มันอาจเริ่มมาจากอาการที่เรานอนไม่หลับติดต่อกันยาวนานเป็นสัปดาห์
และต่อเนื่องเป็นเดือนมาตั้งแต่ช่วงวัยรุ่น
ฝันเห็นภาพเดิมซ้ำๆเรื่อยมา เรานอนหลับยากมาก
บางคืนเราผวาตื่นกลางดึก,เที่ยงคืนครึ่งเป็นเวลาประจำของเรา
ตีสามถึงตีสี่เป็นเวลาที่ตาสว่าง และเราจะลุกมาเดินรอบๆบ้าน
นั่งเงียบอยู่ในบ้าน บางคืนก็ออกมามองฟ้ามองพระจันทร์ที่ค่อยๆจางหาย
มีบางคืนที่หลับไปแล้วแต่น้ำตาเปียกหมอน บางคืนสะดุ้งตื่นมาร้องไห้งอแง
บางคืนร่างกายล้าจนนอนนิ่งแต่ในหัวมีความคิดมากมายแล่นอยู่
มีเสียงของความครุ่นคิดไปต่างๆนาๆ
ทั้งปัญหาในชีวิต บาดแผลของใจ ความผิดหวังในตัวเอง
รวมถึงสถานะที่เราเจอ สภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราเครียดสะสม คิดวกวน ย้ำคิด ย้ำทำ
จนไม่สามารถปล่อยไปแล้วเข้านอนได้ง่ายๆ.
บางเช้าเราต้องฝืนลุกขึ้นมาด้วยความยากเพราะหน้าที่ของความเป็นแม่
บางคืนเรายังตาสว่างเพราะเพียงแค่คำบางคำที่ได้ยินได้ฟังมานั้นกระทบใจ
เรามักจะปวดหัวไมเกรนบ่อยมาก
โดยเฉพาะในเวลาบ่ายที่ร้อนอบอ้าวก่อนฝนจะตก เวลาที่เจอแดดนานๆ หรือเวลาที่ได้กลิ่นอับๆ
หรือนอนไม่หลับติดกันสักสองสามคืน
เราจะปวดตุ๊บๆอยู่ข้างขวาข้างเดียวแล้วลามมาที่กระบอกตา ปวดกราม ปวดไหล่หนักๆ
ถ้าวันไหนย้ายมาปวดอีกข้างก็มักจะอ้วกออกมาหมด จนไม่สามารถลุกมาทำอะไรได้เลย
การพบหมอระบบประสาทเริ่มจริงจังเมื่อ7-8ปีก่อน
เรามีอาการปวดไมเกรนจนต้องกินยาพาราหรือบูโทเฟ่นแก้ปวดทุกๆ4ชั่วโมง
บางครั้งปวดจนอ้วกเป็นน้ำขมๆ ต้องไปฉีดยาระงับปวดบ่อยๆ
จนเมื่อได้ไปพบหมอประสาทวิทยา หมอให้ยาป้องกันไมเกรน
ยาเพิ่มสารสื่อประสาทในสมอง และควบคู่กับยาแก้ปวด
เราใช้ยาโกเฟ่นวันละ4-6เม็ดจนต้องพกติดกระเป๋าตลอดเวลา ยานี้ออกฤทธิ์ไวมาก
แต่ในเวลานี้มันก็ช่วยได้แค่ทุเลาอาการปวดเท่านั้น
ต้องทายาหม่องที่ขมับ ไหล่ และหาที่เย็นๆ หรือเอาผ้าปิดตาให้มืดๆเงียบๆ
แล้วนอนหลับให้ได้ พอตื่นมาก็จะหายปวดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เรารู้ว่าทุกคนต่างมีปัญหาในชีวิตเหมือนกัน แต่คนเราทุกข์ไม่เท่ากัน สถานะความเป็นอยู่ไม่เท่ากัน
มุมมองความคิดอ่านไม่เหมือนกัน
บางคนพูดว่าให้ปล่อยวาง
อย่าคิดมาก มองโลกในแง่ดี
ให้คิดบวก,เรารู้ ทั้งด้วยการอ่าน การรับฟัง การปฎิบัติธรรม การสวดมนต์
การกิน สูบกัญชา หรือออกกำลังกายให้เหนื่อยๆจนหลับไป
เราได้ทดลองทำมาทุกวิถีทางแล้ว
แต่เราค้นพบว่าบางอย่างมันพอช่วยได้ในบางครั้ง
ย้ำ,บางอย่าง ,บางครั้งเท่านั้น.
