ผาแดง-นางไอ่ ถือได้ว่าเป็นตำนานที่ยิ่งใหญ่จนนำไปสู่ประเพณีประจำของจังหวังอยู่หลายจังหวัดเหมือนกัน
ส่วนตัวแล้วชอบเรื่องนี้มากและจินตนาการเป็นแฟนตาซีที่ยิ่งใหญ่ คือหลับตานึกตามดูแล้วมีหลายฉากน่าจะอลังการทีเดียว แต่ว่ายังไม่มีใครนำไปสร้างเป็นหนังแฟนตาซี ซึ่งก็คงเป็นไปได้ยาก ส่วนถ้าเป็นละครที่อ้างอิงหรือดัดแปลงมาจากเรื่องนี้ก็คิดว่าน่าจะมีอยู่บ้าง
อยู่ๆผมก็นึกสนุกขอนำเอามาใส่มโนของตัวเองเพิ่มเติม ในมุมของท้าวพังคี
ผู้ที่ซึ่งมีความรักที่รันทัด ถึงแม้ตัวเองเป็นฝ่ายที่มีปุพเพวาสนามาก่อน แต่กลับไม่มีแม้โอกาส
คงได้แต่แอบรัก และเสียสละอยู่อย่างนั้น แม้กระทั้งชีวิตของตัวเอง
ตอน : รักแรกพบของพังคี (คงได้แค่แอบรัก)
เป็นตำนานเล่าขานอีสานถิ่น
ต่างได้ยินเรื่องราวแต่คราวหลัง
หนองหานนี้เคยมีเมืองชื่อเสียงดัง
เมืองที่พังยุบไปใต้บาดาล
ชื่อเมือง “เอกชะทีตา” สง่ายิ่ง
“พระยาขอม” ครองเมืองมิ่งยิ่งไพศาล
พระธิดา นาม “ไอ่คำ” สะพรั่งบาน
โฉมสะคราญสะท้านทั่วทั้งแผ่นดิน
แม้โฉมงามตามประสาวัยว้าวุ่น
สาวแรกรุ่นในห้องหับประดับศิลป์
สุดอ้างว้างมีเพ้อบ้างบางอาจิณ
เฝ้าถวิลคนครองคู่มาสู่ใจ
[ผญา - นางไอ่รำพึง]
อันว่า..ไอ่คำนี้ มีแต่เฝ้าถวิล
อยากได้เด้..อยากได้ยิน ผู้สิมาจาเว้า
พอความสาวมาย่างเข้า
อันความหนาวมาส่างซุ่ม แท้น้อ
กลิ่นสาวโปรยโรยทั่วทั้งภิภพ
ฟุ้งตลบอบอวนชวนหวั่นไหว
แผ่ไปซ่านถึงบาดาลเมืองห่างไกล
ลึกลงไปใต้ดินถิ่นนาคา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้*นาคไม่ได้อยู่ใต้น้ำ แต่อยู่ใต้ดินลึกลงไป 1 โยชน์ แต่ว่าแม่น้ำเป็นประตูเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์กับโลกของนาค
“ท้าวพังคี” นาคหนุ่มก็ชุ่มชื่น
หญิงเป็นหมื่นนาคีไม่รี่หา
เฝ้าคนึงถึงกลิ่นสาวราวปุพพา
เหมือนร่วมบุญกันมาแต่คราใด
อดไม่ไหวจึงขึ้นไปเมืองมนุษย์
พลันสะดุดสาวงามตามสงสัย
เฝ้าห่วงหาคอยจับตาด้วยแปลงกาย
เฝ้านางไอ่ ด้วยรูปกาย “กระรอกเผือก”
[ผญา - พังคีรำพึง]
โอ้นางไอ่เอ้ย
วาสนามาส่างฮ้าย อ้ายถึกแบ่ง แตกต่างกัน
ปุพเพ มาเกี่ยวพัน แต่สวรรค์ กะส่างฮ้าย
