"#ความทรงจำที่ดีที่สุดของเรา แล้วคุณล่ะได้สร้างความทรงจำกับสิ่งที่คุณรักหรือยัง"
ความทรงจำดีดี ที่บ้านเราอยากแชร์ถึงแม้เรื่องจะนานแล้วแต่มันก็ยังเป็นความทรงจำที่เราดูแล้วคิดถึงเสมอ
สามารถติดตามพวกเราได้จาก FB:
https://www.facebook.com/NinjaAndTheGang/?fref=ts
ถึงสองตัวนี้จะไม่อยู่แล้วแต่ความน่ารักและอบอุ่นในบ้านเรายังมีแบ่งปันกันเสมอ
ย้อนหลังไปเมื่อ6ปีที่แล้ว........... กับการเที่ยวของบ้านเรา
เราไม่มีรถเรามีหมา2ตัว เราอยากพาลูกเราเที่ยวทะเลมากเลย แต่เรางบน้อย
เราจึงต้องหาข้อมธูลเกี่ยวกับการประหยัดงบทุกอย่างเซฟค่าใช้จ่ายให้ได้มากที่สุด
เราไปกดบัตรเฟิร์สช้อยส์มา8พันบาทเพื่อพาหมาเที่ยว มีแต่คนบอกว่ามืงบ้าหรือป่าว เราแคร์มั้ย บอกเลยเราไม่แคร์555+
ถ้าตอนนั้นเราไม่ได้ไป ตอนนี้เราคงไม่มีรูปไม่มีความทรงจำที่ดีขนาดนี้ ทั้งคิตตี้และไมโลได้จากบ้านเราไปทั้ง2ตัวแล้ว
อยากจะบอกว่า เขาอยู่กับเราไม่ถึง20ปีหรอก อายุเขาน้อย คุณมีความทรงจำที่ดีกับเขาแค่ไหน
**อย่าบอกว่าไม่มีเวลา เวลาทุกคน 24 ชม. เท่ากัน อย่าบอกว่าไม่มีเงิน เพราะเงินคือสิ่งที่คุณพร้อมจะจ่ายเพื่อซื้อความสุข** คุณไม่ได้กอดเงินแล้วมีความสุข(จิงป่ะ)
......แต่สิ่งที่ให้คุณจะพยายามเรียกร้องหรือไขว่คว้ากลับมาไม่ได้คือ "เวลา" วันนี้คุณทำสิ่งที่อยากทำหรือยัง หรือคุณแค่ จะหรืออยากทำ อย่ารอให้เขาตายแล้วคุณมานั่งฟูมฟาย เขาไม่ฟื้นขึ้นมาหรอก ตอนเขามีลมหายใจอยู่ สร้างรอยยิ้มและให้ความรักเขาให้เต็มที่ ถ้าบางสิ่งเวลามันนำพาผ่านไปแล้ว คุณไม่สามารถ ย้อนมันกลับคืนมาได้ ทุกวันนี้เราเปิดดูรูปเก่าๆด้วยรอยยิ้ม เราไม่เสียใจหรือไม่มีอะไรติดค้างเลย เพราะทุกสิ่งที่เราทำไป มันมาจากความตั้งใจ ความรัก และสิ่งที่เราเต็มใจ
"เมื่อวันที่ 3-4/5/52" ตกลงกับพ่อมันว่าจะไปเที่ยวกันโดยพาลูก ๆ ทั้ง 2 ไปด้วย และจะลองนั่งรถไฟไปเที่ยวกันดู เพราะที่บ้านไม่มีรถ