เราเริ่มเข้ารับการรักษาต่อเนื่องจากหมอประสาทวิทยาที่โรงพยาบาลย่านพระราม9
คุณหมอจ่ายยาช่วยให้นอนหลับ และเราก็ติดมันจนไม่กินก็ไม่หลับ เลยคิดว่าไม่ใช่วิธีที่ถูกกับเรา
เราย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลเซ็นทรัลเยเนอรัล คุณหมอสมชายเป็นหมอประสาทวิทยาที่เราเคารพมาก
ทุกเดือนเค้าจะตรวจการทรงตัว สายตา การตอบสนองทางร่างกาย ทุกเดือนเราต้องไปพบหมอเพื่อตรวจอย่างละเอียดเดินต่อส้น,เดินหน้า ถอยหลัง, เอานิ้วจิ้มจมูกตัวเองแล้วจิ้มมือคุณหมอ ตรวจการสภาวะการนอน รักษาต่อเนื่องกับคุณหมอสมชายอยู่ประมาณ6ปี ได้ลองเปลี่ยนยา เพิ่มยา ลดยา ปรับยาไปมาอยู่หลายตัว เคยฝังเข็ม แสกนสมอง
แล้วก็ปรับยา ลดยา เพิ่มยา วนไปวนมาอยู่อย่างนั้นประมาณ6ปี
จนวันหนึ่งหมอพูดว่า"หมออยากให้หนูไปพบคุณหมอจิตเวชควบคู่กันไปด้วย เพราะหมอเองไม่รู้จะปรับยาให้หนูยังไงและบางทีอาจเป็นเรื่องของสภาพจิตใจร่วมด้วย"
ระหว่างการรักษา มันก็มีปัญหาชีวิตมากมายที่เราเล่าให้ใครฟังหรือลงรายละเอียดที่ลึกลงไปไม่ได้
ไม่เคยมีใครอยู่ใกล้ มีแค่ตัวเรากับลูก
คนรอบข้างกายเราก็ไม่สนใจที่จะฟังอย่างจริงจัง และบางครั้งเหมือนกับว่าเวลาเรามีอาการมันทำให้เค้าเบื่อหน่ายและรำคาญ
ตลอดมา ทุกครั้งที่ไปพบหมอเราก็ไปเองคนเดียว จนคุณหมอสมชายแนะนำให้พบคุณหมอที่ศรีธัญญา
เราก็ไปของเราคนเดียว
หลายคนรู้ว่าเราป่วย ป่วยไข้ทางอารมณ์ เรายอมรับแต่โดยดีว่าสภาพจิตใจเราไม่ปกติ
เรารับเรื่องราวหนักๆไม่ไหว
เราซึมเศร้า หดหู่ สิ้นหวัง รู้สึกจม นอนติดเตียงยาวๆหลายวันสลับกับร่าเริง
ยิ้มง่ายหัวเราะง่าย มีฝัน มีไฟแรงอยากทำนั่นทำนี่ พลังเยอะ
มันวนๆไปมาอยู่อย่างนี้ประจำๆ
มีญาติบางคนได้พูดลับหลังเราว่าเราคุ้มดีคุ้มร้าย พี่น้องเราได้พูดกันว่าเรา'มันเพี้ยนสุดๆ'
ใช่,เมื่อเราเจ็บจากการถูกกระทำ ถูกดูหมิ่น ถูกพิพากษาด้วยคำที่เค้าสรุปให้เราเป็น
"มันไม่มีสติ มันเป็นบ้า หรือแม้กระทั่งคำดูถูกที่ว่า "มันขายของที่ตัวสะสมจนหมดแล้วต่อไปจะขายอะไร? .. "
คำว่า"เรากับลูกเป็นภาระ เป็นคนทำให้ชีวิตเค้าไม่เจริญก้าวหน้า "
"โตขนาดนี้ยังต้องให้แม่ ให้คนอื่นช่วยเหลือ"
คำที่ว่า"อีบ้า ไปตายไกลๆ"
รวมทั้งการทำงานที่เหนื่อย ร้อน เครียดจนอ้วก
การที่ต้องเลี้ยงลูกด้วยสภาวะที่ไม่มั่นคง มันได้บั่นทอนเรามาเรื่อยๆ ทำให้เราผิดหวังกับตัวเอง
และเราก็ช่างรู้สึกเหลือเกิน.
