ผมเเอบรู้สึกดีกับเพื่อนผู้ชาย

กระทู้สนทนา
สวัสดีครับผมชื่อ A (นามสมมุติ) ผมมีความรู้สึกดีกับเพื่อนคนหนึ่งเขาชื่อ K (นามสมมุติ) เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ในวันเข้าค่ายปรับสภาพที่วัดของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย เอาจริงๆผมเป็นคนขี้หงุดหงิด วิตกกังวลมากในเรื่องห้องน้ำ การกิน การอยู่ ภายในวัดถึงขั้นไม่อยากมาเลยทีเดียว

ตัดมาเริ่มเรื่อง! พระอาจารย์ในเเยกเข้าเเถวตามสีผมได้สีม่วง ต้องเลยได้เขาเเถวกับเพื่อนๆสีม่วง ซึ่งพระอาจาร์ยให้คำถามว่า 'อกหักกับมีดบาดอะไรเจ็บกว่ากัน' มีผู้ชายป้ายสีฟ้าคนหนึ่งโชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่รู้ เขาได้ไมค์ไปครอง. เเนะนำตัวเขาชื่อ K เพื่อนในฮอร์ต่างร้องเสียงโฮกับเสียงหน้ารักของเขา ผมกวาดสายตาไปมองต้นเสียง ซึ่งเขาคนนั้นนั่งเเถวเรียงหน้ากระดานเเถวกันกับผม

'มีดบาดค้าบ.. เพราะผมไม่เคยอกหักครับ' น้ำเสียงนุ่ม

นั้นเเหละครับคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมรู้สึกว่าอยากลองคุยด้วยบ้าง เพราะเขาดูท่าจะนิสัยดีมากๆ(ก.ล้านตัว)

เเละเเล้วโอกาสก็มาถึง ช่วงพักกลางวัน ผมเดินขึ้นบันไดขึ้นมาบนศาลา ก็เห็นเขายืนชะเง้อเหมือนมองหาใครสักคน ผมเดินผ่านอย่างสองจิตสองใจ จนเดินไปถึงกลางศาลาจึงตัดสินใจหันหลังเดินกลับมาถาม

'K รอใครหรอ?'
'อ่อ.. เราไม่ได้รอใคร(คาย)'
'อ่อ ก็เห็นมองๆอ่ะ' ผมยิ้มให้.

k ยิ้มบางๆก่อนจะเดินไปหาเพื่อน นั้นเเหละครับคือคำพูดเเรกที่เราได้คุยกัน จนมาถึงตอนเย็น คือบังเอิญว่าK เป็นเพื่อนของเพื่อนสนิทของผม ทำให้เราไปไหนมาไหนด้วยกันเป็นกลุ่ม 6คน ซึ่งมีเเต่ผู้ชายน่อมเเน่มห้าวๆ

ถึงตอนเข้านอน.. ผมเดินมาตรงที่นอนกำลังจะวางเป้ลงนอนข้างๆ K เเต่ในใจก็สองจิตสองใจจะนอนข้างๆ หรือจะไม่นอนดี เเต่ช้าไปเหมือนเปิดฟ้าให้เเต่เราไม่เอา ฟ้าจึงเล่นตลก เพื่อนในกลุ่มของผมคนหนึ่งมันวิ่งมาจากไหนไม่รู้ วางหมอนลงกั้นกลางระหว่างผมกับ K 'ขอนอนด้วย!!' นั้นเเหละครับหน้าผมเหว๋อเลย ในใจก็เอ่อนอนตรงไหนก็นอนว่ะ

วันต่อมาของช่วงบ่าย พระอาจาร์ยเเจกผ้าปิดตาสีดำคนละผืน เเล้วให้หาคู่ ชายคู่ชาย หญิงคู่หญิง เเล้วไอ้เพื่อนผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างหน้าผม มันก็ทิ้งผมลอยเเพอย่างไม่เเยเเส เเบบเฟลมากทิ้งเกลอได้ลงคอ-.-

ผมเดินไปหาเพื่อนผู้หญิงคนสนิทชื่อเเพน ผมหลบข้างเสามองตาปริบๆ (ส่วนคนที่นั่งอยู่ข้างๆเสาก็ K นั้นเเหละครับ) เเล้วเพื่อนคนหนึ่งเลยทักผมขึ้นว่า

'A คู่กับมาร์คสิ่มาร์คยังไม่มีคู่!'