ก็เริ่มเปิดเน็ตหาว่าไปเที่ยวใหนได้บ้างโดยรถไฟ สรุปกันที่หัวหิน ก็เริ่มโทรจองห้องพัก ได้ที่พักที่รีรารีสอร์ต เป็นรีสอร์ตเล็ก ๆ มีทั้งหมด 6 หลัง (ตอนแรกเจ้าของบอกว่าจะไม่รับหมาใหญ่แล้วเนี่องจากมีปัญหามาก เจ้าของไม่ดูแลปล่อยให้สุนัขเห่าจนคนอื่น ๆ เดือดร้อน พอเจ้าของรีสอร์ตก็ไปบอกเจ้าของหมา แต่เจ้าของหมาพูดว่าก็คนมันเดินมาให้มันเห่าเอง :? เจอมา 2 หน ลูกค้าคนอื่น ๆ เค้าจะหนีหมดแล้ว แต่เจ้าของรีสอร์ตเค้าก็รักสุนัขก็เข้าใจว่าอยากให้ไปเที่ยวก็สองจิตสองใจว่าจะให้ดีหรือเปล่าพ่อกับแม่คิตตี้ก็รับปากว่าจะดูแลอย่างดี เค้าก็โอเค แถมท้ายอีกนิดว่า ยังไม่เข็ดรองดูอีกสักหน หุหุ)
เมื่อได้ที่พักแล้วก็โทรไปสอบถามที่รถไฟว่า ถ้านำสุนัขขึ้นจะต้องทำไงบ้าง เค้าก็แนะนำว่าให้ขึ้นรถไฟฟรี(ชั้น3)รถปรับอากาศขึ้นไม่ได้ ส่วนสุนัขให้เสียค่าระวางไป รถไฟออกเวลา 9.20 - ถึงหัวหินเวลา 14.20(โดยประมาณ) ให้ไปรับตั๋วได้ในวันที่ไป พ่อกับแม่มันไปรับตั๋วกันตั้งแต่ 7.00(ถ้าไปวันธรรมดาให้ไปรับตั๋วตอนที่จะขึ้นได้เลยค่ะเพราะว่าตั๋วไม่มีเลขที่นั่งขึ้นก่อนได้นั่งก่อน) และก็ไปเสียค่าระวางสุนัข 2 ตัว 90 บาท (เจ้าหน้าที่เขียนเป็นลูกสุนัข หุหุ ตอนไปเอาตั๋วไม่ได้เอาหมาไปนะค่ะ)รับตั๋วเสร็จก็ไปทานข้าวกลับมารับหมาทั้ง 2 ตัว แล้วขึ้นแท็กซี่ไปเที่ยวหัวลำโพงกัน ไปถึงก็เอาสัมภาระขึ้นรถแล้วก็รอเวลารถออก ระหว่างรอ ก็มีคนมาเล่นมาคุยมาถามว่าเอาหมามาได้ด้วยหรือ ไม่เคยรู้ ถ้ารู้จะได้เอาหมาที่บ้านมาด้วย คุยไปคุยมาไปหัวหินเหมือนกัน เค้าก็เลยถามว่าพักตรงใหนจะได้ไปดูว่าที่พักเป็นไงสอบถามของเบอร์คราวหน้าจะได้มาอีก ได้เพื่อนร่วมทางไปในตัว แล้วก็มีน้องคนนึงน่ารักมากมาเป็นพี่เลี้ยงหมาให้ด้วยตลอดการเดินทาง ตอนแรก ๆ ก็กลัวหลัง ๆ เริ่มจะสนุกเข้ามาจับ จิ้มและกอดในที่สุด
ตลอด 5 ชม.ที่นั่งอยู่บนรถไฟ คิตตี้กับไมโลไม่ดื้อไม่ซนไม่เห่า ทำตัวน่ารักมาก มีคนมาเล่นมาถ่ายรูปด้วย พอถึงหัวหินเราก้อเดินลากกระเป๋าหารถไปส่งที่พัก แต่รถเขาไม่รับที่พักห่างจากสถานณีรถไฟ10กิโลถ้าจะเดินคงไม่ไหว เลยเดินหารถรับจ้างกันพักใหญ่ๆ(เดินไปถามเกือบ10คัน) สรุปมีพี่ใจดีเขาเมตตาขับรถไปส่ง