ในช่วงปลายเดือนมีนาคม ผมเห็นข่าวเปิดตัว Samsung S8 พร้อมโปรโมทฟีเจอร์เด่นหน้าจอไร้ขอบอัตราส่วน 18.5:9 (อ่านว่าสิบแปดจุดห้าต่อเก้า) และสามารถใช้งานเสมือนคอมพิวเตอร์ได้ผ่าน Samsung DeX (คล้ายๆ โปรเจค Continuum ของ Microsoft ที่ไม่รู้ชะตากรรม) ตอนนั้นผมคิดว่าก็สวยดี แต่แบตน้อยไป 3000 mAh เอง น้อยกว่า S7 Edge ที่ใช้อยู่อีก ไม่น่าเปลี่ยนหรอกมั้ง ที่ผมว้าวจริงๆ ก็มีแค่แถมหูฟัง AKG ให้ในกล่อง
ในช่วงแรก Samsung Thailand เปิดราคามาแรงใช้ได้ S8 27,900 S8+ 30,900 พร้อมทั้งประกาศอีกว่าถ้าใคร Pre-Order จะให้ของแถมจัดหนักเป็นเคส ฟิล์มใส แท่นชาร์จไร้สาย ลำโพงไร้สายกันน้ำ และคูปองส่วนลด 500 บาท ผมบอกเลยว่าซัมซุงฉลาดมาก เอาของเก่าที่ขายไม่ออกมาแพ็ครวมกันแล้วแจกฟรีเป็นของพรีเมี่ยมซะเลย แต่ผมไม่สนใจเลยสักนิด รอบนี้ไม่ได้เงินผมหรอก (ไม่ใช่ของแถมไม่ดี แค่มันไม่ตรงกับความต้องการของผม ผมอยากได้ส่วนลด ไม่ก็ของชิ้นใหญ่ๆ อย่าง Gear VR ตัวใหม่มากกว่า)
จากประสบการณ์ส่วนตัว มือถือ Samsung โดยเฉพาะเรือธง (ยกเว้นซีรีส์ Note) ราคาจะลงเร็วมากๆ ผมเลยกะจะรอสัก 3-4 เดือนให้เหลือสองหมื่นถ้วนแล้วค่อยซื้อ แต่ปรากฎว่าต้องเปลี่ยนแผน ทางร้าน TG Fone ประกาศว่าถ้าใครไม่เอาชุดของแถมรีไซเคิลของซัมซุง จะให้ Samsung DeX พร้อมของแถมชุดใหญ่ให้ฟรีไปเลย ด้วยความที่ผมชอบลองเทคโนโลยีใหม่ แจก Samsung DeX ฟรีอย่างงี้ จัดสิครับ เสียตังค์จนได้
แล้วผมก็ขายเครื่อง S7 Edge อย่างรวดเร็ว เพื่อต้อนรับมือถือใหม่ — มือถือที่แพงที่สุดเท่าที่เคยใช้มาในชีวิต
[ตัวเครื่องภายนอก : หน้าสวย หลังห่วย]
Samsung S8 รอบนี้มีสองรุ่นให้เลือกคือ S8 ธรรมดา จอ 5.8″ และ S8 Plus จอ 6.2″ ถึงขนาดจอจะใหญ่ แต่ตัวเครื่องเล็กมากครับ เพราะหน้าจอไร้ขอบ ตอนแรกผมตั้งใจจะเลือก S8+ เพราะเล่นทั้งทีต้องเอาให้สุด แต่พอได้จับเครื่องจริง ผมกลับชอบตัว S8 ธรรมดามากกว่า เพราะสามารถถือด้วยมือเดียวได้ ถ้าใครจะซื้อ
ผมอยากให้ลองจับเครื่องจริงก่อนตัดสินใจครับ ไม่งั้นจะเสียใจ เพราะ
S8 มันเล็กกว่าที่คิดไว้เยอะเลย ถ้าใครอยากรู้ว่าขนาดประมาณไหน ให้ลองถือ iPhone7 ธรรมดา ขนาดประมาณนั้นเลย แต่ยาวกว่า
ตอน Pre-order มีให้เลือกสามสี ดำ เทาม่วง และทอง (ความจริงผมอยากได้สีฟ้า แต่ยังไม่เอาเข้ามา) ปกติเวลาซื้อมือถือ ผมจะเลือกสีดำเสมอ แต่รอบนี้ตัวเครื่องด้านหน้าเป็นสีดำหมดเลย และสีเทาม่วงเป็นสีใหม่ ผมเลยตัดสินใจเลือกสีนี้มาโดยที่ไม่เห็นเครื่องจริง
