---------------------------------
"The Void - แทรกร่างสยอง" (7.25/10)
---------------------------------
สวัสดีครับเพื่อนชาว Pantip ทุกท่านวันนี้เพจหนัง "Movies Feedback" ขอเสนอความเห็นหลังชมภาพยนตร์เรื่อง "The Void - แทรกร่างสยอง" ทางไปเพจผมครับ -->
https://www.facebook.com/FeedbackMovies
พักหลังมานี้ มีภาพยนตร์แนวระทึกขวัญเข้าฉายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งค่ายหนังที่ซื้อเข้ามาฉายต่างก็โอ้อวดสรรพคุณ ดึงคำวิจารณ์เด็ดๆต่างๆนาๆจากสื่อต่างชาติมาการันตีความหลอนกันยกใหญ่ โดยเดือนก่อนก็มี "The Monster - อะไรซ่อน" เข้าฉายด้วยการจั่วหัวอวดคะแนนรีวิวจากเว็บมะเขือเน่า (Rotten Tomatoes) กันแบบภาคภูมิเพราะหนังทำตัวเลขของสกอร์ได้สูงถึง 78% แม้ท้ายสุดกระแสผู้ชมในไทยจะออกแนวผิดหวังหน่อยๆเพราะจุดดีของหนังดันไปอยู่ที่สารที่หนังอยากสื่อมากกว่าความระทึกที่มี ผลก็คือ คอหนังโหดบ้านเราเลยเดินคอตกออกจากโรงกันไปตามระเบียบ จนมาถึงต้นเดือนนี้ ค่ายหนังก็ปลุกกระแสความสยองขึ้นมาใหม่กับ "The Void - แทรกร่างสยอง" หนังยี่ห้อเดียวกันกับทีมผู้สร้าง "The VVITCH" แถมได้สองคู่หูที่อยู่เบื้องหลังรางวัลออสการ์สาขาเมคอัพยอดเยี่ยมประจำปี 2017 จาก Suicide Squad มาเขียนบทกำกับหนังครั้งแรก
เรื่องราวในหนังจะพูดถึงเหตุการณ์ขณะออกตรวจเวรในช่วงกลางดึกของเจ้าหน้าที่ "แดเนียล คาร์เตอร์" ที่บังเอิญไปเจอชายวันรุ่นที่ร่างกายเต็มไปด้วยเลือดอยู่กลางถนน คาร์เตอร์รีบนำตัวชายนิรนามคนนั้นไปส่งโรงพยาบาลในเมืองที่ใกล้ที่สุด แต่เมื่อไปถึง เขาต้องพบกับเหตุการณ์แปลกประหลาดที่เขาเองก็ไม่สามารถอธิบายได้ การพยายามเอาตัวรอดและช่วยเหลือคนในโรงพยาบาลกดดันให้เขาต้องออกไปเผชิญหน้ากับร่างของสิ่งมีชีวิตที่สุดแสนจะสยองเกินคำบรรยาย ยิ่งไปกว่านั้นเขายังต้องรับมือกับชายชุดขาวที่มาพร้อมกับลัทธิประหลาดๆให้ได้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
หลังชมภาพยนตร์จบ ผมมองว่าจุดโดดเด่นที่สุดของหนังต้องยกให้กับความตื่นเต้นที่แม้จะไม่ถึงขั้นกรี้ดหวีดร้องออกมาลั่นโรงแต่ก็ชวนให้ผวาและลุ้นอยู่เป็นช่วงๆ สภาพการตายและฉากการฆ่าที่ดิบโหดถึงขั้นเอามือปิดปากและหลับตาปี๋ด้วยความขยะแขยงเป็นอีกหนึ่งส่วนที่ทำให้ผมได้กลิ่นอายของหนังสยองขวัญในยุคก่อนโน้น จังหวะของหนังก็ทำได้ดีจนผมไม่สามารถเดาได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้หรือจะมีอะไรที่โหดกว่านี้อีกมั้ย อาการหายใจไม่ทั่วท้องน่าจะเขียนแทนความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับผมได้ดีที่สุด (อีกหนึ่งประเด็นที่ชอบก็คือการที่หนังเปิดเรื่องมาก็ลุยแหลกแบบไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงอะไรให้ยืดเยื้อ ให้อารมณ์แบบเราตั้งตัวไม่ทันดี)
