สวัสดีครับเพื่อนผมชื่อน๊อต(นามสมมุติ) ชายผู้มีใจรักชายครับ และโดนคำสาปแฟนเก่าทำให้ไม่ประสบผลสำเร้จในความรักมันเป็นเพราะอะไร? ผมควรทำอย่างไง?
1 ปี 7 เดือนก่อน เดือนตุลาคม ผมคบกะแฟนมาได้ 2 ปี แต่แล้ว เดือนตุลาคมก็เป็นวันที่ชีวิตคู่ของเราจบลง เพราะเหตุที่ว่า แฟนผมเค้ารับไม่ได้กับพฤติกรรมของผม ผมสารภาพครับว่าผมแอบคุยกะคนน่าๆรักคนหนึ่ง เค้าเป็นสเปคลุคที่ผมชอบ เพียงแค่หน้าจอเท่านั้น แต่สนทนาก็เกินคำว่าเพื่อนอยู่ดี แต่ด้วยนิสัยผมรู้ครับว่าผมคุยเก่งก็จริง แต่ถ้าเอาจริงมาเจอกันผมไม่ได้เก่งเหมือนคุยนะครับ อีกอย่างผมก็มีคนที่ดีที่สุดอยู่แล้ว นั้นก็คือ กุญแจ(นามสมมุติ) แฟนผม ส่วนแฟนผมนั้นเค้าไม่ใช่สเปคผมครับแต่ผมก็แพ้เค้าเพราะเค้าดูแลผมดีมาก แม้กระทั้งวันที่ผมเข้ารับราชการทหารเค้าก็คอยเป็นห่วงดูแล เขียนจดหมายมาหา คนทำให้ทหารรวมถึงจ่ารู้ว่าผมเป็น...(เพราะแกคนเดียวเลยกุญแจ
) เค้าเป็นเหมือนตัวแทนของแม่ผม ทำทุกอย่างแทนแม่ผม คนแม่ผมไว้วางใจ และเค้าก็เป็นคนดีมาก ไม่สูบ ไม่ดื่ม และไม่เที่ยว
มาถึงวันเกิดเหตุพอเค้าจับได้ว่าผมแอบคุยกะคนอื่นเกินเพื่อน ผมก็เลยบอกแก้ตัวไปว่าไม่มีอะไรจริงๆ แค่คุยเชยๆ เราไม่ได้นัดเจอหรือกระทำไม่ดีอย่างอื่น และผมไม่เคยทำแบบนั้นด้วย ทุกคนนึกดูนะครับ ว่าผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่สูบ ไม่เที่ยวกลางคืน ไม่ดื่ม ไม่ชอบอะไรที่เสียงดังคนวุ่นวาย ที่มีสุราผมยิ่งไม่ชอบ ชีวิตผมมีแต่ทำงาน กลับบ้านอยุ่แค่นั้น พอหลังจากที่เค้ามาฝึกงานมาฝึกที่บ้านผม และก็มาอยู่บ้านผม ผมก็อยู่ในสายตาตลอดงะ และระยะเวลาจะ 2 ปีที่คบกัน ไม่เชื่อใจกันสักหน่อยเหรอ เค้าถามมาว่า "สัญญาไหมละว่าจะเลิกนิสัยแบบนี้" แต่ด้วยความที่เรายังรักสนุก ก็เลยไม่ตอบตกลงสัญญา แต่ก็ยื่นอกยืนยันคำเดิมว่าไม่มีอะไร เรื่องนี้ไม่มีข้อสรุปครับ คนที่สรุปคือเค้าเอง สุดท้ายเค้าก็เก็บข้าวของจากผมไป เราจากกันโดยไม่มีคำบอกเลิก หรือบอกลา แม้เค้าจะจากไปแล้ว สิ่งที่ผมทำได้ก็คือเพียง ร้องเพลงเป็นคลิปวีดีโอประกอบภาพความทรงจำของเรา เค้าบอกว่าเค้าร้องไห้จนทำงานไม่ได้ เพื่อนต่างก็สงสัยเห็นเค้าตาแดง ผมทำได้เพียงเท่านี้ครับ ผมไปตามหาเค้าที่บ้านเพื่อนไม่ได้เพราะไม่รุ้จัก จะเข้าไปทำงานก้ไม่ได้เพราะเป้นหน่วยงานราชการ ผมทำได้เพียงแค่รอครับ รอให้เค้ากลับมา เพราะผมจะรออยุ่ที่เดิม (เพลงที่เดิม เพลงประกอบภาพยนตร์ รักจัง เป็นหนังที่ผมชอบมากก เลยร้องให้แฟน ) แต่เค้าก็มีคนอื่นไปเสียแล้วครับ ผมก็เลยพยายามที่จะขอเค้าผ่านแชท ขอโทษเค้าละให้เราเป็นเพื่อนกัน เค้าตอบตกลง แต่การกระทำมันไม่ใช่ครับ อ่านไม่ตอบ ตอบสั้น เห้ยเพื่อนกันไม่ใช่แบบนี้ สุดท้ายผมก็คงต้องปล่อยเค้าไป ทีนี้ละครับชีวิตอย่างผมถึงจะมารู้ว่า ผมได้เสียคนดีดีไปแล้วก็คราวนี้แหละ
