▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวต่างประเทศ
One Day Trip
เที่ยวยุโรป
ประเทศฝรั่งเศส
[CR] เล่าเรื่องเมืองประทับใจในฝรั่งเศส: Montpeyroux หนึ่งในหมู่บ้านที่สวยของฝรั่งเศส
เช้าวันหยุดนี้อากาศดีมาก เรามีแพลนไปเที่ยวหมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งไม่ไกลจาก Clermont Ferrand คราวนี้ขับรถไปซัก 25 นาทีก็ถึง ความจริงจะใช้ถนนไฮเวย์ก็ได้ เพราะสะดวกกว่า แต่ความสวยระหว่างทางก็จะน้อยกว่าการใช้ถนนเล็กๆที่ทะลุเข้าออกตามหมู่บ้าน เรามีเวลาเยอะมากและช่วงนี้พระอาทิตย์ก็ตกช้ามากเช่นกัน สามทุ่มยังไม่มืดเลยค่ะ เลยตกลงกันว่าจะใช้เส้นทางตามหมู่บ้าน เผื่อแวะดูวิวริมทางไปด้วย
เก็บกระเป๋าปิกนิค เตรียมเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวพร้อมสรรพอย่างเคย แล้วก็ออกเดินทางกัน
ขับผ่านหมู่บ้านเล็กๆมากมายระหว่างทาง แอบดูบ้านคนอื่นเค้า น่าอยู่จังเลยนะ คุณลุงคุณป้าออกมาเดินออกกำลังกายในหมู้บ้านตัวเอง บางบ้านมีสวนมีพื้นที่ใหญ่มาก ดูไปดูมาอยากย้ายออกมาอยู่ข้างนอกแทนเมืองใหญ่ที่น่าเบื่อ ขับไปเรื่อยๆวิวตรงไหนสวย ก็แวะจอดถ่ายรูป รับลมรับแดดที่ร้อนจัด ทนร้อนไม่ไหวก็ออกเดินทางต่อ
จุดพักของเราจุดนี้คือหมู่บ้าน Saint-Amant-Tallende จริงๆไม่ได้ตั้งใจแวะ เราขับรถวนไปวนมาโดย ไม่มี GPS อาศัยความจำของคนขับที่เคยปั่นจักรยานมาตามเส้นทางนี้ คราวนี้ขับรถผ่านแล้วเห็นวิวแว๊ปเดียวว่ามีปราสาทสวย เลยชวนกันจอดรถถ่ายรูป ทีแรกกะว่าจะอยู่เดี๋ยวเดียว พอมาเห็นวิวจริงๆ ถึงต้องกลับไปที่รถ หยิบกระเป๋าปิกนิคพร้อมหนังสืออ่านเล่นลงมา ยึดม้านั่งหนึ่งตัวแล้วก็ชิลไป
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง นั่งเล่นนอนเล่นในบรรยากาศเงียบสงบมาก แต่ด้วยความกลัวว่าจะไปถึงที่หมายช้า แสงหมดอดเที่ยว เลยต้องตัดใจจากวิวสวยๆแบบนี้แล้วออกเดินทางต่อ เป้าหมายที่แท้จริงของเราคือหมู่บ้าน Montpeyroux เราจองมื้อค่ำเอาไว้ที่ร้านอาหารแนะนำจากเพื่อนร่วมงานตอน 2 ทุ่ม นี่ก็เกือบ 6 โมงแล้ว ควรรีบไปให้ถึง เผื่อเวลาเดินเล่นเล็กน้อย
Montpeyroux เป็นหนึ่งในหมู่บ้านในฝรั่งเศสที่ได้รับรองรางวัล Les Plus Beaux Villages de France หรือภาษาอังกฤษคือ 'the most beautiful villages in France' จากองค์กรที่ตั้งใจจะสนับสนุนหมู่บ้านในฝรั่งเศส โดยมีกติกาวัดความโดดเด่นหลายด้าน เช่น สถาปัตยกรรม วัฒนธรรม หรือประวัติศาสตร์อันยาวนาน หมู่บ้านไหนได้รางวัล จะมีป้ายติดให้ คิดง่ายๆเหมือนพวกรางวัลด้านอาหาร ที่มีป้ายมาติดหน้าร้านนั่นแหละค่ะ เห็นว่ารางวัลก็ช่วยดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชม สร้างรายได้ให้หมู่บ้านเพิ่มเหมือนกัน
เรามาถึงเกือบๆหกโมงเย็น กติกาของหมู่บ้านแห่งการอนุรักษ์นี้คือ คนนอกไม่สามารถเอารถยนต์เช้าได้ ต้องจอดตามที่จอดรถนอกหมู่บ้านแล้วเดินเข้ามา อนุญาตเฉพาะรถยนต์ของคนที่อาศัยในหมู่บ้านเท่านั้น
เจี๊ยบชอบกติกามารยาทแบบนี้มาก เพราะถือว่าเราเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยอนุรักษ์ รักษาสภพแวดล้อมและวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นด้วย จำได้ว่าตอนไปเที่ยว Zermatt ที่สวิสเซอร์แลนด์ เค้าก็ไม่อนุญาตให้รถยนต์ที่มีควันเข้าหมู่บ้านเหมือนกัน ก็ต้องใช้สองขาเดินกันไปนะคะ