ดีใจมากก ขากลับพี่เขายังมารับด้วย ค่ารถรับจ้างพี่เขาคิด400ไปกลับ ้ราให้พี่เขาไป500 ความรู้สึกแบบนี้ยังอยู่ในความทรงจำเสมอมา และวันรุ่งขึ้นก้อได้เวลากลับบ้านเรา ไปถึงสถานีหัวหิน ประมาณเที่ยวกว่า ๆ ไปรับตั๋วเสียค่าระวาง และก็เดินเล่นรอบ ๆ สถานีรถไฟหัวหินเพื่อรอรถกลับ สถานีรถไฟหัวหินสวยมากเลยค่ะ และก็เดินไปนั่งรอรถที่ร้านกาแฟเปิดใหม่ตรงสถานี เปิดมาได้ 4 วัน เจ้าของน่ารักมาก ให้น้องหมามานั่งรอหน้าร้านด้วย ใครไปหัวหินแวะไปนั่งร้านนี้ได้นะค่ะเจ้าของยินดีต้อนรับ นั่งรอรถได้สักพักคิตตี้ก็ได้พี่เลี้ยงอีกหนึ่งคน เป็นลูกของเจ้าหน้าที่ที่สถานนีรถไฟอ่ะค่ะ เกาะติดไม่ห่างไปใหนไปด้วยไปส่งถึงรถไฟด้วยเลยน้องคนนี้ ขากลับเจอเพื่อนร่วมรถที่มาด้วยกันวันแรก เค้าเดินมาเที่ยวที่สถานีรถไฟแล้วก็เลยเดินมาทัก และยังใจดีช่วยขนกระเป๋าขึ้นรถให้ด้วยขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ (อยากจะบอกว่าโลกกลมจริง ๆ ตอนไปเที่ยวทะเลมีพี่คนนึงเดินมาทักบอกว่าใช่หมาที่เคยไปนอนขอเลือดที่รพส.เกษตรหรือเปล่า พอดีเค้าจำหมาได้ อยู่กันคนละทียังมาเจอะกันได้อีกแหนะ กลมจริง ๆ โลกเรา)
ทริป เที่ยวรถไฟครั้งนี้ มีความสุขมาก ๆ เลย สนุกทั้งคนทั้งหมา แถมสบายกระเป๋า พ่อกับแม่มันอีก อิอิ เพราะเที่ยวครั้งนี้ใช้งบประมาณไป 3,468 บาท (ค่าห้อง 900+300(ค่าหมาตัวที่2) ค่ารถ 770 (ตั้งแต่ออกจากบ้านจนถึงบ้าน) ค่ากิน 1,498) หุหุ ปล.ถ้าจะไปรถไฟฟรี ให้ไปวันธรรมดาหรือวันเปิดเรียน รถจะโล่งมาก (ช่วงที่ไปติดงานคอนเสริต์ขากลับรถจึงค่อนข้างแน่น)เจ้าหน้าที่รถไฟบอกมาค่ะ สำหรับหมาขึ้นรถไฟ จะเสียค่าระวางสุนัข ตัวละ 90 บาทค่ะไม่ต้องชั่งน้ำหนัก แต่ถ้าเสียบนรถจะเสียตัวละร้อยและอาจจะโดนนายตรวจดุเอาอีกตั้งหาก
ปล.....การเดินทางของคิตตี้กับไมโลมาสุดทางแล้ว. ขอให้ลูกๆทั้ง2ได้เกิดในภพภูมิที่ดี หนูทั้ง2เก่งมาก. เราได้ไปเที่ยวกันในหลายๆที่ ภาพความทรงจำทุกอย่าง. ไม่มีวันเลือนหายไปจากใจของพ่อกับแม่อย่างแน่นอน