หลังจากนั้นกลับมาใช้ชีวิตคนโสดครับ พยายามหารักแท้อีกครั้ง หาแล้วหาอีก แต่คราวนี้ผมกลับเป็นคนที่กลัวกว่าเดิมครับ กลัวในสิ่งที่เราคิดไปเอง หรือยังไม่ได้ลอง ยังไม่ได้หาคำตอบ เลยทำให้ไม่คุยกะใครก็สำเร็จสักคน แม้กระทั้งผมตัดสินใจทิ้งความรู้สีกทุกอย่างมุ่งหน้าเข้ามาทำงานที่ กทม. หวังว่าจะดีขึ้นกว่าเดิม แต่เห็นการณ์มันก็ซ้ำรอยเหมือนเดิมครับ คำสาปแช่งมันคอยวนเวียนอยู่ในหัว มาเข้าก็จากไป เสียใจทุกครั้งครา พยายามหันตัวเองเข้าสู่ธรรมมะบำบัดจิตใจ ก้ทำให้เราเข้าใจชีวิตมนุษย์มากยิ่งขึ้นครับ คนส่วนมากที่ทุกข์เสียใจมากมายตลอดทุกวันเพราะขาดสติครับ หากมีสติไตตรองสักนิด รู้เห็นของการเกิดละดับ มีพระท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า "ความรักคือการให้โดยไม่หวังผลตอบแทนครับ คนเราทุกข์ในความรัก ไม่ใช่ทุกข์เพราะรัก แต่มันคือการขาดหวัง พอไม่สมหวังจึงทำให้เกิดทุกข์" พระพุทธองคืกล่าวไว้ว่า "แม้แต่สังขาลของเราเองยังไม่ใช่ของเรา ตายไปก็เอาไปไม่ได้ นับประสาอะไรกับคนอื่นที่ตนจะหวังเอามาเป็นของเรา" ครูอ้อย เข็มทิศชีวิตกล่าวว่า "ทุกอย่างมีเกิดแล้วมีดับไปทุกๆขณะ เมื่อเรารู้เหตุของการเกิด ก็จงดับมันลงซะ และรับรุ้ไว้ว่า หากเกิดในครั้งหน้า จงเรียนรุ้กะมันแล้วดับมันลง
เมื่อวันกำลังจะดีขึ้นพร้อมกับการเบื่อชีวิตของมนุษย์ที่ต้องโหยหากิเลส ความรัก ผมจึงตัดสินใจปิดเฟส รับรุ้เรื่องราวคนอื่น คนหล่อ น่ารัก หน้าตาดี รับรู้เรื่องคนอื่น หรือแม้แต่ที่เรารู้จักพูดคุย และเห็นเค้าไปคุยทักกะคนอื่น หัวใจก็กำเริบขึ้นมาเหมือนกัน ผมปิดเฟสปิดทุกอย่าง พยายามเปลี่ยนโฟกัสไปโฟกัสกะงานให้มากที่สุด สร้างเฟสใหม่ที่จะมีกลุ่มเฉพาะสายงานที่เราทำ แต่ผมยังไม่หยุดพยายามหาใครสักคน ทันใดนั้นเพื่อนผมได้ขอให้แฟนมานอนด้วยครับ คราวนี้ละครับ พอสองคนมาถึง หัวใจผมอยุ่ดีดีก็เต้นไม่เป็นจังหวะ หายใจไม่เต็มปอด เหมือนโดนบีบ โดนแทงๆทุกๆอยุ่ขณะ เสียงร้องไห้ออกมาข้างในแต่ไม่ได้ร้องออกมา เพราะด้วยความชินชาที่ผ่านมาค่อนข้างมากครับ แม้แต่ตอนนอนผมก็นอนไม่ได้ เมื่อได้ยินเสียงคนสองคนเค้ารักกัน