ตม. เกาหลี ไม่เชื่อใจคนไทย ? หรือเพราะอคติ ? แชร์ประสบการณ์รีวิว..เข้าห้องเย็น แต่ที่เห็นคนข้างในร้อนมาก....?!?!

ตม. เกาหลี ไม่เชื่อใจคนไทย ? หรือเพราะอคติ ? แชร์ประสบการณ์รีวิว..เข้าห้องเย็น แต่ที่เห็นคนข้างในร้อนมาก....?!?!

*******กระทู้นี้ ผู้เขียนตั้งใจเขียนมากค่ะ เพราะฉะนั้นมันจะยาวสุดๆ และเป็นกระทู้แรก ยังไงฝากอ่านกันด้วยนะคะ******

เนื่องจากได้ยินกระแสช่วงนี้ เรื่อง "การปฎิเสธคนไทย จำนวนมาก (วันละหลายร้อยคน) ในการเข้าเยือน ประเทศเกาหลีใต้ ของ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง" เป็นเรื่องที่หนาหูมาก จนเกิดการแพร่สะพัดไปทั่ว เรื่องของการกักตัว เรื่องของแรงงานผิดกฎหมาย และเรื่องของกระทบการท่องเที่ยว ไปต่างๆนานา และ การวิตกกังวล ของทุกคนที่อยากไปเที่ยวเกาหลี เพื่อการพักผ่อน ไปตามดูศิลปินที่ชื่นชอบ หรือแม้กระทั่งไปศัลยกรรมพลาสติกที่คนไทยเรา ถือว่าฮิตกันมากมาย ......... แต่คนที่ตั้งใจไปโดนปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศ ทำเอาเครียดกันไปตามๆกันเพราะต้อง นั่งลุ้น เสี่ยงดวงเพราะอยากไปประเทศหนึ่งในความฝันและความสุขใจ ของใครหลายๆคน

หัวข้อเรื่องนี้ไม่เฉพาะคนไทยที่เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ กันใน SNS ซึ่งสามีบอกว่า ตอนนี้เกาหลีก็เช่นกัน กำลังเล่นประเด็นเรื่องข่าวที่ออกมาไม่หยุดหย่อน อาจ ยื่นเสนอให้ ปธน. คนใหม่หาทางขจัดปัญหา แรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้ามาทำงานผิดกฎหมายยังไงดีเลยด้วย เพราะสร้างปัญหาเหลื่อมล้ำทางสังคม และการแย่งงานจากคนท้องถิ่น ปัญหาคนตกงานที่เกาหลีเพิ่มมากขึ้นทุกปี จนล้นเมือง รวมถึงการแทรกซึม ของคนต่างด้าว ที่เป็นปัจจัยทำให้ประชากรล้นประเทศด้วย

การวิตกกังวลนั้น มีสารพัด ของคนใกล้ตัวบ้าง เพื่อนๆ พี่น้องๆบ้าง หรือคนที่รู้จัก มักจะมาถามอยู่เสมอ เยอะเยะไปหมดไม่ขาดสาย เรื่องการเข้าไปเที่ยว หรือทำงาน แบบไม่โดนกักตัว วิธีเอาตัวรอด หรือแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่จะต้องเตรียม เพราะอาจจะด้วยเราเป็นแฟนคนเกาหลีมา 5-6 ปี เลยคุ้นเคยกับประเทศเกาหลี และล่าสุดเพิ่งเป็นสะไภ้เกาหลีอย่างเป็นทางการไป หมาดๆเลยค่ะ (* ยังไม่ได้ย้ายไปอาศัยอยู่ที่ เกาหลีนะคะ เรายังทำงานอยู่ที่ต่างประเทศค่ะ)

มาเข้าเรื่องกันค่ะ เล่าจากประสบการณ์ที่เจอมา...

เกริ่นก่อนนะคะ....ปกติเราไปเกาหลีค่อนข้างบ่อยมาตลอด เพราะ สามี เป็นคนเกาหลี ส่วนใหญ่จะบินจากไทย บ้าง จากที่ทำงานที่ต่างประเทศไปบ้าง แล้วแต่เวลาว่าง เราไม่เคยติด ตม. หรือมีปัญหานะคะ เพราะเราทำงานอยู่ประเทศค่อนข้างโอเคน่าเชื่อถือและ เข้มงวดใน Employment โดยเฉพาะ Professional work ที่ตรวจสอบได้ ผ่าน Multiple Smart Card เพราะฉะนั้นเรามี Working Visa Card ที่ระบุทุกอย่าง ตำแหน่งงาน รูป ลายนิ้วมือ และบริษัทที่ทำงาน ทุกอย่างอยู่ในบัตรเดียวหายห่วง (ตอนคบกันใช้บัตรทำงานยืนยัน ไปกลับ หลายครั้งนับไม่ถ้วนตลอด 5 ปีไม่เคยติด ตม. เลย) ส่วนตอนนี้ มีทะเบียนสมรสเกาหลีอย่างถูกกฎหมายแล้ว แต่ไม่เคยขอวีซ่าอยู่เกาหลีเพราะ ไปแปปๆ ไม่ได้อยู่นานเกิน 90 วันเลยยังไม่จำเป็น ตม. คิดไว้ละสบายยเพราะแต่งงานแล้ว

***** แต่ครั้งล่าสุดที่ไป... เนื่องด้วย "วันครอบครัว" ของเกาหลีที่ผ่านมา เราเลยต้องไปเยี่ยมครอบครัวอปป้า เพราะบวกกับ ครบรอบวันเกิด 60 ปีของออมม่าด้วยค่ะ ครอบครัวทางนู้นจัดงานเลี้ยง เลยจำเป็นต้องไปด่วน.......

เริ่มจากการบิน เรากับสามี บินจากไทยค่ะ......มาทำธุระอยู่ไทยพอดี

ทีนี้ด้วยความ งก! เราก็จองบินกับสายการบินหางสีแดง  เพราะไปสองคนประหยัดกว่าซื้อสายการบินแห่งชาติเกาหลี 1 คนแนะ! ฮืม...โปรแรงและถูกมากก! แต่คุณสาก็แอบบ่นนิดหน่อย ว่ามันแคบ เพราะขาเค้ายาว.... แฮ่ๆ อดทนเนอะอปป้า เมื่อยนิด แต่ประหยัด........

***** พอขึ้นเครื่องมาทุกครั้งจะรู้เลย ว่าเกือบครึ่งลำจะเตรียม หายจ๋อม ไปในอากาศ ..... ไปเป็นนักโดดร่มพลีชีพ ไปตายเอาดาบหน้า หรือจะสะดวกเรียก โรบินฮู้ด ที่อยู่แบบหลบๆซ่อนๆ นั้นเอง..... ส่วนคนที่มาเที่ยว บางครั้งเสี่ยงดวง เอา เพราะไม่สามารถบอกได้ว่าจะเข้าได้หรือไม่ .....อยู่ที่ อำนาจการพิจารณาของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองนั้นเอง (ตม.สุดโหดอันเลื่องลือ)

- ช่วงเวลาต่างๆ ....ตม. ของเกาหลีจะตั้งด่านสังเกตจากเที่ยวบิน และเดาไม่ยากถ้าขึ้นมาจาก Don Muang - Incheon > Route ที่บินเยอะสุดก็คงไม่พ้น สายการบินหางแดง Low cost ที่เรานั่งมา เพราะถูกและบินตรงส่วนใหญ่ สายการบิน Low cost ทุกไฟท์จะเป็นลิสท์ที่เพ่งเล็ง ในการกวาดเรียบและส่งกลับตามระเบียบค่ะ