สีเทาม่วง Orchid Gray เป็นสีที่แปลกมากครับ ผมไม่รู้จะอธิบายสีนี้ยังไง เครื่องจริงไม่เหมือนรูปในเน็ต ขอบข้างเป็นสีเงินอมม่วง ไม่ใช่สี Silver แบบในรูป ส่วนด้านหลังมองบางมุมเป็นสีน้ำเงินเข้ม บางมุมเป็นสีเทา บางมุมเป็นสีม่วง มองใกล้ๆ มี Texture ลายจุดอีกด้วย แปลกๆ ดี ผมชอบนะ
นอกจากเครื่องมีสีใหม่แล้ว
สายชาร์จและอุปกรณ์ในกล่องทั้งหมดเป็นสีดำเหมือนโทรศัพท์เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ซึ่งถ้าการใช้งานจริงๆ สีดำช่วยอำพรางความซกมกได้ ตรงนี้ผมชอบนะ อยากให้ยี่ห้ออื่นเปลี่ยนกลับไปใช้สีดำให้หมด สีขาวมันเปื้อนง่าย
หน้าจอโค้งเป็นการโชว์นวัตกรรมของซัมซุง โดยใน S8 มีการปรับปรุงใหม่คือ
จอโค้งน้อยกว่า S7 Edge ใช้งานจริงแทบไม่รู้สึกถึงความโค้ง และไม่รู้สึกถึงประโยชน์ของมันเลย นอกจากความสวยงามและทำให้เครื่องเล็กลงแบบหลอกๆ
ถึงแม้ว่า S8 จะเลือกใช้จอ Gorilla Glass 5 ที่แข็งแรงกว่าเดิม แต่ผมเป็นคนที่เปลี่ยนมือถือบ่อย ผมจะไม่เสี่ยงเปลือยเครื่องโดยเด็ดขาด ไม่งั้นราคาตกแน่ เรื่องแปลกคือในรอบนี้ซัมซุงผลิตฟิล์มใส Official ขายในราคา 290 บาท ได้ฟิล์มสองแผ่น น่าจะดีที่สุดในตอนนี้แล้วครับ
แน่นอน มือถือจอโค้งติดฟิล์มยากมาก ผมเลยให้พนักงานติดให้ ไม่มีปัญหาอะไร แต่บางคนในกลุ่มบอกว่า
ร้าน Samsung ขอเก็บตังค์เพิ่ม 200 บาทเป็นค่าติดฟิล์ม ไม่ก็แอบจิ๊กฟิล์มไปแผ่นนึง ผมก็พอเข้าใจอยู่ว่ามันติดยาก และถ้าติดเสียก็เดือดร้อนพนักงานอีก แต่ทำแบบนี้ก็ไม่แฟร์กับลูกค้านะครับ รบกวนทางซัมซุงดูแลตรงนี้ด้วยครับ
พูดถึงข้อดีไปแล้ว มาพูดถึงข้อเสียบ้าง มือถือซัมซุงทุกรุ่นออกแบบด้านหลังเครื่องไม่สวยเลย ซึ่งปกติผมก็ไม่ซีเรียสอะไรมากเพราะใส่เคสก็บังหมดอยู่ดี แต่ที่เป็นปัญหาใหญ่คือ
เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเอาไปไว้ใกล้กล้องเกินไป ตามข่าวคือซัมซุงจะฝังไว้ใต้จอ แต่ทำไม่ทันเพราะยุ่งกับ Note7 ระเบิด เลยต้องเอาไปไว้ด้านหลังเครื่อง ผมจะไม่ว่าอะไรถ้าทำเป็นวงกลมใหญ่ๆ แบบ Google Pixel แต่นี่มันอะไรกัน
ออกแบบได้ไม่มีรสนิยม ไม่สมกับมือถือเรือธงเลย
มาวันแรกผมเอานิ้วไปโดนกล้องตลอด ใช้ไปสักพักผมเริ่มชิน เคสบางยี่ห้อและเคสแท้ของ Samsung จะทำที่คั่นกลางระหว่างกล้องและที่สแกนลายนิ้วมือ ทำให้เวลาใช้งานจริงไม่มีปัญหาอะไร แต่ยังไงก็ตาม ผมคิดว่าควรเอาเซ็นเซอร์ไปไว้ที่อื่น ไม่ใช่ตรงนี้
Image Source :
https://www.xda-developers.com/galaxy-s8-faults/
นอกจากด้านหลังเครื่องไม่สวยแล้ว ด้านล่างยังห่วยอีกด้วย เพราะซัมซุงซ่อนปุ่มโฮมไว้ใต้จอ เลยต้องฝังเซ็นเซอร์รับแรงกดไว้ ส่งผลให้รูชาร์จอยู่ต่ำกว่าปกติ แต่นึกยังไงไม่รู้ ดันเอารูหูฟังกับลำโพงไว้ที่เดิม จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่า