ทำให้สมองเราคิดภาพ นึกภาพความสุข ว่าเค้าต้องกอดกัน อย่างนั้นนี้ นึกแล้วอิจฉา พร้อมกับหัวใจที่ทรมาณทนไม่ไหว อยากจะออกจากห้องมาตอนนั้นแต่ไม่มีที่ไป คืนนั้นผมนอนไม่หลับเลยครับ พอเวลารุ้งเช้า ก็เห็นเค้านอนกอดกันหวานชื่น ผมทนเห็นภาพไม่ได้ครับ ทำไมชีวิตผมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมตัวเองต้องมาทุกข์ทรมารกับเรื่องคนอื่นอย่างนี้ เมื่อไรชีวิตจะดีขึ้น ผมเลยตัดสินใจออกห้องแต่เช้าไปทำบุญถวายสังฆทานให้แก่เจ้ากรรมนายเวร ญาติพี่น้องที่ล่วงลับ รวมถึงพ่อแม่ ญาติพี่น้องชีวิตอยุ่ให้มีความสุขความเจริญแต่ไม่เคยขอเรื่องความรักตัวเอง ถ้าเป็นไปได้ถ้าหากผมสามารถเลือกได้ระกว่างให้ผมไม่มีความรัก แต่ให้ผมมีงานดีดีทำเพื่อให้พ่อแม่สบายไม่ต้องทำงาน ผมก็ยอมแต่ตอนนี้มันยังไม่ได้เป็นเช่นนั้น ทำบุญเสร็จก็เข้าไปนั่งสมาธในวิหารไตรตรองความคิด กำหนดลมหายใจไม่ให้ฟุ้งซ้าน
ผมคิดนะครับ ว่าถ้าผมเจอใครที่เค้ารักผมจริงๆๆ ไม่ได้เข้ามาเพราะSex หรืออะไร เพราะเดี๋ยวนี้สังคมแบบนี้เรื่องพวกนี้อาจจะเยอะ และถ้าผมเปิดใจ ผมหวังว่าเค้าจะมาแก้ไข ลบล้างคำสาปนี้ให้ผม ทุกคนคิดว่าไงครับ ผมควรทำเช่นไร ผมควรดำเนินชีวิตต่อไปเช่นไร ปากกะบอกจะอยุ่คนเดียวแต่ใจก็หาๆๆๆๆ ขอคำปรึกษาด้วยครับ
คำสาปแช่งของคนรักเก่า ทำให้ผมทรมาณมาจนถึงทุกวันนี้
1 ปี 7 เดือนก่อน เดือนตุลาคม ผมคบกะแฟนมาได้ 2 ปี แต่แล้ว เดือนตุลาคมก็เป็นวันที่ชีวิตคู่ของเราจบลง เพราะเหตุที่ว่า แฟนผมเค้ารับไม่ได้กับพฤติกรรมของผม ผมสารภาพครับว่าผมแอบคุยกะคนน่าๆรักคนหนึ่ง เค้าเป็นสเปคลุคที่ผมชอบ เพียงแค่หน้าจอเท่านั้น แต่สนทนาก็เกินคำว่าเพื่อนอยู่ดี แต่ด้วยนิสัยผมรู้ครับว่าผมคุยเก่งก็จริง แต่ถ้าเอาจริงมาเจอกันผมไม่ได้เก่งเหมือนคุยนะครับ อีกอย่างผมก็มีคนที่ดีที่สุดอยู่แล้ว นั้นก็คือ กุญแจ(นามสมมุติ) แฟนผม ส่วนแฟนผมนั้นเค้าไม่ใช่สเปคผมครับแต่ผมก็แพ้เค้าเพราะเค้าดูแลผมดีมาก แม้กระทั้งวันที่ผมเข้ารับราชการทหารเค้าก็คอยเป็นห่วงดูแล เขียนจดหมายมาหา คนทำให้ทหารรวมถึงจ่ารู้ว่าผมเป็น...(เพราะแกคนเดียวเลยกุญแจ ) เค้าเป็นเหมือนตัวแทนของแม่ผม ทำทุกอย่างแทนแม่ผม คนแม่ผมไว้วางใจ และเค้าก็เป็นคนดีมาก ไม่สูบ ไม่ดื่ม และไม่เที่ยว