#ความทรงจำที่ดีที่สุดของเรา
"#ความทรงจำที่ดีที่สุดของเรา แล้วคุณล่ะได้สร้างความทรงจำกับสิ่งที่คุณรักหรือยัง"
ความทรงจำดีดี ที่บ้านเราอยากแชร์ถึงแม้เรื่องจะนานแล้วแต่มันก็ยังเป็นความทรงจำที่เราดูแล้วคิดถึงเสมอ
สามารถติดตามพวกเราได้จาก FB: https://www.facebook.com/NinjaAndTheGang/?fref=ts
ถึงสองตัวนี้จะไม่อยู่แล้วแต่ความน่ารักและอบอุ่นในบ้านเรายังมีแบ่งปันกันเสมอ
ย้อนหลังไปเมื่อ6ปีที่แล้ว........... กับการเที่ยวของบ้านเรา
เราไม่มีรถเรามีหมา2ตัว เราอยากพาลูกเราเที่ยวทะเลมากเลย แต่เรางบน้อย
เราจึงต้องหาข้อมธูลเกี่ยวกับการประหยัดงบทุกอย่างเซฟค่าใช้จ่ายให้ได้มากที่สุด
เราไปกดบัตรเฟิร์สช้อยส์มา8พันบาทเพื่อพาหมาเที่ยว มีแต่คนบอกว่ามืงบ้าหรือป่าว เราแคร์มั้ย บอกเลยเราไม่แคร์555+
ถ้าตอนนั้นเราไม่ได้ไป ตอนนี้เราคงไม่มีรูปไม่มีความทรงจำที่ดีขนาดนี้ ทั้งคิตตี้และไมโลได้จากบ้านเราไปทั้ง2ตัวแล้ว
อยากจะบอกว่า เขาอยู่กับเราไม่ถึง20ปีหรอก อายุเขาน้อย คุณมีความทรงจำที่ดีกับเขาแค่ไหน
**อย่าบอกว่าไม่มีเวลา เวลาทุกคน 24 ชม. เท่ากัน อย่าบอกว่าไม่มีเงิน เพราะเงินคือสิ่งที่คุณพร้อมจะจ่ายเพื่อซื้อความสุข** คุณไม่ได้กอดเงินแล้วมีความสุข(จิงป่ะ)
......แต่สิ่งที่ให้คุณจะพยายามเรียกร้องหรือไขว่คว้ากลับมาไม่ได้คือ "เวลา" วันนี้คุณทำสิ่งที่อยากทำหรือยัง หรือคุณแค่ จะหรืออยากทำ อย่ารอให้เขาตายแล้วคุณมานั่งฟูมฟาย เขาไม่ฟื้นขึ้นมาหรอก ตอนเขามีลมหายใจอยู่ สร้างรอยยิ้มและให้ความรักเขาให้เต็มที่ ถ้าบางสิ่งเวลามันนำพาผ่านไปแล้ว คุณไม่สามารถ ย้อนมันกลับคืนมาได้ ทุกวันนี้เราเปิดดูรูปเก่าๆด้วยรอยยิ้ม เราไม่เสียใจหรือไม่มีอะไรติดค้างเลย เพราะทุกสิ่งที่เราทำไป มันมาจากความตั้งใจ ความรัก และสิ่งที่เราเต็มใจ
"เมื่อวันที่ 3-4/5/52" ตกลงกับพ่อมันว่าจะไปเที่ยวกันโดยพาลูก ๆ ทั้ง 2 ไปด้วย และจะลองนั่งรถไฟไปเที่ยวกันดู เพราะที่บ้านไม่มีรถ
