[CR] มหากาพย์ การเดินทางกว่า 30,000 km รอบออสเตรเลียด้วยวีซ่า WAH <Part 2>

ก่อนการเดินทางเราจำเป็นที่ต้องโหลดแอพพลิเคชั่นตัวนึง คือ wikicamp ซึ่งมีประโยชน์มากๆสำหรับนักเดินทางในออสเตรเลีย โดยในแอพพลิเคชั่นจะมีบอกทุกอย่าง ทั้งแผนที่ที่สามารถโหลด offline map ได้ในกรณีที่ไม่มีสัญญาณอินเตอร์เนต บอกตำแหน่งสถานที่ท่องเที่ยว ห้องน้ำ ที่อาบน้ำ ที่พัก กิจกรรมและราคา โดยเราสามารถอ่านคอมเม้นได้ด้วยจากคนที่เคยเขียนรีวิวไว้ ซึ่งช่วยให้ง่ายต่อการติดสินใจมากขึ้นค่ะ ฉะนั้นใครที่มีแพลนจะเที่ยวในออสเตรเลีย ต้องโหลดแอพพลิเคชั่นตัวนี้ไว้ในมือถือนะจ๊ะ
รูทการเดินทางของเราก็จะตามนี้ค่ะ

Byron Bay – Gold Coast – Sunshine Coast – Agnes Water and Town of 1770 – Airlie Beach – Cardwell – Cairns – Mareeba  

การเดินทางของเราไม่มีการแพลนอะไรไว้ล่วงหน้าทั้งสิ้นค่ะ คิดแค่ว่าพรุ่งนี้จะไปไหนต่อ มีกิจกรรมอะไรทำบ้าง หาจากอินเตอร์เนต นิตยาสาร โบรชัวร์ หรือจากคำบอกเล่า อาจจะมีบางที่ที่เราชอบมาก อยากอยู่ต่อนานๆเราก็อยู่ต่อหลายวันค่ะ ว่างง!

ส่วนที่พักตลอดสองเดือนของการ road trip ต่อจากนี้เราจะพักที่ Caravan Park ตลอด ราคาจะอยู่ที่คืนละ $30-$45 ต่อคืนสำหรับ Power site ที่เราเลือก Power site เนื่องจากว่าเราจำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าในการเป่าลมที่นอน และสะดวกในการชาร์ตมือถือและโน้ตบุคด้วย แต่ถ้าไม่จำเป็น พักแบบ Unpower Site ราคาก็จะถูกลง ประหยัดไปได้เยอะเลยล่ะค่ะ มือถือเราก็สามารถเอาไปชาร์ตในครัวส่วนกลางได้ และนี่คือโฉมหน้าบ้านหลังใหม่ของเรา
มาเริ่มกันเลยค่ะกับที่แรก

Byron Bay
เป็นเมืองติดชายหาดที่คนค่อนข้างพลุกพล่าน แต่ก็ไม่เยอะจนเกินไป มีกิจกรรมให้ทำหลายอย่าง เช่น เดินขึ้นไปชม Lighthouse ปั่นจักรยาน เล่นเซิร์ฟ หรือจะพายคายักชมโลมา เราเองมีโอกาสได้ไปทัวร์คายักชมโลมา คลื่นแรงมาก เป็นครั้งแรกที่พายคายักแล้วรู้สึกเมาคลื่น แต่เราได้เห็นโลมาจริงๆค่ะ และใกล้มาก มาหลายตัวด้วยค่ะ น้ำตาจะไหล เค้าก็จะว่ายวนไปมาแล้วก็กระโดดโต้คลื่นโชว์ เราตื่นเต้นมากกกกก
Gold Coast
ชื่อเมืองนี้อาจคุ้นหูใครหลายๆคน จริงๆแล้ว Gold Coast อยู่ไม่ไกลจาก Brisbane มากนัก ที่นี่เป็นเมืองใหญ่เลยที่เดียว ใกล้ๆ Gold Coast ก็จะเป็น Surfer Paradise แต่เราเองไม่ได้ไปเที่ยวในเมืองมากนัก จะเน้นเที่ยวรอบๆมากกว่า เราได้ไป Currumbin sanctuary ซึ่งก็คือสวนสัตว์นั่นเอง ก็จะได้เห็นสัตว์หลากหลายชนิด รวมทั้งได้เข้าใกล้จิงโจ้และได้อุ้มโคอาล่าด้วย แต่ก็แอบสงสารเค้านะคะ

