---------------------------------
"The Promise - สัญญารัก สมรภูมิรบ" (8/10)
---------------------------------
สวัสดีครับเพื่อนชาว Pantip ทุกท่านวันนี้เพจหนัง "Movies Feedback" ขอเสนอความเห็นหลังชมภาพยนตร์เรื่อง "The Promise - สัญญารัก สมรภูมิรบ" ทางไปเพจผมครับ -->
https://www.facebook.com/FeedbackMovies
"การอยู่รอด คือ การแก้แค้นของเรา" เป็นคำพูดจากตัวละครของ "อันดา" (ชาร์ลอตต์ เลอบง) ที่ยังคงก้องอยู่ในหัวของผม หลังจากได้ชม "The Promise - สัญญารัก สมรภูมิรบ" ภาพยนตร์รักสามเศร้าที่มีฉากหลังเป็นเหตุการณ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวอาร์เมเนียโดยรัฐบาลตุรกี ในช่วงปี 1914 ซึ่งคาบเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2 พอดิบพอดี โดยหนังเล่าเรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นระหว่าง "มิคาเอล" (ออสการ์ ไอแซค) หนุ่มนักเรียนแพทย์กับ "อันนา" (ชาร์ล็อตต์ เลอบง) ศิลปินวาดภาพสาวสวย และ "คริส" (คริสเตียน เบล) ช่างภาพหนังสือพิมพ์ชาวอเมริกัน ซึ่งนอกจากเรื่องความรักแล้ว พวกเขายังต้องเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่รัฐบาลตรุกีหมายจะกำจัดชาวอาร์เมเนียให้หมดแผ่นดิน
โดยหลังจากการชม ส่วนตัวมองว่าหนังไม่น่าหยิบประเด็นเรื่องความรักมาเป็นจุดขายเลย (ดูจากชื่อเรื่อง) ซึ่งถ้ามองจากหน้าหนังแล้วผมเชื่อว่าถ้าไม่ดูตัวอย่างหรือเรื่องย่อของหนัง หลายคนแทบไม่รู้ว่าหนังมีประเด็นการต่อสู้ที่เกิดจากเรื่องจริงในประวัติศาสตร์เป็นฉากหลังอยู่ในหนัง ซึ่งหากแบ่งเรื่องราวออกเป็น 2 พาร์ท คือ พาร์ทความรักและพาร์ทการสู้รบ (หนังได้นำเสนอเรื่องราวทั้ง 2 พาร์ทไปพร้อมๆกันตั้งแต่ต้นจนจบ) โดยจะพบว่า เรื่องราวในส่วนของการสู้รบนั้น หนังสามารถสะกดผมให้ลุ้นและเอาใจช่วยไปกับการเอาตัวรอดของตัวละครทุกตัวได้อย่างสนุก ซึ่งแน่นอนว่าในภาพรวม เรื่องราวในส่วนนี้มันจะต้องโดดเด่นกว่าเรื่องราวความรักของตัวละครอยู่แล้ว โดยส่วนตัวมองว่า พาร์ทความรักนั้นทำออกมาไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าที่ควร ยิ่งไปกว่านั่น การปูเรื่องราวในช่วงต้นเรื่องก็ไม่สามารถทำให้ผมรู้สึกอินหรือรับรู้ถึงความรู้สึกและความผูกพันของตัวละครได้มากเท่าไหร่นัก ซึ่งหลายๆเหตุการณ์ในพาร์ทนี้ดูบังเอิญเสียจนขาดความน่าเชื่อถือไปเลย
