สวัสดีครับพี่ ป้า น้า อา แห่งห้องคนบ้ามือหมุนทั่วโลก
เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2016 ผมได้เจ้าเบบี้เลนส์
Pentax-110 มาชุดหนึ่งโดยบังเอิญครับ
คือ
Pentax-110 2.8/18
คือ
Pentax-110 2.8/24
คือ
Pentax-110 2.8/50
ทั้งสามตัวมาพร้อมกันแบบ
“ยกเข่ง” จากญี่ปุ่นในราคารวมส่งที่
2,800 บาท
ซึ่งได้นำมารีวิวให้เห็นกันไปแล้วนะครับตาม
“ลิงค์” ด้านล่าง
(และเพื่อให้ได้อรรถรส ก็ควรไปอ่านกระทู้นั้นก่อนนะครับ)
https://ppantip.com/topic/35277265
แต่ผมก็ยังคงตามล่า
Pentax-110 2.8/70 อีกตัวหนึ่ง
เพื่อทำให้มันครบชุดเท่านั้นเอง ไม่ได้ตั้งใจจะนำมาใช้งานแต่อย่างใดจริงๆ
(ทั้งนี้ผมไม่นับ Pentax-110 2.8/20-40 ไว้ร่วมเซ็ทด้วยนะครับ เนื่องจากมันเป็นเลนส์ซูม
รวมถึง Pentax-110 2.8/18 Pan focus ซึ่งราคาไม่น่ารัก และก็ไม่รู้จะหาเอามาทำแมวน้ำอะไร HA HA HA!!!)
โดยมีข้อแม้ว่าจะยอมจ่ายเต็มที่ได้ไม่เกิน
“สองพันห้าร้อยบาทไทย” เท่านั้น
ตามหาเป็นระยะๆ ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา แต่ไม่เคยพบเจอในราคาที่ต่ำกว่าสองพันห้าร้อยบาทเลย
ตัวที่สภาพสวยๆส่วนใหญ่ราคาจะวิ่งอยู่สามพันกลางๆถึงสี่พันต้นๆทั้งนั้นครับ บางตัวซัดไปถึงห้าหกพันก็มี
ซึ่งผมถือว่า
“แพง” สำหรับเลนส์ระยะ 70mm ที่หรี่ช่องรับแสงไม่ได้
ถ้าเป็นในราคาเกือบสี่พันบาทแบบนี้ ผมยังเห็นว่าน่าจะเอาไปซื้อเลนส์อย่าง
Volna-3 2.8/80
หรือ
Industar-29 2.8/80 หรือจะเป็น
Bronica Zenzanon 2.8/75 ก็ยังจะดีซะกว่า หาได้ไม่เกินสองพันห้าเท่านั้น
อยู่มาวันหนึ่ง ประมาณต้นเดือนเมษายน ปี 2017 ด้วยความบังเอิญ
(อีกแล้ว) ผมเข้าไปส่องเล่นๆในอีเบย์
ปรากฎว่าไปพบเจอ
Pentax-110 2.8/70 สภาพสวยมากตัวหนึ่ง ซึ่งผู้ประกาศขายมีฐานที่ตั้งอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น
แปะบาร์โค๊ดเอาไว้เพียง
1,950 บาท รวมค่าส่งเรียบร้อย
จึงสั่ง
“นำเข้า” ทันทีแบบไม่ต้องคิดมาก
โดยได้รับการหนับหนุนเป็นอย่างดีจาก
“น้าพี” ชายหนุ่มผู้หลงใหลการใช้ชีวิตหลังลูกกรงเหล็กวันละแปดชั่วโมง
ผู้ยึดถือคติประจำใจว่า
“ท่านเสียตังค์…เราดีใจ” HA HA HA!!!