เวลาที่เราแย่ที่สุด เราเคยต้องการให้คนที่เรารักรับฟัง
แค่โทรมาหรือพิมพ์คุยกับเราหน่อยได้ไหม
แค่เค้าได้ตอบว่า "ไม่ว่างทำงานอยู่"
แค่นั้น เราก็เจ็บมาก รู้สึกเคว้งจนจมดิ่งเหลือเกิน
แต่เค้าเหล่านั้นไม่ได้รู้ ไม่ได้มาเห็นเราในสภาพที่เราทรุดจริงๆ
เพราะเราอธิบายไม่ได้..เราจึงเลือกจะเก็บทุกอย่างไว้คนเดียว
เราตั้งใจว่าจะเลี้ยงลูกให้ดี เป็นทั้งพ่อและแม่ให้ลูก จะทำงานที่เรารักให้สนุก
เราอยากบอกทุกคนว่าเวลาที่เราขอแค่คนรับฟัง เราขอแค่หนึ่งนาทีก็ยังดี
แต่ก็กลายเป็นว่าเค้าได้พิพากษาเราไปแล้ว...แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ ?
เราจึงเลือกที่จะนิ่งเงียบ และแสดงให้เค้าเห็นเราแค่มุมที่สดใส มุมที่เค้าอยากให้เราเป็นเท่านั้น..
อยากระบายมากเลยนะ
อยากให้มีคนรับฟังแม้กระทั่งความคิดเพี้ยนๆของเรา เราก็อยากแบ่งปันนะ
แต่เรามองไม่เห็นว่าจะพูดออกไปได้ยังไง
เราจึงเหมือนมีสองคนในร่างเดียว
คนที่เป็นแสง คนที่เป็นเงา.
เราพบนักบำบัด พบคุณหมอ แต่เราก็บอกได้ไม่หมด
ไม่เคยบอกอาการลึกๆว่าเราคิดแต่จะฆ่าตัวตายมานานมากเหลือเกิน
มันวนอยู่ในหัวเรามาตลอด เรากลัวจะถูกวินิจฉัยว่าบ้าแล้วต้องเข้าไปอยู่ในหอผู้ป่วยแล้วจะไม่มีใครดูแลลูก
เค้ามีเราแค่คนเดียว เรามีกันแค่สองคนแม่ลูก
เราได้ทดลองวิธีต่างๆเรื่อยมา แต่แล้วด้วยความอ่อนแอ ความกลัว ความห่วงเราจึงไม่สำเร็จมันสักที
เราแย่นะ เราเคยอยากพาตัวเองและลูกไปตาย ในหัววางแผนเตรียมตัวตายเสมอ
เพราะคิดว่าการนอนหลับไปนิรันดร์คือการพักผ่อนที่ดีที่สุด
เรารับเรื่องราวอะไรไม่ไหว
เรารู้สึกว่าเจ็บมามากไปแล้ว รู้เห็นอะไรจนพอใจแล้ว
แต่มันก็ไม่ใช่เวลาตายหรอก เรารู้ดี ?