ที่พักเราติดชายหาดพอดี เค้าจะมี Paddle Board ให้เช่า เราก็เช่ามาลองพายดู สนุกมาก แต่เวลาลมแรงนี่ก็แอบยากเหมือนกัน เราเองตกน้ำไปหลายรอบ

และก็จะมีหาดที่ขึ้นชื่อ คือ Burleigh Head Beach ที่นี่คลื่นใหญ่และแรงมาก ก็จะเป็นที่ชื่นชอบสำหรับนักกระดานโต้คลื่นทั้งหลาย จะเห็นว่ามาคนมาเล่น surf เยอะมาก ส่วนใครที่อยากเล่นน้ำเฉยๆ ก็เล่นได้ค่ะ แต่ต้องอยู่ภายในโซนที่เค้าปักธงไว้เท่านั้นนะคะ ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อความปลอดภัยของเราเอง เพราะจะได้อยู่ในสายตาของ life guard เผื่อมีใครจมน้ำหรือโดนคลื่นซัดไป เค้าก็จะได้ให้ความช่วยเหลือได้ทันค่ะ

อุทยานในละแวกนี้ก็จะมี Spring Brook National Park ซึ่งเราไปมาแล้วก่อนหน้านี้ ครั้งนี้เลยไป Lamington National Park ซึ่งเป็นวันที่ฝนตกและเราก็ไม่ค่อยเห็นวิวอะไรเท่าไหร่ เพราะหมอกลงจัดมาก ลักษณะป่าในระแวกนี้ก็จะเป็น rainforest แบบบ้านเรานี่ล่ะ

Sunshine Coast
ถ้ามาที่นี่เราแนะนำให้ขับรถต่อไปอีกหน่อยจนถึง Noosa Heads เรายกให้ที่นี่เป็นหนึ่งในชายหาดที่เราประทับใจมาก ที่นี่จะมีในส่วนของอุทยาน ซึ่งเราสามารถทำการเดินรอบๆในลักษณะเป็น Loop ได้ จะมีจุดให้แวะชมและถ่ายรูปสวยๆกันหลายจุด และสามารถรอชมพระอาทิตย์ตกในตอนเย็นได้เช่นกันค่ะ

และนี่คือไฮไลท์ของที่นี่ค่ะ ได้ฉายาว่าเป็น Fairy Pool เวลาเดินต้องคอยสังเกตดูดีๆนะคะ เพราะจะไม่มีป้ายบอก
อาจจะเห็นว่าเป็นซอกหินที่มีน้ำขังธรรมดา แต่จริงๆแล้วไม่ธรรมดาเลย เพราะในนี้มีปะการังและดอกไม้ทะเลค่ะ และก็มีปลาตัวเล็กตัวน้อยว่ายอยู่ด้วย เราแอบเห็นลูกปลาไหลมอเร่ย์ลายหินอ่อนแอบอยู่ด้วยตัวนึง ตกใจว่ายหนีแทบไม่ทัน

ตรงชายหาดของ Noosa Heads ก็จะมีคายัก, surf และ paddle board ให้เช่าอีกด้วย เราก็ไม่พลาดค่ะ เช่าคายักมาพายเล่น
ตอนเย็นก็รอดูพระอาทิตย์ตกดิน

Agnes Water
ได้ชื่อว่าเป็นเมืองสุดท้ายของฝั่ง East Coast ที่สามารถเล่นเซิร์ฟได้ และค่าเรียนเซิร์ฟที่นี่ก็ถูกที่สุดด้วย เราเองก็เลยลองไปเรียนกะเค้ามาเหมือนกัน กับ Lazy Lizard Surf School ในระคา $22 สำหรับ 3ชม. ก็สนุกดีนะคะ ไม่ยากอย่างที่คิด เราสามารถยืนบนกระดานได้ตั้งแต่ครั้งแรกเลย และก็เป็นครั้งเดียว เอ๊ะ ยังงัย ? 555