จอดรถเสร็จ เดินเข้าหมู่บ้าน เห็นนักท่องเที่ยวทยอยเดินออกมาหลายกลุ่ม วันนี้เป็นวันหยุดของฝรั่งเศส คิดไว้ว่าหมู่บ้านอาจจะเงียบหน่อย ไม่น่าจะมีคน แต่เราก็เจอคนมาชมบ้างประปรายค่ะ บ้านเรือนแถวนี้ปิดเงียบ แต่ไม่ได้ทำให้เราท้อ เดินเข้าซอยนั้นออกซอยนี้ ดูบ้านเรือน ดูดอกไม้ไปเรื่อย ก็เพลินดีไม่น่าเบื่อค่ะ
หมู่บ้านนี้เล็กแต่มีความเก๋ บ้านเกือบทุกหลังสร้างจากหิน ซึ่งดูจากอายุแล้ว น่าจะมาตั้งแต่สมัยยุคกลาง(ไม่รู้จริงหรอกค่ะ เดาเอาจากหนังทั้งนั้น) ประตูหน้าต่างทาสีลูกกวาดสดๆ ประดับดอกไม้สีสวยทั้งกุหลาบ ลาเวนเดอร์ และดอกชื่ออะไรก็ไม่รู้เยอะแยะไปหมด
หมู่บ้านนี้มีบ้านหลังใหญ่ๆหลายหลัง เราทำตัวเหมือนแมวขโมย เข้าไปสอดส่องขโมยดูความสวยของสวนที่จัดเอาไว้เก๋ทีเดียว อยากทำตัวเป็นเจ้าของบ้านแล้วเข้าไปนั่งจิบชา คงจะฟินน่าดู
เดินมาถึงหอคอยของหมู่บ้าน ที่กำลังจะปิด รีบเข้าไปซื้อตั๋วและขอเข้าชม เจ้าหน้าที่บอกว่าเราเป็นคู่สุดท้าย ก่อนหมดเวลาทำการ รีบเดินขึ้นหอคอยอย่างทันควัน แต่ แต่ แต่! มันมีความชันคอยทดสอบความสามารถอยู่จุดนึง แล้วเจี๊ยบเป็นคนกลัวความสูง กลัวความแคบ กลัวความชัน ขามันจะสั่นๆ กว่าจะขึ้นไปได้ เกร็งมือที่จับราวซะแน่นเลย ปวดมือชะมัด
ด้านบนหอคอยสามารถดูวิวได้เกือบ 360 องศา เราไม่ลืมที่จะส่องลงมาดูบ้านสวยๆด้านล่าง พร้อมตั้งเป้ากับตัวเองว่า ทำงานเก็บเงินมาซื้อบ้านมีสวนใหญ่ๆดีกว่า ซึ่งไม่รู้ว่าฝันจะเป็นจริงเมื่อไหร่ แต่ยังไงก็ฝันไว้ก่อน
ลงจากหอคอย เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาซอกแซกตามตรอก ออกตามซอย เดินชมจนครบหมู่บ้าน มีบ้านนึงน่ารักมาก คุณป้าเจ้าของบ้านออกมารดน้ำต้นไม้ แล้วทักทายเรา หน้าบ้านมีต้นเชอร์รี่ต้นนึงกำลังออกลูกแดงๆ ยังกินไม่ได้ ต้องรออีกหน่อย มีสวนผักที่กำลังปลูก โอ๊ย ชีวิตบ้านคนแถวนี้ช่างน่าอิจฉาจริงๆ
เดินรอเวลาสองทุ่ม ที่จองร้านอาหารเอาไว้ แต่คิดว่าคงไม่มีอะไรให้ทำมากไปกว่านี้แล้ว เลยขอเข้าร้านก่อนเวลา ร้านนี้เป็นร้านแนะนำชื่อ The Bistro Zen ตกแต่งร้านน่ารักดีค่ะ ด้านในก็ดดี แต่เราเลือกที่จะนั่งด้านนอกชมวิวไปดีกว่า เพราะอากาศด้านนอกค่อนข้างดี ไม่หนาวเลย
เรามาก่อนเวลา อาหารจะเริ่มเสิร์ฟตอน 19:30 ระหว่างนั้นก็มีอาหารว่างเล็กๆมาให้ชิม สั่งเครื่องดื่มจิบคู่ไปด้วย
เมนูที่นี่มีให้เลือกไม่เยอะค่ะ เราสั่งเมนูที่รวมstarter จานหลักและของหวาน สนนราคา 30 ยูโร ไม่รวมเครื่องดื่ม เมนูมีให้เลือก 3 อย่าง ก็ลองสั่งมาคนละอย่างผลัดกันชิม portion แต่ละจานเสิร์ฟแบบไม่เยอะมาก ถือว่ากำลังพอดีอิ่ม เพราะถ้าเยอะแล้วมันจะแน่นเกินไป ทรมานไปอีก เจี๊ยบมีปัญหาเวลากินอาหารเยอะเกินไป ปวดท้องทรมาน นอนไม่หลับ
อาหารหมดแล้วต้องตามด้วยของหวาน ซึ่งส่วนใหญ่ของหวานที่ฝรั่งเศสเนี่ะ มักไม่ค่อยทำให้ลูกค้าผิดหวัง ร้านนี้ก็เช่นกันค่ะ กินอิ่มปุ๊บ ได้เวลากลับบ้านแล้ว
พระอาทิตย์กำลังคล้อยต่ำลงในเวลาสามทุ่มกว่าๆ แสงที่ส่องเข้ายิ่งทำให้ตัวหมู่บ้านดูสวยขึ้นไปอีก จนเกือบจะเปลี่ยนใจดูพระอาทิตย์ตกกันที่นี่ซะแล้ว ถ้าไม่กลัวว่าจะกลับถึงบ้านช้าเกินไป ตัดใจจากพระอาทิตย์ตก ขับรถมุ่งหน้ากลับบ้าน จบการเดินทางของวัน ด้วยชาร้อนๆหนึ่งถ้วย รอการเดินทางใหม่ในวันพรุ่งนี้
https://www.facebook.com/ARemarkableJourney/
IG: aremarkablejourney
www.aremarkablejourney.com
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น