เราจึงยังต้องทนอยู่
อยู่ให้ผ่านทุกวันต่อไป...
เราเขียนบันทึกเอาไว้เสมอ
และเหล่านี้คือถ้อยคำสะเปะสะปะที่เราจดเอาไว้
เราได้มาเปิดเผยที่นี่เพราะ เหมือนกับว่ามีคนเข้าใจเราบ้าง
วันนี้เรามาพบคุณหมอครั้งที่เท่าไรก็ไม่รู้ เราเลิกนับไปแล้ว
หลังจากที่ปรับยาแล้วค่อนข้างดีขึ้น
เรากินยาต้านเศร้า ยาต้านอาการวิตกกังวล
ยาช่วยให้นอนหลับ ยาป้องกันไมเกรน
ช่วงนี้มีอารมณ์แจ่มใสมากกว่าความหดหู่
แต่ความคิดที่จะหนีปัญหาด้วยการตายก็ยังไม่หายไป
มันยังมีบางวัน บางคืนที่เรารู้สึกหมดแรง มองไม่เห็นทางที่จะไป
เราพยายามเข้าใจตัวเองว่ามันเป็นอาการของโรค
เข้าใจว่าทุกคนต่างป่วยไข้ ต่างบอบช้ำ
เราอยากร่าเริง อยากสดใส แต่ตอนนี้ บางแผลก็ยังบาดลึกจนเราหัวเราะไม่ออกจริงๆ.
เราคิดว่าการมาพบหมอคือวิธีที่ดีที่สุด
พยายามพาตัวเองออกไปวิ่งทุกเช้าที่ไหว
ให้อภัยทุกคนที่ทำร้ายเรา ให้อภัยตัวเราเองที่เคยพลาด ที่เคยทำร้ายใคร และมีความหวัง
หวังว่ามันจะดีขึ้น...
ขอบคุณสำหรับกำลังใจในกระทู้ก่อนหน้านี้
และขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆคนเช่นกันค่ะ
ขอบคุณพันทิปค่ะ
ณ ขณะนั้นฉันเศร้า * เข้าใจและไม่เข้าใจ
และต่อเนื่องเป็นเดือนมาตั้งแต่ช่วงวัยรุ่น
ฝันเห็นภาพเดิมซ้ำๆเรื่อยมา เรานอนหลับยากมาก
บางคืนเราผวาตื่นกลางดึก,เที่ยงคืนครึ่งเป็นเวลาประจำของเรา
ตีสามถึงตีสี่เป็นเวลาที่ตาสว่าง และเราจะลุกมาเดินรอบๆบ้าน
นั่งเงียบอยู่ในบ้าน บางคืนก็ออกมามองฟ้ามองพระจันทร์ที่ค่อยๆจางหาย
มีบางคืนที่หลับไปแล้วแต่น้ำตาเปียกหมอน บางคืนสะดุ้งตื่นมาร้องไห้งอแง
บางคืนร่างกายล้าจนนอนนิ่งแต่ในหัวมีความคิดมากมายแล่นอยู่
มีเสียงของความครุ่นคิดไปต่างๆนาๆ
ทั้งปัญหาในชีวิต บาดแผลของใจ ความผิดหวังในตัวเอง
รวมถึงสถานะที่เราเจอ สภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราเครียดสะสม คิดวกวน ย้ำคิด ย้ำทำ
จนไม่สามารถปล่อยไปแล้วเข้านอนได้ง่ายๆ.