Town of 1770
อ่านว่า ทาวน์ ออฟ เซเว่นทีน เซเวนตี้ ชื่อแปลกแฮะ ที่ได้ชื่อนี้ก็เพราะว่าในปี ค.ศ.1770 กัปตัน เจมส์ คุก ได้ล่องเรือมาและได้ขึ้นฝั่งบริเวณชายหาดแห่งนี้ เลยตั้งชื่อเมืองนี้ว่า Town of 1770 ซึ่งจริงๆแล้วก็จะอยู่ติดกับ Agnes Water เลยล่ะค่ะ ชายหาดที่นี่เป็นอีกชายหาดนึงที่สงบมากๆ เหมาะแก่การมาพักผ่อนแบบชิลๆเรื่อยเปื่อย เราเองจำได้ว่าอยู่ที่นี่เกือบอาทิตย์นึงเลยทั้งๆที่ก็ไม่มีกิจกรรมอะไรพิเศษ แต่กลับชอบบรรยากาศแบบบอกไม่ถูก

จาก Town of 1770 เราสามารถซื้อทริป Lady Musgrave Barrier Reef Cruise ได้ เราเห็นโบรชัวร์และรูปของเกาะ Lady Musgrave แล้วแทบกรี๊ด อีกทั้งทริปนี้ยังสามารถดำน้ำแบบ Scuba     ได้ด้วย เลยตัดสินใจไปจองทริปในบัดดล แต่สิ่งที่ไม่คาดฟันก็เกิดขึ้น ! หนึ่งวันก่อนวันออกทริปทางบริษัททัวร์ได้โทรมาแจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุไฟไหม้เครื่องยนต์ของเรือลำที่ออกทริปไปวันนี้ขณะอยู่กลางทะเล โชคดีมากที่ไม่มีใครเป็นอะไรและเคลื่อนย้ายไปเรือลำอื่นได้ทัน และเนื่องจากทางบริษัทมีเรือให้บริการแค่ลำเดียว และเป็นบริษัทเดียวที่ได้ให้บริการ เราเลยต้องยกเลิกทริปไปเพราะไม่สามารถอยู่รอจนกว่าเรือจะซ่อมเสร็จได้ ถือว่าโชคดีมากๆที่เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับเราเอง

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

Airlie Beach

แม้ว่าเราจะผิดหวังกับการที่ไม่ได้ไปชมแนวปะการังที่ใหญ่ที่สุดอย่าง Great Barrier Reef ที่ Lady Musgrave Island แล้ว แต่เราก็ยังไม่หมดหวัง ฮิฮิ เมื่อเรามาถึง Airlie Beach เราก็ทำการจองทริปออกไป Great Barrier Reef อีกครั้ง สนนราคา $245 ต่อคน รวมทุกอย่างทั้งอาหาร เครื่องดื่ม wetsuit และ snorkel สำหรับคนที่อยากดำน้ำแบบ Scuba ก็มีนะคะ เราจ่ายเพิ่มไป $168 สองไดฟ์ สำหรับ certified scuba diver แต่คนที่ไม่เคยดำมาก่อนก็สามารถดำได้เช่นกันค่ะ ราคาจะสูงกว่านี้หน่อย ที่นี่ดำง่ายมาก กระแสน้ำไม่แรง เหมาะกับนักดำน้ำประสบการณ์น้อยแบบเรา และมีบันไดให้เดินลงในน้ำสวยๆ ที่นี่ปลาเยอะดีค่ะ ปะการังจะเป็นปะการังแข็งซะส่วนใหญ่ เราเจอ bull ray ตัวใหญ่ประมาณเมตรนึง ปะการังเท่าที่เห็นก็ค่อนข้างสมบูรณ์มากเลยทีเดียว แต่ประเทศไทยของเราก็สวยไม่แพ้กันนะคะ