มาถึงวันเกิดเหตุพอเค้าจับได้ว่าผมแอบคุยกะคนอื่นเกินเพื่อน ผมก็เลยบอกแก้ตัวไปว่าไม่มีอะไรจริงๆ แค่คุยเชยๆ เราไม่ได้นัดเจอหรือกระทำไม่ดีอย่างอื่น และผมไม่เคยทำแบบนั้นด้วย ทุกคนนึกดูนะครับ ว่าผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่สูบ ไม่เที่ยวกลางคืน ไม่ดื่ม ไม่ชอบอะไรที่เสียงดังคนวุ่นวาย ที่มีสุราผมยิ่งไม่ชอบ ชีวิตผมมีแต่ทำงาน กลับบ้านอยุ่แค่นั้น พอหลังจากที่เค้ามาฝึกงานมาฝึกที่บ้านผม และก็มาอยู่บ้านผม ผมก็อยู่ในสายตาตลอดงะ และระยะเวลาจะ 2 ปีที่คบกัน ไม่เชื่อใจกันสักหน่อยเหรอ เค้าถามมาว่า "สัญญาไหมละว่าจะเลิกนิสัยแบบนี้" แต่ด้วยความที่เรายังรักสนุก ก็เลยไม่ตอบตกลงสัญญา แต่ก็ยื่นอกยืนยันคำเดิมว่าไม่มีอะไร เรื่องนี้ไม่มีข้อสรุปครับ คนที่สรุปคือเค้าเอง สุดท้ายเค้าก็เก็บข้าวของจากผมไป เราจากกันโดยไม่มีคำบอกเลิก หรือบอกลา แม้เค้าจะจากไปแล้ว สิ่งที่ผมทำได้ก็คือเพียง ร้องเพลงเป็นคลิปวีดีโอประกอบภาพความทรงจำของเรา เค้าบอกว่าเค้าร้องไห้จนทำงานไม่ได้ เพื่อนต่างก็สงสัยเห็นเค้าตาแดง ผมทำได้เพียงเท่านี้ครับ ผมไปตามหาเค้าที่บ้านเพื่อนไม่ได้เพราะไม่รุ้จัก จะเข้าไปทำงานก้ไม่ได้เพราะเป้นหน่วยงานราชการ ผมทำได้เพียงแค่รอครับ รอให้เค้ากลับมา เพราะผมจะรออยุ่ที่เดิม (เพลงที่เดิม เพลงประกอบภาพยนตร์ รักจัง เป็นหนังที่ผมชอบมากก เลยร้องให้แฟน ) แต่เค้าก็มีคนอื่นไปเสียแล้วครับ ผมก็เลยพยายามที่จะขอเค้าผ่านแชท ขอโทษเค้าละให้เราเป็นเพื่อนกัน เค้าตอบตกลง แต่การกระทำมันไม่ใช่ครับ อ่านไม่ตอบ ตอบสั้น เห้ยเพื่อนกันไม่ใช่แบบนี้ สุดท้ายผมก็คงต้องปล่อยเค้าไป ทีนี้ละครับชีวิตอย่างผมถึงจะมารู้ว่า ผมได้เสียคนดีดีไปแล้วก็คราวนี้แหละ
หลังจากนั้นกลับมาใช้ชีวิตคนโสดครับ พยายามหารักแท้อีกครั้ง หาแล้วหาอีก แต่คราวนี้ผมกลับเป็นคนที่กลัวกว่าเดิมครับ กลัวในสิ่งที่เราคิดไปเอง หรือยังไม่ได้ลอง ยังไม่ได้หาคำตอบ เลยทำให้ไม่คุยกะใครก็สำเร็จสักคน แม้กระทั้งผมตัดสินใจทิ้งความรู้สีกทุกอย่างมุ่งหน้าเข้ามาทำงานที่ กทม. หวังว่าจะดีขึ้นกว่าเดิม แต่เห็นการณ์มันก็ซ้ำรอยเหมือนเดิมครับ คำสาปแช่งมันคอยวนเวียนอยู่ในหัว มาเข้าก็จากไป เสียใจทุกครั้งครา พยายามหันตัวเองเข้าสู่ธรรมมะบำบัดจิตใจ ก้ทำให้เราเข้าใจชีวิตมนุษย์มากยิ่งขึ้นครับ คนส่วนมากที่ทุกข์เสียใจมากมายตลอดทุกวันเพราะขาดสติครับ หากมีสติไตตรองสักนิด รู้เห็นของการเกิดละดับ มีพระท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า "ความรักคือการให้โดยไม่หวังผลตอบแทนครับ คนเราทุกข์ในความรัก ไม่ใช่ทุกข์เพราะรัก แต่มันคือการขาดหวัง พอไม่สมหวังจึงทำให้เกิดทุกข์" พระพุทธองคืกล่าวไว้ว่า "แม้แต่สังขาลของเราเองยังไม่ใช่ของเรา ตายไปก็เอาไปไม่ได้ นับประสาอะไรกับคนอื่นที่ตนจะหวังเอามาเป็นของเรา" ครูอ้อย เข็มทิศชีวิตกล่าวว่า "ทุกอย่างมีเกิดแล้วมีดับไปทุกๆขณะ เมื่อเรารู้เหตุของการเกิด ก็จงดับมันลงซะ และรับรุ้ไว้ว่า หากเกิดในครั้งหน้า จงเรียนรุ้กะมันแล้วดับมันลง