ก็เริ่มเปิดเน็ตหาว่าไปเที่ยวใหนได้บ้างโดยรถไฟ สรุปกันที่หัวหิน ก็เริ่มโทรจองห้องพัก ได้ที่พักที่รีรารีสอร์ต เป็นรีสอร์ตเล็ก ๆ มีทั้งหมด 6 หลัง (ตอนแรกเจ้าของบอกว่าจะไม่รับหมาใหญ่แล้วเนี่องจากมีปัญหามาก เจ้าของไม่ดูแลปล่อยให้สุนัขเห่าจนคนอื่น ๆ เดือดร้อน พอเจ้าของรีสอร์ตก็ไปบอกเจ้าของหมา แต่เจ้าของหมาพูดว่าก็คนมันเดินมาให้มันเห่าเอง :? เจอมา 2 หน ลูกค้าคนอื่น ๆ เค้าจะหนีหมดแล้ว แต่เจ้าของรีสอร์ตเค้าก็รักสุนัขก็เข้าใจว่าอยากให้ไปเที่ยวก็สองจิตสองใจว่าจะให้ดีหรือเปล่าพ่อกับแม่คิตตี้ก็รับปากว่าจะดูแลอย่างดี เค้าก็โอเค แถมท้ายอีกนิดว่า ยังไม่เข็ดรองดูอีกสักหน หุหุ)
เมื่อได้ที่พักแล้วก็โทรไปสอบถามที่รถไฟว่า ถ้านำสุนัขขึ้นจะต้องทำไงบ้าง เค้าก็แนะนำว่าให้ขึ้นรถไฟฟรี(ชั้น3)รถปรับอากาศขึ้นไม่ได้ ส่วนสุนัขให้เสียค่าระวางไป รถไฟออกเวลา 9.20 - ถึงหัวหินเวลา 14.20(โดยประมาณ) ให้ไปรับตั๋วได้ในวันที่ไป พ่อกับแม่มันไปรับตั๋วกันตั้งแต่ 7.00(ถ้าไปวันธรรมดาให้ไปรับตั๋วตอนที่จะขึ้นได้เลยค่ะเพราะว่าตั๋วไม่มีเลขที่นั่งขึ้นก่อนได้นั่งก่อน) และก็ไปเสียค่าระวางสุนัข 2 ตัว 90 บาท (เจ้าหน้าที่เขียนเป็นลูกสุนัข หุหุ ตอนไปเอาตั๋วไม่ได้เอาหมาไปนะค่ะ)รับตั๋วเสร็จก็ไปทานข้าวกลับมารับหมาทั้ง 2 ตัว แล้วขึ้นแท็กซี่ไปเที่ยวหัวลำโพงกัน ไปถึงก็เอาสัมภาระขึ้นรถแล้วก็รอเวลารถออก ระหว่างรอ ก็มีคนมาเล่นมาคุยมาถามว่าเอาหมามาได้ด้วยหรือ ไม่เคยรู้ ถ้ารู้จะได้เอาหมาที่บ้านมาด้วย คุยไปคุยมาไปหัวหินเหมือนกัน เค้าก็เลยถามว่าพักตรงใหนจะได้ไปดูว่าที่พักเป็นไงสอบถามของเบอร์คราวหน้าจะได้มาอีก ได้เพื่อนร่วมทางไปในตัว แล้วก็มีน้องคนนึงน่ารักมากมาเป็นพี่เลี้ยงหมาให้ด้วยตลอดการเดินทาง ตอนแรก ๆ ก็กลัวหลัง ๆ เริ่มจะสนุกเข้ามาจับ จิ้มและกอดในที่สุด
ตลอด 5 ชม.