ถ้าลองเสิร์ชกูเกิ้ลหาร้านซูชิที่โอซาก้าคงจะหนีไม่พ้น… ซูชิร้อยเยน (Kura Sushi) และ ซูชิหน้าล้น (Uoshin Sushi) สองร้านอร่อยเด็ดที่ชาวไทยเราชอบแวะไปลิ้มลอง! เดี๋ยวเราไปดูกันอีกทีว่าทำไม๊ทำไมสองร้านนี้ถึงเป็นที่นิยมขนาดนี้…


เริ่มที่ร้าน “Uoshin Sushi” หรือหลายๆคนเรียกกันติดปากว่า “ซูชิหน้าล้น”

ร้านนี้อยู่แถวย่านอุเมดะ (Umeda) มีดีที่ “ปลายาว ข้าวสั้น ให้เครื่องมาเน้นๆ อร่อยเต็มปาก ฟินเต็มคำ!” เป็นร้านที่ไม่ใหญ่มาก มีโต๊ะแบบนั่งได้ 4 คนอยู่ประมาณ 3-4 โต๊ะ และนอกนั้นเป็นแบบนั่งหน้าบาร์ เราไปช่วงเกือบเที่ยง บรรยากาศร้านเต็มไปด้วยชาวญี่ปุ่น และนักท่องเที่ยวเล็กน้อย

ราคาอยู่ระว่าง 160 – 1,xxx เยน หรือถ้ามาช่วงกลางวัน ก็จะมีเซ็ตเมนูราคาสุดคุ้ม ซูชิ 8 คำ เริ่มที่ 630 เยนเท่านั้น (ประมาณสองร้อยบาท) ทางร้านรับบัตรเครดิต Visa, MasterCard, JCB, UnionPay และมีเมนูภาษาอังกฤษ

จะเห็นว่าราคาเมนูแบบเซ็ตนั้นไม่แพงเลย แต่เราสองคนไม่ได้ลองสั่งแบบเป็นเซ็ตเพราะมีปลาบางชนิดที่เราทานกันไม่ได้ เลยเลือกสั่งเฉพาะเมนูโปรดมาลองชิม เช่น แซลมอน ไข่แซลมอน หอยเชลล์

Salmon Sushi ราคาคู่ละ 640 เยน

ปลาสดและหนามากๆ จนปิดข้าวมิดไปหมด

Hotate Sushi (หอยเชลล์) ราคาคู่ละ 460 เยน หวาน สด และ เด้ง!

Fatty Salmon Sushi ราคาคู่ละ 720 เยน

ซูชิไข่ปลา Cod ราคาคู่ละ 160 เยน

Ikura Sushi (ไข่แซลมอน) ราคาคู่ละ 920 เยน แน่นอนว่าสดมั่กมากและให้มาแบบไม่มีกั๊ก! เลิฟมากกกก

ตามกูเกิ้ลแมพมาได้เลยจ้า เดินเข้ามาในตรอกนี้ไม่ถึง 5 นาทีก็เจอร้าน


มาต่อกันที่ร้าน “Kura Sushi” หรือ “ซูชิร้อยเยน”

คุระซูชิ เป็นร้านซูชิสายพานราคาสุดคุ้มที่มีสาขาอยู่เยอะมากทั่วญี่ปุ่น สาขาที่เราไปลองกินครั้งนี้อยู่ย่านอุเมดะ ตรงโรงแรม Hotel Sunroute Umeda ร้านนี้จะเป็นสไตล์บริการตัวเอง พนักงานแค่พามาที่โต๊ะและตอนเก็บเงินเท่านั้น ซึ่งพนักงานสาขานี้พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้เท่าไหร่