ซึ่ง!!!! ครั้งนี้....หลังจากที่กำลังเดินไปต่อแถวเพราะ คนเยอะมาก คนไทยทั้งนั้น .....เราบังเอิญเดินมาพร้อมกับกลุ่มน่าสงสัยด้วย เพราะตอนลงเครื่องมาแล้ว อปป้านางปวดท้อง เข้าห้องน้ำที่เกตนานเลย ฮ่าๆ เลยทำให้อปป้ากับเราช้า นิดหน่อย เราก็รีบเดิน... มันก็เดินจับจังหว่ะมาผสมปนเปกับ โรบินฮู้ด คนไทยโดยไม่รู้ตัว !!!! นั้นแหละสาเหตุที่โดนลูกหลง แต่อปป้านั้น.... ได้แยกทางไป...นางเดินลอยตัว ชิวๆไปอยู่ข้างนอก เค้าท์เตอร์ ตม. รอเราพร้อมโบกมือ ให้สัญญาณว่า "ยอโบๆ รอตรงนี้นะ เร็วๆ พลางแตะนาฬิกา เร่งเพราะดงเซง (น้องชาย) ของอปป้ามารอรับนานแล้ว

และแล้วกลุ่มที่เราเดินมาด้วยนั้น ตม. ก็มายืนดักหน้า และ มองหน้าทุกคน ก็ไม่ตรวจเลยยยจ่ะ เพราะ กว้านคนไทยทั้งกลุ่มไปหมด (เยอะพอควรค่ะ ประมาณเกือบๆ 30 คนนะคะถ้าคาดคะแนไม่ผิด) ~~~ ซึ่งนั้นก็รวมเราด้วยแหละ ฮ่าาๆๆ (ตม. เดินมาดึง Passport ดูแล้วยึดทุกคน แต่ก็เรายืนยื่นให้นางเลย เอาที่สบายใจ...ค่ะ ไม่ถง ไม่ถามกันสักคำ! อาจเป็นเพราะถามข้างหน้าแล้วมันตอบเหมือนกันมั้ง มันเลยไม่ถามเอาดื้อๆ เหอะๆ

เจ้าหน้าที่ ต้อนคนเรียงกันไป "ห้องเย็น ที่เกล่าขาน กันว่า ....คนเข้าไปแล้วอาจร้อน" แล้วเราก็อยากรู้มานาน ว่ามันเป็นยังไง ไม่เคยสักที ซึ่งเราก็เข้าไปห้องเย็นด้วยสีหน้าเรียบเฉย ปนอารมณ์ไม่ดีเป็นทุน เพราะเหนื่อย จากการเดินทาง และกังวลว่าสามีกับ น้องเค้าจะรอนาน แต่ก็ไม่ได้อะไร ก็เข้าใจในการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ไหนๆก็มาละ ขอชมสักหน่อยสิ.....

** ห้องเย็น (ห้องพิจารณา คัดกรอง เพื่อตรวจสอบสถานะการเข้าเมือง)

- พอเราไปถึง ..... คือ.... ช๊อคมาก! มีคนไทยอยู่แออัดยัดเยียด เต็มไปหมด นับคนไม่ถ้วน ยืน นั่งประปราย เพราะเก้าอี้ไม่พอ (ไม่ได้มีแต่คนไทยอย่างเดียวนะ เราเห็นผู้หญิงตุรกี 3 คน(เดาจากสีเล่ม Passport) / ผู้ชายหน้าตาอินเดีย 4 / และ ผู้ชายเดาว่าน่าจะ ทางยุโรป แต่งตัวใส่สูทอีก 1 และ สามสี่คนที่น่าจะเป็นคน เวียดนาม หรือ ฟิลิปปินส์)
- พระเจ้า!!!! คนเยอะจนล้นออกไปข้างนอกแล้วต่อแถว เพื่อเข้าทั้ง 2 ห้องข้างใน  โห!!! มหกรรม อึดอัด อะไรเนี่ยย ทุกคนเป็นคนไทย มีเงียบ ไม่บ้างก็โวยวาย บางคนน่าจะอยู่มานานก็ร้องให้ หรือยืนคุยกัน เป็นกลุ่มๆยืนรอเจ้าหน้าที่ แจกเอกสาร เรียกชื่อตามคิว Passport ที่มีเป็นตั้งๆ (ถ้าเอามือไปจิ้มคงเป็น โดมิโนแน่ เล่มสีแดงทั้งน้านนน หึหึ)
- จากการ เรียงลำดับ....เหมือนว่า จะให้กรอกฟอร์มเอกสารยินยอม > แล้วรอจนถึงคิว เพื่อซักถาม > แล้วให้ไป สัมภาษณ์ กับล่ามไทยทางโทรศัพท์ ประมาณนี้.......แต่เสียงส่วนใหญ่เค้าบอกห้องนี้ ไม่ค่อยมีใครออกไปนะ เอออ แปลกดี ไม่ค่อย Make sense ยังไงก็ไม่รู้ ........และแล้วเจ้าหน้าที่ก็มาแจกเอกสาร (เป็นเอกสาร กรอกชื่อทั่วไป แต่มันเป็นเอกสารให้เรา ยินยอมปฏิเสธการเข้าเมืองของทางเจ้าหน้าที่) ทั้งห้อง ถามกันให้ระงมวุ่นวาย แล้วตะโกนขอเอกสาร บ้าง ขอปากกาบ้าง ขอใหม่บ้าง ก็พูดกันไปกันมา ด้วยภาษาไทย หลายสำเนียง เถียงไปมา !!!! ตอนนั้นเรารู้สึกหนวกหูมาก!!

เอ่อ..... เรารำคาญเลยแหละ เอาตรงๆ เดินแทรกฝูงชนออกมาจากแถว พูดกับเจ้าหน้าที่เสียงดังข้ามโต๊ะ

เรา ; Excuse me, Do I need to fulfill the Application form for agreeing to leave the country? If I disagree, How? What I need to prepare for?

เจ้าหน้าที่ 1 ; นางเงยหน้าจะเอกสาร แล้ว ส่ายหัว หรือพยักหน้าก็ไม่รู้ นางโบกมือ แล้วบอกว่า มุลลา!! มุลลา!! อปซออออ~~~ เออนางฟังไม่รู้เรืองจริง เรายังจะถามต่อว่า.... Could you please, let me talk with the Senior officer or who can speak English well? Anybody? I just wonder....?!?!

เจ้าหน้าที่ 2 ; เดินมาดึง ไหล่เราที่ก้มอยู่ แล้วกำแน่น ถามแบบฟุดฟัด งงๆว่า "คูณ...คนไทยใช้ไหม่ค้าา? ถ้าคนไทยไม้ได้ๆ อันเดว ๆ no no back to thai ต่องกล้บปายไทยค้า เกาหลีเข่าม้ายได่ค้า" เน้นเสียง ดัง ฟังชัด ด้วยภาษาไทยสำเนียงเกาหลีที่ฟังดูเพี้ยนแปลกๆ

เรา ; ไม่ตอบเป็นภาษาไทยเลย เราตอบ "Yes, I'm Thai, So? What do you mean? Why I need to be back? Please, let me know If any reason for refusing to entries your country? Why? Hmm? "  เราเขียนฟอร์มที่ให้มา พลางพูดแบบเร็วๆใน 2 วิแล้วส่งให้นางเพราะเราไม่เข้าใจว่าทำไมต้องกลับเท่านั้น งง ไม่ดำเนินการอะไรเหรอ คนอื่นก็เหมือนกนหมดเหรอ? เจ้าหน้าที่ไม่ให้ข้อมูลอะไรเลย แถมยังให้ข้อมูลปากเปล่าแบบ ต้องไป  ต้องทำตาม เจ้าหน้าที่มีอำนาจโดยที่เราต้องทำตามทุกอย่างเลยเหรอ?

