สวัสดีค่ะ วันนี้เราอยากมาปรึกษาเรื่องมารยาทในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น เนื่องจากส่วนตัวเราคิดว่าเรากำลังมีปัญหาที่หาทางออกได้ยาก เลยขอเอามาปรึกษาผู้รู้เพื่อนำไปพัฒนาปรับปรุงการใช้ชีวิตต่อไปค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่า เราเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ต้องอาศัยอยู่ในบ้านพักข้าราชการกับพี่แท้ ๆ เนื่องด้วยเหตุผลฐานะทางบ้าน ที่พักที่เราอาศัยอยู่เป็นลักษณะทรงยาว คือห้องไม่ได้กว้างมาก แต่หน้าห้องกับระเบียงหลังห้องอยู่ไกลกันสุด ๆ แบ่งห้องตอนลึกได้เป็นสามส่วนคือ ส่วนหน้าติดทางเดิน ส่วนกลางและส่วนหลังติดระเบียงค่ะ ที่พักนี้ตามจริงแล้วไม่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ แต่คนที่นี่ก็เลี้ยงกันจนเป็นเรื่องปกติ ที่สำคัญคือผู้ดูแลไม่ห้าม ไม่มีกฎตายตัว เลยไม่มีใครมองว่าเป็นเรื่องต้องห้าม เราเข้ามาอาศัยที่นี่ได้สองสามปีแล้วค่ะ ที่เราเริ่มรู้สึกว่ามีปัญหาคือช่วงปีที่สองจนถึงปีที่สามมานี้ สาเหตุก็คือ
1) เดิมเรานอนที่ห้องกลาง แต่พี่เราทำห้องใหม่เราเลยได้ย้ายมาอยู่ห้องข้างหน้าที่ติดทางเดิน ช่วงแรกเรานอนไม่ได้เลยค่ะเพราะว่าเสียงคนคุยกันมันดังมาก จนเราต้องเอาแผ่นไม้อัดมาปิดช่องลมบนกำแพงตรงหัวนอน ต้องหาโฟมซับเสียงมาแปะเอาไว้ เสียเงินหลายพันอยู่ค่ะ ตอนนี้ถึงจะดีขึ้นแล้วแต่ก็ยังได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่ ถ้าหนักหน่อยก็จะเป็นเสียงตะโกนที่ได้ยินชัดถ้อยชัดคำสุดๆ บางครั้งเรานอนอยู่ถึงกับสะดุ้งตื่นขึ้นมาเลยค่ะ และนี่ก็คือฉนวนปัญหาอันแรก
2) ฉนวนปัญหาอันที่สองคือ พี่เราเลี้ยงสุนัขค่ะ แต่ก่อนยังมีแค่ตัวเดียว แต่เมื่อประมาณปีก่อนพี่เอามาเลี้ยงเพิ่มอีกหนึ่งตัวค่ะ คราวนี้มันเลยพากันเล่น พากันเห่า เราว่าข้างห้องก็เคยได้ยินแต่เขาไม่พูดอะไร เราเองก็ได้ยินค่ะเวลามันเห่า แต่เราจะคอยดุมันตลอดเพราะเราไม่อยากให้ไปรบกวนคนอื่น
ปัญหาในเรื่องนี้เกิดขึ้นจาก ช่วงที่ผ่านมาเป็นช่วงสอบของมหาวิทยาลัยค่ะ เราจำเป็นต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบ ทำให้มีเวลาพักผ่อนลดน้อยลง ช่วงเช้าที่เราจะตื่นไปเรียนประจำคือประมาณหกโมงครึ่งถึงเจ็ดโมงค่ะ วันนั้นเป็นวันที่เราตั้งใจจะตื่นเจ็ดโมงเช้าเพื่อไปสอบ แต่บังเอิญว่าน้องห้องข้าง ๆ ร้องเพลงหรืองอแง (ไม่แน่ใจ) เสียงดังมากตอนประมาณหกโมงกว่า (เวลาไม่แน่ใจ) แทรกเข้ามาในฝันเลยค่ะ เราเลยตื่นมาแบบปวดหัวสุด ๆ พอเริ่มจับที่จับทางได้เลยพิมพ์ไปในกลุ่มผู้พักอาศัยเชิงตำหนิค่ะดูแลบุตรหลานดี