เริ่มกันเลยดีกว่า...ทริปนี้เป็นการไปยุโรปครั้งแรก หลังจากตะลุยแต่โซนเอเชียมานาน อยากเห็นอะไรใหม่ ๆ แปลกตาบ้าง ลังเลอยู่นานระหว่าง ยุโรปตะวันออก กับประเทศในฝันอย่างสวิตเซอร์แลนด์ สุดท้ายขอไปตามฝัน....สวิตเซอร์แลนด์ ครั้งแรกขอเริ่มที่นี่เลยละกัน

บอกก่อนค่ะ จริง ๆ แล้ว ชอบเที่ยวเอง แต่ทริปนี้ ไม่มีเวลาหาข้อมูลจริง ๆ งานยุ่งมาก เลยต้องตัดสินใจไปกับ "ทัวร์" ลองดู ครั้งแรกกับยุโรป ไปเห็นกับตาซักครั้งก่อนว่าเป็นยังไง เผื่อมีโอกาสไปอีกจะได้ไปเองได้

อีกอย่าง...เห็นรีวิวเที่ยวยุโรปเองเยอะมากแต่หารีวิวที่ไปกับทัวร์ไม่ค่อยมีเลย คิดว่ารีวิวนี้ น่าจะมีประโยชน์กับคนที่ตัดสินใจไปกับทัวร์บ้าง

ขอเริ่มต้นจากการเตรียมตัวก่อนนะคะ ตั้งแต่การหาทัวร์ที่ใช่ การติดต่อกับทัวร์ การทำวีซ่า การแลกเงิน เก็บกระเป๋า และเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
รีวิวนี้ ภาพเลยอาจจะน้อยหน่อย ออกตัวไว้ก่อน

เริ่มจากการเลือกทัวร์ที่เราอยากไป ขอบอกว่า หาข้อมูลเยอะมาก เอามาเปรียบเทียบกับแบบชอตต่อชอต 55555 บินสายการบินอะไร นอนกี่คืน พักที่ไหน เที่ยวที่ไหน ได้พาไปที่ที่เป็นไฮไลท์หรือเปล่า มีฟรีเดย์มั้ย กินเองกี่มื้อ รวมค่าวีซ่าหรือเปล่า จ่ายค่าอะไรเพิ่มบ้าง (ค่าทิปพนักงานขับรถ ค่าทิปหัวหน้าทัวร์) มีส่วนลด ของแถมอะไรเพิ่มมั้ย แบบว่าละเอียดมากกกกกกกก

ข้อมูลที่หาก็จาก pantip บ้าง website บ้าง Blog บ้าง Facebook บ้าง ถามเพื่อน ๆ ที่เคยไปบ้าง

ก็จากเป็นสิบ ๆ บริษัท เหลือที่เข้ารอบ 2 บริษัท คราวนี้ก็ได้เวลาโทรไป ขอบอกเลยว่า พนักงานของทัวร์ที่คุยกับเรา ให้ข้อมูลเราเนี่ยแหละ สำคัญมาก  First Impression ความใส่ใจ กริยามารยาทในการคุย เพราะสุดท้ายที่เราเลือกทัวร์ที่ใช้บริการครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเพราะเจ้าหน้าที่ของอีกบริษัทพูดจาไม่น่าประทับใจ ไม่มีการติดตามผล ไม่สนใจลูกค้า ก็โอเคเซย์กู้ดบาย ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ สนใจโปแกรมของบริษัทนั้นมากกว่าด้วยซ้ำ

และแล้วก็ได้ผู้ชนะเลิศเพียงบริษัทเดียว........แกรนด์สวิตเซอร์แลนด์ 8 วัน 6 คืน เดินทาง 28 เม.ย. – 5 พ.ค. 60

ตอนต่อไป ก็มาถึงการคอนเฟิร์มกับทัวร์  ปกติ ทัวร์จะคอนเฟิร์มกรุ๊ปถ้าได้คนตามกำหนด กรุ๊ปที่จอง ทางบริษัทคอนเฟิร์มว่าออกแน่นอน ไม่มีการยกเลิกกรุ๊ป มัดจำได้เลย ภายใน 3 วัน หลังจากได้เมล์แจ้ง เราเดินทาง 2 คน ก็มัดจำไป 40,000 บาท ที่เหลือจ่ายก่อนออกเดินทาง 15 วัน

