สวัสดีค่ะ อันนี้เป็นบทความแรก ที่ตั้งใจจะส่งภาพและบอกต่อเรื่องราวทริปอีสานที่ไปมา ที่แบบ...โครตUnseen ได้ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และมุดถ้ำที่แบบไม่สามารถเดินได้ตลอดทาง ต้องมุด ต้องคลานเข้าไป จะUnseen ขนาดไหน มาดูกัน
ไม่รอช้า จองตั๋วเครื่องบินเลย ไม่อยากเหนื่อยกับการเดินทางมาก เพราะทริปที่เราจะไปค่อนข้างผจญภัย ออมแรงไว้ ไปด้วยเครื่องดีกว่า ซึ่งเราได้ตั๋วราคาถูกนะ เสาร์-อาทิตย์ ไปกลับอยู่ที่ประมาณ 1700 บาท
ใช้เวลาบินจากกรุงเทพไปอุดรประมาณเพียง 1 ชั่วโมง ก็ถึงแล้ว
มื้อเช้า เรามาฝากท้องที่ร้านดังในตัวเมืองก่อน กับร้านคิงส์โอชา เป็นสไตล์อาหารเช้าเบรกฟัส...เลี่ยนๆกันไป แต่ก็อร่อยดี มีทั้งไข่กะทะที่ขึ้นชื่อที่อุดร ขนมปังเวียดนาม ( หน้าตาดูแข็งกระด้างมาก แต่เฮ้ย หร่อยอ่ะ ข้างในเป็นไส้กุนเชียง กะหมูยออีกล้าว
ทีเด็ดยังไม่หมด มีไข่ลวก
ขาดเทอ...เหมือนขาดใจ ฟาดไปก่อน 1 แก้ว
ที่นี่ จะเสิฟชาร้อนเป็นกา พร้อมแก้วตามจำนวนคน ชาก็อร่อยดี แต่ไม่แรงมาก
มาแล้ว!!! ข้าวไข่เจียวกุ้งสับ แต่ว่าไข่มาเป็นก้อนๆเลยเนอะ
สวยงาม ตามท้องเรื่อง รสชาติถือว่าผ่าน
ราคาก็แบบโอเค
เสร็จแล้วเดินทางไปวัดคำชะโนด อยู่อ.บ้านดุง ขับมาจากตัวเมืองประมาณ40นาที เพื่อที่ไปวังนาคิน(ที่เชื่อว่าเป็นที่อยู่ของเหล่าพญานาค)
อันดับแรกต้องมาสักการะพ่อปู่ศรีสุทโธ (เป็นเจ้าผู้ครองเมืองบาดาลแห่งนี้) ประวัติท่าน ยาวมาก ใครสนใจ หาข้อมูลเพิ่มเติมได้มากมาย
คำชะโนด ประกอบด้วยพืช3ชนิด ได้แก่ ต้นมะพร้าว ต้นหมาก และต้นตาล รวมเรียกต้นชะโนด ซึ่งเขาเล่าว่า ไม่ว่าพื้นที่ใดจะพยายามปลูก ก็จะปลูกไม่ขึ้น ยกเว้นแต่บริเวณนี้เท่านั้น
การไหว้พ่อปู่และแม่ย่า จะใช้บายสีที่ตกแต่งเป็นรูปนาคส่วนใหญ่ เรากำลังจะเดินเข้าไปในบริเวณที่เชื่อว่าเป็นอีกเมืองหนึ่ง ที่เป็นเมืองของพญานาค
เข้ามาข้างในแล้ว อากาศร่มรื่น เย็นมาก เหมือนแสงแดดเข้ามาไม่ถึง ตอนนี้จะมาสักการะบูชาพ่อปู่ กับแม่ย่า
บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์
บริเวณบ่อนี้ เชื่อว่า เป็นจุดเชื่อมระหว่างวังบาดาลของพญานาค กับ โลกมนุษย์ น้ำข้างในดูไม่ใส เพราะคงไม่มีใครกล้าไปยุ่งไปทำความสะอาด
เสร็จสิ้นการไหว้สักการะ ก็เดินทางออกมาทานอาหารเที่ยง เรามาที่ร้านชื่อว่า กาฬสิทธุ์กุ้งเผา อ.นาข่า ลักษณะร้าน ตามภาพ เป็นศาลาปูเสื่อนั่งพื้นทาน คลาสสิคไปอีก
อาหารแซ่บ นัวแน่นอน นี่อุดรนะ!!!!