พอร์ตต่างๆ อยู่ในตำแหน่งที่ไม่ตรงกัน อาจจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ซัมซุงควรใส่ใจเรื่องการออกแบบมากกว่านี้ ให้มัน Premium สมกับมือถือเรือธงหน่อย แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าตัดรูหูฟัง 3.5 ออก ซึ่งเป็นความคิดที่ไม่เข้าท่าเลยสักนิด
สิ่งหนึ่งที่ผมยังไม่เข้าใจคือ Bixby มันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมต้องทำปุ่ม Physical Button เพิ่มมาอันนึงสำหรับเรียกใช้ นอกจาก Bixby ยังทำไม่เสร็จ ใช้อะไรไม่ได้แล้ว ซัมซุงยังไม่ยอมให้เปลี่ยนฟังก์ชั่นการทำงานอีกด้วย แต่เนื่องจาก Android เป็นระบบเปิด มีคนทำแอพ remap ปุ่มนี้เรียบร้อยแล้ว ทุกวันนี้ผมใช้ปุ่ม Bixby เป็นปุ่ม mute เสียง บางคนในกลุ่มใช้ปุ่มนี้เป็นไฟฉาย เก๋ไปอีกแบบ
[ซอฟต์แวร์ภายใน : ดีจนไม่น่าเชื่อว่าเป็น Samsung]
เมื่อก่อนซัมซุงขึ้นชื่อว่าเป็นยี่ห้อที่มีซอฟต์แวร์ห่วยที่สุด Touchwiz ห่วยๆ แถมยัด Bloatware อะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด แล้วก็ดันขายดีซะด้วยสิ ทำให้คนเหมารวมว่า Samsung = Android และ Android กาก อย่าไปใช้มันเลย
ทิศทางของซอฟต์แวร์เริ่มดีขึ้นในช่วง S6 เป็นต้นมา (อ่านเพิ่มเติมที่
https://www.blognone.com/node/67490) เริ่มยัด Bloatware น้อยลง หลายอย่างไล่ให้ไปโหลดเพิ่มใน Store เอาเอง จนบางทีเหมือนประชด ไม่มีแอพเล่นเพลง+วีดีโอติดมาให้ในเครื่อง (ไม่นับ Google Play Music กากมาก อย่าเรียกตัวเองว่าแอพฟังเพลงเลย)
จนกระทั่ง S8 มีการยกเครื่อง Software ใหม่ทั้งหมด เรียกว่า Samsung Experience ทั้ง UI และ UX ทำมาดีมากๆ จนไม่อยากเชื่อว่าเป็น Samsung บางอย่างทำดีกว่า Pure Android ที่ผมชอบเสียอีก อย่างเช่นหน้า Settings ที่มีการแบ่งหมวดหมู่ดีมากๆ มีคำแนะนำด้วยว่าหรือคุณกำลังมองหา xxx ซึ่งอยู่อีกหมวดนึง เวลาใช้งานจริงมัน Practical มาก
ปกติสิ่งแรกที่ผมทำหลังจากซื้อมือถือซัมซุงคือเปลี่ยนไปใช้ Nova Launcher เพราะ Touchwiz ห่วยมาก แต่รอบนี้ซัมซุงได้โละของเก่าออก แล้วเปลี่ยนไปใช้ Launcher ใหม่ (ผมไม่รู้ว่าชื่ออะไร ใครรู้บอกผมด้วย) สามารถเรียกใช้ App Launcher ได้ด้วยการปาดขึ้นหรือลง คล้ายๆ Pixel Launcher (แต่ถ้าปาดไปหน้าซ้ายสุดจะเป็น Bixby แทนที่จะเป็น Google Now ยัดเยียดบริการตัวเองหน่อย) ส่วนใครที่ข้ามฝั่งมา ถ้าไม่ชินกับแนวคิด App Launcher สามารถปิดระบบนี้ แล้วเปลี่ยนให้แอพทุกอย่างอยู่ในหน้าจอหลักแบบไอโฟนหรือมือถือฝั่งจีนหลายยี่ห้อได้