หลังจากนั้น ก็รอนัดยื่นเอกสารเพื่อขอวีซ่า และนัดวันเข้าไปสแกนลายนิ้วมือและแสดงตัวเพื่อออกวีซ่า ซึ่งทางบริษัททัวร์บอกว่าจะแจ้งรายละเอียดและวันนัดหลังสงกรานต์ค่ะ ที่เหลือก็รอๆๆๆๆๆ แล้วก็รอ ระหว่างที่รอเพื่อไม่ให้เสียเวลาก็จัดเตรียมเอกสารสำหรับยื่นวีซ่าของตัวเองและของลูกชายไว้จะได้ไม่ฉุกละหุก แล้วก็นั่งดูข้อมูลประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่เที่ยวต่าง ๆ ที่ที่ราจะไป เผื่อไว้หน่อย รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง (เกี่ยวกันป่าวหว่า 555)

เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ...... ตัดภาพมาก่อนวันหยุดยาวสงกรานต์  ซึ่งสำหรับเรามันดูกระชั้นชิดมากกับการไปเที่ยววันที่ 28 เมษา กับการทำวีซ่า แต่ก็พยายามใจเย็น รอการติดต่อจากบริษัททัวร์ ซึ่งคิดว่าน่าจะติดต่อมาก่อนหยุดสงกรานต์ ไม่งั้นหยุดยาว เปิดมาอาจจะไม่ทัน อย่างน้อยน่าจะนัดและแจ้งรายละเอียดเรื่องเอกสารก่อน  อย่างน้อยเขาคงบอกเราล่วงหน้าซัก 2-3 วันจะได้มีเวลาส่งเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการยื่นวีซ่าให้ มีเวลาลางานล่วงหน้า แต่..................เงียบค่ะ

สุดท้ายก็ต้องโทรไปถามว่ายังไงคะ..... 3 รอบ แค่นั้น เพราะไม่เจอเจ้าหน้าที่ที่เป็นคนดูแลทริปนี้ เริ่มมีอารมณ์แล้วนะ ฝากเรื่องให้โทรกลับ สุดท้ายก็ติดต่อมาซะที ในวันที่ 9 เมษา messenger ของบ.ทัวร์ มารับเอกสารวันที่ 10   นัดทำวีซ่าวันที่ 19 ดีนะ ที่เอกสารพร้อม ลางานได้  
ยังไม่จบค่ะ แม้กระทั่งเงินค่าทัวร์ที่เหลือที่จะต้องจ่าย เราก็ต้องโทรไปถามว่า จะเก็บมั้ยคะ ออกจะเพลียกับเธอจริง ๆ นี่พี่ใจเย็นสุด ๆ แล้วนะ ถ้าเป็นเมื่อก่อน น้องคงหูชาไปแล้ว

จบเรื่องของเจ้าหน้าที่ประสานงานทัวร์ มาดูรายละเอียดการไปสแกนลายนิ้วมือและแสดงตัวดีกว่าค่ะ    ทางบริษัททัวร์ นัดเจอที่ ศูนย์ TLS Contact สาทรซิตี้ทาวเวอร์ วันพุธที่ 19 เมษา เวลา 10.00 ให้ไปก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง พิกัดตามนี้เลยค่ะ  
พอมาถึงก็จัดการแลกบัตรที่เคาน์เตอร์ด้านล่าง และขึ้นบันไดเลื่อนไป เจ้าหน้าที่จะให้บัตรผ่านเพื่อเอาไว้สแกนเพื่อขึ้นตึก  เราต้องไปขึ้นลิฟท์เพื่อไปชั้น 12 ต้องฝากโทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์สื่อสารไว้ข้างนอก มีเจ้าหน้าที่ของทัวร์ พาไปในช่องยื่นวีซ่าสวิตเซอร์แลนด์ รอเจ้าหน้าที่เรียก สแกนลายนิ้วมือ ถ่ายรูป ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที เร็วมาก ๆ