อ้ายมาคองคอยถ่า หลายภพมา แต่กาลเก่า
บัดพอมาพ้อเจ้า สองเฮานั่น ต่างเผ่าพันธุ์ แท้น้อ นางไอ่
ผาแดง-นางไอ่ กับรักข้างเดียวของพังคี ๑ รักแรกพบของพังคี (คงได้แค่แอบรัก)
ส่วนตัวแล้วชอบเรื่องนี้มากและจินตนาการเป็นแฟนตาซีที่ยิ่งใหญ่ คือหลับตานึกตามดูแล้วมีหลายฉากน่าจะอลังการทีเดียว แต่ว่ายังไม่มีใครนำไปสร้างเป็นหนังแฟนตาซี ซึ่งก็คงเป็นไปได้ยาก ส่วนถ้าเป็นละครที่อ้างอิงหรือดัดแปลงมาจากเรื่องนี้ก็คิดว่าน่าจะมีอยู่บ้าง
อยู่ๆผมก็นึกสนุกขอนำเอามาใส่มโนของตัวเองเพิ่มเติม ในมุมของท้าวพังคี
ผู้ที่ซึ่งมีความรักที่รันทัด ถึงแม้ตัวเองเป็นฝ่ายที่มีปุพเพวาสนามาก่อน แต่กลับไม่มีแม้โอกาส
คงได้แต่แอบรัก และเสียสละอยู่อย่างนั้น แม้กระทั้งชีวิตของตัวเอง
ตอน : รักแรกพบของพังคี (คงได้แค่แอบรัก)
เป็นตำนานเล่าขานอีสานถิ่น
ต่างได้ยินเรื่องราวแต่คราวหลัง
หนองหานนี้เคยมีเมืองชื่อเสียงดัง
เมืองที่พังยุบไปใต้บาดาล
ชื่อเมือง “เอกชะทีตา” สง่ายิ่ง
“พระยาขอม” ครองเมืองมิ่งยิ่งไพศาล
พระธิดา นาม “ไอ่คำ” สะพรั่งบาน
โฉมสะคราญสะท้านทั่วทั้งแผ่นดิน
แม้โฉมงามตามประสาวัยว้าวุ่น
สาวแรกรุ่นในห้องหับประดับศิลป์
สุดอ้างว้างมีเพ้อบ้างบางอาจิณ
เฝ้าถวิลคนครองคู่มาสู่ใจ
[ผญา - นางไอ่รำพึง]
อันว่า..ไอ่คำนี้ มีแต่เฝ้าถวิล
อยากได้เด้..อยากได้ยิน ผู้สิมาจาเว้า
พอความสาวมาย่างเข้า
อันความหนาวมาส่างซุ่ม แท้น้อ
กลิ่นสาวโปรยโรยทั่วทั้งภิภพ
ฟุ้งตลบอบอวนชวนหวั่นไหว
แผ่ไปซ่านถึงบาดาลเมืองห่างไกล
ลึกลงไปใต้ดินถิ่นนาคา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
“ท้าวพังคี” นาคหนุ่มก็ชุ่มชื่น
หญิงเป็นหมื่นนาคีไม่รี่หา
เฝ้าคนึงถึงกลิ่นสาวราวปุพพา
เหมือนร่วมบุญกันมาแต่คราใด
อดไม่ไหวจึงขึ้นไปเมืองมนุษย์
พลันสะดุดสาวงามตามสงสัย
เฝ้าห่วงหาคอยจับตาด้วยแปลงกาย
เฝ้านางไอ่ ด้วยรูปกาย “กระรอกเผือก”
[ผญา - พังคีรำพึง]
โอ้นางไอ่เอ้ย
วาสนามาส่างฮ้าย อ้ายถึกแบ่ง แตกต่างกัน
ปุพเพ มาเกี่ยวพัน แต่สวรรค์ กะส่างฮ้าย
อ้ายมาคองคอยถ่า หลายภพมา แต่กาลเก่า
บัดพอมาพ้อเจ้า สองเฮานั่น ต่างเผ่าพันธุ์ แท้น้อ นางไอ่