แอพพื้นฐานในเครื่องมีการปรับปรุงใหม่ให้ดีขึ้น อย่างเช่นกล้องสามารถซูมด้วยการเลื่อนปุ่มถ่ายรูป เครื่องคิดเลขมีฟังก์ชั่นแปลงหน่วย แอพ Gallery เพิ่มเอฟเฟคในการเบลอ/เซ็นเซอร์รูป บางอย่างที่ไม่จำเป็นก็ไม่ใส่มาให้รกเครื่อง ต้องไปโหลดเพิ่มเอาเอง อย่างเช่นแอพ Music กับ Video
ด้วยประโยชน์ของหน้าจออัตราส่วน 18.5:9 ที่ยาวกว่าปกติ ส่งผลให้อ่านข้อมูลได้มากกว่าเดิม แต่ถ้าแอพไม่รองรับจะเห็นเป็นขอบดำบน-ล่าง ซึ่งมันน่าเสียดายมาก ซัมซุงเลยเพิ่มตัวเลือกให้ขยายจอบน-ล่างได้ โดย
เราต้องไปตั้งค่าในฟังก์ชั่น Full Screen Apps ด้วยตัวเองทีละแอพ ไม่ใช่อัตโนมัติ ที่ไม่เปิดเป็นอัตโนมัติเพราะบางแอพอาจมีปัญหาได้ แต่ส่วนตัวผมคิดว่าซัมซุงควรขยายใหญ่อัตโนมัติครับ ผมขี้เกียจมาตั้งค่าเองทุกครั้งที่ลงแอพใหม่ๆ
ถ้าดูหนังที่เป็นอัตราส่วน 16:9 ในหน้าจอ 18.5:9 ก็จะเห็นขอบดำด้านข้าง ซัมซุงเลยเพิ่มตัวเลือกในการ crop ภาพให้เต็มจอ ซึ่งเวลาดูวีดีโอเต็มจอจะรู้สึกฟินมากเพราะหน้าจอไร้ขอบ แต่ก็ต้องแลกกับภาพที่ตกขอบไปส่วนหนึ่ง ซึ่งบางทีเป็นข้อเสียเหมือนกัน ผมชอบฟังเพลงญี่ปุ่น ซึ่งบางเพลงจะฝัง Subtitle ไว้ที่ด้านล่างจอ พอหน้าจอถูก crop แล้วซับจะตกขอบ สุดท้ายก็ต้องกลับมาใช้อัตราส่วน 16:9 เหมือนเดิม
สำหรับการเล่นเกม ซัมซุงมีแอพที่ชื่อว่า Game Launcher ซึ่งจะรวมเกมทั้งหมดมาไว้ที่เดียวกัน ตอนแรกผมก็งงว่าติดตั้งเกมเสร็จแล้วไอคอนมันหายไปไหน ที่แท้ก็มาอยู่ในแอพนี้นี่เอง น่าจะมีอะไรบอกสักหน่อย เรื่องภาพเกมก็หลักการเดียวกับวีดีโอเลย สามารถ crop ภาพให้เต็มจอได้ หลายเกมไม่มีปัญหา หลายเกม crop แล้วเละ ต้องยอมปล่อยให้มีขอบดำซ้าย-ขวา
ตัดเรื่องนั้นไปก่อน Game Launcher เป็นแอพช่วยอำนวยความสะดวกเวลาเล่นเกม โดยเราสามารถตั้งค่าได้หลายอย่าง เช่น ไม่ให้ Notification เด้งมากวนเวลาเล่นเกม ปิดเสียงเกมโดยไม่ต้องปิดเสียงระบบ เร่งประสิทธิภาพเครื่อง อัดวีดีโอหน้าจอ และฟังก์ชั่นใหม่ที่ผมชอบคือ Screen Touch Lock ถ้าเปิดโหมดนี้ เกมจะเปิดอยู่แต่หน้าจอจะถูกล็อคไว้จนกว่าเราจะจงใจปาดหน้าจอ ทำให้ผมสามารถเอามือถือใส่กระเป๋ากางเกงพร้อมเปิดเกมทิ้งไว้ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะไปโดนปุ่มอะไรในเกม สะดวกมากๆ ครับ
และในที่สุด หลังจากรอมานานแสนนาน ผมก็สามารถสลับฝั่ง ย้ายปุ่ม Back ไปไว้ด้านซ้าย และเอา Recent Apps ไปไว้ด้านขวาได้ซักที ต้องขอบคุณข้อดีของการย้ายปุ่มไปไว้บนหน้าจอ หลายคนบอก อ้าว ยี่ห้ออื่นเขาทำมานานแล้ว แต่ที่ไม่เหมือนใครคือซัมซุงซ่อนปุ่มโฮมไว้ใต้จอครับ แค่กดแรงๆ ลงไปตรงกลาง ก็จะมีการสั่นตอบรับ สัมผัสได้ถึงการกดปุ่มจริงๆ
.
.