เจ้าหน้าที่คนที่ 2 ; ....นางมองหน้าแบบ งงๆ จ้องซ่ะใกล้เลย หรือ จะมาบีบสิวให้?! แล้วนางก็เดินไป คงเดินไปบอกเพื่อน 2-3 คนแล้วพูดเกาหลีรัวๆ (อันนี้ไม่ได้ยิน มันไกล แปลไม่ออก)

เจ้าหน้าที่  2 -3 คน ; พวกนางพากันมองหน้าเราแบบ งงๆ ถอนหายใจใส่ แล้วเชคเอกสารพร้อมเดิน ไปหาความวุ่นวายคนไทยทั้งกลุ่มใหญ่ เพราะนางกำลังหงุดหงิดที่ไม่มีคนกรอกเอกสารเสร็จและ ใช้ได้เลยสักคนเดียว!  

เรา; เราเดินสวนกลับเข้าไปถามนางอีกครั้ง "Hmm~~ Sorry may I ask, What's next? I have to stay here for? Actually, My Husband is waiting for me over there. Approximately, How long it will take?
เราแอบอารมณ์เสียที่เจ้าหน้าที่ ถามอะไรไม่ได้เรื่อง เค้าพูดภาษาอังกฤษ ไม่ได้ หรือเค้าไม่สนใจที่จะตอบ หรือไม่แยแสก็ไม่รู้ แถมยังมองหน้าแบบโกรธ ออกสีหน้าชัดเจน ไม่รู้ไปกินรังแตนที่ไหนมา หน้าเหวี่ยงตลอดเลย ขนาดเราคิดว่าเราพูดทางการค่อนข้างสุภาพละนะ ค้อนซ่ะแหม~~~~

เจ้าหน้าที่ ; นางยังคงตอบเป็นภาษาไทยสำเนียงเกาหลีแบบรำคาญว่า " ไม้พูด English พูดอะไรไมรู่เรื้อง !?#เข่าใจ ไม้ได่เลย ^<#{}•_~ และบ่นยาวเป็นเกาหลี จับใจความได้ว่า >>>> อย่าเรื่องมาก คนไทยนี่ปัญหาเยอะจริงๆ อาชชชจ!! เมื่อไหร่จะหมดวันสักที ไอ่ยยกู และ คำเกาหลีที่แปลว่า Shit ~~" คือ..... ด่าแรง เหวี่ยงมาซ่ะขนาดนี้.....นางคงคิดว่าเราจะแปล ไม่ออกมั้ง (มันเป็นคำที่พอดีเรารู้เพราะ ได้ยินบ่อย คำแสลงและสบทพื้นฐานของเกาหลีด้วย)

เรา ; คือ ณ จุดนั้น โกรธมาก ที่นางทำเป็นพูดอังกฤษไม่ได้ ภาษาไทยก็ไม่คล่อง ไม่ตอบคำถาม แถมเหวี่ยงแบบสะบับ บ๊อบด้วย!!! เอออเราเหน็นางให้หน้าชานิดนึงแหละ "You can't even understand what I am saying in English, right? And your Thai pronunciation sucks! Seems like your tongue was handicapped. What's wrong? Who do you think you are? Huh? Conversations...... This is basic qualification for your careers right?  You'rยิ้ม to work as The Airport immigration officers? How come? Ridiculous.... Huh?"

ด่าเสร็จ หน้าเรายังเรียบเฉยแต่แฝงความแข็งของเสียงเพื่อให้นางตอบเราให้ได้ ตอนนี้ไม่ใช่เดินหนี และกราดเกรี้ยวใส่..... เราแซ่ะ เรื่องภาษาขนาดนี้เราคิดว่านางฟังออกว่าเราเหน็บนาง แต่แค่นางคงไม่กล้าสวน และหงุดหงิดใส่เราต่อไป

แล้วนางก็เงียบและไปด่าคนอื่นต่อด้วยความเหวี่ยง (จริงๆก็คิดอีกทางนึง แอบเห็นใจนะ ทุกนาง 4-5 คน อาจจะเหนื่อย เพราะรับมือทุกวันเลยกับเรื่องแบบนี้ไม่จบไม่สิ้น แอบสงสารนะ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 208
เราก็คุยเรื่องปัญหานี้กับสามี(เกาหลี) เหมือนกัน และก็คิดเช่นเดียวกันกับเจ้าของกระทู้ ,,,สามีเราก็โมโห ตม ประเทศตัวเองเหมือนกัน เพราะเค้าก็คิดว่าคนที่มาเที่ยวจริงๆ ก็มี มันน่าจะมีมาตรการอะไรที่แสกนคนเข้าประเทศได้ดีกว่านี้นะ และที่แย่สุดก็คือการปฏิบัติตัวของเจ้าหน้าที่ตม ต่อนักท่องเที่ยวที่โดนกัก ,,,เอาจริงๆ ถึงเค้าจะมาโดดทำงานจริงๆ จะส่งกลับก็ไม่ว่า แต่ควรจะมีมารยาทในการพูดคุยหรือสัมภาษณ์มากกว่านี้รึเปล่า นี่เล่นพูดจาหรือแสดงการกระทำที่ไม่สุภาพเลย แถมเหมารวมกันแบบนี้ คนที่มาท่องเที่ยวจริงๆ แล้วโดนส่งกลับ แถมยังมาเจอการกระทำแย่ๆ ใส่อีก จะเสียความรู้สึกขนาดไหน เอาจริงๆ มันก็กระทบต่อประเทศเค้าด้วยเหมือนกัน นักท่องเที่ยวหาย แถมเราก็จะเหมารวมว่าคนเกาหลีนิสัยแบบนี้เหมือนกันหมดรึเปล่าด้วย

...สามีเราปกติไม่ค่อยชอบยุ่งอะไรทำนองนี้ ยังแอบโมโหแทน พี่แกเลยส่งข้อความไปคอมเพลน ตม เกาหลีเลยจ้า ว่ามันมีเรื่องแบบนี้เกิดขี้นเยอะมาก ควรปรับปรุงได้แล้ว ,, แถมยังส่งเรื่องถึง ปธน คนใหม่ด้วย (เค้าบอกว่า ปธน คนใหม่เปิดรับข้อความร้องเรียนออนไลน์ แต่ก็นะ คนส่งเยอะมากกก ไม่รู้จะเห็นมั้ย) เค้าส่งๆ ไป เผื่อว่าถ้ามีคนเห็น อาจจะมีคนปรับปรุงแก้ไขระบบบ้าง ดีกว่าปล่อยผ่านๆ ไป อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย

แต่เรื่องคนโดดเข้าไปทำงานเกาหลีเยอะนี่เรื่องจริง และคอยเตือนมาหลายคนแล้วว่าอย่าไปทำงานแบบนี้เลย อยู่ไปก็หวาดระแวง ไม่มีความสุขหรอกเพราะ ตม ก็ตามล่า ตามตรวจอยู่เรื่อย มันไม่ได้สบายอย่างที่คิดๆ กันหรอก แต่คนจะไป ห้ามยังไงก็ไม่ฟัง ไม่รู้จะช่วยยังไงก็ต้องปล่อยไปเจอเองนั่นแหละนะ ,,,จะไปว่า ตม เกาหลีฝ่ายเดียวก็ไม่ถูก เพราะคนไทยไปทำเรื่องไว้เยอะจริงๆ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
>>>>>> ตอนสุดท้ายแล้วค่ะ <<<<<<