กุ้งเผาที่ขึ้นชื่อ จานนี้ 440 บาท ราคาไม่แรง
นั่งกินแบบได้บรรยากาศบ้านทุ่ง เสริมความชิคไปอีกด้วยการยกเข่าแนบคาง
แล้วเราก็ขับรถมาพักที่ อ.สังคม จ.หนองคาย โจทย์คือ อยากพักริมแม่น้ำโขง...อันนี้สมใจเลย แทบจะนอนในโขงอยู่แล้ว ที่พักชื่อ เรือนแวนด้า ราคา 800 บาทต่อห้อง เรานอน 3 คน จ่ายแค่คนละสองร้อยกว่าบาท
ตี5ครึ่ง ณ.ริมโขง ของจริงสวยกว่าภาพอีกสิบล้าน
นั่งดูจนพระอาทิตย์เริ่มขึ้นแล้ว อากาศก็ไม่หนาวมาก ประมาณ 18 องศา
อาหารเช้าของที่พัก ขนมปังไข่อะไรซักอย่าง..แซนวิชมั้ง
หน้าตาเป็นแบบนี้ แต่อร่อยเพราะได้กินริมโขงเนี่ยแหล่ะ
บรรยากาศดีมากๆๆๆๆ
ออกจากที่พัก ก็มาที่ผาตากเสื้อ ไม่ไกลจากที่พักมาก ที่นี่เขาทำเป็นสกายวอค ให้เราเดินยื่นเข้าไปในลำน้ำได้
สูดอากาศกลับกรุงเทพสิค่ะ รอไร
ใกล้ๆ ยังมีที่ให้เราเลาะผาลงไป ลองลงไปดูดีกว่า
มาเจอหลวงพ่อ ให้เราได้สักการะ
ออกจากผาตากเสื้อ มื้อเช้าสายๆ มาฝากท้องกับร้านแม่ใหญ่
และก็เดินทางมาต่อ...ที่นี่เราถือว่าเป็นไฮไลท์ของทริปเลยคือการมาลอดถ้ำที่ ถ้ำเพียงดิน ซึ่งเขาว่าเป็นถ้ำที่อยู่ของพญานาค ข้างในถ้ำจะเป็นช่องเล็กๆยาวๆแบบที่เป็นรูปร่างของงูใหญ่ๆจะเลื้อยเข้าไป เขาว่าอีกว่า หากเดิน9วัน จะไปโผล่ที่เวียงจันทน์ได้(เขาว่าอีกเยอะ..แต่จำได้แค่นี้เด้อ)
มาบ้านท่าน ก็มาไหว้ท่านพ่อปู่ก่อน
เตรียมตัวลงถ้ำแล้วนะ นี่ไง ปากทางเข้าถ้ำ
ช่องเล็กมาก ต้องเสต็ป
ตัวไปตามหลืบ
คลานค่ะ คลานอย่างเดียว
ยองๆ ตะแคงๆ ไป
ค่อยเป็นค่อยไป แต่น้ำเย็นสะใจมาก
ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ก็ออกมาได้แล้ว..ชอบมาก สนุก เย็น ได้ไหว้พระด้วย
กลับจากถ้ำดินเพียง มาไหว้พระใส พระสุก พระเสริม ซึ่งเป็นพระที่ชาวอุดรนับถือ
และมาแวะถือผ้าซิ่นสวยๆทีตลาดผ้าบ้านนาข่า จ.อุดร
ปิดท้ายทริป ด้วยร้านดังกลางเมืองอุดรคือ ร้านลาบนัว น้องบอกที่นี่ดังมากและอร่อยมาก ต้องมานั่งรอคิวก่อนครัวเปิด 20 นาที
ดูหน้าตา...ไม่ต้องบรรยาย
แซ่บ..ลืม
ณ.สนามบิน รอกลับกรุงเทพเมืองขี้ฝุ่นและคาร์บอนมอนอกไซด์...บอกเลย ที่ถืออยู่คือของขลังที่วัดคำชะโนดให้พี่เขามา...เชื่อไม่เชื่อไม่รู้ แต่น้องผู้หญิงเพิ่งถูกหวยไปแล้วเป็นแสน..อิอิ
ขอบคุณ พี่บอย หนึ่ง กิ๊ก มอส ผู้ร่วมทริปที่น่ารัก ^^