(อ่านต่อที่ความคิดเห็นที่ 1 ครับ โพสต์ยาวเกิน)
[CR] รีวิว Samsung Galaxy S8 จากผู้ใช้จริง : ประทับใจมาก แต่ยังไม่แนะนำให้ซื้อ
ในช่วงปลายเดือนมีนาคม ผมเห็นข่าวเปิดตัว Samsung S8 พร้อมโปรโมทฟีเจอร์เด่นหน้าจอไร้ขอบอัตราส่วน 18.5:9 (อ่านว่าสิบแปดจุดห้าต่อเก้า) และสามารถใช้งานเสมือนคอมพิวเตอร์ได้ผ่าน Samsung DeX (คล้ายๆ โปรเจค Continuum ของ Microsoft ที่ไม่รู้ชะตากรรม) ตอนนั้นผมคิดว่าก็สวยดี แต่แบตน้อยไป 3000 mAh เอง น้อยกว่า S7 Edge ที่ใช้อยู่อีก ไม่น่าเปลี่ยนหรอกมั้ง ที่ผมว้าวจริงๆ ก็มีแค่แถมหูฟัง AKG ให้ในกล่อง
ในช่วงแรก Samsung Thailand เปิดราคามาแรงใช้ได้ S8 27,900 S8+ 30,900 พร้อมทั้งประกาศอีกว่าถ้าใคร Pre-Order จะให้ของแถมจัดหนักเป็นเคส ฟิล์มใส แท่นชาร์จไร้สาย ลำโพงไร้สายกันน้ำ และคูปองส่วนลด 500 บาท ผมบอกเลยว่าซัมซุงฉลาดมาก เอาของเก่าที่ขายไม่ออกมาแพ็ครวมกันแล้วแจกฟรีเป็นของพรีเมี่ยมซะเลย แต่ผมไม่สนใจเลยสักนิด รอบนี้ไม่ได้เงินผมหรอก (ไม่ใช่ของแถมไม่ดี แค่มันไม่ตรงกับความต้องการของผม ผมอยากได้ส่วนลด ไม่ก็ของชิ้นใหญ่ๆ อย่าง Gear VR ตัวใหม่มากกว่า)
จากประสบการณ์ส่วนตัว มือถือ Samsung โดยเฉพาะเรือธง (ยกเว้นซีรีส์ Note) ราคาจะลงเร็วมากๆ ผมเลยกะจะรอสัก 3-4 เดือนให้เหลือสองหมื่นถ้วนแล้วค่อยซื้อ แต่ปรากฎว่าต้องเปลี่ยนแผน ทางร้าน TG Fone ประกาศว่าถ้าใครไม่เอาชุดของแถมรีไซเคิลของซัมซุง จะให้ Samsung DeX พร้อมของแถมชุดใหญ่ให้ฟรีไปเลย ด้วยความที่ผมชอบลองเทคโนโลยีใหม่ แจก Samsung DeX ฟรีอย่างงี้ จัดสิครับ เสียตังค์จนได้
แล้วผมก็ขายเครื่อง S7 Edge อย่างรวดเร็ว เพื่อต้อนรับมือถือใหม่ — มือถือที่แพงที่สุดเท่าที่เคยใช้มาในชีวิต
[ตัวเครื่องภายนอก : หน้าสวย หลังห่วย]
Samsung S8 รอบนี้มีสองรุ่นให้เลือกคือ S8 ธรรมดา จอ 5.8″ และ S8 Plus จอ 6.2″ ถึงขนาดจอจะใหญ่ แต่ตัวเครื่องเล็กมากครับ เพราะหน้าจอไร้ขอบ ตอนแรกผมตั้งใจจะเลือก S8+ เพราะเล่นทั้งทีต้องเอาให้สุด แต่พอได้จับเครื่องจริง ผมกลับชอบตัว S8 ธรรมดามากกว่า เพราะสามารถถือด้วยมือเดียวได้ ถ้าใครจะซื้อ ผมอยากให้ลองจับเครื่องจริงก่อนตัดสินใจครับ ไม่งั้นจะเสียใจ เพราะ S8 มันเล็กกว่าที่คิดไว้เยอะเลย ถ้าใครอยากรู้ว่าขนาดประมาณไหน ให้ลองถือ iPhone7 ธรรมดา ขนาดประมาณนั้นเลย แต่ยาวกว่า
ตอน Pre-order มีให้เลือกสามสี ดำ เทาม่วง และทอง (ความจริงผมอยากได้สีฟ้า แต่ยังไม่เอาเข้ามา) ปกติเวลาซื้อมือถือ ผมจะเลือกสีดำเสมอ แต่รอบนี้ตัวเครื่องด้านหน้าเป็นสีดำหมดเลย และสีเทาม่วงเป็นสีใหม่ ผมเลยตัดสินใจเลือกสีนี้มาโดยที่ไม่เห็นเครื่องจริง
