สวัสดีครับพี่ ป้า น้า อา แห่งห้องคนบ้ามือหมุนที่เคารพรักทุกๆท่าน
เชื่อว่าหลายท่านคงเคยได้พบเจอเลนส์จิ๋วน่าตาน่ารัก น่าใช้ ที่แปะแบรนด์ Pentax-110 มาบ้าง
ซึ่งน้าเคน หนุ่มใหญ่ผู้ระเห็จหนีคลื่นความร้อนไปใช้ชีวิตอยู่ในอเมริกาก็ได้เคยนำมารีวิวให้ชมไปเมื่อสองปีที่ผ่านมา
Pentax-110 เป็นกล้องขนาดเล็กที่สามารถถอดเปลี่ยนเลนส์ได้โดยใช้ฟิลม์ฟอแมท 110
มันถูกผลิตขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1978 โดยช่วงแรกมีเลนส์ให้เลือกใช้ 3 ตัวด้วยกัน คือ 2.8/18 , 2.8/24 และ 2.8/50
ต่อมาในปี ค.ศ. 1981 จึงเพิ่มเลนส์ระยะ 2.8/70 , และ 2.8/20-40 เข้ามาเป็นทางเลือก
รวมไปถึงเลนส์ 18mm pan focus ที่ราคาแพงมโหราฬมายั่วน้ำลายสาวกคนรักเพนแทกซ์
……………
……………
เมื่อสองเดือนที่ผ่านมาผมไปพบเจอเจ้า 3 ตัวแรกโดยบังเอิญ ซึ่งประกาศขายยกชุด
ในราคารวมส่งจากประเทศญี่ปุ่นเพียง 2,800 บาทไทยเท่านั้น
จึงสั่งนำเข้าทันทีไม่มีรีรอให้เสียเวลา พร้อมกับอแดปเตอร์ Pentax-110 to fuji FX อีกหกร้อยกว่าบาท
เมื่อมาถึงมือสารภาพว่าสภาพมันดีมาก มีฮู๊ดบังแสง มีฟิลเตอร์ติดมาให้ด้วย
ถือว่าคุ้มราคาครับ เพราะถ้าหากจะซื้อแยกแต่ละตัวคงต้องจ่ายตัวละเกือบสองพันบาท
และเมื่อจับประกบกับกล้อง Mirorless ของ Fuji ปรากฏว่ามันหล่อกระชากสายตาผู้พบเห็นได้เป็นอย่างดี
แต่มีข้อจำกัดคือมันไม่สามารถหรี่ช่องรับแสงได้ ต้องหากล้อง Pentax-110 มาถอดเอาม่านชัตเตอร์ออกมาโมดิฟาย
หรือไม่ก็ต้องสร้างใหม่ แล้วจับยัดเข้าไปด้านหน้าของอแดปเตอร์ ซึ่งน่าจะช่วยให้ภาพมีความคมชัดที่ดีขึ้นได้บ้าง
……………
……………
Pentax-110  2.8/18 ประกอบด้วยชิ้นเลนส์ 6 ชิ้น ใน 6 กลุ่ม มีน้ำหนักเพียง 28 กรัม
เป็นเลนส์มุมกว้างที่ได้คะแนนด้านความคมจาก Pentax forum ถึง 8.6 เต็ม 10
ถือว่าดีพอสมควรครับ แต่ไม่ถึงกับดีมาก เมื่อลองโฟกัสดูพบว่าเกือบไม่พบอาการฟุ้งใดๆ ทั้งการถ่ายตามแสงและย้อนแสง
ทำให้สามารถถ่ายภาพแนว snap shot ได้สนุกมากตัวหนึ่ง
อีกทั้งมันเป็นเลนส์มุมกว้างมาก จึงมีประโยชน์มากสำหรับกล้องที่เป็นตัวคูณ ซึ่งช่วยให้ถ่ายภาพมุมกว้างได้เป็นอย่างดี
เพราะถ้าหากจะไปตามหาเลนส์ระยะ 18mm หรือ 20mm ทั่วๆไปนั้นราคาก็วิ่งไปไกลพอสมควรครับ
...............
...............
แต่อย่างที่บอกครับ คือมันหรี่ช่องรับแสงไม่ได้ ทำให้ไม่สามารถคุมช่วงความชัดลึกได้
เพราะฉะนั้นต้องเล่นกับมันอย่างเข้าใจด้วย คือถ่ายภาพแนวทึ้งฉากหลังให้เบลอไปเลยจะดีที่สุดครับ
อีกทั้งมันมีระยะ Minimum focus ที่ใกล้มากเพียง 25 เซนติเมตรเท่านั้น
ทำให้การถ่ายภาพอย่างที่ผมกล่าวถึงนั้น มันทำได้ดีมากตัวหนึ่งเลย
เพราะถ้าหากถ่ายภาพแนวระนาบ แล้วโฟกัสที่อินฟินิตี้นั้น จะเห็นชัดเจนว่าขอบภาพมีปัญหา
คือไม่คม และที่สำคัญคือขอบภาพ “ย้วย” ชัดเจนมาก
แต่เนื่องจากราคาที่ถือว่าถูกมากสำหรับเลนส์พิกัดแบบนี้ คือวิ่งอยู่ไม่ถึงสองพันบาทรวมค่าส่ง
ถือว่าน่าสนใจนะครับ  