สามี ; รัฐบาลฮันกุก จ่ายเงินภาษีของพวกเรา ให้พวกคุณเยอะนะ ทำหน้าที่อย่างละเอียด รอบคอบหน่อย! ในกรณี Case study ของภรรยาผม..... อยากถามว่า เจ้าหน้าที่ของคุณทำไมสะเพร่ากันขนาดนี้ ถึงไม่รู้ว่า ถ้าเอาสแกนบนเครื่อง Status approval แล้วสามารถ เช็คหลักฐานการเดินทาง ไปที่ไหนมา กี่ครั้งที่เดินทาง เดี๋ยวนี้ใช้ Computer scan ไม่ประทับตรา Stamp แล้วนิ มัน Records ไว้ทุกอย่าง ~~~ Passport ภรรยาผม ถ้าคุณ Scan ก็เจอชื่อที่ปรากฏในทะเบียนบ้านในเกาหลี อีกทั้ง เอกสารจดทะเบียนสมรส  ทะเบียนหมั้น ทั้งหมด ก็น่าจะมีประวัตินิ ฮึ? อีกทั้งภรรยาผมทำงานต่างประเทศมาตลอด มีวีซ่าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มานาน หลักฐานทางการเงินก็มี นี่ก็น่าจะเกินพอนะ. คุณทำงานกันอย่างนี้ใช่ไหม? หรือว่าขี้เกียจ เช็ค? เห็นเป็นคนไทย ไม่เลือกหน้า ก็ส่งกลับหมด? (คืออปป้าอารมณ์ขึ้นมาก โกรธแทนเราที่เป็นคนไทย และ คนไทยที่มาเที่ยว ว่าทำไมไม่แฟร์เลย!!!) คุณควรที่จะมีมาตรฐานบ้าง ไม่ใช่ Emotional judge! ตามใจว่าวันนี้ target คนไทยตั้งเป้าไว้กี่คนดี? นี่เจ้าหน้าที่แข่งกันเก็บแต้ม หัวคนไทยไปเล่นเกมส์โชว์ เหรอ?  ใครถูกชะตาก็ให้ผ่าน ใครไม่ถูกชะตาไม่ให้ผ่าน อย่างนี้เหรอ?

.......ณ จุดๆนี้ คุณผู้อ่านค่ะ ..... ดิฉันสงสาร Head officer มากที่นั่งฟังสามีดิฉัน Complained มาร่วม 45 นาทีเต็ม รัวๆ แล้วโดยเค้าตอบเยอะแล้ว แต่ก็อธิบายไม่ได้อยู่ดี ว่าเกณฑ์การพิจารณา มาตรฐาน คืออะไร ? เค้าได้แต่ขอโทษ แค่ Ne~ ne~ ne~ ~~~~แล้วพูดสวนมาบางประโยค เท่านั้น เพราะ

HOfficer ; เค้าเองก็ออกตัว ว่าเจ้าหน้าที่ก็พลาดบ้าง บางวันคนก็เยอะ เจ้าหน้าที่ก็สุ่มแบบ รวบตึงทั้งกรุ๊ปใหญ่ก็มี เพราะพฤติกรรมคนไทยทีจะเข้ามาทำงานผิดกฎหมาย 100 ทั้ง 100 จะแฝงมากับกรุ๊ปทัวร์ ทั้งนั้น ที่ไม่ซักถามให้เสียเวลาเพราะเจ้าหน้าที่บอกว่า เคยถามไปแล้ว ทุกคน จะมี Script เค้าจะจำมาแบบท่องจำ เหมือนกันทั้งหมด เลยเหมารวม กลุ่มนั้นๆ คือ กลุ่มเสี่ยง แล้วยึด Passport ทั้งหมดกลุ่ม และ ส่งกลับทีเดียว บางครั้ง คนไทยก็ทำเป็นขบวนการใหญ่กันเลยทีเดียว จัดตั้งกรุ๊ปเป็นกลุ่มใหญ่มาก ที่ซื้อทัวร์ในเกาหลี แพงๆ ทำการอ้างบังหน้าเพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ แต่หลังจากตรวจสอบ .... ทัวร์นั่นเป็นทัวร์ปลอม ที่ใช้บริษัทที่ปิดไปแล้วมาเป็นชื่อ ทำให้ยังมีฐานข้อมูลอยู่ และ กระบวนการนั้น ก็มาประกอบจัดตั้งกิจการผิดกฎหมาย ทั้งแรงงาน และการผลิตก็มี อีกทั้งเรื่องคนไทยในแต่ละวันจะมี ทุกวันเกี่ยวกับ แรงงานผิดกฎหมาย สาวประเภทสองลักลอบประกอบอาชีพ และ ผู้หญิงไทยค่อนข้างเยอะ มาทำงานคลับ ไนท์บาร์และค้าประเวณีไปด้วย ........ ตอนนี้ทางเกาหลีเองก็หนักใจ เพราะมีการรายงาน และเล่นประเด็นนี้อยู่ แต่ก็อยากใจแข็ง ลดอัตราความเสี่ยงของเรื่องเลวร้ายเหล่านี้ให้น้อยลง จึงส่งผลให้เกิดการคัดกรอง คนไทยเข้าประเทศ ได้น้อยลง**** ทางเรา ขอโทษแทนเจ้าหน้าที่ด้วย เพราะ เค้าผิดจริง และสะเพร่าโดยไม่ ตรวจสอบว่าใครเป็นใครก่อน ***** คุณและภรรยาของคุณต้องเสียเงิน เวลา และความรู้สึก อันมีค่าที่ไปงานเลี้ยงขวันสำคัญของครอบครัวของเกาหลีไป หลายชั่วโมง ซึ่งถ้าไปตอนนี้คงไม่ทันแน่ๆ ปีนึงมีครั้งเดียว ทางเราขออภัยอีกครั้ง (จริงๆคือ วันนี้เป็นวันสำคัญ ของคนเกาหลีมาก เท่ากับวัน พ่อ วัน แม่เลยทีเดียว สำหรับครอบครัวสามีเราได้จัดงานเลี้ยงที่ร้านอาหาร พร้อมทั้งญาติพี่น้อง พร้อมหน้า สามีเราแอบเสียดายเพราะ ไม่ใช่แค่ เรา 2 คนไม่ได้ไป แต่ยังลาก น้องชายกับแฟนน้องชายมาอีก เพราะคาดว่าจะไปพร้อมกัน เฮ้อออ)  

ส่วนเรา...... "ก็กล่าว ขอบคุณเค้า และบอกว่าเราเข้าใจ การทำงานของเจ้าหน้าที่ดี เราเคารพในหน้าที่การงานของทุกท่าน ก็ไม่ได้ว่าอะไร เห็นใจว่าทุกคนเหนื่อยที่จะต้องเจอแบบนี้ทุกวัน กับปัญหาเดิมไป....... แต่อยากขอ ในฐานะที่เป็นคนไทย ผู้หญิงไทยตัวเล็กๆ ไม่อยากถูกจำกัดสิทธิในการมองแล้วตัดสินใน 1 นาทีเลย ช่วยเคารพเราเหมือนที่เราเคารพหน้าที่เค้าด้วยและ

ทั้งๆที่เราน่าจะมีตัวแทนของกรมตรวจคนเข้าเมือง + กระทรวงการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม และ รวมไปถึง กรมแรงงาน ของทั้งสองประเทศร่วมมือกัน คิดหรือทำโปรเจค Meet up for discussions เพื่อปรึกษาหารือ เช่น หาข้อผิดพลาดในจุดใหญ่ ที่มีการรั่วไหลของแรงงาน อย่างผิดกฎหมาย เพื่อเพิ่มช่องทางในแก้ปัญหาให้ถูกวิธี และตกลงร่วมไปในทิศทางเดียวกันและ ออกเป็น เกณฑ์มาตรฐานในการพิจารณา และการตรวจสอบหลักฐานการเข้าเมือง... รวมถึงอยากให้ปรับโทษ การทำงาน โดยใช้ แรงงานผิดกฎหมาย ให้รุนแรงขึ้น ของนายจ้างเอง และผู้ที่คิดผิดมา กระโดดร่มเป็นแรงงานผิดกฎหมาย.... เพื่อเป็นตัวอย่างว่า อย่าทำ! ดีกว่าให้คนทั้งสองประเทศมาตัดสินและเหยียดกันเอง เพียงเพราะ เหตุชนวนเล็กๆน้อยๆ เท่านั้น)

จากนั้นเรา กับสามีก็ หาโรงแรม ตอนตีสองค่ะ กว่าจะได้~~~ เพราะ ขับรถไปไม่ไหว งานเลิก และ ออมม่าก็งอนไปตามระเบียบ เพราะลูกชายทั้งพี่ทั้งน้อง และ ลูกสะไภ้สองคู่  ไม่มางาน ....... เราโครตรู้สึกผิดเลยที่เป็นเพราะเราเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้งานกร่อย และล่มไป.