นักท่องเที่ยวส่วนมากจะมุ่งหน้ามา Airlie Beach เพราะชื่อเสียงอันโด่งดังของ Whiteheaven Beach ซึ่งเป็นหนึ่งในชายหาดที่สวยที่สุดในโลก Whiteheaven Beach ตั้งอยู่บนเกาะ Whitsundays ซึ่งการเดินทางไปที่นี่ก็จะสามารถทำได้โดยการนั่งเรือไปหรือใช้บริการ sea plane แล้วแต่งบประมาณของแต่ละคนเลยค่ะ และแน่นอนว่าเราไม่ได้ไป sea plane เพราะงกค่ะ เรากับแฟนและเพื่อนเยอรมันอีกสองคนได้ลงมติกันว่าเราจะไปค้างคืนบนชายหาดแห่งนี้เพื่อดื่มด่ำบรรยากาศ แต่ที่นี่ไม่รีสอร์ทหรือโรงแรม ร้านค้า อะไรทั้งสิ้น สิ่งที่เราสามารถทำได้คือขนเต็นท์และอุปกรณ์ camping ไปนอนในพื้นที่ที่ทางอุทยานจัดสรรไว้ให้ โดยจ่ายให้อุทยานคืนละประมาณคนละ $6/คืน ต้องทำการจองและขอนุญาติล่วงหน้าด้วยนะคะ การเดินทางไปเกาะ Whitsundays ทำได้โดยการนั่ง speed boat ที่นี่เค้าจะเรียกว่า scamper ราคาไป-กลับ $155/คน คือแพงมาก เราแอบตกใจนิดนึง สิ่งจำเป็นที่ทุกคนต้องเตรียมไปนากจากอุปกรณ์ camping แล้วก็คืออาหารและน้ำ เพราะบนเกาะจะไม่มีน้ำจืดให้ใช้เลย เราต้องเตรียมน้ำใส่แกนลอนใหญ่ๆไว้ เพื่อใช้ล้างหน้า แปรงฟัน รวมทั้งอาบน้ำด้วย ห้องน้ำบนเกาะก็จะเป็นแบบ long drop toilet นะคะ คือไม่มีน้ำ เป็นส้วมแบบชักโครกแต่ด้านล่างจะเป็นท่อยาวๆประมาณ 1 เมตร พอเราปล่อยของเสียลงไปก็จะกองรวมกันอยู่ตรงนั้นล่ะค่ะ เสร็จธุระเราก็ปิดฝาเพื่อไม่ให้กลิ่นออก ผู้หญิงอย่างเราก็ต้องมีความสตรองนิดนึงค่ะ ทิชชู่เปียกช่วยได้มาก

ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชม. ก็ถึง Whiteheaven Beach ก็จะเห็นคนที่มา Day trip อยู่บ้าง เราจัดการกางเต็นท์ เลือกที่ได้ตามใจชอบเลยค่ะ แต่ต้องอยู่ในส่วนที่อุทยานจัดไว้ให้นะคะ ซึ่งจะอยู่สุดหายเลย

วันที่เรามาอากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนพอดี น่าเสียดายมากๆ ถ้ามาวันที่อากาศดีๆจะสวยมาก น้ำทะเลที่นี่ก็ใสมากค่ะ เรา snorkel ตรงหน้าหาดเจอปลาสิงโตและพวก stingray ดูกันเพลินๆ

หลังจากเล่นน้ำกันจนพอใจแล้วเราก็เดินไปที่จุดชมวิว Hill Inlet Lookout กัน แต่…ขณะนั้นเวลาประมาณบ่ายสามโมง และจุดชมวิวห่างจากที่เราตั้งแคมป์ 7 กม. เราเดินผ่านไกด์ทัวร์คนนึงเค้าบอกว่าอย่าไปเลย มันไกลมากเลยนะ และตอนนี้น้ำก็จะขึ้นแล้ว อาจมีบางช่วงบางตอนที่ต้องลุยน้ำกันไป พวกเธอไปกันไม่ถึงหรอก แต่พวกเราก็ยังคงทำตามความตั้งใจเดิม เพราะจุดชมวิวแห่งนี้คือไฮไลท์ของ whiteheaven Beach เลยค่ะ ถ้าเราไม่ไป ก็เหมือนมาไม่ถึง
ฝนก็จะตก หนทางก็อีกยาวไกล โอยยยยยย >.<

Part 3 https://ppantip.com/topic/36516872
ชื่อสินค้า:   Work and Holiday in Australia
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่