ผมหันหน้า ไปเเต่เเพนทักสวนดังกว่า

'A คู่กับ K สิ่ K ยังไม่มีคู่อ่ะ'

K หันหน้ามามองผมเเล้วชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง

'เเกคู่กับเราไหม...'

'อ่า ก็ได้' เราตอบเสียงห้าว

             จากนั้นเราก็นั่งเบี่ยงหันหน้าเข้าหากัน เเต่ไม่มองหน้ากันพอมองนิดหน่อยเเล้วก็หันหน้าหลบไปทางอื่น พระอาจาร์ยบอกให้ยกมือว่าใครจะเป็นฝ่ายปิดตาก่อน เรากับ K เเย่งกันยก เราเลยตัดบทด้วยการชวนเป่ายิงชุบ ใช่ครับผมเเพ้!555 ผมหันหน้าส่งผ้าปิดตาให้เขาผูกให้ 'มันเเน่นไปไหมเเก' เราก็ตอบว่าโอเครเเล้ว. เเล้วไม่นานพวกพี่ๆ สตาฟก็เริ่มไปไปทีละคู่ จนมาถึงคู่เรา K พาผมเดินลงจากศาลาพลางบอกก้าวขา บอกทุกอย่างเเม้เเต่ขั้นบันได ความรู้สึกคือปลอดภัยมากไปด้วยเเล้วรู้สึกอบอุ่น (มือข้างขวาของเขาจับที่ข้อมือข้างขวาของผม ส่วนมือข้างซ้ายจับที่ข้อศอกเเล้วพาเดิน)

         พื้นซีเมนต์ตามถนนมันร้อนมาก K พาเราวิ่งพลางพูดสวนกันว่า 'ร้อนนนๆ' พูดคำเดียวทั้งคู่อ่ะ555 ก่อนทิ้งท้ายคำพูดไว้ว่า

'เเกใส่รองเท้าไหม' เราอืมอั้มๆอึ้งๆ

          K พาเรามาที่ไหนไม่รู้เเต่ถามว่า 'รองเท้าเเกคือไหนอ๋อ' คือเเบบเห้ย!! พาเรามาใส่รองเท้า คนอะไรจะดีขนาดนี้ หาได้ยากมากกก... เราบอกเเล้วเขาก็หาให้เราใส่จนได้ คือปิดตาไม่ใช่ว่าไม่เห็นนะครับ คือเรายืนใช่ไหม เเล้วภาพมุมสูงมันเห็นเขานั่งยองๆ กำลังเอารองเท้าให้เราสวม ผมอายเลยครับกับนิสัยของผู้ชายคนนี้ รู้สึกเเตกต่างกับเรามาก เราก็บอกเขาไปว่า

'เห้ย เราขอโทษนะที่ทำให้นายต้องลำบากเเบบนี้'

'เห้ย.. ไปเป็นไร ถึงตาเค้าเเกยิ่งจะลำบาก'ขำเบาๆ.

เเล้วK ก็พาเราเดินไปที่โบสถ์ ย้ำว่าบอกทุกการก้าวขาขึ้นบันได555

'ตอนนี้เเกอยู่ข้างๆโบสถ์นะ ตรงที่มีโคมไฟ เเล้วมีรูปผู้เสียชีวิตติดอยู่อ่ะ'

'อ่อ... เขาเรียกว่าอะไรน่าา อ่อ... เขาเรียกว่าโกตุน่ะ'

'อ่อ เราก็ไม่รู้เหมือนกัน เราไม่รู้จักอ่า..' ลากเสียง

        อ่าครับเราเข้าใจว่านายไม่รู้จริงๆ555 เราหาเรื่องคุยกันไปเรื่อยๆจนถึงตา K ที่ต้องปิดตา..
   