เฮ้อออ เหนื่อยมากค่ะ วันนั้น นับเป็นวันที่ไม่ดีเลยค่ะ ตอนนี้ จบบริบูรณ์ แล้วค่ะ


ขอบคุณที่เสียเวลาอ่านข้อความยาวๆนะคะ ขอโทษด้วยค่ะ ที่เล่าละเอียดเยอะไปหน่อย รู้สึกผิดเลยค่ะ 🙏 ยังไงก็ขออภัยด้วยนะคะ เราอยากฟังความคิดเห็นของทุกคนค่ะ แต่ขอร้องอย่า ดราม่ารุนแรง!!! อย่างเช่น เสียดสี ด่าทอ เหยียดทุกเรื่อง หรือหยาม หรือ เอาชนะ หาคนผิดถูก โทษกันไปมา ไม่เอานะคะ กระทู้นี้ เปิดเพื่อ อยากรู้ว่า คิดอย่างไรบ้าง อยากได้ความคิดเห็น ที่มองภาพกว้าง เป็นกลาง นึกถึง ประโยชน์ - ผลกระทบ หาแนวทาง การแก้ปัญหา นี้อย่างไร ดีค่ะ ? ~~ ฝากด้วยนะคะ
ความคิดเห็นที่ 5
>>>>> ตอน 4 นี้จะเป็นการวิเคราะห์คร่าวๆ ว่าห้องนั้นไม่โอเคแค่ไหน และไม่มีอะไรบ้างจากที่เห็นมา<<<<<<

- จุดบริการ > ในห้องนั้น ไม่มีแม้กระทั่ง น้ำเปล่า หรือ เครื่องดื่มไม่มีบริการ
- ห้องแคบนิดเดียว มีแค่อยู่ห้องสองห้องที่เชื่อมต่อ กันเท่านั้น
- Waiting Area สำหรับจุคน 100 คนไม่มี ซึ่งสถานที่คับแคบ อึดอัดเกินไป ซึ่งมันควรจะเป็นตามกฎหมายก่อสร้างกำหนด ของพื้นที่สาธารณะเอาไว้ว่า เท่าไหร่ สำหรับบรรจุคน 100 -150 คนต่อตารางเมตร
- การทำงานของเจ้าหน้าที่ ไม่เป็นสัดเป็นส่วน รวมถึงขั้นตอนต่างๆ มั่วกันไปหมด สมควรทำ devision แบ่งฝ่ายเพราะคนเข้ามา จะไม่รู้ต้องทำอะไรบ้าง ? เริ่มตรงไหน?  ยังไงต่อ? คิวที่เท่าไหร่ ? รอนานไหม ? ควรเตรียมอะไรบ้าง? ชี้แจงอย่างไร? !!!!!! ซึ่งองค์กรของ Korea Immigration office !!!!! ไม่มีเลยแม้แต่ข้อเดียว

>>> เราอยากออกความคิดเห็น แนะนำ (คงมีประโยชน์นะคะ)
1. เริ่มจากฝ่ายคัดกรองคน หรือจัดสรรคิวว่า คนไหนก่อนหลัง ? 2. ติดสี หรือ Tag ของ  Passport เพื่อ การแบ่งประเภทกลุ่มเสี่ยงจากฝ่ายคัดกรอง 3. ฝ่ายตรวจสอบและพิจารณาข้อชี้แจง 4. ฝ่ายจัดการ - 4.1 คนรับผิดชอบ ส่งคน ไม่ผ่านต่อไปยังสถานที่รอกลับไทย -4.2 แยกคนที่ได้รับ การยอมรับให้เข้าประเทศเนื่องจากหลักฐานหนักแน่นพอ เจ้าหน้าที่คนนี้จะต้อง Scan passport และ fingerprints records และ ส่งเค้าที่ประชุมพร้อม ขอโทษที่ทำให้เสียเวลา ในการพักผ่อน หรือเที่ยว
- เจ้าหน้าที่คุณน้อยเกินไป มีไม่ถึง 10 คน แต่ละคนวุ่นวาย ไม่มีใครสนใจใคร staff คุณทำงานได้ยังไง สถานที่ทำงานไม่เป็นระบบ ระเบียบ เจ้าหน้าที่ ต้องเดินไปมา เบียดกัน ท่ามกลางความโกลาหลของคนกว่า 100 ชีวิตที่ไม่รู้ชะตากรรม แออัดยัดเยียด นั่งมองตากันปริบๆ คุยกันไปมา คนละภาษา
- เจ้าหน้าที่ปฎิบัติตน บกพร่องของ เรื่อง การควบคุมจิตใจ และการควบคุมการแสดงออกที่มากเกินควร / ขาดวิจารณญาณ และจิตวิทยาซึ่งเป็นสิ่งจะเป็น ต่อการพิจารณาคนด้านการสอบสวน ตัดสินคนอื่น ง่ายเกินไปโดยไม่คำนึงถึงเหตุผล ใช้ความรู้สึกล้วนๆ.
- ดิฉันไม่เชื่อสายตาตัวเอง จากการได้เข้าไปเห็นทั้งหมดมันค่อนข้าง ผิดเพี้ยนจาก การคาดหวัง กลายเป็นผิดหวัง ในสิ่งที่ได้เจอ
- Immigration เป็นสิ่งที่ควรเป็น First Impressions เสมือนเป็นตัวแทนคนของประเทศเกาหลี  คุณควรที่จะปฎิบัติต่อ แขกของประเทศ จากนานาชาติ ไม่ควรเลือกปฎิบัติ หรือ ไปตัดสิน ใครเพราะ ทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่ว่า 1 คน หรือล้านคน จะ Welcome treats หรือ Refuse Treats ควร
- ไม่มีใครพูดภาษาอังกฤษ คล่อง และภาษาไทยคล่องเลย ? เค้าเป็นเจ้าหน้าที่ค่ะไม่ใช่ล่ามอย่างที่เข้าใจ ส่วนมาเค้าพูดเกาหลี ไทยนิดหน่อย และ ภาษาก็ไม่แข็งแรง พอที่จะให้ข้อมูลต่างๆถามและตอบคำถาม คนต่างชาติ ทุกชาติเลยแม้แต่คนเดียว.......ถึงแม้จะมีล่าม แต่จะพูดกับล่ามได้ยังไงค่ะ ?  เพราะล่ามต้อง On call ตอนสัมภาษณ์เท่านั้น.... ได้ข่าวว่าล่ามก็ตัวจิ๊ด ไม่ต่างกับเจ้าหน้าที่เลย เหวี่ยงเหมือนกัน อันนี้ฟังมาค่ะ) นี่คือมาตรฐาน การทำงาน ของประเทศคุณเหรอ? ดิฉันคิดว่าประเทศคุณพัฒนาแล้วซ่ะอีก
- <<< คนเกาหลี คุณคิดยังไง? คุณชอบไหมที่ให้คนอื่นมาตัดสินคนทั้งประเทศเกาหลี ผ่านการกระทำของคนไม่ดี ? แล้วถ้าเราจะติดภาพแล้วฝังใจว่าประเทศคุณ จิตใจแย่ ? เห็นแก่ตัว ? ขี้โกง ? และมารยาทไม่ดี ? ไม่มีคุณธรรม จริยธรรมในการเหยียดหยามคน โดยเฉพาะต่างชาติต่างภาษา บ้างคุณยอมไหม ? ไปประเทศไหน ใครก็นินทา และเชื่อว่าคุณ เป็นคนแบบนั้นแน่ๆ 100% เพราะคุณเป็น "คนเกาหลี" คุณยอมไหม ? คุณจะรู้สึกอย่างไร? จิตใจคุณจะมีปมเพราะคนดูถูก ?!?! คุณโอเคไหมละ
- ~~~ เช่นเดียวกันถ้าพลิกด้าน มันก็เหมือนกับประเทศเกาหลีตอนนี้ ที่ใช้ กำแพงอคติตัดสินคนไทยเกือบทั้งหมด ไม่ให้เข้าประเทศ เพราะ การจำภาพแย่ๆ เต็มไปหมด ~ ซึ่งพวกคุณมองว่า คนไทย ก็เหมือนกันหมดแหละ ให้เข้าก็มีแต่ปัญหาพวกแรงงานผิดกฎหมาย พวกค้าประเวณี ต่างๆ สร้างแต่ความเดือดร้อน ......พอคนไทยเดินเข้ามา คุณก็ใช้ความมักง่าย จนกลายเป็น Patterned โดยคุณตัดสินเพียงแค่ คุณเป็นคนไทย เท่านั้นแล้วในอนาคตต่อไปละ? อะไรจะเกิดขึ้น ตามมา?
ความคิดเห็นที่ 11
ตม เกาหลีทำถูกแล้ว
ยังอยากให้. ตม ไทยโหดๆ แบบนี้มากเลย
อยากให้เค้าทำดีด้วยลองมองตัวเองรึยัง
กรณีล่าสุดเป็นเพราะสื่อสารไม่รู้เรื่องเอง
ละก็ไปโทษเค้า

เกาหลี ญี่ปุ่น ไทยความน่าเที่ยวมันต่างกัน
เบื่อมากพวกเม้นประมาณว่า
อย่าไป้ลยเกาหลี ไปนู่น ไปนี่ดีกว่า บลาๆ
เจ๋ออะ
ความคิดเห็นที่ 3
>>>>> ต่อค่ะ ตอน 3 >>>

