ทั้งรักทั้งเกรงแถมสะใจสุด(ปราบหญิงร้าย)

ผมยอมรับว่าตัวเองเป็นหนึ่งในบุคคลที่ทั้งรักและเกรงใจแฟนแบบสุดๆ แฟนผมเป็นคนนิ่งๆไม่ค่อยทางสีหน้ามากนัก ส่วนใหญ่จะสือสารด้วยหน้าต่างของหัวใจอย่างดวงตามากกว่า มีอยู่ครั้งผมเคยลืมนัดว่าจะกลับมากินข้าวเย็นพร้อมกัน พอผมกลับมาเห็นเธอนั่งขมวดคิ้วอยู่ บนโต๊ะมีจานกับข้าววางอยู่แต่ไม่มีร่องรอยว่ามีการแตะต้องเลย แสดงว่าเธอรอจนกว่าผมจะกลับมา เมื่อดูนาฬิกาก็เห็นว่าเกือบสามทุ่มแล้ว แฟนผมเป็นคนมีจิตวิทยาสูง เธอไม่แสดงท่าทางไม่พอใจหรือตำหนิใดๆ ทั้งสิ้น หากแต่ใช้สายตาคมมากดดันซึ่งมันทำเอาผมอึดอัดไปหมด พร้อมกับความรู้สึกผิดที่ทับถมลงมาในใจ ท้ายสุดผมเลยคุกเข่าขอขมาร้องอย่างหมดท่า
"อ้ายเหรินพี่ขอโทษที่ลืมนัด เธอลงโทษต่อว่าหรือตบก็ได้ แต่ขออย่างเดียวอย่าจ้องด้วยสายตาเหยียดหยามราวกับกำลังมองมดปลวกแบบนี้เลย"
ร้องไห้ร้องไห้ร้องไห้ร้องไห้ร้องไห้
แฟนผมก็เดินเข้ามาแล้วตบหน้าผมเบาๆจนแทบเรียกได้ว่าแตะ
"อย่าลืมอีกแล้วกัน "
พูดด้วยรอยยิ้มกว้าง ก่อนจะเอากับข้าวไปอุ่นใหม่
แต่นี่ยังน้อยเมื่อเทียบกับเรื่องเมื่อสามวันก่อน

