โค้ชของนักกีฬาคือผู้ฝึกสอน หากลยุทธ หากลวิธี ที่ทำให้นักกีฬาของตัวเองให้ประสบความสำเร็จ
ไม่ว่าจะเป็นในการซ้อม หาวิธีซ้อม หาทุกอย่างเพื่อที่ให้นักกีฬาซ้อมได้อย่างสนุก และมีทักษะต่าง ๆในการเล่น
ในสนามแข่งขัน ก็ต้องนั่งข้างสนาม(อันนี้เน้นนะครับ) เป็นผู้ดูเกมส์การแข่ง หาจุดก่อนของผู้ต่อสู้ เพื่อแก้ไขการเล่นของนักกีฬาเรา
ไม่ตะโกนบอกในขณะที่การแข่งขันในแต่ละแต้มยังไม่ตาย
อันนี้คือเรื่องปกติของโค้ชหรือผู้ฝึกสอนควรกระทำ และส่วนใหญ่หรือส่วนมาก ก็กระทำกันเช่นนี้
แต่มีโค้ชบางคน อันนี้ไม่ทราบว่าได้ฝึกและรับการอบรบการเป็นโค้ชการหรือเปล่า
ถ้านักกีฬาของตัวเองเป็นรองเมื่อไหร่ ก็จะใช้วิธีแบบที่คนเป็นโค้ชเขาไม่ค่อยจะทำกัน (คิดแต่ว่าทำอย่างไรก็ได้ให้ชนะ ไม่คำนึงถึงอะไรทั้งนั้น)
ไม่ยอมเข้าไปนั่งที่หลังคอร์ท ซึ่งเป็นที่นั่งของโค้ช เพื่อที่จะเสมือนว่าเขาไม่ได้เป็นโค้ช เป็นแค่เพียงคนดูเท่านั้น
จึงสามารถตะโกนสอนดังๆ (ถึงแม้ลูกยังไม่ตาย) แต่พอจบพัก 11 แต้ม หรือ พักเซ็ต ก็จะเข้าไปสอนทุกครั้ง
บางทีก็จะมีการด่านักกีฬาตัวเองดังๆ ให้ผู้ต่อสู้ใจเสีย (โดยเฉพาะกับนักกีฬาเด็กๆ 8-12 ขวบ) เด็กทีมเขาไม่น่าจะใจเสียเพราะน่าจะคุ้นเคย
ถึงขนาดที่คนดูบางคนต้องเดินออก แล้วก็บ่นว่าเบื่อมลพิษทางเสียง
ถ้านักกีฬาของตัวเองเป็นต่อเมื่อไหร่ หรือว่าง่ายๆ ว่าชนะแน่ๆ ก็จะเข้าไปนั่งหลังคอร์ททันที นักไขว่ห้าง ทำท่าทำทางว่าลูกศิษย์ของข้านี่เก่งมาก (อันนี้ก็มาร์เก๊ตติ้งชัดๆ)
อย่างคิดว่าเป็นรายการธรรมดาที่จัดแข่งกันทั่วไป
แต่อันนี้ส่วนใหญ่เป็นรายการที่สมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย ได้รับรองการจัดทุกครั้งแล้วก็เป็นสภาพแบบนี้เกือบทุกครั้ง (ถ้าโค้ชท่านนี้เขาไป)
ปล. สมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทยจะได้รับรู้ว่ามีโค้ชแบบนี้อยู่ในประเทศนี้
มารยาทในการเป็นโค้ชแบดมินตัน
ไม่ว่าจะเป็นในการซ้อม หาวิธีซ้อม หาทุกอย่างเพื่อที่ให้นักกีฬาซ้อมได้อย่างสนุก และมีทักษะต่าง ๆในการเล่น
ในสนามแข่งขัน ก็ต้องนั่งข้างสนาม(อันนี้เน้นนะครับ) เป็นผู้ดูเกมส์การแข่ง หาจุดก่อนของผู้ต่อสู้ เพื่อแก้ไขการเล่นของนักกีฬาเรา
ไม่ตะโกนบอกในขณะที่การแข่งขันในแต่ละแต้มยังไม่ตาย
อันนี้คือเรื่องปกติของโค้ชหรือผู้ฝึกสอนควรกระทำ และส่วนใหญ่หรือส่วนมาก ก็กระทำกันเช่นนี้
แต่มีโค้ชบางคน อันนี้ไม่ทราบว่าได้ฝึกและรับการอบรบการเป็นโค้ชการหรือเปล่า
ถ้านักกีฬาของตัวเองเป็นรองเมื่อไหร่ ก็จะใช้วิธีแบบที่คนเป็นโค้ชเขาไม่ค่อยจะทำกัน (คิดแต่ว่าทำอย่างไรก็ได้ให้ชนะ ไม่คำนึงถึงอะไรทั้งนั้น)
ไม่ยอมเข้าไปนั่งที่หลังคอร์ท ซึ่งเป็นที่นั่งของโค้ช เพื่อที่จะเสมือนว่าเขาไม่ได้เป็นโค้ช เป็นแค่เพียงคนดูเท่านั้น
จึงสามารถตะโกนสอนดังๆ (ถึงแม้ลูกยังไม่ตาย) แต่พอจบพัก 11 แต้ม หรือ พักเซ็ต ก็จะเข้าไปสอนทุกครั้ง
บางทีก็จะมีการด่านักกีฬาตัวเองดังๆ ให้ผู้ต่อสู้ใจเสีย (โดยเฉพาะกับนักกีฬาเด็กๆ 8-12 ขวบ) เด็กทีมเขาไม่น่าจะใจเสียเพราะน่าจะคุ้นเคย
ถึงขนาดที่คนดูบางคนต้องเดินออก แล้วก็บ่นว่าเบื่อมลพิษทางเสียง
ถ้านักกีฬาของตัวเองเป็นต่อเมื่อไหร่ หรือว่าง่ายๆ ว่าชนะแน่ๆ ก็จะเข้าไปนั่งหลังคอร์ททันที นักไขว่ห้าง ทำท่าทำทางว่าลูกศิษย์ของข้านี่เก่งมาก (อันนี้ก็มาร์เก๊ตติ้งชัดๆ)
อย่างคิดว่าเป็นรายการธรรมดาที่จัดแข่งกันทั่วไป
แต่อันนี้ส่วนใหญ่เป็นรายการที่สมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย ได้รับรองการจัดทุกครั้งแล้วก็เป็นสภาพแบบนี้เกือบทุกครั้ง (ถ้าโค้ชท่านนี้เขาไป)
ปล. สมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทยจะได้รับรู้ว่ามีโค้ชแบบนี้อยู่ในประเทศนี้