สีเทาม่วง Orchid Gray เป็นสีที่แปลกมากครับ ผมไม่รู้จะอธิบายสีนี้ยังไง เครื่องจริงไม่เหมือนรูปในเน็ต ขอบข้างเป็นสีเงินอมม่วง ไม่ใช่สี Silver แบบในรูป ส่วนด้านหลังมองบางมุมเป็นสีน้ำเงินเข้ม บางมุมเป็นสีเทา บางมุมเป็นสีม่วง มองใกล้ๆ มี Texture ลายจุดอีกด้วย แปลกๆ ดี ผมชอบนะ
นอกจากเครื่องมีสีใหม่แล้ว สายชาร์จและอุปกรณ์ในกล่องทั้งหมดเป็นสีดำเหมือนโทรศัพท์เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ซึ่งถ้าการใช้งานจริงๆ สีดำช่วยอำพรางความซกมกได้ ตรงนี้ผมชอบนะ อยากให้ยี่ห้ออื่นเปลี่ยนกลับไปใช้สีดำให้หมด สีขาวมันเปื้อนง่าย
หน้าจอโค้งเป็นการโชว์นวัตกรรมของซัมซุง โดยใน S8 มีการปรับปรุงใหม่คือจอโค้งน้อยกว่า S7 Edge ใช้งานจริงแทบไม่รู้สึกถึงความโค้ง และไม่รู้สึกถึงประโยชน์ของมันเลย นอกจากความสวยงามและทำให้เครื่องเล็กลงแบบหลอกๆ
ถึงแม้ว่า S8 จะเลือกใช้จอ Gorilla Glass 5 ที่แข็งแรงกว่าเดิม แต่ผมเป็นคนที่เปลี่ยนมือถือบ่อย ผมจะไม่เสี่ยงเปลือยเครื่องโดยเด็ดขาด ไม่งั้นราคาตกแน่ เรื่องแปลกคือในรอบนี้ซัมซุงผลิตฟิล์มใส Official ขายในราคา 290 บาท ได้ฟิล์มสองแผ่น น่าจะดีที่สุดในตอนนี้แล้วครับ
แน่นอน มือถือจอโค้งติดฟิล์มยากมาก ผมเลยให้พนักงานติดให้ ไม่มีปัญหาอะไร แต่บางคนในกลุ่มบอกว่าร้าน Samsung ขอเก็บตังค์เพิ่ม 200 บาทเป็นค่าติดฟิล์ม ไม่ก็แอบจิ๊กฟิล์มไปแผ่นนึง ผมก็พอเข้าใจอยู่ว่ามันติดยาก และถ้าติดเสียก็เดือดร้อนพนักงานอีก แต่ทำแบบนี้ก็ไม่แฟร์กับลูกค้านะครับ รบกวนทางซัมซุงดูแลตรงนี้ด้วยครับ
พูดถึงข้อดีไปแล้ว มาพูดถึงข้อเสียบ้าง มือถือซัมซุงทุกรุ่นออกแบบด้านหลังเครื่องไม่สวยเลย ซึ่งปกติผมก็ไม่ซีเรียสอะไรมากเพราะใส่เคสก็บังหมดอยู่ดี แต่ที่เป็นปัญหาใหญ่คือเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเอาไปไว้ใกล้กล้องเกินไป ตามข่าวคือซัมซุงจะฝังไว้ใต้จอ แต่ทำไม่ทันเพราะยุ่งกับ Note7 ระเบิด เลยต้องเอาไปไว้ด้านหลังเครื่อง ผมจะไม่ว่าอะไรถ้าทำเป็นวงกลมใหญ่ๆ แบบ Google Pixel แต่นี่มันอะไรกัน ออกแบบได้ไม่มีรสนิยม ไม่สมกับมือถือเรือธงเลย
มาวันแรกผมเอานิ้วไปโดนกล้องตลอด ใช้ไปสักพักผมเริ่มชิน เคสบางยี่ห้อและเคสแท้ของ Samsung จะทำที่คั่นกลางระหว่างกล้องและที่สแกนลายนิ้วมือ ทำให้เวลาใช้งานจริงไม่มีปัญหาอะไร แต่ยังไงก็ตาม ผมคิดว่าควรเอาเซ็นเซอร์ไปไว้ที่อื่น ไม่ใช่ตรงนี้
Image Source : https://www.xda-developers.com/galaxy-s8-faults/