ต่อมาเป็น Pentax-110  2.8/24 ครับ ประกอบด้วยชิ้นเลนส์ 6 ชิ้น ใน 5 กลุ่ม
ระยะ Minimum focus อยู่ที่ 35 เซนติเมตร น้ำหนักตัวเพียง 13 กรัมเท่านั้น Ooh my god!!!
แต่ตัวนี้ได้คะแนนด้านความคมจาก Pentax forum เพียง 8.0 เต็ม 10 เท่านั้น
สำหรับผมถือว่าสอบไม่ผ่านนะครับ
...............
...............
และเมื่อลองโฟกัสดูจากจอมองภาพ ก็เป็นจริงตามที่ได้คะแนนมานั่นแหละครับ
มันมีอาการ “ฟุ้ง” ให้เห็นชัดเจนมาก เลนส์จากกล้องคอมแพคของรัสเซียหลายตัวยังทำได้ดีกว่า
ผมลองเทียบกับ Industar-104  2.8/28 จากกล้อง Agat-18K ที่โมดิฟายมาก็พบความจริงที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
คือมันคมสู้ Industar-104 ไม่ได้เลย เป็นรองอย่างเห็นได้ชัด
เพราะฉะนั้นมันจึงทำให้การถ่ายภาพ Snap shot ทำได้ยากครับ
คือเมื่อโฟกัสภาพ เราไม่สามารถ Make sure ได้เลยว่า ชัดหรือไม่ชัด
มันจึงเหมาะกับการถ่ายภาพแนว Pack shot ที่วัตถุอยู่นิ่งๆเท่านั้นเอง
อีกทั้งในสถานการณ์ที่มีแดดจัดมันทำได้ไม่ดีเลยครับ พบอาการฟุ้งอย่างชัดเจน  
แต่ในสถานการณ์แสงน้อยมันกลับให้ผลงานที่ดีอย่างไม่น่าเชื่อ
ราคาค่าตัววิ่งอยู่พันกว่าบาทเท่านั้น ยังถือว่าน่าสนใจครับ














ตัวสุดท้ายคือ Pentax-110  2.8/50 ประกอบด้วยชิ้นเลนส์ 5 ชิ้น ใน 5 กลุ่ม พิกัดน้ำหนัก 53กรัม
ระยะ Minimum focus มากไปนิดคืออยู่ที่ 90 เซนติเมตร
ตัวนี้ได้คะแนนด้านความคมจาก Pentax forum สูงถึง 9.5 เต็ม 10
ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ยอดเยี่ยมครับ
...............
...............
เมื่อเราทดสอบการโฟกัสโดยการมองผ่านช่องมองภาพพบว่ามันไม่มีอาการ “ฟุ้ง” ให้เห็นแม้แต่น้อย
ทำให้การหมุนหาโฟกัสทำได้ง่ายมากใกล้เคียงกับ Pentax-110  2.8/18
ให้ความคมชัดที่ดี หวังผลได้ สามารถนำไปถ่ายภาพทั่วไปได้จริง ในกรณีที่คุณโฟกัสได้เข้าเป้านะครับ
ความคมชัดดีกว่าเลนส์อีกหลายตัว ในหมายเหตุที่ว่าเมื่อใช้งานเอฟกว้างสุดเท่านั้นครับ
อีกทั้งขนาดที่เล็กใกล้เคียงกับเลนส์นอมอลของ M4/3 ทำให้มีความสะดวกในการใช้งานเป็นอย่างยิ่ง
แต่เมื่อพิจารณาจากราคาค่าตัวที่วิ่งอยู่หนึ่งพันบาทกลางๆ
ทำให้ประเด็นด้านความคุ้มค่าตกลงไปพอสมควรครับ
เนื่องจากเราสามารถหาซื้อนอมอลเลนส์ที่มีค่าเอฟกว้างสุดที่ 2.8 ได้มากมายในราคาเพียงไม่ถึงหนึ่งพันบาท
เช่น Industar-61  2.8/52 , Industar-26M  2.8/52 เป็นอาทิ
แถมเลนส์พวกนี้ยังสามารถหรี่ช่องรับแสงได้อีกด้วย ถือว่าใช้งานได้อย่างเต็มระบบมากกว่า









