สมัยนี้ผมเห็นมีการ Review สินค้าใหม่ๆ อยู่มากมาย แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นการ Review แค่ช่วงเวลาสั้นๆ
ทดสอบการใช้งานแค่ตอนได้รับสินค้าหรือซื้อมาใหม่ๆ เท่านั้น
ผมก็เลยรู้สึกสนุก อยากลอง Review สินค้าที่ผ่านการใช้งานนานๆ บ้าง
ครั้งนี้ผมจึงลองทำ Review สินค้าที่ผ่านการใช้งานจริง ทดสอบจริง สภาพหลังการใช้งานจริง มาให้ดูครับ
ตัวสินค้าคือ Keyboard ของ SUH เป็น PS/2 port ซื้อมาเมื่อปี 2001 ราคาตอนนั้นไม่น่าเกิน 250 บาท

ดูรูปตอนเป็นสินค้าใหม่ ดูสวยงาม สาเหตุที่ผมเลือกใช้ตัวนี้ก็เพราะการออกแบบที่ "ดูจะเล็ก" เท่าที่ผมจะหาได้ในสมัยนั้น



และนี่คือสภาพปัจจุบันที่ผ่านการใช้งานมานานถึง 16 ปี ตั้งแต่ยุค Windows Me
ตัวอักษรบนปุ่มยังเห็นชัดเจนเพราะเป็นการพิมพ์ฝังลงไปในเนื้อวัสดุ ไม่ใช่การติดหรือแปะแค่บนผิวของปุ่ม





ตัวปุ่ม Keyboard เป็นปุ่มยาง สภาพตอนนำออกมาทำความสะอาดยังดีอยู่
ความรู้สึกตอนกดที่แป้นพิมพ์คือ นิ่มมากๆ อาจมีปุ่มโยกเล็กๆ น้อยๆ ขณะสัมผัส
การใช้แรงกดอาจรู้สึกแข็งเล็กน้อยแต่ก็รับรู้ได้ถึงความยืดหยุ่นกำลังดี เสียงปุ่มกระทบแป้นพิมพ์ก็ไม่ดังมาก



แผงวงจรที่เชื่อมต่อกับสาย PS/2 เป็นแบบง่ายๆ แต่ทนทาน เพราะผ่านการรื้อทำความสะอาดมาหลายครั้ง
สัญญาณไฟทั้ง 3 จุดยังสามารถแสดงผลได้ปกติดี และสว่างชัดเจนมาก



ตัวแผงวงจรที่ Keyboard เป็นพลาสติกบางๆ 2 ชิ้นประกบกัน สามารถใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดได้โดยง่าย




สำหรับลักษณะของการออกแบบปุ่มบนแป้นพิมพ์นั้นจะมีลักษณะเอียงไปด้านหน้า
จะพบปัญหาเมื่อมีการพิมพ์เร็วๆ และต้องเคลื่อนนิ้วไปแถวบน อาจทำให้ปลายนิ้วชนกับขอบของปุ่มด้านบนได้
สำหรับคนที่เคยชินกับการใช้แป้นพิมพ์แบนๆ แบบ Notebook อาจต้องปรับตัว



เมื่อเทียบกับของ Dell SK-8115 ที่ปุ่มแถวกลางจะอยู่ต่ำกว่าทุกแถว



หลังจากการทดสอบ Keyboard ผ่าน https://www.microsoft.com/appliedsciences/antighostingexplained.mspx
สามารถใช้งานได้ปกติดีทุกปุ่มครับ ซึ่งสามารถกดปุ่มพร้อมกันได้ 4 ปุ่ม
และเมื่อทดสอบการเล่นเกมอย่าง StarCraft / The original StarCraft (https://starcraft.com/en-us/)
หรือ zhust the illusion soul (http://steamcommunity.com/sharedfiles/filedetails/?id=864372432)
ก็สามารถตอบสนองการใช้งานได้ดีครับ ไม่พบอาการหน่วงหรือผิดปกติใดๆ
ส่วนการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์สมัยใหม่ก็สามารถทำได้
เริ่มจากการใช้งานร่วมกับ BIOS (ก่อนเข้า Windows) สามารถกดเพื่อตั้งค่าต่างๆ ได้ปกติ
(Mainboard ที่ทดสอบคือ Asrock H110m-dvs R3.0 และ Gigabyte F2A78M-HD2)
และถ้าหากต้องการใช้งานร่วมกับ Windows 8 หรือ 10 ขึ้นไป ต้องมีการตั้งค่าใน Registry เล็กน้อย



สรุปความคุ้มค่าและการใช้งานผมให้คะแนนเต็มครับ ด้วยราคา 250 บาท และการใช้งานได้ถึง 16 ปี
สำหรับท่านที่สนใจจะหาซื้อสินค้านี้มาใช้บ้าง.... ตอนนี้คงหาไม่ได้แล้วครับ
คราวหน้า (อาจจะ) อีก 10 ปีผมอาจจะนำสินค้าสมัยนี้ (2017) มา Review ให้ดูกันอีกครั้ง ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