นอกจากด้านหลังเครื่องไม่สวยแล้ว ด้านล่างยังห่วยอีกด้วย เพราะซัมซุงซ่อนปุ่มโฮมไว้ใต้จอ เลยต้องฝังเซ็นเซอร์รับแรงกดไว้ ส่งผลให้รูชาร์จอยู่ต่ำกว่าปกติ แต่นึกยังไงไม่รู้ ดันเอารูหูฟังกับลำโพงไว้ที่เดิม จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่าพอร์ตต่างๆ อยู่ในตำแหน่งที่ไม่ตรงกัน อาจจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ซัมซุงควรใส่ใจเรื่องการออกแบบมากกว่านี้ ให้มัน Premium สมกับมือถือเรือธงหน่อย แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าตัดรูหูฟัง 3.5 ออก ซึ่งเป็นความคิดที่ไม่เข้าท่าเลยสักนิด
สิ่งหนึ่งที่ผมยังไม่เข้าใจคือ Bixby มันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมต้องทำปุ่ม Physical Button เพิ่มมาอันนึงสำหรับเรียกใช้ นอกจาก Bixby ยังทำไม่เสร็จ ใช้อะไรไม่ได้แล้ว ซัมซุงยังไม่ยอมให้เปลี่ยนฟังก์ชั่นการทำงานอีกด้วย แต่เนื่องจาก Android เป็นระบบเปิด มีคนทำแอพ remap ปุ่มนี้เรียบร้อยแล้ว ทุกวันนี้ผมใช้ปุ่ม Bixby เป็นปุ่ม mute เสียง บางคนในกลุ่มใช้ปุ่มนี้เป็นไฟฉาย เก๋ไปอีกแบบ
[ซอฟต์แวร์ภายใน : ดีจนไม่น่าเชื่อว่าเป็น Samsung]
เมื่อก่อนซัมซุงขึ้นชื่อว่าเป็นยี่ห้อที่มีซอฟต์แวร์ห่วยที่สุด Touchwiz ห่วยๆ แถมยัด Bloatware อะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด แล้วก็ดันขายดีซะด้วยสิ ทำให้คนเหมารวมว่า Samsung = Android และ Android กาก อย่าไปใช้มันเลย
ทิศทางของซอฟต์แวร์เริ่มดีขึ้นในช่วง S6 เป็นต้นมา (อ่านเพิ่มเติมที่ https://www.blognone.com/node/67490) เริ่มยัด Bloatware น้อยลง หลายอย่างไล่ให้ไปโหลดเพิ่มใน Store เอาเอง จนบางทีเหมือนประชด ไม่มีแอพเล่นเพลง+วีดีโอติดมาให้ในเครื่อง (ไม่นับ Google Play Music กากมาก อย่าเรียกตัวเองว่าแอพฟังเพลงเลย)
จนกระทั่ง S8 มีการยกเครื่อง Software ใหม่ทั้งหมด เรียกว่า Samsung Experience ทั้ง UI และ UX ทำมาดีมากๆ จนไม่อยากเชื่อว่าเป็น Samsung บางอย่างทำดีกว่า Pure Android ที่ผมชอบเสียอีก อย่างเช่นหน้า Settings ที่มีการแบ่งหมวดหมู่ดีมากๆ มีคำแนะนำด้วยว่าหรือคุณกำลังมองหา xxx ซึ่งอยู่อีกหมวดนึง เวลาใช้งานจริงมัน Practical มาก
ปกติสิ่งแรกที่ผมทำหลังจากซื้อมือถือซัมซุงคือเปลี่ยนไปใช้ Nova Launcher เพราะ Touchwiz ห่วยมาก แต่รอบนี้ซัมซุงได้โละของเก่าออก แล้วเปลี่ยนไปใช้ Launcher ใหม่ (ผมไม่รู้ว่าชื่ออะไร ใครรู้บอกผมด้วย) สามารถเรียกใช้ App Launcher ได้ด้วยการปาดขึ้นหรือลง คล้ายๆ Pixel Launcher (แต่ถ้าปาดไปหน้าซ้ายสุดจะเป็น Bixby แทนที่จะเป็น Google Now ยัดเยียดบริการตัวเองหน่อย) ส่วนใครที่ข้ามฝั่งมา ถ้าไม่ชินกับแนวคิด App Launcher สามารถปิดระบบนี้ แล้วเปลี่ยนให้แอพทุกอย่างอยู่ในหน้าจอหลักแบบไอโฟนหรือมือถือฝั่งจีนหลายยี่ห้อได้