ซึ่งหลังจากน้าพีทำการ
“ออเดอร์” เรียบร้อย
ผมก็เพียงแต่ใช้เวลาร้องเพลงรอประมาณ 1 สัปดาห์เท่านั้นครับ จึงได้พบหน้าค่าตาเจ้าเลนส์ที่ตามหามาถึงหนึ่งปี
Pentax-110 2.8/70 เป็นเลนส์ระยะเทเลโฟโต้ที่ใช้กับกล้อง
Pentax-110 ในอดีต
(รวมถึงในปัจจุบัน)
มันมีความสูงเพียง 5 เซนติเมตร น้ำหนักเพียง 160 กรัม เบาจริงๆครับ
(แต่ก็หนักกว่าทั้งสามตัวที่เหลือ)
ประกอบด้วยชิ้นเลนส์ 6 ชิ้น ใน 5 กลุ่ม
โดยที่
Pentax-110 2.8/70 ตัวนี้ได้คะแนนด้านความคมจากเว็ปไซต์
Pentax forum ที่
8.4
ยังถือว่าเป็นรอง
Pentax-110 2.8/18 ที่ได้คะแนน
8.6
และเป็นรอง
Pentax-110 2.8/50 ที่ได้คะแนนมากถึง
9.5
แต่โดยรวมถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากๆครับ
และเมื่อมองดูภาพรวม ก็ยิ่งถือว่า
“น่าใช้” อย่างจริงจัง เมื่อได้คะแนนรวมมากถึง
8.8 เต็ม
10
อีกทั้งเมื่อจับประกบกับ
Fuji X-E1 นั้น มันทำให้เกิดความรู้สึกว่า
“มันเกิดมาเพื่อเป็นเนื้อคู่กันจริงๆ”
เมื่อลองนำไปใช้งานจริง ทั้งการลองถ่ายภาพงานอีเวนท์ที่เผอิญผ่านเข้ามา รวมถึงการนำไปเดินทางท่องเที่ยวแบบ
“ชิลๆ”
พบว่ามันมีการตอบสนองการใช้งานที่ “ดีมาก” เกินกว่าที่คาดการณ์เอาไว้
หมายถึงคุณภาพในด้านความคมชัดที่อยู่ในเกณฑ์
“ดีมาก” โดยเฉพาะในสภาพแสงน้อย แดดไม่จัดมาก
ยิ่งการถ่ายภาพในหอประชุม ตามโรงแรม ที่ใช้ไฟสลัวๆ มันถ่ายทอดภาพออกมาได้อย่างน่าทึ่ง
การจัดการกับ
“ฉากหลัง” ทำได้นวลและเนียนลูกตา เหมือนมาจาก
“เทเล” ราคาแพง
โดยเฉพาะเมื่อใช้งานที่ระยะ
Minimum focus พบว่ามันให้อารมณ์คล้ายๆกับ
Helios-44 ซีรียส์
คือมีอาการ
“หมุนวน” ให้เห็น พอให้รู้สึก
“วิงเวียน” เป็นระยะๆ
HA HA HA!!!
การถ่ายทอด
“สีสัน” ทำได้ตามคาแรคเตอร์ของ
Pentax ทุกประการ คือมีความอิ่มตัว อบอุ่น
การหมุนหาโฟกัสทำได้ง่าย
“เข้าเป็นเข้า หลุดเป็นหลุด” มองเห็นชัดเจนในช่องมองภาพ
ข้อ
“ด้อย” เพียงประการเดียวที่ผมสัมผัสได้ก็คือ ระยะ
Minimum focus
ที่อัดมาให้มากถึง
1.5 เมตร
ในขณะที่เลนส์ในพิกัด 70mm ถึง 85mm นั้น ส่วนใหญ่จะได้ระยะประมาณ 80 เซนติเมตรทั้งนั้นครับ
ทำให้การถ่ายภาพใน
“บางสถานการณ์” นั้น มันเกิด
“ข้อจำกัด” ขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
แต่ถ้าเราจะนำไปถ่ายภาพ
Portrait เต็มตัว ครึ่งตัว หรือเอาไปถ่ายภาพท่องเที่ยวแบบสบายๆสไตล์
“ป๋าเบิร์ด”
ก็ถือได้ว่า เลนส์
Pentax-110 2.8/70 ตัวนี้
“เอาอยู่” จริงๆครับ
และเป็นการ
“เอาอยู่” ที่ถือว่า
“เหนือกว่า” เลนส์ในพิกัดเดียวกันอีกหลายตัว