เมื่อวันกำลังจะดีขึ้นพร้อมกับการเบื่อชีวิตของมนุษย์ที่ต้องโหยหากิเลส ความรัก ผมจึงตัดสินใจปิดเฟส รับรุ้เรื่องราวคนอื่น คนหล่อ น่ารัก หน้าตาดี รับรู้เรื่องคนอื่น หรือแม้แต่ที่เรารู้จักพูดคุย และเห็นเค้าไปคุยทักกะคนอื่น หัวใจก็กำเริบขึ้นมาเหมือนกัน ผมปิดเฟสปิดทุกอย่าง พยายามเปลี่ยนโฟกัสไปโฟกัสกะงานให้มากที่สุด สร้างเฟสใหม่ที่จะมีกลุ่มเฉพาะสายงานที่เราทำ แต่ผมยังไม่หยุดพยายามหาใครสักคน ทันใดนั้นเพื่อนผมได้ขอให้แฟนมานอนด้วยครับ คราวนี้ละครับ พอสองคนมาถึง หัวใจผมอยุ่ดีดีก็เต้นไม่เป็นจังหวะ หายใจไม่เต็มปอด เหมือนโดนบีบ โดนแทงๆทุกๆอยุ่ขณะ เสียงร้องไห้ออกมาข้างในแต่ไม่ได้ร้องออกมา เพราะด้วยความชินชาที่ผ่านมาค่อนข้างมากครับ แม้แต่ตอนนอนผมก็นอนไม่ได้ เมื่อได้ยินเสียงคนสองคนเค้ารักกัน ทำให้สมองเราคิดภาพ นึกภาพความสุข ว่าเค้าต้องกอดกัน อย่างนั้นนี้ นึกแล้วอิจฉา พร้อมกับหัวใจที่ทรมาณทนไม่ไหว อยากจะออกจากห้องมาตอนนั้นแต่ไม่มีที่ไป คืนนั้นผมนอนไม่หลับเลยครับ พอเวลารุ้งเช้า ก็เห็นเค้านอนกอดกันหวานชื่น ผมทนเห็นภาพไม่ได้ครับ ทำไมชีวิตผมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมตัวเองต้องมาทุกข์ทรมารกับเรื่องคนอื่นอย่างนี้ เมื่อไรชีวิตจะดีขึ้น ผมเลยตัดสินใจออกห้องแต่เช้าไปทำบุญถวายสังฆทานให้แก่เจ้ากรรมนายเวร ญาติพี่น้องที่ล่วงลับ รวมถึงพ่อแม่ ญาติพี่น้องชีวิตอยุ่ให้มีความสุขความเจริญแต่ไม่เคยขอเรื่องความรักตัวเอง ถ้าเป็นไปได้ถ้าหากผมสามารถเลือกได้ระกว่างให้ผมไม่มีความรัก แต่ให้ผมมีงานดีดีทำเพื่อให้พ่อแม่สบายไม่ต้องทำงาน ผมก็ยอมแต่ตอนนี้มันยังไม่ได้เป็นเช่นนั้น ทำบุญเสร็จก็เข้าไปนั่งสมาธในวิหารไตรตรองความคิด กำหนดลมหายใจไม่ให้ฟุ้งซ้าน
ผมคิดนะครับ ว่าถ้าผมเจอใครที่เค้ารักผมจริงๆๆ ไม่ได้เข้ามาเพราะSex หรืออะไร เพราะเดี๋ยวนี้สังคมแบบนี้เรื่องพวกนี้อาจจะเยอะ และถ้าผมเปิดใจ ผมหวังว่าเค้าจะมาแก้ไข ลบล้างคำสาปนี้ให้ผม ทุกคนคิดว่าไงครับ ผมควรทำเช่นไร ผมควรดำเนินชีวิตต่อไปเช่นไร ปากกะบอกจะอยุ่คนเดียวแต่ใจก็หาๆๆๆๆ ขอคำปรึกษาด้วยครับ