บางเช้าเราต้องฝืนลุกขึ้นมาด้วยความยากเพราะหน้าที่ของความเป็นแม่
บางคืนเรายังตาสว่างเพราะเพียงแค่คำบางคำที่ได้ยินได้ฟังมานั้นกระทบใจ
เรามักจะปวดหัวไมเกรนบ่อยมาก
โดยเฉพาะในเวลาบ่ายที่ร้อนอบอ้าวก่อนฝนจะตก เวลาที่เจอแดดนานๆ หรือเวลาที่ได้กลิ่นอับๆ
หรือนอนไม่หลับติดกันสักสองสามคืน
เราจะปวดตุ๊บๆอยู่ข้างขวาข้างเดียวแล้วลามมาที่กระบอกตา ปวดกราม ปวดไหล่หนักๆ
ถ้าวันไหนย้ายมาปวดอีกข้างก็มักจะอ้วกออกมาหมด จนไม่สามารถลุกมาทำอะไรได้เลย
การพบหมอระบบประสาทเริ่มจริงจังเมื่อ7-8ปีก่อน
เรามีอาการปวดไมเกรนจนต้องกินยาพาราหรือบูโทเฟ่นแก้ปวดทุกๆ4ชั่วโมง
บางครั้งปวดจนอ้วกเป็นน้ำขมๆ ต้องไปฉีดยาระงับปวดบ่อยๆ
จนเมื่อได้ไปพบหมอประสาทวิทยา หมอให้ยาป้องกันไมเกรน
ยาเพิ่มสารสื่อประสาทในสมอง และควบคู่กับยาแก้ปวด
เราใช้ยาโกเฟ่นวันละ4-6เม็ดจนต้องพกติดกระเป๋าตลอดเวลา ยานี้ออกฤทธิ์ไวมาก
แต่ในเวลานี้มันก็ช่วยได้แค่ทุเลาอาการปวดเท่านั้น
ต้องทายาหม่องที่ขมับ ไหล่ และหาที่เย็นๆ หรือเอาผ้าปิดตาให้มืดๆเงียบๆ
แล้วนอนหลับให้ได้ พอตื่นมาก็จะหายปวดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เรารู้ว่าทุกคนต่างมีปัญหาในชีวิตเหมือนกัน แต่คนเราทุกข์ไม่เท่ากัน สถานะความเป็นอยู่ไม่เท่ากัน
มุมมองความคิดอ่านไม่เหมือนกัน
บางคนพูดว่าให้ปล่อยวาง
อย่าคิดมาก มองโลกในแง่ดี
ให้คิดบวก,เรารู้ ทั้งด้วยการอ่าน การรับฟัง การปฎิบัติธรรม การสวดมนต์
การกิน สูบกัญชา หรือออกกำลังกายให้เหนื่อยๆจนหลับไป
เราได้ทดลองทำมาทุกวิถีทางแล้ว
แต่เราค้นพบว่าบางอย่างมันพอช่วยได้ในบางครั้ง
ย้ำ,บางอย่าง ,บางครั้งเท่านั้น.
เราเริ่มเข้ารับการรักษาต่อเนื่องจากหมอประสาทวิทยาที่โรงพยาบาลย่านพระราม9
คุณหมอจ่ายยาช่วยให้นอนหลับ และเราก็ติดมันจนไม่กินก็ไม่หลับ เลยคิดว่าไม่ใช่วิธีที่ถูกกับเรา
เราย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลเซ็นทรัลเยเนอรัล คุณหมอสมชายเป็นหมอประสาทวิทยาที่เราเคารพมาก
ทุกเดือนเค้าจะตรวจการทรงตัว สายตา การตอบสนองทางร่างกาย ทุกเดือนเราต้องไปพบหมอเพื่อตรวจอย่างละเอียดเดินต่อส้น,เดินหน้า ถอยหลัง, เอานิ้วจิ้มจมูกตัวเองแล้วจิ้มมือคุณหมอ ตรวจการสภาวะการนอน รักษาต่อเนื่องกับคุณหมอสมชายอยู่ประมาณ6ปี ได้ลองเปลี่ยนยา เพิ่มยา ลดยา ปรับยาไปมาอยู่หลายตัว เคยฝังเข็ม แสกนสมอง