ๆ หน่อย ซึ่งพี่สาวเราก็เตือนแล้วนะคะว่าให้ใจเย็น ๆ แต่เราอดทนแบบนี้มาปีกว่า ๆ แล้วค่ะ ตั้งแต่ย้ายมานอนห้องข้างหน้า เพราะว่าน้องห้องข้าง ๆ จะตื่นมาเสียงดังทุกเช้าที่อาบน้ำ และวิ่งกรี้ดกระโดดดังตึ้งทุกเย็นที่กลับมาจากโรงเรียน ที่พักนี้มีเด็กอาศัยอยู่เยอะนะคะ ทั้งห้องทางซ้ายทางขวาของเราก็มีเด็กเล็ก (ประถมวัย) อาศัยอยู่ แต่เสียงเด็กที่เราได้ยินมาจากห้องประจำเพียงห้องเดียวค่ะ อีกห้องไม่เคยได้ยินลย ครั้งนี้เรามีความอดทนต่ำจริง ๆ ถึงพิมพ์ออกไปแบบนั้น
ผลปรากฏคือมีคนเข้ามาเห็นด้วยค่ะ แล้วก็มีคนเข้ามาสอบถามว่าห้องไหนจะได้ดูแลปรับปรุง เรารู้นะคะว่าห้องไหนแต่เราก็ไม่พูดตรง ๆ เลยแค่บอกชั้นที่พักอาศัยไป คราวนี้ก็มีคุณย่าของเด็กที่เสียงดังค่ะเข้ามาบอกว่า เป็นผู้ใหญ่แล้วใจกว้างหน่อย เด็กตื่นเช้าเป็นธรรมดา ของชั้นบางคืนได้ยินเสียงหมาเล่นกันยังไม่ว่าอะไร ประมาณนี้ค่ะ *มีภาพประกอบ* เราเองก็พอรู้ตัวอยู่ค่ะว่าเป็นเสียงสุนัขจากห้องเรา เราเลยไม่พิมพ์อะไรตอบกลับไปเพราะเราไม่ใช่เจ้าของห้อง เรากลัวพี่เราเสียหาย เราเลยอยากมาถามทุกคนว่าเราใจแคบไปหรือเปล่าคะ เราอดทนไม่พูดมาเป็นปีเพราะเห็นว่าเป็นเวลาทำมาหากินของทุกคน การกระทำครั้งนี้ของเราเกินเหตุไปมั้ยคะ ถ้าเราทำเกินไปจริง ๆ เราจะกลับไปทบทวนตัวเองใหม่ค่ะ
ปล. สุนัขของพี่เราอยู่มาตั้งแต่วันที่ย้ายเข้า เพิ่งเริ่มเห่าเล่นกันช่วงที่มีตัวใหม่เข้ามา ประมาณปีกว่า ๆ ก่อนเราย้ายไปห้องติดทางเดินไม่กี่เดือนค่ะ สุนัขของเราเห่าทุกวัน วันละสี่ถึงห้าครั้ง ครั้งละสองสามที ดึกสุดเคยเห่าตอนประมาณห้าทุ่มค่ะ แต่ว่าจะเห่าดึกขนาดนั้นปีละสองครั้งเห็นจะได้ ทุกครั้งที่เห่าพี่ของเราจะคอยห้ามตลอดก็เลยเห่าไม่เยอะ ส่วนใหญ่จะเห่าปลุกพี่ที่หลังห้องตอนเจ็ดแปดโมง เวลาเห่าจะเห่าทีละครั้งค่ะ ถ้าพี่ตื่นก็จะหยุดเอง เป็นสุนัขที่ไม่ได้เห่าพร่ำเพื่อเหมือนพวกปอมกับชิวาว่าค่ะ ช่วงครึ่งปีที่ผ่านมานี้พี่เรานำสุขันมาแค่อาทิตย์เว้นอาทิตย์ค่ะ เพราะว่าติดธุระค่อนข้างเยอะ ทุกคนว่าปัญหาสุนัขของเราก็รบกวนคนอื่นเกินไปด้วยไหมคะ เพราะว่าเราไม่เคยได้รับคำร้องเรียนจากใครเลยค่ะ หากเกิดปัญหามากไปเราจะลองปรึกษาพี่ให้อบรมสุนัขให้ดีขึ้นค่ะ เพราะเราเกรงใจผู้พักอาศัยห้องอื่น ๆ
หรือหากท่านใดมีแนวทางการแก้ปัญหาที่ดีกว่านี้ หรือเป็นทางออกที่จะทำให้ไม่ขุ่นใจกันทั้งสองฝ่ายแนะนำ ช่วยบอกเราหน่อยนะคะ เพราะถ้าเลือกได้เราก็ไม่อยากทนกับปัญหานี้ต่อไปเรื่อย ๆ ค่ะ หรือถ้าปัญหามันต้องแก้ที่เรา เราก็เข้าใจและพร้อมปรับปรุงค่ะ