ทั้งนี้ก็เนื่องจาก
“ขนาด” และ
“น้ำหนัก” ที่เป็นข้อได้เปรียบ
รวมถึงคุณภาพด้าน
“ความคม” ที่พอฟัดพอเหวี่ยง ถึงแม้จะหรี่ช่องรับแสงไม่ได้ก็ตาม
แต่หากจะให้ดีมากขึ้น ขอแนะนำให้หาฟิลเตอร์
ND2 หรือ
ND4 ติดกระเป๋าไปด้วย
จะช่วยให้การถ่ายภาพในสภาพแดดจัดเป็นไปได้ดียิ่งขึ้น
เนื่องจากในสภาพแสงแดดจัดนั้น ถึงแม้เราจะตั้งค่า ISO ที่กล้องเป็น ISO 100 แล้วก็ตาม
และใช้สปีดชัตเตอร์สูงที่สุดเท่าที่มีอยู่ ภาพที่ได้ก็ยังอาจจะ
“โอเวอร์” ได้นะครับ
เนื่องมาจากเลนส์มีค่าช่องรับแสงคงที่ ที่
F2.8 นั่นเอง
แต่หากจะหวังผลกันจริงๆ แนะนำให้หลีกเลี่ยงสภาพแดดจัดนะครับ
เพราะ
Pentax-110 2.8/70 มันจะให้มิติภาพที่ดีมากๆในสภาพแสงน้อย ถึงปานกลาง
ซึ่งนี่คือ
“ข้อจำกัด” ครับ มิใช่
“ข้อด้อย” แต่อย่างใด
และจากการใช้งานมาเป็นระยะๆตลอดเกือบสองเดือนที่ผ่านมา
ผมสรุปได้ว่า
Pentax-110 2.8/70 ตัวนี้ มันได้สร้างความ
“หฤหรรษ์” ให้กับผมอย่างคาดไม่ถึงจริงๆ
ให้คุณภาพที่ดี รวมกับ
“ความคล่องตัว” ที่เหนือกว่า
ที่สำคัญคือ
“ลด” การตกเป็น
“เป้าสายตา” ของ
“เหยื่อ” ที่เรากำลังตามล่า
HA HA HA!!!
และเมื่อรวมกับ
“ก๊วน Pentax-110” อีกสามตัว ทั้ง
2.8/18 , 2.8/24 และ
2.8/50 ที่นอนรออยู่ในตู้อยู่ก่อนแล้ว
ก็นับได้ว่าผมได้
“ค้นพบ” เลนส์เพื่อการท่องเที่ยว ที่หวังผลด้านคุณภาพได้อย่างสบายๆ
โดยไม่ต้องแบกน้ำหนักจนหลังแอ่น และไม่ต้องเสียตังค์ซื้อ
“ยาคลายกล้ามเนื้อ” ตอนกลับถึงบ้านอีกต่อไป
HA HA HA!!!
ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรง เดินทางด้วยความไม่ประมาทเสมอครับ
สวัสดี!!!
จิ๊กซอว์ที่ตามหามานาน...กับ PENTAX-110 2.8/70
เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2016 ผมได้เจ้าเบบี้เลนส์ Pentax-110 มาชุดหนึ่งโดยบังเอิญครับ
คือ Pentax-110 2.8/18
คือ Pentax-110 2.8/24
คือ Pentax-110 2.8/50
ทั้งสามตัวมาพร้อมกันแบบ “ยกเข่ง” จากญี่ปุ่นในราคารวมส่งที่ 2,800 บาท
ซึ่งได้นำมารีวิวให้เห็นกันไปแล้วนะครับตาม “ลิงค์” ด้านล่าง
(และเพื่อให้ได้อรรถรส ก็ควรไปอ่านกระทู้นั้นก่อนนะครับ)
https://ppantip.com/topic/35277265
แต่ผมก็ยังคงตามล่า Pentax-110 2.8/70 อีกตัวหนึ่ง
เพื่อทำให้มันครบชุดเท่านั้นเอง ไม่ได้ตั้งใจจะนำมาใช้งานแต่อย่างใดจริงๆ
(ทั้งนี้ผมไม่นับ Pentax-110 2.8/20-40 ไว้ร่วมเซ็ทด้วยนะครับ เนื่องจากมันเป็นเลนส์ซูม
รวมถึง Pentax-110 2.8/18 Pan focus ซึ่งราคาไม่น่ารัก และก็ไม่รู้จะหาเอามาทำแมวน้ำอะไร HA HA HA!!!)