แล้วก็ปรับยา ลดยา เพิ่มยา วนไปวนมาอยู่อย่างนั้นประมาณ6ปี
จนวันหนึ่งหมอพูดว่า"หมออยากให้หนูไปพบคุณหมอจิตเวชควบคู่กันไปด้วย เพราะหมอเองไม่รู้จะปรับยาให้หนูยังไงและบางทีอาจเป็นเรื่องของสภาพจิตใจร่วมด้วย"
ระหว่างการรักษา มันก็มีปัญหาชีวิตมากมายที่เราเล่าให้ใครฟังหรือลงรายละเอียดที่ลึกลงไปไม่ได้
ไม่เคยมีใครอยู่ใกล้ มีแค่ตัวเรากับลูก
คนรอบข้างกายเราก็ไม่สนใจที่จะฟังอย่างจริงจัง และบางครั้งเหมือนกับว่าเวลาเรามีอาการมันทำให้เค้าเบื่อหน่ายและรำคาญ
ตลอดมา ทุกครั้งที่ไปพบหมอเราก็ไปเองคนเดียว จนคุณหมอสมชายแนะนำให้พบคุณหมอที่ศรีธัญญา
เราก็ไปของเราคนเดียว
หลายคนรู้ว่าเราป่วย ป่วยไข้ทางอารมณ์ เรายอมรับแต่โดยดีว่าสภาพจิตใจเราไม่ปกติ
เรารับเรื่องราวหนักๆไม่ไหว
เราซึมเศร้า หดหู่ สิ้นหวัง รู้สึกจม นอนติดเตียงยาวๆหลายวันสลับกับร่าเริง
ยิ้มง่ายหัวเราะง่าย มีฝัน มีไฟแรงอยากทำนั่นทำนี่ พลังเยอะ
มันวนๆไปมาอยู่อย่างนี้ประจำๆ
มีญาติบางคนได้พูดลับหลังเราว่าเราคุ้มดีคุ้มร้าย พี่น้องเราได้พูดกันว่าเรา'มันเพี้ยนสุดๆ'
ใช่,เมื่อเราเจ็บจากการถูกกระทำ ถูกดูหมิ่น ถูกพิพากษาด้วยคำที่เค้าสรุปให้เราเป็น
"มันไม่มีสติ มันเป็นบ้า หรือแม้กระทั่งคำดูถูกที่ว่า "มันขายของที่ตัวสะสมจนหมดแล้วต่อไปจะขายอะไร? .. "
คำว่า"เรากับลูกเป็นภาระ เป็นคนทำให้ชีวิตเค้าไม่เจริญก้าวหน้า "
"โตขนาดนี้ยังต้องให้แม่ ให้คนอื่นช่วยเหลือ"
คำที่ว่า"อีบ้า ไปตายไกลๆ"
รวมทั้งการทำงานที่เหนื่อย ร้อน เครียดจนอ้วก
การที่ต้องเลี้ยงลูกด้วยสภาวะที่ไม่มั่นคง มันได้บั่นทอนเรามาเรื่อยๆ ทำให้เราผิดหวังกับตัวเอง
และเราก็ช่างรู้สึกเหลือเกิน.
เวลาที่เราแย่ที่สุด เราเคยต้องการให้คนที่เรารักรับฟัง
แค่โทรมาหรือพิมพ์คุยกับเราหน่อยได้ไหม
แค่เค้าได้ตอบว่า "ไม่ว่างทำงานอยู่"
แค่นั้น เราก็เจ็บมาก รู้สึกเคว้งจนจมดิ่งเหลือเกิน
แต่เค้าเหล่านั้นไม่ได้รู้ ไม่ได้มาเห็นเราในสภาพที่เราทรุดจริงๆ
เพราะเราอธิบายไม่ได้..เราจึงเลือกจะเก็บทุกอย่างไว้คนเดียว
เราตั้งใจว่าจะเลี้ยงลูกให้ดี เป็นทั้งพ่อและแม่ให้ลูก จะทำงานที่เรารักให้สนุก
เราอยากบอกทุกคนว่าเวลาที่เราขอแค่คนรับฟัง เราขอแค่หนึ่งนาทีก็ยังดี
แต่ก็กลายเป็นว่าเค้าได้พิพากษาเราไปแล้ว...แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ ?