เที่ยว Unseen ที่คำชะโนด จ.อุดรธานี และ ถ้ำเพียงดิน จ.หนองคาย (อุดร&หนองคาย...Fineเดย์)
ไม่รอช้า จองตั๋วเครื่องบินเลย ไม่อยากเหนื่อยกับการเดินทางมาก เพราะทริปที่เราจะไปค่อนข้างผจญภัย ออมแรงไว้ ไปด้วยเครื่องดีกว่า ซึ่งเราได้ตั๋วราคาถูกนะ เสาร์-อาทิตย์ ไปกลับอยู่ที่ประมาณ 1700 บาท
ใช้เวลาบินจากกรุงเทพไปอุดรประมาณเพียง 1 ชั่วโมง ก็ถึงแล้ว
มื้อเช้า เรามาฝากท้องที่ร้านดังในตัวเมืองก่อน กับร้านคิงส์โอชา เป็นสไตล์อาหารเช้าเบรกฟัส...เลี่ยนๆกันไป แต่ก็อร่อยดี มีทั้งไข่กะทะที่ขึ้นชื่อที่อุดร ขนมปังเวียดนาม ( หน้าตาดูแข็งกระด้างมาก แต่เฮ้ย หร่อยอ่ะ ข้างในเป็นไส้กุนเชียง กะหมูยออีกล้าว
ทีเด็ดยังไม่หมด มีไข่ลวก
ขาดเทอ...เหมือนขาดใจ ฟาดไปก่อน 1 แก้ว
ที่นี่ จะเสิฟชาร้อนเป็นกา พร้อมแก้วตามจำนวนคน ชาก็อร่อยดี แต่ไม่แรงมาก
มาแล้ว!!! ข้าวไข่เจียวกุ้งสับ แต่ว่าไข่มาเป็นก้อนๆเลยเนอะ
สวยงาม ตามท้องเรื่อง รสชาติถือว่าผ่าน
ราคาก็แบบโอเค
เสร็จแล้วเดินทางไปวัดคำชะโนด อยู่อ.บ้านดุง ขับมาจากตัวเมืองประมาณ40นาที เพื่อที่ไปวังนาคิน(ที่เชื่อว่าเป็นที่อยู่ของเหล่าพญานาค)
อันดับแรกต้องมาสักการะพ่อปู่ศรีสุทโธ (เป็นเจ้าผู้ครองเมืองบาดาลแห่งนี้) ประวัติท่าน ยาวมาก ใครสนใจ หาข้อมูลเพิ่มเติมได้มากมาย
คำชะโนด ประกอบด้วยพืช3ชนิด ได้แก่ ต้นมะพร้าว ต้นหมาก และต้นตาล รวมเรียกต้นชะโนด ซึ่งเขาเล่าว่า ไม่ว่าพื้นที่ใดจะพยายามปลูก ก็จะปลูกไม่ขึ้น ยกเว้นแต่บริเวณนี้เท่านั้น
การไหว้พ่อปู่และแม่ย่า จะใช้บายสีที่ตกแต่งเป็นรูปนาคส่วนใหญ่ เรากำลังจะเดินเข้าไปในบริเวณที่เชื่อว่าเป็นอีกเมืองหนึ่ง ที่เป็นเมืองของพญานาค
เข้ามาข้างในแล้ว อากาศร่มรื่น เย็นมาก เหมือนแสงแดดเข้ามาไม่ถึง ตอนนี้จะมาสักการะบูชาพ่อปู่ กับแม่ย่า
บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์
บริเวณบ่อนี้ เชื่อว่า เป็นจุดเชื่อมระหว่างวังบาดาลของพญานาค กับ โลกมนุษย์ น้ำข้างในดูไม่ใส เพราะคงไม่มีใครกล้าไปยุ่งไปทำความสะอาด
เสร็จสิ้นการไหว้สักการะ ก็เดินทางออกมาทานอาหารเที่ยง เรามาที่ร้านชื่อว่า กาฬสิทธุ์กุ้งเผา อ.นาข่า ลักษณะร้าน ตามภาพ เป็นศาลาปูเสื่อนั่งพื้นทาน คลาสสิคไปอีก
อาหารแซ่บ นัวแน่นอน นี่อุดรนะ!!!!