ทุกปีในวันเกิดของคุณตาญาติทุกคนจะมารวมตัวกันเพื่อฉลองวันเกิด วันนั้นผมตั้งใจจะเข้าครัวทำของโปรดให้คุณตา ซึ่งแฟนผมที่ตอนนี้ยกระดับเป็นคู่หมั้นก็อาสาจะช่วยด้วย ระหว่างที่ทำอยู่ก็ปัญหาขึ้น มีเสียงคนเดินเข้าประตูมา
คนที่มาคือผู้หญิงที่เคยเป็นอดีตภรรยาของลุงผมที่เคยก่อเรื่องวุ่นวายทั้งคบชู้ ติดพนัน ก่อหนี้ยืมสิน จนลุงแกเครียดจนฆ่าตัวตาย  พวกญาติทุกคนเลยขับไล่ออกจากบ้านไป นับว่าคุณตายังใจดีที่ยอมจ่ายหนี้ให้แล้วให้เงินไปพอสมควร แต่ห้ามว่าอย่ามาให้เห็นหน้าอีก
"หยุดไม่ต้องเข้ามา"
ผมบอกด้วยเสียงเกรี้ยว ผู้หญิงคนนี้หลังจากลุงผมเสีย เธอก็เบนเข็มมาหาผมแทนเพราะในบรรดาหลานของคุณตาผมเป็นผู้ชายเพียงคนเดียว สำหรับคนจีนที่ให้ความสำคัญกับผู้ชายผมจึงถือเป็นคนโปรดที่ได้รับความเอ็นดูมากกว่าใครๆ เธอเลยใส่ไฟให้ผมกับแฟนเพื่อให้พวกเราทะเลาะจนเลิกกัน แต่ผมรู้ทันแถมยังร่วมมือกับแฟนหลอกกลับจนเธอเผยไต๋ว่าตัวเองกุเรื่องขึ้นมาเอง กับคนที่ชอบยุแยงตะแคงรั่วไม่จำเป็นต้องพูดดีด้วย
"กลับไปซะ"
แต่การสื่อสารดูไปเป็นผล"
ฉานนนนจะมาหา แฟนนนคายยยจะทำมายยยย"
ไม่ไหวยัยนี้เมาอยู่เห็นๆ แถมไม่พูดเปล่ายังเข้ามากอดผมอีกด้วย
ผมไม่เคยดูถูกหรือรังเกียจเพศหญิงเลย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกสะอิดสะเอียนกับผู้หญิงไร้ยางอายคนนี้มาก
ผมรีบผลักออก นึกจะโทรเรียกตำรวจมาลากคอไปให้เรียบร้อย ทว่าแฟนผมกลับก้าวเข้ามาก่อนพร้อมกระทำสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ
"เพี๊ยะ"
เสียงตบแก้มขวาจนหน้าหันที่ดังฟังชัด
"นี่สำหรับความวุ่นวายที่เธอก่อขึ้น"
ตามด้วยแก้มขวาแบบไม่เปิดโอกาสให้ร้อง
"นี่สำหรับที่บังอาจมายุ่งกับคู่หมั้นของฉัน"
ก่อนจะจบด้วยการทำคอมโบต่อเนื่องเข้าแก้มขวาอีกครั้งเป็นการปิดท้าย
"นี่สำหรับความหมั่นไส้ส่วนตัว"
โดนเข้าไปเต็มที่เป็นใครก็คงสร่างเมา เธอตั้งใจจะพูดแต่แฟนผมเร็วกว่า มือที่ราวกับคีบเหล็กปิดปากอีกฝ่ายเอาไว้ก่อน ผมเองเคยเห็นสายตานิ่งๆออกแนวเย็นชาอันเป็นปกตินิสัยของเธอมาโดยตลอด ทว่าสายตาในตอนนี้ราวมีไฟลุกอยู่ภายใน ผมผวาซะจนต้องเดินถอยหลังเลย
"ปากของเธอมันสร้างความเดือดร้อนมามากเกินไปแล้ว ถ้าเธอมีสำนึกอยู่บ้างก็น่าจะรู้ว่าไม่สมควรเสนอหน้ามาที่นี่ โดยเฉพาะในวันสำคัญที่น่ายินดีแบบนี้"
"ถูกต้องแล้วล่ะ ปากนั้นหุบไว้ดีที่สุด ฟังแล้วจะเป็นเสนียดหูเปล่าๆ"
เสียงของน้าดังขึ้นจากข้างหลัง พอหันไปดูก็พบภาพของพวกญาติตั้งแต่คุณตา คุณยาย ป้า น้า อา คุณแม่ น้องสาว พวกลูกพี่ลูกน้องมากันครบเลย
"ที่นี่ไม่ต้อนรับคนอย่างเธอ"
อาผมว่าบ้างก่อนจะมีเสียต่อว่าจากพวกญาติๆอย่างโกรธแค้น ผมเองก็มองอย่างสมเพขเธอคนนี้ทำในเรื่องที่เลวร้ายจนเกินควร ทุกคนในที่นี้เคยโดนเธอหลอกลวงทั้งสิ้น โกงเงินบ้าง ขโมยทรัพย์สิน นินทาลับหลัง สารพัดเกินให้อภัยจริงๆ
"ออกไปซะแต่ตอนนี้จะดีที่สุด อย่าลดค้าศักดิศรีความเป็นคนของตัวเองให้มากกว่านี้เลย"
แฟนผมพูดแล้วปล่อยมือ
ฉับพลันเธอร้องโฮออกมาพลางเอามือปิดหน้าแล้ววิ่งหนีออกจากบ้านไปในทันที
ผมเอามือโอบไหล่แฟนก่อนจะคว้ามากอดชนิดไม่แคร์สายตาพวกญาติๆที่ยืนดูอยู่สักนิด ซึ่งเธออายจนหน้าแดงเลยที่เดียว
"ขอบคุณที่ช่วยสั่งสอนยัยนั้นให้"
วันนั้นทุกคนต่างพากันปรบมือและชื่นชมแฟนผมกันใหญ่ว่าใจเด็ดลงมือเฉียบขาดสะใจเหลือหลาย ส่วนผมก็ตัดสินใจว่าจะไม่ยอมทำให้เธอโกรธเด็ดขาดเพราะสีหน้าในตอนนั้นน่ากลัวมากจริงๆ

ไม่ทราบมีใครมีประสบการณ์เกรงในตัวแฟนแบบผมบ้าง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่