~~~>> ขณะเดียวกันที่เราคิดว่าปลอดภัยกับที่เรายืน เพราะได้อิงมุมเสา ผ่านไปนานพอควร รู้สึกหวิวๆ ปากแห้งมาก แต่ก็ได้ตั้งสติ เพราะเราอาจจะ Panic ไป เลยพยายาม ยืนตรงๆ กดโทรศัพท์หา Wifi เพราะจะติดต่อสามีว่าตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไร.....Wifi ท่าทางคนใช้เยอะ ได้ข้อความ KakaoTalk จากอปป้ารัวๆที่ตอติด แต่อ่านไม่ได้เลย เพราะ Internet ช้าหรือสัญญาอ่อน หรือเราอยู่มุมอับไป เอออ.....เราไม่รู้ว่าเรายืนนานแค่ไหน แต่รู้ว่าไม่โอเคอ่ะ

>>> แต่อยู่ๆ ก็มีเจ้าหน้าผู้ชาย ตะโกนเรียก ใครไม่รู้อยู่นานมาก เป็นหลายสิบรอบ แต่เราไม่ได้ยิน เพราะเราอยู่ลึกมั้ง จนเค้าเดินรอบๆมาใกล้ๆ ถึงพึ่งรู้ว่าเป็นชื่อเรา ...... เรายกมือแล้ว เค้าก็บอกว่า ""Oh! Here you are! We thought that you disappeared. Well, your Husband was worried about you too much. Apologies for inconvenience Miss..... So we need to move to The Immigration head office, Please follow me....แล้วเราบอกแต่ว่า Hmm hmm alright. แล้ว ก็เดินตามไปแบบไม่คิดเพราะกำลัง ใจหายใจคว่ำ เมื่อกี้อยู่ยังไม่หายดี เรียกสติยังไม่ทันจะครบเลย เราก็รีบเดินออกจากห้องนี้เร็วๆเพราะตอนนี้คน แบบอย่างกับปลากระป๋อง