อวยกันมายาวเหยียด ก็ถึงจุดต้องติกันบ้าง ซึ่งเป็นจุดที่ชวนเหวอที่สุดในหนังนั้นก็คือ "เนื้อเรื่อง" ที่ในช่วงแรกนั้นถือว่าทำได้ดี ทำได้น่าติดตามทีเดียว หนังสร้างปริศนาให้เราขบคิดแบบไม่มีทีท่าว่าจะเปรยคำใบ้ออกมาง่ายๆ ไอตัวเราก็คิดแล้วคิดอีก เดาสะเปะสะปะไปเรื่อยเปื่อย จนมาถึงช่วงกลางๆที่ผมเริ่มเห็นเค้ารางแล้วว่า "ตูดูไม่รู้เรื่องแน่นอน" เพราะด้วยลัทธิมี่แสนประหลาดบวกกับความไม่มีที่มาที่ไปของแรงจูงใจที่มีค่อตัวละครในเรื่อง ผมเลยงงๆว่า ท้ายสุดแล้วมันยังไง แล้วไปพวกมนุษย์คลุมผ้าขาวพวกนั้นมันมีผลอะไรกับหนัง บอกตามตรงก็คือ "ผมไม่เก็ตกับประเด็นลัทธิบ้านี่จริงๆ" ยิ่งตอนจบนี่บอกได้เลยว่า "ทำให้จดจำไปได้อีกนาน" มีความเป็นตัวเองสูงมาก สูงจนไม่แคร์ผู้ชมเลยว่า "แบบนี้ก็ได้หรอวะ" ความผสมปนเประหว่างความระทึกที่ดูตื่นเต้นอย่างต่อเนื่องมาเจอกับความมึนตึ๊บกับเรื่องราวที่ดูไม่สากลและเข้าถึงลำบาก จึงทำให้หนังไม่รู้จะออกไปทางไหน ผมเองจึงสรุปไม่ได้ว่าหนังสนุกมั้ย เพราะหากมองที่ความตื่นเต้น ความโหด ผมว่าหนังทำได้โอเคเลย แต่ถ้ามองไปที่เรื่องราวที่มาที่ไปผมบอกเลยว่าไม่เข้าใจอย่างแรง รีวิวนี้ผมจึงขอมองแยกส่วนแล้วกัน ถ้ามองในภาพรวมยังไงก็คงพูดไม่เต็มปากว่ามันสนุกถึงขนาดที่จะเชื้อเชิญให้ไปชมกัน
เพื่อนๆสามารถเข้าไปกดไลก์และติดตามการรีวิวหนังกันได้ที่
https://www.facebook.com/FeedbackMovies
[CR] รีวิว "The Void - แทรกร่างสยอง" : โหดเลือดสาด หายใจไม่ทั่วท้อง แต่รอยแผลใหญ่คือความงุนงงต่อต้นสายปลายเหตุที่ถึงกับเหวอ
"The Void - แทรกร่างสยอง" (7.25/10)
---------------------------------
สวัสดีครับเพื่อนชาว Pantip ทุกท่านวันนี้เพจหนัง "Movies Feedback" ขอเสนอความเห็นหลังชมภาพยนตร์เรื่อง "The Void - แทรกร่างสยอง" ทางไปเพจผมครับ --> https://www.facebook.com/FeedbackMovies
พักหลังมานี้ มีภาพยนตร์แนวระทึกขวัญเข้าฉายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งค่ายหนังที่ซื้อเข้ามาฉายต่างก็โอ้อวดสรรพคุณ ดึงคำวิจารณ์เด็ดๆต่างๆนาๆจากสื่อต่างชาติมาการันตีความหลอนกันยกใหญ่ โดยเดือนก่อนก็มี "The Monster - อะไรซ่อน" เข้าฉายด้วยการจั่วหัวอวดคะแนนรีวิวจากเว็บมะเขือเน่า (Rotten Tomatoes) กันแบบภาคภูมิเพราะหนังทำตัวเลขของสกอร์ได้สูงถึง 78% แม้ท้ายสุดกระแสผู้ชมในไทยจะออกแนวผิดหวังหน่อยๆเพราะจุดดีของหนังดันไปอยู่ที่สารที่หนังอยากสื่อมากกว่าความระทึกที่มี ผลก็คือ คอหนังโหดบ้านเราเลยเดินคอตกออกจากโรงกันไปตามระเบียบ จนมาถึงต้นเดือนนี้ ค่ายหนังก็ปลุกกระแสความสยองขึ้นมาใหม่กับ "The Void - แทรกร่างสยอง" หนังยี่ห้อเดียวกันกับทีมผู้สร้าง "The VVITCH" แถมได้สองคู่หูที่อยู่เบื้องหลังรางวัลออสการ์สาขาเมคอัพยอดเยี่ยมประจำปี 2017 จาก Suicide Squad มาเขียนบทกำกับหนังครั้งแรก