อย่างไรก็ตาม จุดที่ผมชอบที่สุดในหนัง คือคาแร็คเตอร์ "คริส" ที่แสดงโดยคริสเตียน เบล ตัวละครนี้ทำให้เรารับรู้และสัมผัสได้ถึงความรักที่เขามีต่ออาชีพการงาน (นักข่าว) และตัวนางเอกเอง แม้การนำเสนอตัวละครนี้อาจจะไม่ได้โดดเด่นและแสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทแรงกายมากนัก แต่ทว่าหากพิจารณากันอย่างถี่ถ้วน เขาแทบจะเป็นฮีโร่และผู้อยู่เบื้องหลังการมีชีวิตรอดของผู้คนที่หลบหนีออกมาจากเหตุการณ์นั้นได้ทั้งหมด จุดนี้ตอนจบผมนี่ชูฮกพี่แกจริงๆ ด้านตัวละคร "มิคาเอล" ของออสการ์ ไอแซ็ก ที่แม้เขาจะแบกหนังเอาไว้ทั้งเรื่อง แต่ส่วนตัวผมกลับรำคาญคาแร็คเตอร์นี้มาก มันเหมือนยังครึ่งๆกลางๆกับความคิดตัวเอง เหมือนไม่สามารถสร้างความชัดเจนให้กับตัวละครนี้ได้เลย ดูอ่อนแอชอบกล
ในภาพรวม "The Promise" ยังอาจขาดๆเกินๆไปบ้างในแง่ของอารมณ์หนัง แต่หากมองกันที่เรื่องราวในหนังแล้ว ผมเชื่อว่ามันคุ้มค่ากับค่าตั๋วที่เราจะได้เข้าไปรับชมเหตุการณ์ความรุนแรงที่แสนโหดร้ายบนโลก ซึ่งนอกจากความบันเทิงแล้ว เรายังจะได้เรียนรู้และตระหนักได้ถึงความโหดร้ายของคำว่าสงคราม ที่มักเกิดจากความโหยหาอำนาจของคนกลุ่มเล็กๆที่แทบจะไม่ตระหนักถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับคนบริสุทธิ์กลุ่มใหญ่ๆที่แทบจะไม่รู้ไม่เห็นเรื่องราวเหล่านี้เลย เชียร์ให้ลองชมดูครับ...
เพื่อนๆสามารถเข้าไปกดไลก์และติดตามการรีวิวหนังกันได้ที่
https://www.facebook.com/FeedbackMovies
[CR] รีวิว "The Promise : สัญญารัก สมรภูมิรบ" - แม้จะไม่ค่อยอินกับพาร์ทความรัก แต่พาร์ทสู้รบทำได้ดีชวนหดหู่ได้เป็นครั้งคราว
"The Promise - สัญญารัก สมรภูมิรบ" (8/10)
---------------------------------
สวัสดีครับเพื่อนชาว Pantip ทุกท่านวันนี้เพจหนัง "Movies Feedback" ขอเสนอความเห็นหลังชมภาพยนตร์เรื่อง "The Promise - สัญญารัก สมรภูมิรบ" ทางไปเพจผมครับ --> https://www.facebook.com/FeedbackMovies
"การอยู่รอด คือ การแก้แค้นของเรา" เป็นคำพูดจากตัวละครของ "อันดา" (ชาร์ลอตต์ เลอบง) ที่ยังคงก้องอยู่ในหัวของผม หลังจากได้ชม "The Promise - สัญญารัก สมรภูมิรบ" ภาพยนตร์รักสามเศร้าที่มีฉากหลังเป็นเหตุการณ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวอาร์เมเนียโดยรัฐบาลตุรกี ในช่วงปี 1914 ซึ่งคาบเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2 พอดิบพอดี โดยหนังเล่าเรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นระหว่าง "มิคาเอล" (ออสการ์ ไอแซค) หนุ่มนักเรียนแพทย์กับ "อันนา" (ชาร์ล็อตต์ เลอบง) ศิลปินวาดภาพสาวสวย และ "คริส" (คริสเตียน เบล) ช่างภาพหนังสือพิมพ์ชาวอเมริกัน ซึ่งนอกจากเรื่องความรักแล้ว พวกเขายังต้องเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่รัฐบาลตรุกีหมายจะกำจัดชาวอาร์เมเนียให้หมดแผ่นดิน
