ขูลูเกี้ยวเหลียวนำแต่นางอั้ว
นางกะยั่วออดอ้อนออนซอนหลาย
ขูลูหยอกอั้วกะบอก..แล้วแต่ชาย
ขูลูบาย..[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้กลายเป็น ฟ้อนเกี้ยวฮัก
กะส่างว๋า กะส่างวา

ดูแล้วชอบครับ


เป็นผลงานของนักศีกษาคณะศิลปกรรมศาสตร์ ม.มหาสารคาม
ถือได้ว่ายอดเยียมมาก ฟ้อนเกี้ยวก็ทำออกมาให้ซะเคลิ้มไปด้วย กลอนลำเพลินก็เป็นลำเพลินขนานแท้
ซึ่งหาดูได้ยากแล้วสำหรับหมอลำทุกวันนี้


กลอนลำจะเป็นฉากหนึ่งในเรื่อง ขูลูนางอั้ว มีผญาแทรกด้วย ขอยกมาเฉพาะผญาแล้วกันนะครับ

ได้ยิน กาเหว่าฮ้อง ไกลบ่อนฮวงฮัง  มาแหลว
ปานองค์อร ห่างลาไลซู้
ยินเสียงกลั้น แจวแจวฮ้องสั่ง
ปานว่า มามิ่งม้วย หลูบล้มท่าวลง แท้น้อ
อั้วกะคึดต่อซู้ ขูลูอยู่ทางไกล แท้เด้
มาไลลับ เปลี่ยวปอนนอนค้าง
เคยกล่อมเกี้ยว สองดอมหลิงหล่ำ พี่เอ้ย
แก้มต่อแก้ม เคยซ้นซื่นบาน นั่นนา

ฉักษณะของผญา
ไม่มีแผนผังฉันทลักษณ์บังคับตายตัวเหมือนกลอนภาษาไทย แต่ว่าจะเน้นสัมผัสอักษร และคำที่มีความหมายเหมือนกันและเชื่อมโยงถึงกันเพื่อให้ดูสละสลวยขี้น
ส่วนความหมายจะเน้นเชิงเปรียบเทียบ จึงมักจะมีคำว่าปาน (แปลว่า เหมือน) อยู่ในผญาบ่อยๆ (ไม่มีก็ได้บางบทก็ไม่มี)

ตอนสมัยเป็นนักเรียนชอบอ่านที่พอมีบ้างนิตยสาร และอยากหัดแต่งมากแต่เสียดายไม่มีคนสอน และตอนนั้นก็ไม่มี google ด้วย

คำศัพท์  ไม่ขอแปลนะครับเพราะก็เหมือนกับกลอนหรือโคลงภาษาไทย  เพราะถ้าแปลมันคือการถอดความ ไม่ใช่คำต่อคำ มันมีความหมายที่ซ่อนอยุ่ที่คนอ่านหรือคนฟังต้องไปตีความหมายเอาเอง

ฮ = ร  แทนได้เลย
บ่อน = สถานที่(อยู่อาศัย)  ในทีนี้ เล่นคำให้เพื่อคล้องจองความหมาย กับว่า ฮวงฮัง หรือ รวงรัง
เสียงกลั้น    อันนี้ไม่ได้แปลเพราะเป็นภาษาไทยอยู่แล้ว แต่ขอตีความ   คือ เสียงนกกลั้นใจร้องสั่งคู่ของมันแบบอาลัยอาวรณ์
ท่าวลง = ทรุดลง
คึด = คิด
ไลลับ = ลาลับ
หลิงหล่ำ = ดู  คำนี้ผมก็ต้อง google เหมือนกันแฮ่ๆ  สองดอมหลิงหล่ำ  คงจะประมาณ จ้องสบตากันสองต่อสอง
                    ไปเจอ ผญาที่ใช้คำนี้บ้างเหมือน เช่น
            หลิงหล่ำเยี้ยม สอดส่องสายตา
            หมายแลหลำ สิ่งบังบดเมี้ยน

ซ้น = การหลบอยู่ในที่เฉพาะที่มีพื้นที่จำกัดมากๆ เฉพาะตัวแต่รู้สึกปลอดภัย ตัวอย่างรูปนี้
          
                      หมีซ้นใบตอง (อาศัยใบตองหลบฝน)           

           แต่ในที่นี้ผมว่า นางฮั้วขออาสัยซุกอกขูลู  จึงเป็น ซ้นชื่นบาน