แอพพื้นฐานในเครื่องมีการปรับปรุงใหม่ให้ดีขึ้น อย่างเช่นกล้องสามารถซูมด้วยการเลื่อนปุ่มถ่ายรูป เครื่องคิดเลขมีฟังก์ชั่นแปลงหน่วย แอพ Gallery เพิ่มเอฟเฟคในการเบลอ/เซ็นเซอร์รูป บางอย่างที่ไม่จำเป็นก็ไม่ใส่มาให้รกเครื่อง ต้องไปโหลดเพิ่มเอาเอง อย่างเช่นแอพ Music กับ Video
ด้วยประโยชน์ของหน้าจออัตราส่วน 18.5:9 ที่ยาวกว่าปกติ ส่งผลให้อ่านข้อมูลได้มากกว่าเดิม แต่ถ้าแอพไม่รองรับจะเห็นเป็นขอบดำบน-ล่าง ซึ่งมันน่าเสียดายมาก ซัมซุงเลยเพิ่มตัวเลือกให้ขยายจอบน-ล่างได้ โดยเราต้องไปตั้งค่าในฟังก์ชั่น Full Screen Apps ด้วยตัวเองทีละแอพ ไม่ใช่อัตโนมัติ ที่ไม่เปิดเป็นอัตโนมัติเพราะบางแอพอาจมีปัญหาได้ แต่ส่วนตัวผมคิดว่าซัมซุงควรขยายใหญ่อัตโนมัติครับ ผมขี้เกียจมาตั้งค่าเองทุกครั้งที่ลงแอพใหม่ๆ
ถ้าดูหนังที่เป็นอัตราส่วน 16:9 ในหน้าจอ 18.5:9 ก็จะเห็นขอบดำด้านข้าง ซัมซุงเลยเพิ่มตัวเลือกในการ crop ภาพให้เต็มจอ ซึ่งเวลาดูวีดีโอเต็มจอจะรู้สึกฟินมากเพราะหน้าจอไร้ขอบ แต่ก็ต้องแลกกับภาพที่ตกขอบไปส่วนหนึ่ง ซึ่งบางทีเป็นข้อเสียเหมือนกัน ผมชอบฟังเพลงญี่ปุ่น ซึ่งบางเพลงจะฝัง Subtitle ไว้ที่ด้านล่างจอ พอหน้าจอถูก crop แล้วซับจะตกขอบ สุดท้ายก็ต้องกลับมาใช้อัตราส่วน 16:9 เหมือนเดิม
สำหรับการเล่นเกม ซัมซุงมีแอพที่ชื่อว่า Game Launcher ซึ่งจะรวมเกมทั้งหมดมาไว้ที่เดียวกัน ตอนแรกผมก็งงว่าติดตั้งเกมเสร็จแล้วไอคอนมันหายไปไหน ที่แท้ก็มาอยู่ในแอพนี้นี่เอง น่าจะมีอะไรบอกสักหน่อย เรื่องภาพเกมก็หลักการเดียวกับวีดีโอเลย สามารถ crop ภาพให้เต็มจอได้ หลายเกมไม่มีปัญหา หลายเกม crop แล้วเละ ต้องยอมปล่อยให้มีขอบดำซ้าย-ขวา
ตัดเรื่องนั้นไปก่อน Game Launcher เป็นแอพช่วยอำนวยความสะดวกเวลาเล่นเกม โดยเราสามารถตั้งค่าได้หลายอย่าง เช่น ไม่ให้ Notification เด้งมากวนเวลาเล่นเกม ปิดเสียงเกมโดยไม่ต้องปิดเสียงระบบ เร่งประสิทธิภาพเครื่อง อัดวีดีโอหน้าจอ และฟังก์ชั่นใหม่ที่ผมชอบคือ Screen Touch Lock ถ้าเปิดโหมดนี้ เกมจะเปิดอยู่แต่หน้าจอจะถูกล็อคไว้จนกว่าเราจะจงใจปาดหน้าจอ ทำให้ผมสามารถเอามือถือใส่กระเป๋ากางเกงพร้อมเปิดเกมทิ้งไว้ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะไปโดนปุ่มอะไรในเกม สะดวกมากๆ ครับ
และในที่สุด หลังจากรอมานานแสนนาน ผมก็สามารถสลับฝั่ง ย้ายปุ่ม Back ไปไว้ด้านซ้าย และเอา Recent Apps ไปไว้ด้านขวาได้ซักที ต้องขอบคุณข้อดีของการย้ายปุ่มไปไว้บนหน้าจอ หลายคนบอก อ้าว ยี่ห้ออื่นเขาทำมานานแล้ว แต่ที่ไม่เหมือนใครคือซัมซุงซ่อนปุ่มโฮมไว้ใต้จอครับ แค่กดแรงๆ ลงไปตรงกลาง ก็จะมีการสั่นตอบรับ สัมผัสได้ถึงการกดปุ่มจริงๆ
.
.
(อ่านต่อที่ความคิดเห็นที่ 1 ครับ โพสต์ยาวเกิน)