่งโดยส่วนตัวมันใช้ไม่ได้ผลคะ ตอนที่จะมารู้ว่าไม่ได้ผลก็สายเกินไปแล้ว ถ้าถามพ่อแม่ไม่สั่งสอนหรือไง อยากจะให้ทำความเข้าใจว่า คนแต่ละคนมาจากครอบครัวที่ต่างกัน การเลี้ยงดูที่ต่างกัน "อย่างเพื่อนของดิฉันเองเคยเล่าให้ดิฉันฟัง ว่าเธอมีแฟน เป็นผู้ชายที่เรียนอยู่คนละสาขา ตอนเธอกลับบ้านเธอก็หลุดปากพูดถึงเรื่องแฟนให้น้องฟัง พอพ่อแม่เพื่อนของดิฉันได้ยินเข้า แค่นั้นแหละ ไม่ถามที่มาที่ไปสักคำ โวยวายบ้านแตก ด่าสาระพัด ขู่ให้เลิกยุ่งไปเลย ไม่งั้นจะให้ออกจากโรงเรียน" ฟังดูแล้วก็นะ ก็ไม่รู้จะเอาเวลาตอนไหนมาสอนเพราะด่าอย่างเดียว บางครอบครัวก็มีปัญหาแตกต่างกันไป ถ้าถามว่า มันจะไม่มีครอบครัวดีๆบ้างเลยหรอ ก็มีนะคะ ครอบครัวที่ดีก็มี แต่เท่าที่เห็นที่เขาไปทำแท้ง เพราะเขากลัวคะ กลัวสังคมรอบข้างดูถูก กลัวพ่อแม่อาย กลัวพ่อแม่เสียใจเลยแอบไปทำเองดีกว่า เท่าที่เจอก็มีนะคะแบบนี้
ถ้าถามว่ากลัวทำไมสังคมดูถูกว่าท้อง การที่ท้องแล้วไปทำแท้งไม่เลวร้ายกว่าหรอ คำตอบคือ ใช่การที่ท้องแล้วไปทำแท้งเลวร้ายกว่าเป็นไหนๆ แต่ด้วยความที่เป็นเด็กและความกดดันรอบข้างจากสังสมจะมีเยอะ ถ้าคุณเคยผ่านจุดๆนั้นมาคุณจะรับรู้ถึงความรู้สึกได้ เคยได้ยินแบบนี้ไหมคะ "ดูอิลูกบ้านนั้นสิมันไปเรียนไม่ทันไรก็ท้องเข้าบ้านสะละ ถ้าลูกหลานฉันเป็นแบบนี้ ฉันจะตบให้คว่ำเลย" "ดูอิน้องลูกบ้านนั้นสิ เมื่อก่อนพ่อแม่มันอวดนะว่าลูกดีอย่างงั้นดีอย่างงี้ แล้วเป็นไงท้องโย้มาทั้งๆที่ยังเรียนไม่จบ ขายขี้หน้าเขาไหมละ" และอีกสาระพัดคำพูด คุณได้ฟังแล้วรู้สึกยังไงบ้างคะ
เด็กที่มีครอบครัวที่ดียังถือว่าโชคดีมากนะคะ เมื่อเทียบกับเด็กอีกหลายๆคน เพราะสิ่งที่พวกเขาเจอไม่ใช่แค่คำพูดหรือคำดูกถูก มันมากกว่านั้นคะ พูดแล้วก็อิจฉานะคะคนที่มีครอบครัว ....
ต่อไปนี้จะเล่าถึงการทำแท้งคะ
(เรื่องต่อไปนี้เป็นเรื่องของเพื่อนที่อยู่ต่างสาขาคะ)
ให้ชื่อว่าเอ เอมาจากครอบครัวต่างจังหวัดทั่วไป ได้เข้ามาเรียนที่วิทลัยแห่งนี้ได้ไม่นานก็ท้อง แต่เอไม่รู้ตัว มารู้ตัวอีกทีก็ท้องได้ห้าเดือนเข้าไปแล้ว เอไม่รู้จะทำยังไง เพราะเลิกกับแฟนไปแล้วด้วย จึงไปขอคำปรึกษาจากเพื่อนที่เที่ยวด้วยกัน เพื่อนของเอก็แนะนำให้ซื้อยาสตรีมีกินเพื่อขับให้ออก เอเลยซื้อมากินวันนั้นเอกินไปสามขวด พอตกกลางคืน เอก็รู้สึกหน่วงๆที่ท้องน้อย แต่ก็ไม่มีเลือดออกแต่อย่างใด ผ่านไปประมาณสามวัน เอรู้ว่ามันไม่ได้ผล เลยไปสอบถามกับคนที่มีประสบการณ์เรื่องนี้ เขาได้แนะนำให้เอไปหาป้าคนหนึ่ง บ้านป้าคนดังกล่าวอยู่ไม่ไกลจากวิทลัยที่เอเรียนมากนัก พอเอไปถึงเขาก็ให้เอเปลี่ยนผ้าถุงแล้วให้มานอนที่กลางบ้าน ป้าคนนั้นใช้มือคลำที่ท้องของเอด้วยความชำนาญ แล้วป้าก็ใช้มือจิกไปที่ท้องของเอ แล้วบิดเหมือนหักอะไรสักอย่าง