นี่เป็นภาพบทสนทนาค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สอบถามเกี่ยวกับมารยาทในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น
เรื่องมีอยู่ว่า เราเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ต้องอาศัยอยู่ในบ้านพักข้าราชการกับพี่แท้ ๆ เนื่องด้วยเหตุผลฐานะทางบ้าน ที่พักที่เราอาศัยอยู่เป็นลักษณะทรงยาว คือห้องไม่ได้กว้างมาก แต่หน้าห้องกับระเบียงหลังห้องอยู่ไกลกันสุด ๆ แบ่งห้องตอนลึกได้เป็นสามส่วนคือ ส่วนหน้าติดทางเดิน ส่วนกลางและส่วนหลังติดระเบียงค่ะ ที่พักนี้ตามจริงแล้วไม่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ แต่คนที่นี่ก็เลี้ยงกันจนเป็นเรื่องปกติ ที่สำคัญคือผู้ดูแลไม่ห้าม ไม่มีกฎตายตัว เลยไม่มีใครมองว่าเป็นเรื่องต้องห้าม เราเข้ามาอาศัยที่นี่ได้สองสามปีแล้วค่ะ ที่เราเริ่มรู้สึกว่ามีปัญหาคือช่วงปีที่สองจนถึงปีที่สามมานี้ สาเหตุก็คือ
1) เดิมเรานอนที่ห้องกลาง แต่พี่เราทำห้องใหม่เราเลยได้ย้ายมาอยู่ห้องข้างหน้าที่ติดทางเดิน ช่วงแรกเรานอนไม่ได้เลยค่ะเพราะว่าเสียงคนคุยกันมันดังมาก จนเราต้องเอาแผ่นไม้อัดมาปิดช่องลมบนกำแพงตรงหัวนอน ต้องหาโฟมซับเสียงมาแปะเอาไว้ เสียเงินหลายพันอยู่ค่ะ ตอนนี้ถึงจะดีขึ้นแล้วแต่ก็ยังได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่ ถ้าหนักหน่อยก็จะเป็นเสียงตะโกนที่ได้ยินชัดถ้อยชัดคำสุดๆ บางครั้งเรานอนอยู่ถึงกับสะดุ้งตื่นขึ้นมาเลยค่ะ และนี่ก็คือฉนวนปัญหาอันแรก
2) ฉนวนปัญหาอันที่สองคือ พี่เราเลี้ยงสุนัขค่ะ แต่ก่อนยังมีแค่ตัวเดียว แต่เมื่อประมาณปีก่อนพี่เอามาเลี้ยงเพิ่มอีกหนึ่งตัวค่ะ คราวนี้มันเลยพากันเล่น พากันเห่า เราว่าข้างห้องก็เคยได้ยินแต่เขาไม่พูดอะไร เราเองก็ได้ยินค่ะเวลามันเห่า แต่เราจะคอยดุมันตลอดเพราะเราไม่อยากให้ไปรบกวนคนอื่น
ปัญหาในเรื่องนี้เกิดขึ้นจาก ช่วงที่ผ่านมาเป็นช่วงสอบของมหาวิทยาลัยค่ะ เราจำเป็นต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบ ทำให้มีเวลาพักผ่อนลดน้อยลง ช่วงเช้าที่เราจะตื่นไปเรียนประจำคือประมาณหกโมงครึ่งถึงเจ็ดโมงค่ะ วันนั้นเป็นวันที่เราตั้งใจจะตื่นเจ็ดโมงเช้าเพื่อไปสอบ แต่บังเอิญว่าน้องห้องข้าง ๆ ร้องเพลงหรืองอแง (ไม่แน่ใจ) เสียงดังมากตอนประมาณหกโมงกว่า (เวลาไม่แน่ใจ) แทรกเข้ามาในฝันเลยค่ะ เราเลยตื่นมาแบบปวดหัวสุด ๆ พอเริ่มจับที่จับทางได้เลยพิมพ์ไปในกลุ่มผู้พักอาศัยเชิงตำหนิค่ะดูแลบุตรหลานดี ๆ หน่อย ซึ่งพี่สาวเราก็เตือนแล้วนะคะว่าให้ใจเย็น ๆ แต่เราอดทนแบบนี้มาปีกว่า ๆ แล้วค่ะ ตั้งแต่ย้ายมานอนห้องข้างหน้า เพราะว่าน้องห้องข้าง ๆ จะตื่นมาเสียงดังทุกเช้าที่อาบน้ำ และวิ่งกรี้ดกระโดดดังตึ้งทุกเย็นที่กลับมาจากโรงเรียน ที่พักนี้มีเด็กอาศัยอยู่เยอะนะคะ ทั้งห้องทางซ้ายทางขวาของเราก็มีเด็กเล็ก (ประถมวัย) อาศัยอยู่ แต่เสียงเด็กที่เราได้ยินมาจากห้องประจำเพียงห้องเดียวค่ะ อีกห้องไม่เคยได้ยินลย ครั้งนี้เรามีความอดทนต่ำจริง ๆ ถึงพิมพ์ออกไปแบบนั้น
ผลปรากฏคือมีคนเข้ามาเห็นด้วยค่ะ แล้วก็มีคนเข้ามาสอบถามว่าห้องไหนจะได้ดูแลปรับปรุง เรารู้นะคะว่าห้องไหนแต่เราก็ไม่พูดตรง ๆ เลยแค่บอกชั้นที่พักอาศัยไป คราวนี้ก็มีคุณย่าของเด็กที่เสียงดังค่ะเข้ามาบอกว่า เป็นผู้ใหญ่แล้วใจกว้างหน่อย เด็กตื่นเช้าเป็นธรรมดา ของชั้นบางคืนได้ยินเสียงหมาเล่นกันยังไม่ว่าอะไร ประมาณนี้ค่ะ *มีภาพประกอบ* เราเองก็พอรู้ตัวอยู่ค่ะว่าเป็นเสียงสุนัขจากห้องเรา เราเลยไม่พิมพ์อะไรตอบกลับไปเพราะเราไม่ใช่เจ้าของห้อง เรากลัวพี่เราเสียหาย เราเลยอยากมาถามทุกคนว่าเราใจแคบไปหรือเปล่าคะ เราอดทนไม่พูดมาเป็นปีเพราะเห็นว่าเป็นเวลาทำมาหากินของทุกคน การกระทำครั้งนี้ของเราเกินเหตุไปมั้ยคะ ถ้าเราทำเกินไปจริง ๆ เราจะกลับไปทบทวนตัวเองใหม่ค่ะ
ปล. สุนัขของพี่เราอยู่มาตั้งแต่วันที่ย้ายเข้า เพิ่งเริ่มเห่าเล่นกันช่วงที่มีตัวใหม่เข้ามา ประมาณปีกว่า ๆ ก่อนเราย้ายไปห้องติดทางเดินไม่กี่เดือนค่ะ สุนัขของเราเห่าทุกวัน วันละสี่ถึงห้าครั้ง ครั้งละสองสามที ดึกสุดเคยเห่าตอนประมาณห้าทุ่มค่ะ แต่ว่าจะเห่าดึกขนาดนั้นปีละสองครั้งเห็นจะได้ ทุกครั้งที่เห่าพี่ของเราจะคอยห้ามตลอดก็เลยเห่าไม่เยอะ ส่วนใหญ่จะเห่าปลุกพี่ที่หลังห้องตอนเจ็ดแปดโมง เวลาเห่าจะเห่าทีละครั้งค่ะ ถ้าพี่ตื่นก็จะหยุดเอง เป็นสุนัขที่ไม่ได้เห่าพร่ำเพื่อเหมือนพวกปอมกับชิวาว่าค่ะ ช่วงครึ่งปีที่ผ่านมานี้พี่เรานำสุขันมาแค่อาทิตย์เว้นอาทิตย์ค่ะ เพราะว่าติดธุระค่อนข้างเยอะ ทุกคนว่าปัญหาสุนัขของเราก็รบกวนคนอื่นเกินไปด้วยไหมคะ เพราะว่าเราไม่เคยได้รับคำร้องเรียนจากใครเลยค่ะ หากเกิดปัญหามากไปเราจะลองปรึกษาพี่ให้อบรมสุนัขให้ดีขึ้นค่ะ เพราะเราเกรงใจผู้พักอาศัยห้องอื่น ๆ
หรือหากท่านใดมีแนวทางการแก้ปัญหาที่ดีกว่านี้ หรือเป็นทางออกที่จะทำให้ไม่ขุ่นใจกันทั้งสองฝ่ายแนะนำ ช่วยบอกเราหน่อยนะคะ เพราะถ้าเลือกได้เราก็ไม่อยากทนกับปัญหานี้ต่อไปเรื่อย ๆ ค่ะ หรือถ้าปัญหามันต้องแก้ที่เรา เราก็เข้าใจและพร้อมปรับปรุงค่ะ
นี่เป็นภาพบทสนทนาค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้