เราจึงเลือกที่จะนิ่งเงียบ และแสดงให้เค้าเห็นเราแค่มุมที่สดใส มุมที่เค้าอยากให้เราเป็นเท่านั้น..
อยากระบายมากเลยนะ
อยากให้มีคนรับฟังแม้กระทั่งความคิดเพี้ยนๆของเรา เราก็อยากแบ่งปันนะ
แต่เรามองไม่เห็นว่าจะพูดออกไปได้ยังไง
เราจึงเหมือนมีสองคนในร่างเดียว
คนที่เป็นแสง คนที่เป็นเงา.
เราพบนักบำบัด พบคุณหมอ แต่เราก็บอกได้ไม่หมด
ไม่เคยบอกอาการลึกๆว่าเราคิดแต่จะฆ่าตัวตายมานานมากเหลือเกิน
มันวนอยู่ในหัวเรามาตลอด เรากลัวจะถูกวินิจฉัยว่าบ้าแล้วต้องเข้าไปอยู่ในหอผู้ป่วยแล้วจะไม่มีใครดูแลลูก
เค้ามีเราแค่คนเดียว เรามีกันแค่สองคนแม่ลูก
เราได้ทดลองวิธีต่างๆเรื่อยมา แต่แล้วด้วยความอ่อนแอ ความกลัว ความห่วงเราจึงไม่สำเร็จมันสักที
เราแย่นะ เราเคยอยากพาตัวเองและลูกไปตาย ในหัววางแผนเตรียมตัวตายเสมอ
เพราะคิดว่าการนอนหลับไปนิรันดร์คือการพักผ่อนที่ดีที่สุด
เรารับเรื่องราวอะไรไม่ไหว
เรารู้สึกว่าเจ็บมามากไปแล้ว รู้เห็นอะไรจนพอใจแล้ว
แต่มันก็ไม่ใช่เวลาตายหรอก เรารู้ดี ?
เราจึงยังต้องทนอยู่
อยู่ให้ผ่านทุกวันต่อไป...
เราเขียนบันทึกเอาไว้เสมอ
และเหล่านี้คือถ้อยคำสะเปะสะปะที่เราจดเอาไว้
เราได้มาเปิดเผยที่นี่เพราะ เหมือนกับว่ามีคนเข้าใจเราบ้าง
วันนี้เรามาพบคุณหมอครั้งที่เท่าไรก็ไม่รู้ เราเลิกนับไปแล้ว
หลังจากที่ปรับยาแล้วค่อนข้างดีขึ้น
เรากินยาต้านเศร้า ยาต้านอาการวิตกกังวล
ยาช่วยให้นอนหลับ ยาป้องกันไมเกรน
ช่วงนี้มีอารมณ์แจ่มใสมากกว่าความหดหู่
แต่ความคิดที่จะหนีปัญหาด้วยการตายก็ยังไม่หายไป
มันยังมีบางวัน บางคืนที่เรารู้สึกหมดแรง มองไม่เห็นทางที่จะไป
เราพยายามเข้าใจตัวเองว่ามันเป็นอาการของโรค
เข้าใจว่าทุกคนต่างป่วยไข้ ต่างบอบช้ำ
เราอยากร่าเริง อยากสดใส แต่ตอนนี้ บางแผลก็ยังบาดลึกจนเราหัวเราะไม่ออกจริงๆ.
เราคิดว่าการมาพบหมอคือวิธีที่ดีที่สุด
พยายามพาตัวเองออกไปวิ่งทุกเช้าที่ไหว
ให้อภัยทุกคนที่ทำร้ายเรา ให้อภัยตัวเราเองที่เคยพลาด ที่เคยทำร้ายใคร และมีความหวัง
หวังว่ามันจะดีขึ้น...
ขอบคุณสำหรับกำลังใจในกระทู้ก่อนหน้านี้
และขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆคนเช่นกันค่ะ
ขอบคุณพันทิปค่ะ