โดยมีข้อแม้ว่าจะยอมจ่ายเต็มที่ได้ไม่เกิน “สองพันห้าร้อยบาทไทย” เท่านั้น
ตามหาเป็นระยะๆ ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา แต่ไม่เคยพบเจอในราคาที่ต่ำกว่าสองพันห้าร้อยบาทเลย
ตัวที่สภาพสวยๆส่วนใหญ่ราคาจะวิ่งอยู่สามพันกลางๆถึงสี่พันต้นๆทั้งนั้นครับ บางตัวซัดไปถึงห้าหกพันก็มี
ซึ่งผมถือว่า “แพง” สำหรับเลนส์ระยะ 70mm ที่หรี่ช่องรับแสงไม่ได้
ถ้าเป็นในราคาเกือบสี่พันบาทแบบนี้ ผมยังเห็นว่าน่าจะเอาไปซื้อเลนส์อย่าง Volna-3 2.8/80
หรือ Industar-29 2.8/80 หรือจะเป็น Bronica Zenzanon 2.8/75 ก็ยังจะดีซะกว่า หาได้ไม่เกินสองพันห้าเท่านั้น
อยู่มาวันหนึ่ง ประมาณต้นเดือนเมษายน ปี 2017 ด้วยความบังเอิญ (อีกแล้ว) ผมเข้าไปส่องเล่นๆในอีเบย์
ปรากฎว่าไปพบเจอ Pentax-110 2.8/70 สภาพสวยมากตัวหนึ่ง ซึ่งผู้ประกาศขายมีฐานที่ตั้งอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น
แปะบาร์โค๊ดเอาไว้เพียง 1,950 บาท รวมค่าส่งเรียบร้อย
จึงสั่ง “นำเข้า” ทันทีแบบไม่ต้องคิดมาก
โดยได้รับการหนับหนุนเป็นอย่างดีจาก “น้าพี” ชายหนุ่มผู้หลงใหลการใช้ชีวิตหลังลูกกรงเหล็กวันละแปดชั่วโมง
ผู้ยึดถือคติประจำใจว่า “ท่านเสียตังค์…เราดีใจ” HA HA HA!!!
ซึ่งหลังจากน้าพีทำการ “ออเดอร์” เรียบร้อย
ผมก็เพียงแต่ใช้เวลาร้องเพลงรอประมาณ 1 สัปดาห์เท่านั้นครับ จึงได้พบหน้าค่าตาเจ้าเลนส์ที่ตามหามาถึงหนึ่งปี
Pentax-110 2.8/70 เป็นเลนส์ระยะเทเลโฟโต้ที่ใช้กับกล้อง Pentax-110 ในอดีต (รวมถึงในปัจจุบัน)
มันมีความสูงเพียง 5 เซนติเมตร น้ำหนักเพียง 160 กรัม เบาจริงๆครับ (แต่ก็หนักกว่าทั้งสามตัวที่เหลือ)
ประกอบด้วยชิ้นเลนส์ 6 ชิ้น ใน 5 กลุ่ม
โดยที่ Pentax-110 2.8/70 ตัวนี้ได้คะแนนด้านความคมจากเว็ปไซต์ Pentax forum ที่ 8.4
ยังถือว่าเป็นรอง Pentax-110 2.8/18 ที่ได้คะแนน 8.6
และเป็นรอง Pentax-110 2.8/50 ที่ได้คะแนนมากถึง 9.5
แต่โดยรวมถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากๆครับ
และเมื่อมองดูภาพรวม ก็ยิ่งถือว่า “น่าใช้” อย่างจริงจัง เมื่อได้คะแนนรวมมากถึง 8.8 เต็ม 10
อีกทั้งเมื่อจับประกบกับ Fuji X-E1 นั้น มันทำให้เกิดความรู้สึกว่า “มันเกิดมาเพื่อเป็นเนื้อคู่กันจริงๆ”
เมื่อลองนำไปใช้งานจริง ทั้งการลองถ่ายภาพงานอีเวนท์ที่เผอิญผ่านเข้ามา รวมถึงการนำไปเดินทางท่องเที่ยวแบบ “ชิลๆ”
พบว่ามันมีการตอบสนองการใช้งานที่ “ดีมาก” เกินกว่าที่คาดการณ์เอาไว้
หมายถึงคุณภาพในด้านความคมชัดที่อยู่ในเกณฑ์ “ดีมาก” โดยเฉพาะในสภาพแสงน้อย แดดไม่จัดมาก
ยิ่งการถ่ายภาพในหอประชุม ตามโรงแรม ที่ใช้ไฟสลัวๆ มันถ่ายทอดภาพออกมาได้อย่างน่าทึ่ง
การจัดการกับ “ฉากหลัง” ทำได้นวลและเนียนลูกตา เหมือนมาจาก “เทเล” ราคาแพง
โดยเฉพาะเมื่อใช้งานที่ระยะ Minimum focus พบว่ามันให้อารมณ์คล้ายๆกับ Helios-44 ซีรียส์
คือมีอาการ “หมุนวน” ให้เห็น พอให้รู้สึก “วิงเวียน” เป็นระยะๆ HA HA HA!!!
การถ่ายทอด “สีสัน” ทำได้ตามคาแรคเตอร์ของ Pentax ทุกประการ คือมีความอิ่มตัว อบอุ่น
การหมุนหาโฟกัสทำได้ง่าย “เข้าเป็นเข้า หลุดเป็นหลุด” มองเห็นชัดเจนในช่องมองภาพ
ข้อ “ด้อย” เพียงประการเดียวที่ผมสัมผัสได้ก็คือ ระยะ Minimum focus
ที่อัดมาให้มากถึง 1.5 เมตร
ในขณะที่เลนส์ในพิกัด 70mm ถึง 85mm นั้น ส่วนใหญ่จะได้ระยะประมาณ 80 เซนติเมตรทั้งนั้นครับ
ทำให้การถ่ายภาพใน “บางสถานการณ์” นั้น มันเกิด “ข้อจำกัด” ขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
แต่ถ้าเราจะนำไปถ่ายภาพ Portrait เต็มตัว ครึ่งตัว หรือเอาไปถ่ายภาพท่องเที่ยวแบบสบายๆสไตล์ “ป๋าเบิร์ด”
ก็ถือได้ว่า เลนส์ Pentax-110 2.8/70 ตัวนี้ “เอาอยู่” จริงๆครับ
และเป็นการ “เอาอยู่” ที่ถือว่า “เหนือกว่า” เลนส์ในพิกัดเดียวกันอีกหลายตัว
ทั้งนี้ก็เนื่องจาก “ขนาด” และ “น้ำหนัก” ที่เป็นข้อได้เปรียบ
รวมถึงคุณภาพด้าน “ความคม” ที่พอฟัดพอเหวี่ยง ถึงแม้จะหรี่ช่องรับแสงไม่ได้ก็ตาม
แต่หากจะให้ดีมากขึ้น ขอแนะนำให้หาฟิลเตอร์ ND2 หรือ ND4 ติดกระเป๋าไปด้วย
จะช่วยให้การถ่ายภาพในสภาพแดดจัดเป็นไปได้ดียิ่งขึ้น
เนื่องจากในสภาพแสงแดดจัดนั้น ถึงแม้เราจะตั้งค่า ISO ที่กล้องเป็น ISO 100 แล้วก็ตาม
และใช้สปีดชัตเตอร์สูงที่สุดเท่าที่มีอยู่ ภาพที่ได้ก็ยังอาจจะ “โอเวอร์” ได้นะครับ
เนื่องมาจากเลนส์มีค่าช่องรับแสงคงที่ ที่ F2.8 นั่นเอง
แต่หากจะหวังผลกันจริงๆ แนะนำให้หลีกเลี่ยงสภาพแดดจัดนะครับ
เพราะ Pentax-110 2.8/70 มันจะให้มิติภาพที่ดีมากๆในสภาพแสงน้อย ถึงปานกลาง
ซึ่งนี่คือ “ข้อจำกัด” ครับ มิใช่ “ข้อด้อย” แต่อย่างใด
และจากการใช้งานมาเป็นระยะๆตลอดเกือบสองเดือนที่ผ่านมา
ผมสรุปได้ว่า Pentax-110 2.8/70 ตัวนี้ มันได้สร้างความ “หฤหรรษ์” ให้กับผมอย่างคาดไม่ถึงจริงๆ
ให้คุณภาพที่ดี รวมกับ “ความคล่องตัว” ที่เหนือกว่า
ที่สำคัญคือ “ลด” การตกเป็น “เป้าสายตา” ของ “เหยื่อ” ที่เรากำลังตามล่า HA HA HA!!!
และเมื่อรวมกับ “ก๊วน Pentax-110” อีกสามตัว ทั้ง 2.8/18 , 2.8/24 และ 2.8/50 ที่นอนรออยู่ในตู้อยู่ก่อนแล้ว
ก็นับได้ว่าผมได้ “ค้นพบ” เลนส์เพื่อการท่องเที่ยว ที่หวังผลด้านคุณภาพได้อย่างสบายๆ
โดยไม่ต้องแบกน้ำหนักจนหลังแอ่น และไม่ต้องเสียตังค์ซื้อ “ยาคลายกล้ามเนื้อ” ตอนกลับถึงบ้านอีกต่อไป HA HA HA!!!
ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรง เดินทางด้วยความไม่ประมาทเสมอครับ
สวัสดี!!!