เพราะฉะนั้นและเพราะฉะนี้ ในความคิดเห็นของผมเกี่ยวกับเลนส์ทั้งสามตัวที่กล่าวถึงนั้น
พิจารณาเฉพาะประเด็นด้านราคา คุณภาพของไฟล์งาน  เปรียบเทียบกับเลนส์ในพิกัดเดียวกันหรือใกล้เคียงกันนั้น
Pentax-110  2.8/18 เป็นเลนส์ที่น่าใช้ที่สุดครับ คุณภาพดี ให้ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับเลนส์ในพิกัดเดียวกันทั่วๆไป
และราคาที่มีความสมเหตุสมผลมากที่สุด

Pentax-110  2.8/24 นำไปใช้ถ่ายภาพสถานการณ์ทั่วไปได้ไม่ดีนัก โดยเฉพาะในสภาพแดดจัด
มีอาการฟุ้งมากเกินไป ถึงแม้ราคาจะถูกพอสมควรก็ตาม
อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบราคากับเลนส์ระยะ 24mm ทั่วๆไปที่ราคาวิ่งไปไกลแล้ว ก็ถือว่าเป็นเลนส์ที่น่าสนใจมากๆครับ

Pentax-110  2.8/50 นั้นคุณภาพดี ความคมชัดสูง แต่ยังมีอีกหลายตัวที่ใช้งานได้เต็มระบบมากกว่า อีกทั้งราคาถูกกว่า
นี่เป็นเหตุผลด้านคุณภาพเปรียบเทียบกับราคาล้วนๆครับ เป็นเหตุผลด้าน “ความคุ้ม” ประเด็นเดียวเท่านั้น
……………
…………..
ขอนำเสนอเพิ่มเติมอีกสองตัวที่ผมยังไม่มีก็คือ Pentax-110  2.8/70 ที่ราคาวิ่งอยู่สามพันกลางๆไปจนถึงสี่พันต้นๆ
แต่จากคะแนนของ Pentax forum ซึ่งให้คะแนนด้านความคมเพียง 8.4 เต็ม 10 เท่านั้น
ถือว่าไม่ค่อยดีนักครับ และเมื่อเปรียบเทียบกับราคากลางของเลนส์ในระยะใกล้เคียงกันนี้ ทำให้คะแนนด้านความคุ้มค่าหายไปเยอะพอสมควร
ราคาแบบนี้เอาเงินไปซื้อ Jupiter-9  2/85 ดีกว่า
ส่วน Pentax-110  2.8/20-40 ซึ่งได้คะแนนด้านความคมน้อยมากเพียง 6.5 เต็ม 10 ถือว่าสอบตกนะครับ
อีกทั้งค่าตัวที่วิ่งอยู่ประมาณสามพันบาทขึ้นไป ทำให้คะแนนด้านความคุ้มค่าแทบกลายเป็นศูนย์เลยทีเดียว
และด้วยราคาขนาดนี้ ผมว่าเอาเงินไปซื้อ Nikon AF 3.3-4.5/24-50 สภาพสวยๆในราคาไม่ถึงสามพันบาทจะดีกว่าครับ
……………
……………
แต่ถ้าหากไม่เกี่ยงกับเรื่องเหล่านี้
คิดเพียงว่ามันเป็นของเล่น ของสะสม
ก็จัดไปเลยครับ

ขอให้มีความสุข เดินทางด้วยความไม่ประมาทเสมอครับ
    สวัสดี!!!