เรื่องราวในหนังจะพูดถึงเหตุการณ์ขณะออกตรวจเวรในช่วงกลางดึกของเจ้าหน้าที่ "แดเนียล คาร์เตอร์" ที่บังเอิญไปเจอชายวันรุ่นที่ร่างกายเต็มไปด้วยเลือดอยู่กลางถนน คาร์เตอร์รีบนำตัวชายนิรนามคนนั้นไปส่งโรงพยาบาลในเมืองที่ใกล้ที่สุด แต่เมื่อไปถึง เขาต้องพบกับเหตุการณ์แปลกประหลาดที่เขาเองก็ไม่สามารถอธิบายได้ การพยายามเอาตัวรอดและช่วยเหลือคนในโรงพยาบาลกดดันให้เขาต้องออกไปเผชิญหน้ากับร่างของสิ่งมีชีวิตที่สุดแสนจะสยองเกินคำบรรยาย ยิ่งไปกว่านั้นเขายังต้องรับมือกับชายชุดขาวที่มาพร้อมกับลัทธิประหลาดๆให้ได้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
หลังชมภาพยนตร์จบ ผมมองว่าจุดโดดเด่นที่สุดของหนังต้องยกให้กับความตื่นเต้นที่แม้จะไม่ถึงขั้นกรี้ดหวีดร้องออกมาลั่นโรงแต่ก็ชวนให้ผวาและลุ้นอยู่เป็นช่วงๆ สภาพการตายและฉากการฆ่าที่ดิบโหดถึงขั้นเอามือปิดปากและหลับตาปี๋ด้วยความขยะแขยงเป็นอีกหนึ่งส่วนที่ทำให้ผมได้กลิ่นอายของหนังสยองขวัญในยุคก่อนโน้น จังหวะของหนังก็ทำได้ดีจนผมไม่สามารถเดาได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้หรือจะมีอะไรที่โหดกว่านี้อีกมั้ย อาการหายใจไม่ทั่วท้องน่าจะเขียนแทนความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับผมได้ดีที่สุด (อีกหนึ่งประเด็นที่ชอบก็คือการที่หนังเปิดเรื่องมาก็ลุยแหลกแบบไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงอะไรให้ยืดเยื้อ ให้อารมณ์แบบเราตั้งตัวไม่ทันดี)
อวยกันมายาวเหยียด ก็ถึงจุดต้องติกันบ้าง ซึ่งเป็นจุดที่ชวนเหวอที่สุดในหนังนั้นก็คือ "เนื้อเรื่อง" ที่ในช่วงแรกนั้นถือว่าทำได้ดี ทำได้น่าติดตามทีเดียว หนังสร้างปริศนาให้เราขบคิดแบบไม่มีทีท่าว่าจะเปรยคำใบ้ออกมาง่ายๆ ไอตัวเราก็คิดแล้วคิดอีก เดาสะเปะสะปะไปเรื่อยเปื่อย จนมาถึงช่วงกลางๆที่ผมเริ่มเห็นเค้ารางแล้วว่า "ตูดูไม่รู้เรื่องแน่นอน" เพราะด้วยลัทธิมี่แสนประหลาดบวกกับความไม่มีที่มาที่ไปของแรงจูงใจที่มีค่อตัวละครในเรื่อง ผมเลยงงๆว่า ท้ายสุดแล้วมันยังไง แล้วไปพวกมนุษย์คลุมผ้าขาวพวกนั้นมันมีผลอะไรกับหนัง บอกตามตรงก็คือ "ผมไม่เก็ตกับประเด็นลัทธิบ้านี่จริงๆ" ยิ่งตอนจบนี่บอกได้เลยว่า "ทำให้จดจำไปได้อีกนาน" มีความเป็นตัวเองสูงมาก สูงจนไม่แคร์ผู้ชมเลยว่า "แบบนี้ก็ได้หรอวะ" ความผสมปนเประหว่างความระทึกที่ดูตื่นเต้นอย่างต่อเนื่องมาเจอกับความมึนตึ๊บกับเรื่องราวที่ดูไม่สากลและเข้าถึงลำบาก จึงทำให้หนังไม่รู้จะออกไปทางไหน ผมเองจึงสรุปไม่ได้ว่าหนังสนุกมั้ย เพราะหากมองที่ความตื่นเต้น ความโหด ผมว่าหนังทำได้โอเคเลย แต่ถ้ามองไปที่เรื่องราวที่มาที่ไปผมบอกเลยว่าไม่เข้าใจอย่างแรง รีวิวนี้ผมจึงขอมองแยกส่วนแล้วกัน ถ้ามองในภาพรวมยังไงก็คงพูดไม่เต็มปากว่ามันสนุกถึงขนาดที่จะเชื้อเชิญให้ไปชมกัน
เพื่อนๆสามารถเข้าไปกดไลก์และติดตามการรีวิวหนังกันได้ที่ https://www.facebook.com/FeedbackMovies