ที่นั่งอยู่บนรถไฟ คิตตี้กับไมโลไม่ดื้อไม่ซนไม่เห่า ทำตัวน่ารักมาก มีคนมาเล่นมาถ่ายรูปด้วย พอถึงหัวหินเราก้อเดินลากกระเป๋าหารถไปส่งที่พัก แต่รถเขาไม่รับที่พักห่างจากสถานณีรถไฟ10กิโลถ้าจะเดินคงไม่ไหว เลยเดินหารถรับจ้างกันพักใหญ่ๆ(เดินไปถามเกือบ10คัน) สรุปมีพี่ใจดีเขาเมตตาขับรถไปส่ง ดีใจมากก ขากลับพี่เขายังมารับด้วย ค่ารถรับจ้างพี่เขาคิด400ไปกลับ ้ราให้พี่เขาไป500 ความรู้สึกแบบนี้ยังอยู่ในความทรงจำเสมอมา และวันรุ่งขึ้นก้อได้เวลากลับบ้านเรา ไปถึงสถานีหัวหิน ประมาณเที่ยวกว่า ๆ ไปรับตั๋วเสียค่าระวาง และก็เดินเล่นรอบ ๆ สถานีรถไฟหัวหินเพื่อรอรถกลับ สถานีรถไฟหัวหินสวยมากเลยค่ะ และก็เดินไปนั่งรอรถที่ร้านกาแฟเปิดใหม่ตรงสถานี เปิดมาได้ 4 วัน เจ้าของน่ารักมาก ให้น้องหมามานั่งรอหน้าร้านด้วย ใครไปหัวหินแวะไปนั่งร้านนี้ได้นะค่ะเจ้าของยินดีต้อนรับ นั่งรอรถได้สักพักคิตตี้ก็ได้พี่เลี้ยงอีกหนึ่งคน เป็นลูกของเจ้าหน้าที่ที่สถานนีรถไฟอ่ะค่ะ เกาะติดไม่ห่างไปใหนไปด้วยไปส่งถึงรถไฟด้วยเลยน้องคนนี้ ขากลับเจอเพื่อนร่วมรถที่มาด้วยกันวันแรก เค้าเดินมาเที่ยวที่สถานีรถไฟแล้วก็เลยเดินมาทัก และยังใจดีช่วยขนกระเป๋าขึ้นรถให้ด้วยขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ (อยากจะบอกว่าโลกกลมจริง ๆ ตอนไปเที่ยวทะเลมีพี่คนนึงเดินมาทักบอกว่าใช่หมาที่เคยไปนอนขอเลือดที่รพส.เกษตรหรือเปล่า พอดีเค้าจำหมาได้ อยู่กันคนละทียังมาเจอะกันได้อีกแหนะ กลมจริง ๆ โลกเรา)
ทริป เที่ยวรถไฟครั้งนี้ มีความสุขมาก ๆ เลย สนุกทั้งคนทั้งหมา แถมสบายกระเป๋า พ่อกับแม่มันอีก อิอิ เพราะเที่ยวครั้งนี้ใช้งบประมาณไป 3,468 บาท (ค่าห้อง 900+300(ค่าหมาตัวที่2) ค่ารถ 770 (ตั้งแต่ออกจากบ้านจนถึงบ้าน) ค่ากิน 1,498) หุหุ ปล.ถ้าจะไปรถไฟฟรี ให้ไปวันธรรมดาหรือวันเปิดเรียน รถจะโล่งมาก (ช่วงที่ไปติดงานคอนเสริต์ขากลับรถจึงค่อนข้างแน่น)เจ้าหน้าที่รถไฟบอกมาค่ะ สำหรับหมาขึ้นรถไฟ จะเสียค่าระวางสุนัข ตัวละ 90 บาทค่ะไม่ต้องชั่งน้ำหนัก แต่ถ้าเสียบนรถจะเสียตัวละร้อยและอาจจะโดนนายตรวจดุเอาอีกตั้งหาก
ปล.....การเดินทางของคิตตี้กับไมโลมาสุดทางแล้ว. ขอให้ลูกๆทั้ง2ได้เกิดในภพภูมิที่ดี หนูทั้ง2เก่งมาก. เราได้ไปเที่ยวกันในหลายๆที่ ภาพความทรงจำทุกอย่าง. ไม่มีวันเลือนหายไปจากใจของพ่อกับแม่อย่างแน่นอน