ที่เหลือก็รอว่าวีซ่าจะผ่านหรือเปล่า วันที่ 24 ก็ไลน์ไปถามเรื่องวีซ่าเหมือนเคย ไม่มีการโทรมาหรือไลน์มาบอก เราต้องเป็นคนติดต่อไปตลอด

ได้มาแล้วจ้า วีซ่าเชงเก้น แบบ Multiple มีอายุ 1 ปี  

วีซ่าผ่าน ก็โอนเงินที่เหลือไปให้ อีก 3 วัน จะได้เดินทางแล้วจ้า

จบจากวีซ่า ที่นี้ก็มาถึงเรื่องแลกเงิน เราฝากพี่ที่ทำงานไปแลกที่ SuperRich ตอนนั้น เรทอยู่ที่ 34.50 บาท / 1 CHF (สวิส ใช้เงินฟรังสวิสนะคะ ไปประเทศเดียวเลยไม่ต้องแลกเงินยูโร) เอาเงินไปเป็นฟ่อน ได้กลับมาไม่กี่ใบเอง 555

เสร็จเรื่องเงิน ก็ไปจัดการเรื่อง internet…. เราซื้อ SIM 2 Flัy ของ AIS ไป ราคา 899 บาท ใช้ได้ 15 วัน ใช้ net 4G ได้ 3 GB หลังจากนั้น speed จะลดลง มีติดเอาไว้ เผื่อหลง หรือหาข้อมูลนิดๆ หน่อย ๆ การใช้งานก็โอเคนะคะ เร็วใช้ได้ อยู่บนจุงเฟรา บนรถโค้ช รถไฟ ขึ้นเขาข้ามเมือง ก็สัญญาณจัดว่าดีเลย   จะมีบ้างตอนมุดอุโมงค์ที่สัญญาณหาย ก็ถือว่าปกติ เราใช้เล่น FB อัพรูป เล่น line โทร line   ก่อนกลับ เหลือ net อีกเพียบ ใช้ไปแค่ 400 กว่า MB ก่อนกลับ ใช้โหลด clip ไว้ดูบนเครื่องบินหมดเลย (โรงแรมที่เราพัก มี wifi ให้ใช้ทุกที่ค่ะ เลยใช้ net ตัวเองเฉพาะตอนกลางวัน)

ปลั๊กไฟ ที่สวิสใช้ปลี๊ก 2 ขากลม นะคะ ดังนั้น เตรียม universal travel adapter ไปด้วย ถ้าใครมีโทรศัพท์ มี tablet หรือ power bank จะเตรียมปลั๊ก 3 ตา ไปด้วยก็ไม่ว่ากันนะคะ

มาจัดกระเป๋ากันดีกว่า สายการบิน Swiss Air ให้น้ำหนักกระเป๋าโหลด 23 กก. เราเอากระเป๋าใบใหญ่สุดไป ของลูกชายใบเล็กลงมานิดนึง เสื้อผ้าเน้นฮีทเทค เสื้อแขนยาวผ้าฟลีท ไหมพรม มีแจ๊คเก็ตและโค้ต 2 ตัว กางเกงก็ยีนส์ (ใส่ซ้ำเอาบ้าง จะได้ไม่ต้องแบกไปเยอะ) มีเลกกิ้งไว้ใสข้างในกันหนาว เหลือพื้นที่ไว้ใส่ของกลับมาพอสมควรเลย

ก่อนเดินทาง 2 วัน คุณไกด์ โทรมานัดแนะ เวลา จุดนัดพบที่สุวรรณภูมิ บอกสภาพอากาศที่สวิส ตอนนั้นอากาศจากเริ่มอุ่น กลับมาหนาวอีกรอบ ที่ซูริค อุณหภูมิ ต่ำสุดอยู่ที่ 2-4 องศาเอง หนาวววววแน่ ๆ


จบ.....การเตรียมตัวก่อนเดินทาง ต่อไปก็มาลุยกันเลยค่ะ สวิสเซอร์แลนด์ แดนในฝัน >>> การเดินทางวันแรก จากกรุงเทพ – ซูริค อย่าลืมตามไปอ่านกันได้นะคะ

ตามไปให้กำลังใจกันต่อ ตอนที่ 2 ที่นี่นะคะ https://ppantip.com/topic/36518170