พอไปถึงห้อง Immigration head officer

เราเห็น อปป้าเรานั่งอยู่ในนั้น (หน้านางเหวี่ยง พร้อมต่อยมาก บอกเลย ฮ่าๆ) อปป้าถาม ~~~~ ไอยยกู~~~~ Yeobo, Are you ok?  นางตกใจทันทีที่เห็นเรา (มาบอกทีหลังว่า เห็นเราหน้าขาวซีดมาก ปากแห้ง เหมือนคนจะเป็นลม) ใช้มือเช็ดเหงื่อให้เรา เพราะเราเหงื่อแตกจ้า ไรผมเปียกหมด เหงื่อหยดติ๋งๆ ฮ่าๆ ....เราก็ยิ้มๆ แล้วบอกว่า Ermm! I'm ok yeobo, Thanks. All details ,we can talk later ok? คือ พยายามตั้งสติสุดๆ เหตุการณ์มันมาและผ่านไปเร็วมาก มองนาฬิกา ที่ผนัง เราใช้เวลาในนั้น ประมาณเกือบ 2 ชม. กว่าๆ คือเป็น 2 ชม.กว่าๆ ที่จำจนตายเลย

~~~~ ในห้องนั้น~~~

คนที่นั่งอยู่ น่าจะเป็น Head officer นะ
"เค้ายืนขึ้น โค้งให้เรา แล้ว คำขอโทษเรากับสามี ขอโทษซ้ำไปๆมาๆ อยู่หลายครั้ง แล้วเค้าก็เอาเอกสาร และสแกน Passport ให้เราผ่าน และ ยังไม่หยุดขอโทษ และพูดกับสามีเรายาวมาก คือ เราไม่ได้ตั้งใจฟัง ประโยคล่าสุด "เป็นความผิดของทาง เราเองเรายินดีปรับปรุง"

ย้อนไปเมื่อเกือบ ชม. ที่แล้ว ...... สืบเนื่องจาก คุณสามีเรานั่น รอไม่ไหว เราไม่มาสักที  30 นาที ก็แล้ว 1 ชม. ก็แล้ว จน 1.30 ชม. เข้าไปละ !!! นานไปแล้ว น้องชายก็มารอ...แล้วยังต้อง ขับรถ เพื่อไปบ้านออมม่าที่ Suwan -Si อีกซึ่ง นางคงคิดว่ารอไม่ไหว ด้วยความเป็นห่วง และโมโห เลือดร้อนในวันใกล้วหมดวัยรุ่น 35 ปีของนางนั้น.... นางพุ่งตรงขอพบเจ้าหน้าที่ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ให้ความร่วมมือเลย อปป้าเลย โมโหใส่ แล้ว บอกว่า จะต้องพบ Immigration Head officer ตอนนี้ เดี๋ยวนี้!!!!! แล้วโวยวายๆ (คนเกาหลีชอบโวยวาย และ Complain ค่ะ ให้มันเป็นเรื่องใหญ่ไว้ก่อน เหอะๆ ) นางขู่บอกจะโทรแจ้งตำรวจตอนนี้ ถ้าไม่ให้เข้าพบ จะเรียกร้องค่าเสียหายถ้า ภรรยาโดยปฏิเสธแบน เข้าประเทศ (นางกลัวว่าเราจะโดนอะไรบางอย่าง เพราะนานที่เข้าไป) ...... บลาๆๆ อปป้าเล่าว่า มีเจ้าหน้าที่มาคุยก่อน รับเรื่องไว้ก่อน แล้วก็ให้เขียนคำร้องตอนนั้น ~~~ อปป้าบอกใครจะมีอารมณ์เขียน หน้าสิ่วหน้าขวานขนาดนี้ ฮ่าาๆๆๆ แล้วนางก็อธิบายแทนว่าเกิดอะไรขึ้น .... สักพัก พอได้เข้าพบ >>>> อปป้าก็เล่า และ Complained ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น / ขอเหตุผลที่เอาภรรยาผมเข้าไปหน่อย ? ทำไม ไม่เชคข้อมูล หรือซักถามก่อนเหรอ? เธอไม่ได้ทำอะไรผิด เอกสารเราก็ครบ ตรวจสอบได้ บ้าไปแล้ว สงสัยเป็นผู้หลบหนีมาทำอะไรไม่ดี ? เหรอ? หรือเหมือน แรงงานเถื่อนหรือเปล่า? คุณเอาอะไรมาตัดสิน? เพื่ออะไร ? นี่จะ 30 นาทีแล้ว กรุณาไปเอาภรรยาผมออกมา เดี๋ยวนี้ด้วย....

นั้นแหละเจ้าหน้าที่ถึงกุลีกุจอหาตัวเราให้วุ่น

กลับมาที่ห้อง immigration officer ต่อ...

สามี ; ให้เราเล่า ว่าทำไมถึงไปรวมอยู่ในนั้นได้? แล้วหลังจากเราพูดจบ... เค้าก็พูดยาว มาก(ภาษาเกาหลี) แปลประมาณว่า....ในลักษณะ Complained บวกติติง ด้วยน้ำเสียงโมโหด้วย......ว่าการที่เจ้าหน้าที่ทุกคน ไม่ตรวจสอบหลักฐานให้ถี่ถ้วน ไม่ซักถามสักคำ ไม่เปิดดูแม้กระทั้ง Stamp Traveling background ใน Passport เลยว่าไปประเทศไหนมาบ้าง / ทำงานอะไร ? มาทำไม? / มีหลักฐานไหม ขอดูหน่อย? .....ทำไมพวกคุณถึงขี้เกียจที่จะถามคำถาม สำคัญพวกนี้ ? มันคือ คำถามที่หน้าที่หลัก ของพวกคุณถามนิ เพราะ อย่างน้อยถ้า คุณมี มาตรฐาน ในการตัดสินแบบเดียวกัน คุณก็ได้รู้ถึง พฤติกรรมการตอบคำถาม ของ Thai Traveller อย่างมั่นใจไหม? อึกอักอะไรไหม? ภาษาอังกฤษได้หรือเปล่า?  , การเตรียมตัว เดินทาง แพลนท่องเที่ยว พักที่ไหน ไปยังไง เป็นอะไรบ้าง? หรือแม้กระทั่ง ถ้าท่าทีคนนั้น ผิดปกติ แสดงออกมาให้เห็นชัด แล้วคุณค่อยตัดสินก็ได้ ! คุณใช้เกณฑ์อะไรมาตัดสิน? สายตาอันเฉียบคม ที่คาดคะเนเอาเหรอ?

เรา; (ภาษาอังกฤษ) เห็นด้วยและ ขอพูดเสริมสามีหน่อย.....ถ้า Officer ตรวจดู Passport กับพิจารณขั้นต้น ตามมาตรฐานแล้วไม่โอเค ค่อยให้เค้าไปอีกห้องเพื่อซักรายละเอียดและตรวจสอบเพื่อความแน่ชัดก่อน ตัดสินใจ ก็ได้ไม่ใช่เอาทุกคน โดยเฉพาะคนไทย เอาไปกองแล้วยัดเยียดกัน เยอะเป็นร้อยคน หายใจแทบจะไม่ออก
ความคิดเห็นที่ 1
มาต่อกันค่ะ! ภาค 2

***** 10-15 นาทีถัดมา ~~....ระหว่างที่เรายืนเบียดกับคนอื่นเพื่อหาที่ของตัวเองนั้น เราก็เดินเข้าไปข้างในจนรู้สึกมีที่ได้หายใจหายคอบ้าง

.. ความพีค! ก็เข้ามาเยือน.....มีกลุ่มคนไทย เดินเข้ามาเรา (ผู้ชาย 2 เพศที่สาม 1 และ ผู้หญิงอีก 4 เดาว่าวัยกลางคนอายุ เฉลี่ยไม่น่าเกิน 33-40ปี +- ) มารุมเรายังก่ะแร้งทึ้ง ถามนั้นถามนี่ จับเราด้วย ว่าเป็นยังไงมาใหม่เหรอ? อาจเพราะเห็นว่าเราพูดภาษาอังกฤษ คล่อง ....... พวกเค้าเลยเลือกเป้าหมาย แล้วเข้าชาร์จพร้อม ทำลายล้าง เพื่อความอยู่รอด และประชิดตัวเราทันที!!! เอออ เอาซิ  ~~~~

ผู้หญิงคนไทย 2 คนแยกประกบเราซ้ายขวา แล้วทั้ง 7 คนก็ล้อมเรา ยังกับจะร้องเพลง สามัคคีชุมนุม~~~~  สองคนเกาะแขนเรา ซ้ายขวาแน่นมากเราหมุนแขนสลัดหลายครั้ง แต่ก็ยังทำอีก เรียกเราว่า
ผู้หญิงทั้งสองสามคน ที่รุมอยู่ พูดว่า >>> คุณ..... พร้อมบทสนทนา ที่ไม่มีแม้แต่ทักทาย โดยเข้าประเด็นกันยังกับ สาดกระสุนใส่ทันที