        เราผูกผ้าปิดตาให้ K เเล้วจับมือพาเดินหาของ คือเราจับมือกันนานมากพอสมควรจนรู้สึกได้ว่าเหงื่อชุ่มมือ รุ่นพี่ก็ชอบเเกล้งK หาอะไรมาเเหย่ตลอด เพื่อนคนอื่นๆด้วย มีฉากหนึ่งที่เราใจเเป่วๆ คือสถานที่เเปลกๆมักจะมีของ ทายสิ่ผมพาไปเมรุ!5555

'หึ้ย... เราไม่ขอขึ้นไปนะ'

'อ่าๆ งั้นรออยู่นี่เเปปหนึ่งนะ'

         เราเดินขึ้นไปหาของเเต่ก็ไม่เจอ พอเดินลงมาก็เห็น K นั่งพับเพียบอยู่ที่โคนต้นไม้ เราเรียกชื่อ K เขาเงยหน้าขึ้นมองหน้าผมทั้งๆที่ปิดตา เเน่นอนว่าไม่เห็นหรอก เพราะผ้าปิดตามันหนาพอสมควร เเล้วเขาก็ยื่นมือข้างขวาขึ้นมาให้ผมจับเเล้วเดินต่อไปจนหมดเวลา


เพื่อนในกลุ่มทุกคนเดินเข้ามาให้ผมกอด ระหว่างนั้นK เขาก็นั่งอยู่คนเดียวพลางร้องไห้นิดหน่อย เพื่อนสินเห็นผมชะเง้อมองเขา เลยพยักหน้าบอกให้ผมเข้าไปหา ไปเลย. คือเเบบรู้ได้ไง??? โอ้ย.. รู้สึกรักสินมาก

     ผมใจลังเลจะไม่ไปหรือไปดี ในที่สุดก็ไปเเต่ช้าไปหน่อยเขาลุกขึ้นเเล้วเดินมองหาเพื่อน ผมได้เเค่เเตะไหล่ตอนเเรกก็ว่าจะกอด

'K ในฐานะที่เราเป็นเพื่....'
'หืม.. อ่าๆ'

ผมหยุดพูดอย่างค้างคาเมื่อรู้ว่าที่เขาไปหาเคยเป็นเพื่อนของผมตั้งเเต่สมัยประถมเเต่ไม่สนิท ผมเลยเดินกลับมาเเบบค้างคาใจ ตลอดทั้งคืนค้างคาใจมากเเทบนอนไม่หลับเเต่ก็ได้โอกาสอีกครั้ง!

ตอนไปอาบน้ำตี4ครึ่ง บังเอิญมากทุกคนเข้าไปอาบน้ำหมดเหลือเเค่ผมกับ K ผมเลยเริ่มถามว่า เมื่อคืนK ร้องไห้ป่ะ? เเล้วก็ได้สารภาพว่าจะพูดอะไร Kเขาขอโทษเราเสียงเเบบออกจากใจ คือเราโล่งใจมากเว่ยที่ได้พูดออกไปอ่ะ!

ก่อนจะออกค่ายเราเห็นเขายกมือขอปากกากับพี่สตาฟเเต่ก็ไม่ได้เราเลยตัดสินใจเรียก k เเล้วส่งปากกาให้ทั้งๆที่ตัวเองไม่มีก็ตาม สุดท้ายก็ยืมเพื่อนข้างๆ^^ (รู้สึกเป็นคนดีมากอ่ะ)

ออกค่ายเเถวเราปล่อยเเถวสุดท้ายในใจก็คิดจะได้เจอกันอีกไหม? คนวุ่นวายมาก เเต่บังเอิญ! เราถอดรองเท้าไว้เเถวเดียวกัน เราได้เจอกันอีกครั้ง ดีใจมาก! เราสกิดไหล่เขาเบาๆ

'บาย'
'บายเเก..'

นี้เเหละครับเรื่องของผมที่ซึ้งไร้เหตุผลใดๆ ทั้งๆที่ตัวเองมีเเฟนอยู่เเล้ว เเฟนผมเป็นรุ่นพี่อายุห่างกันพอสมควร พี่เขาเรียนหมอไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่ เเต่ K น่ะผมรู้สึกดีเวลาอยู่ด้วย ฉากบางฉากถูกตัดออกเพราะตัวอักษรมันเเทนความรู้สึกไม่ได้
ปล.ผมเป็นคนที่อยากเจออะไรก็จะสมหวังตลอด ไม่ค่อยจะพลาด  (เรียกว่าโอกาสหรือความบังเอิญดี) เเต่ติดที่ตัวเอง ใจลังเล ไม่กล้าเเสดงออก ถ้าสมใจตามความคิดเเล้ว ถ้าผมไม่ทำอย่างที่คิด เหมือนฟ้าเล่นตลบจะเอาอุปสรรคมาเเทรกตลอดยิ้ม

#ขอโทษนะครับที่ยาวไปหน่อย คนอื่นๆคิดยังไงกับเรื่องของผมบ้างครับ?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่