โดยหลังจากการชม ส่วนตัวมองว่าหนังไม่น่าหยิบประเด็นเรื่องความรักมาเป็นจุดขายเลย (ดูจากชื่อเรื่อง) ซึ่งถ้ามองจากหน้าหนังแล้วผมเชื่อว่าถ้าไม่ดูตัวอย่างหรือเรื่องย่อของหนัง หลายคนแทบไม่รู้ว่าหนังมีประเด็นการต่อสู้ที่เกิดจากเรื่องจริงในประวัติศาสตร์เป็นฉากหลังอยู่ในหนัง ซึ่งหากแบ่งเรื่องราวออกเป็น 2 พาร์ท คือ พาร์ทความรักและพาร์ทการสู้รบ (หนังได้นำเสนอเรื่องราวทั้ง 2 พาร์ทไปพร้อมๆกันตั้งแต่ต้นจนจบ) โดยจะพบว่า เรื่องราวในส่วนของการสู้รบนั้น หนังสามารถสะกดผมให้ลุ้นและเอาใจช่วยไปกับการเอาตัวรอดของตัวละครทุกตัวได้อย่างสนุก ซึ่งแน่นอนว่าในภาพรวม เรื่องราวในส่วนนี้มันจะต้องโดดเด่นกว่าเรื่องราวความรักของตัวละครอยู่แล้ว โดยส่วนตัวมองว่า พาร์ทความรักนั้นทำออกมาไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าที่ควร ยิ่งไปกว่านั่น การปูเรื่องราวในช่วงต้นเรื่องก็ไม่สามารถทำให้ผมรู้สึกอินหรือรับรู้ถึงความรู้สึกและความผูกพันของตัวละครได้มากเท่าไหร่นัก ซึ่งหลายๆเหตุการณ์ในพาร์ทนี้ดูบังเอิญเสียจนขาดความน่าเชื่อถือไปเลย
อย่างไรก็ตาม จุดที่ผมชอบที่สุดในหนัง คือคาแร็คเตอร์ "คริส" ที่แสดงโดยคริสเตียน เบล ตัวละครนี้ทำให้เรารับรู้และสัมผัสได้ถึงความรักที่เขามีต่ออาชีพการงาน (นักข่าว) และตัวนางเอกเอง แม้การนำเสนอตัวละครนี้อาจจะไม่ได้โดดเด่นและแสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทแรงกายมากนัก แต่ทว่าหากพิจารณากันอย่างถี่ถ้วน เขาแทบจะเป็นฮีโร่และผู้อยู่เบื้องหลังการมีชีวิตรอดของผู้คนที่หลบหนีออกมาจากเหตุการณ์นั้นได้ทั้งหมด จุดนี้ตอนจบผมนี่ชูฮกพี่แกจริงๆ ด้านตัวละคร "มิคาเอล" ของออสการ์ ไอแซ็ก ที่แม้เขาจะแบกหนังเอาไว้ทั้งเรื่อง แต่ส่วนตัวผมกลับรำคาญคาแร็คเตอร์นี้มาก มันเหมือนยังครึ่งๆกลางๆกับความคิดตัวเอง เหมือนไม่สามารถสร้างความชัดเจนให้กับตัวละครนี้ได้เลย ดูอ่อนแอชอบกล
ในภาพรวม "The Promise" ยังอาจขาดๆเกินๆไปบ้างในแง่ของอารมณ์หนัง แต่หากมองกันที่เรื่องราวในหนังแล้ว ผมเชื่อว่ามันคุ้มค่ากับค่าตั๋วที่เราจะได้เข้าไปรับชมเหตุการณ์ความรุนแรงที่แสนโหดร้ายบนโลก ซึ่งนอกจากความบันเทิงแล้ว เรายังจะได้เรียนรู้และตระหนักได้ถึงความโหดร้ายของคำว่าสงคราม ที่มักเกิดจากความโหยหาอำนาจของคนกลุ่มเล็กๆที่แทบจะไม่ตระหนักถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับคนบริสุทธิ์กลุ่มใหญ่ๆที่แทบจะไม่รู้ไม่เห็นเรื่องราวเหล่านี้เลย เชียร์ให้ลองชมดูครับ...
เพื่อนๆสามารถเข้าไปกดไลก์และติดตามการรีวิวหนังกันได้ที่ https://www.facebook.com/FeedbackMovies