......คุณค่ะๆคุณช่วยพวกพี่หน่อยค่ะ พวกพี่ติด 5 ชม. แล้วเค้าบอกรำคาญพวกพี่  ทำยังไงกันดี....เค้าบอกจะส่งกลับให้หมด จะไม่ผ่านหมดห้องนี้ ไม่ให้เข้าเกาหลี ค่าเครื่อง ค่าทุกอย่าง ขอคืนเงินก็ไม่ให้คืน.....ล่ามบอกไม่ผ่าน ไม่ใช่เรื่องของเค้า เค้าไม่ให้เข้าก็เป็นสิทธิ์ของเค้า แล้วไง... ถ้าอยากได้ไปดิ้นรนฟ้องศาล หรือ คนมาช่วยเอาเอง หลังจากนี้เค้าจะพาพวกพี่ไปเอากระเป๋า แล้วไปอยู่อีกที่ เหมือนคุกขังรวม

****** แล้วจู่ๆผู้หญิง 3-4 คน ก็ระเบิดอารมณ์ร้องให้โฮ ระงมอยู่ หูซ้าย ขวา พลางกอดแขนของเราไปด้วย....

คิดในใจ! โอ่ววป้าค่ะ! ใจเย้นนน ดราม่าหนักมาก!!!! ... เอางี้จริงดิ... เฮ้ย ไม่เข้าท่าละ สะบัดเถอะ ใครก็ไม่รู้ จะบ้าหรือไง.......

ผู้หญิง ทั้ง 3-4 คน พร้อมเล่าเรื่อราวดราม่า..... ว่า พวกเค้าต้องลำบากที่จะหาเงินมา ทั้งจ่ายค่านายหน้า และค่าประกัน ค่าเครื่อง ค่าทั้งหมด สงสารพวกพี่เค้าเถอะ เค้าขายที่นา กับบ้านมาเพื่อหวังมาขุดทอง กลับไปจะได้มีชีวิตดีๆ เหมือนคนอื่นบ้าง เค้าบอกเค้าหมดสิ้น ทุกอย่างแล้วถ้าพวกเค้า เข้าเกาหลีไม่ได้ ก็จบ! ช่วยเค้าหน่อยนะ เค้าต้องเข้าไปให้ได้  สงสารเถอะนะ คนไทยด้วยกันนะคุณ ถือว่าทำบุญทำทาน ช่วนคนอื่นได้บุญนะ ถ้าคุณช่วยพวกพี่ออกไปได้ เราเสนอมีค่าตอบแทนให้ >>>> ค่าน้ำใจ 20,000 <<<< เลยนะ ถ้าช่วยให้เราออกไปได้ ก่อนที่เค้าจะย้ายพวกพี่ไป คุณช่วย ทำอะไรก็ได้ อธิบายภาษาอังกฤษ เหมือนเมื่อกี้ให้เจ้าหน้าที่เข้าใจหน่อย ว่าพวกเราอยากออกไปจริงๆ ขอร้องล่ะ กุเรื่องโกหกอะไรก็ได้ ว่าพาเรามาเที่ยว หรือเป็นญาติกันนะ พวกพี่ขอ และคุณว่าอะไรพวกเราจะเออ ออตามหมด ยอมหมดนะคุณนะ พวกพี่ให้สองหมื่นเลย เอาเราออกไปจากที่นี่ทีเถอะนะ "

เดี๋ยวๆ อย่างงี้ก็ได้เหรอ?!?!? เอ่อ......คือ ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน เสนอมาทำไม ? ทำไมเค้าทำงี้อ่ะ?!?! คือมันไม่ใช่เรื่องของเรา เกาะเราทำไม ? ซวยของจริงละ.....


เรา ; ได้แต่ฟังอย่างนิ่งๆ พยายามสงบสติอารมณ์ ไม่มีปฏิกิริยา ใดๆ เพราะ ได้ยินร้องให้ ดราม่าเรื่องราว แล้วอึ้งมาก! ในใจสงสารจริงๆ ไม่รู้เรื่องจริงหรือเปล่าเรื่องดราม่านี้จะเป็นการแสดงตบตา เพื่อรอดตายหาคนช่วยกันแน่ ?!? แต่ขณะที่ผู้หญิง 2-3 คนกำลังพูดหว่านล้อมเรา โดยเอาเงินมาล่อ 2 หมื่นเป็นค่าตอบแทน ให้ช่วยพากลุ่มเค้าออกไป แล้ว.... มีผู้ชาย 1 คน จากกลุ่มเดียวกัน เดินมายืนตรงหน้าเรา ระยะห่าง คือ แทบชิด ตั้งใจที่จะ จ้องตาเขม็งเชิง แกมขู่ "มีน้ำใจหน่อยสิคุณ พูดหน่อยจะช่วยไหม? ทำไมไม่ตอบ ? พูดดีๆแล้วนะ" น้ำเสียง โครตโจร .... ก่ะให้เราเกิดความกลัว และช่วยเหลือคล้อยตามงั้นสิ? จ้องมา เราจ้องกลับเป็น พักๆนะ เราใจสู้ ไม่กลัวและอยากสะบัด ให้เร็วที่สุด (ในใจสั่น ตึกๆ เต้นแรงมาก ต้องข่มไว้ )

<ในความคิดเรา.....ทำไมหนอ ทำไมยังมีพวกที่ยอมทุ่มเททุกอย่าง ถึงขั้นเพื่อมาทำงานแบบตายเอาดาบหน้า / หวังมาขุดทองให้เป็นเศรษฐี / หลงคำชวนเชื่อ ของนายหน้าค้าแรงงานเถื่อน เอาเงินทั้งหมดไปจ่ายเพื่อที่จะได้มาทำงาน ทั้งๆที่รู้ๆ ๆกันอยู่ ว่าผิดกฎหมาย ร้ายแรงถือเป็น Criminal eligible / แล้วทำไมไม่นึกถึงตอนป่วยบ้างเนอะ ? หาหมอไม่ได้นะ เพราะหาหมอก็เรื่องถึงตำรวจแน่ เพราะไม่มี Working Visa และแสดงตัวตนไม่ได้ก็โดน จับ ขัง ปรับ ส่งกลับ และบางทีอาจยึดทรัพย์ด้วยเพราะถือว่าได้มาโดยไม่ถูกกฎหมาย ไม่มีแหล่งที่มาของเงินยืนยันได้ / ตอนไปไหนมาไหน ต้องระวังหลบตำรวจให้ดีๆ โดนจับเท่ากับจบเห่ / ทำงานหนักบางทีนายจ้างก็โกงค่าแรงบ้าง เลิกจ้าง เผลอกลับมาไม่ได้อะไรกัน แถมติดหนี้ ก็มีให้เห็นเป็นตัวอย่างเยอะแยะ เฮ้ออออ>

****หลังจากที่นางอธิบายมาเกือบ 20 กว่านาทีของดราม่านั้น

เรา ; ปฏิเสธโดยการเงียบ ยืนกอดอก นิ่งๆ และสีหน้าเรียบเฉย...... พยายามไม่ตอบใดๆ ทั้งสิ้น แม้แต่คุย เพราะ กล้องวงจรปิดในนี้ สามารถจับได้ ถ้าเราคุย คอยให้ความช่วยเหลือ หรือพูดกับใครด้วยเป็นวรรคเป็นเวร เค้าก็คงจะคิดเหมารวม ว่าเรามาด้วยกัน พวกเดียวกับกลุ่มนี้ด้วยแต่ๆซวยแล้วเรา!  

เรา ; ตอบภาษาอังกฤษด้วยเสียงหนักและดังเพื่อกลบเสียงร้องให้ข้างหูเรา >>>>
No! Sorry. I can't help you guys, we don't know each other and none of my business. I don't care who you are! แล้วมองมือผู้หญิงที่เกาะแขนเราสองข้างไว้ และมองหน้าแบบสายตาข่มขู่ ว่า "Don't touch me!! Get your hands out! พูดซ้ำๆ อยู่ 4 ครั้ง มองไปที่มือแล้วสะบัดแขนแรงมาก ก็ยังไม่หลุด เค้าไม่ยอมถอนมือจากแขนเรา แล้วเราก็หมุนตัวแรงๆ โอ้ยยย! สิ้นเสียงเรารีบมุด ๆๆๆ ฝ่าคนเข้าไป เดินเข้าข้างในลึกกว่าเดิม เพื่อหนีกลุ่มนั่น โดยไม่หันกลับมามอง แล้วเดินไปตรงที่ ตู้เก็บเอกสารมุมห้อง คือในใจจะเป็นลม.... โอ่ยยย นี่ขนาดคนเยอะนะ ยังโดนขนาดนี้ โครตน่ากลัวเหมือนแก๊ง มิจฉาชีพ พวกตกทองไรงี้ ที่จะจับตัวแล้วเราจะคล้อยตามด้วยการสะกดจิต .....ฮืออ ในใจนี่ไม่ไหวละ ผุ้ชายที่ยืนหน้าเราแบบสายตาน่ากลัวมาก มองนาฬิกามือถือ มันเป็นเวลาแค่ยี่สิบกว่านาที ที่คนพวกนั้นคุยกับเรา รู้สึกยืนทนฟังนานมาก เรากอดอก จนมือชาเลย ทำใจแข็ง หน้านิ่ง ไม่กระดิก เกร็งจนสั่น และ ตัวเย็นไปหมด. น่ากลัวชะมัด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่