และที่พีคกว่านั้นคือ “ไม่มีเมนูภาษาอังกฤษ” เรานี่เกือบไม่ได้กินแล้วววว ดันไปอ่านรีวิวของสาขาอื่นมาบอกว่ามีภาษาอังกฤษ เดินเข้ามานี่งงอยู่พักใหญ่ แต่โชคดีมีคนญี่ปุ่นใจดีมาช่วยบอกว่าต้องทำยังไง (สงสัยจะเห็นท่าทางเราสองคนเด๋อด๋า ไม่สั่งกินสักที 5555) คือสามารถหยิบซูชิแบบที่มีฝาปิดอยู่มาทานได้เลย หรือจะกดสั่งจากไอแพดก็ได้ โดยเมนูที่เราสั่งมาเอง จะวางมาบนถ้วยสีแดงๆ และจะมีเสียงเตือนบอกที่หน้าจอไอแพดเมื่อเมนูที่เราสั่งวิ่งผ่านหน้าเรา (น่าสนุกใช่มั้ยล่ะะะ) พอกินเสร็จเรียบร้อยแล้วก็กดปุ่มสีแดงมุมล่างขวามือบนหน้าจอเพื่อเรียกพนักงานมาคิดเงิน จากนั้นพนักงานจะเอาบิลให้เราไปจ่ายที่ counter

เลือกหยิบที่สายพาน หรือกดสั่งจากจอไอแพดก็ได้

หลังจากเลือกเมนูได้แล้ว ก็กดเลือกจำนวนที่จะสั่งและกดยืนยัน

ระบบสุดล้ำ แค่เอานิ้วไปวางที่จาน ฝาก็จะเปิดขึ้นเองอัตโนมัติ (ห้ามงัดฝาขึ้นเองนะคะ)

ซูชิที่นี่เสิร์ฟมาจานละ 2 คำ กินไปเพลินๆไม่ต้องคิดอะไรมากเพราะ “ทุกจานราคาแค่ 100 เยน!” (ประมาณสามสิบบาท) มีน้ำเปล่าและชาเขียวให้ดื่มฟรี เหมาะมากสำหรับคนงบน้อย แต่ไม่อยากพลาดของอร่อยที่ญี่ปุ่น

ตู้กดน้ำดื่มฟรี แต่ถ้ากดเบียร์ราคา 500 เยนนะคะ

ชาเขียวฟรีแบบบริการตัวเอง มีผงชาเขียววางไว้ให้บนโต๊ะและกดน้ำร้อนได้เองจากก๊อกบนโต๊ะ


เห็นราคาถูกเหมือนซูชิตลาดนัดบ้านเราแบบนี้… แต่คุณภาพของปลาถือว่าดีกว่าร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยหลายๆร้านซะอีก! มีทั้ง Uni, Toro, Salmon, Unagi, Hotate, Ikura, Tamago, และอื่นๆอีกเพียบ!

Uni Sushi ซูชิไข่หอยเม่นราคา 30 บาทจะไปหาได้จากไหนอีกน้อ!! แถมยังสดใช้ได้เลย!

Salmon Sushi ราดด้วยชีสและเบอร์เบาๆ ถ้าได้ลองคำนี้ยังไงก็ต้องมีซ้ำ!

Hotate Sushi เล็กไปหน่อย แต่ยังอร่อยคุ้มราคา

ขนมปังสอดไส้ไอศกรีมนมฮอกไกโด หอมมันส์มากๆและไม่หวานเกินไป อยากให้ลองทานดูนะคะ


อีกอย่างนึงที่สาขานี้ไม่เหมือน Kura Sushi สาขาอื่นคือ จากที่เราอ่านรีวิวของสาขาอื่นมา เมื่อกินซูชิครบ 5 จาน จะได้หมุนของเล่นกาชาปอง 1 ครั้ง แต่ตอนเราไปที่สาขานี้ ไม่เห็นมีกาชาปองให้หมุนเหมือนสาขาอื่นนะคะ แอบเสียดายนิดหน่อยเพราะกะจะตามรอยมาหมุนเล่นสนุกๆด้วย ดีนะที่ซูชิเค้าอร่อยไม่งั้นเราคงเฟลแย่เลย

ถ้าใครสนใจอยากดูรีวิวแบบคลิปวิดีโอสั้นๆ ตามไปชมกันได้ที่ www.facebook.com/bestiewanderer