กุ้งเผาที่ขึ้นชื่อ จานนี้ 440 บาท ราคาไม่แรง
นั่งกินแบบได้บรรยากาศบ้านทุ่ง เสริมความชิคไปอีกด้วยการยกเข่าแนบคาง
แล้วเราก็ขับรถมาพักที่ อ.สังคม จ.หนองคาย โจทย์คือ อยากพักริมแม่น้ำโขง...อันนี้สมใจเลย แทบจะนอนในโขงอยู่แล้ว ที่พักชื่อ เรือนแวนด้า ราคา 800 บาทต่อห้อง เรานอน 3 คน จ่ายแค่คนละสองร้อยกว่าบาท
ตี5ครึ่ง ณ.ริมโขง ของจริงสวยกว่าภาพอีกสิบล้าน
นั่งดูจนพระอาทิตย์เริ่มขึ้นแล้ว อากาศก็ไม่หนาวมาก ประมาณ 18 องศา
อาหารเช้าของที่พัก ขนมปังไข่อะไรซักอย่าง..แซนวิชมั้ง
หน้าตาเป็นแบบนี้ แต่อร่อยเพราะได้กินริมโขงเนี่ยแหล่ะ
บรรยากาศดีมากๆๆๆๆ
ออกจากที่พัก ก็มาที่ผาตากเสื้อ ไม่ไกลจากที่พักมาก ที่นี่เขาทำเป็นสกายวอค ให้เราเดินยื่นเข้าไปในลำน้ำได้
สูดอากาศกลับกรุงเทพสิค่ะ รอไร
ใกล้ๆ ยังมีที่ให้เราเลาะผาลงไป ลองลงไปดูดีกว่า
มาเจอหลวงพ่อ ให้เราได้สักการะ
ออกจากผาตากเสื้อ มื้อเช้าสายๆ มาฝากท้องกับร้านแม่ใหญ่
และก็เดินทางมาต่อ...ที่นี่เราถือว่าเป็นไฮไลท์ของทริปเลยคือการมาลอดถ้ำที่ ถ้ำเพียงดิน ซึ่งเขาว่าเป็นถ้ำที่อยู่ของพญานาค ข้างในถ้ำจะเป็นช่องเล็กๆยาวๆแบบที่เป็นรูปร่างของงูใหญ่ๆจะเลื้อยเข้าไป เขาว่าอีกว่า หากเดิน9วัน จะไปโผล่ที่เวียงจันทน์ได้(เขาว่าอีกเยอะ..แต่จำได้แค่นี้เด้อ)
มาบ้านท่าน ก็มาไหว้ท่านพ่อปู่ก่อน
เตรียมตัวลงถ้ำแล้วนะ นี่ไง ปากทางเข้าถ้ำ
ช่องเล็กมาก ต้องเสต็ปตัวไปตามหลืบ
คลานค่ะ คลานอย่างเดียว
ยองๆ ตะแคงๆ ไป
ค่อยเป็นค่อยไป แต่น้ำเย็นสะใจมาก
ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ก็ออกมาได้แล้ว..ชอบมาก สนุก เย็น ได้ไหว้พระด้วย
กลับจากถ้ำดินเพียง มาไหว้พระใส พระสุก พระเสริม ซึ่งเป็นพระที่ชาวอุดรนับถือ
และมาแวะถือผ้าซิ่นสวยๆทีตลาดผ้าบ้านนาข่า จ.อุดร
ปิดท้ายทริป ด้วยร้านดังกลางเมืองอุดรคือ ร้านลาบนัว น้องบอกที่นี่ดังมากและอร่อยมาก ต้องมานั่งรอคิวก่อนครัวเปิด 20 นาที
ดูหน้าตา...ไม่ต้องบรรยาย
แซ่บ..ลืม
ณ.สนามบิน รอกลับกรุงเทพเมืองขี้ฝุ่นและคาร์บอนมอนอกไซด์...บอกเลย ที่ถืออยู่คือของขลังที่วัดคำชะโนดให้พี่เขามา...เชื่อไม่เชื่อไม่รู้ แต่น้องผู้หญิงเพิ่งถูกหวยไปแล้วเป็นแสน..อิอิ
ขอบคุณ พี่บอย หนึ่ง กิ๊ก มอส ผู้ร่วมทริปที่น่ารัก ^^