1..
O โอ-ศรัทธาบ้าบอด .. ราวทอดเงา-
รอคอยให้สองเท้าย่างเข้าหา-
เพื่อย่ำเหยียบ .. ย่ำยีด้วยลีลา-
ของผู้ใช้ปัญญาอีกคราครั้ง !
O ในโบสถ์รูปองค์พระ .. แสงสะท้อน
แว่วเหมือนคำบวงวอน, คำสอนสั่ง-
เผยบทบาทแทรกปนให้ทนฟัง-
โมหะการณ์คลุ้มคลั่ง .. ที่หลั่งริน !
2..
O กราบพระพร้อมคิดย้ำในคำนึง
องค์ผู้ซึ่งล่มตนเสียป่นสิ้น
แผ่องค์ธรรมโอบแคว้น .. อาบแผ่นดิน
กล่อมจิตดิ้นรนส่ายให้คลายร้อน
O แจงองค์ธรรมล้ำลึก .. ให้ศึกษา
ล่มบอดบ้าโง่เขลาให้เพลา .. ผ่อน
จุดแสงในแววตา .. ด้วยอาทร
แม้ผู้นอนหลับใหล .. ยังได้รู้ !
O จนวันเดือนปีเปลี่ยนหมุนเวียนรอบ
ไย - เกณฑ์กรอบครอบเอาทุกเหล่า .. หมู่
กรรม, วาท, วัตร .. บิดเบือนไม่เหมือนครู-
ย่างเหยียบสู่หนทางล่มล้างตน
O ใบไม้ร่วงหล่นคว้างที่กลางป่า
เมื่อปัญญาแจ้งเลศ .. ปวง-เหตุผล
สายวารีเลื่อมไหล .. เมื่อใจคน-
ผ่านช่วงยามหลุดพ้น .. จาก-วนเวียน
O คืนนั้น .. จันทร์ทรงเพ็ญลอยเด่นฟ้า
พร้อมอัตตาตัวตน .. ผ่านพ้น-เปลี่ยน
คืนนั้น .. สายน้ำหลาก .. ใจพากเพียร-
ก็กร่อนเกรียนทุกข์ทน .. ไปพ้นทาง
O ที่ด้านบนกิ่งโพธิ์ .. เหมือนโล้ .. ลู่-
กิ่งก้านรู้นบนอบอยู่รอบข้าง
สายน้ำยังเอื่อยไหล .. เมื่อใครวาง-
ตัวตนทิ้งคาค้าง .. ที่กลางจร
O ครั้งนั้น .. เนรัญชลา .. ไหลบ่าสาย
พร้อมจันทร์ฉายแสงพลอด .. ลงออดอ้อน
โพธิ์คงระบัดใบ .. หากไฟฟอน-
ในอกร้อนรนทุกข์ .. ไม่ลุกโชน
O ครั้งนั้น .. สายวารี .. คงรี่ไหล
บางจิตใจ .. กรอบ-กัก .. กลับหักโค่น
ตัวตนถูกถอดถอน, ความอ่อนโยน-
ก็ถ่ายโอนออกแล้ว .. ผ่านแววตา
O ที่โคนไม้ร่มพฤกษ์ .. ค่ำดึกนั้น-
มีแสงจันทร์อ่อนละมุน .. พร้อมคุณค่า-
แห่งความเป็น .. ความมี .. เริ่มลีลา-
ล่มมิจฉาการณ์ปวง .. ลับล่วงตอน
O แทบบัลลังก์โคนพฤกษ์ .. ค่ำดึกนั้น-
ความยึดมั่นในโลกถูกโยกถอน
ถ้วนสิ้นความปรารถนาเคยอาวรณ์-
กลับถูกทอนถ่ายบท .. จนหมดรอย
O จากอุษากาล-พ้น .. สู่สนธยา
ถ้วนมิจฉาการณ์สรรพ .. ก็ยับย่อย
การตีความ .. ใคร่ครวญก็ล้วนพลอย-
ช่วยปลดปล่อยสภาพธรรม .. เคยค้ำยัน
O ล้วนบทบาท .. อวิชชาค้ำคาใจ
จนพาให้คอยประพฤติแต่ .. ยึดมั่น
จำแนกการตีความ .. ไว้ล่ามพัน
แล้วสร้างฝันแทรกซ้อนไว้ผ่อนพิง
O ที่บัลลังก์โคนโพธิ์ .. ภิญโญญาณ-
นั้น - เบ่งบานล้อมใจจนใหญ่ยิ่ง
รูปนามเคยโน้มแนบเข้าแอบอิง-
ก็หล่นกลิ้งเกลือกภาวะอารมณ์
O ปราศเชิงชั้นช่อฟ้า .. ให้ตาเห็น
เพียงจันทร์เพ็ญแสงอยู่ .. เมื่อรู้สม-
มุติ .. สัตย์ .. เท็จ .. ต่าง .. เหมือน .. รู้เงื่อนปม-
การห้อมห่มรูปจริตให้ติดคา
3..
O โอ นั่นเสียงพากย์วอน .. นัยอ้อนออด-
เอาบุญบาปก่ายกอด .. ความบอดบ้า
ล้อมหัวใจเต็มพิกัด .. ด้วยศรัทธา
เหนี่ยวจูงพาชาติภพ .. บรรจบ-วน
O วัตถุธรรมล้ำเลิศ .. บรรเจิดนัย-
ก็ผ่านให้ลูบคลำอยู่ซ้ำหน
ช่อฟ้าช้อยยอดเฟื้อย .. ก็เลื้อยจน-
จะพุ่งพ้นหลังคา .. สู่ฟ้าไกล
O กระเบื้องเหลือบแสงสูรย์ .. จำรูญสี
เมื่อความมี .. ความเป็น .. มองเห็นได้
ธูป, เทียน, บุษบัน .. พร้อมควันไฟ-
ก็ก่อรูปขับไขสู่นัยน์ตา
O นั่น-รูปเศียร .. ก้มหมอบอยู่รอบด้าน
พร้อมศัพท์เสียงบนบานที่ด้านหน้า
วางความเชื่อบนคำ .. ให้นำพา-
ด้วยศรัทธาคลุมครอบอยู่รอบใจ
O เสียงพร่ำพร้องบาปบุญก็หนุนเนื่อง
เชิดชูเรื่องกล่าวรับเกินนับไหว
ยอโลกหน้าโลกนู้นที่พู้นไกล
รองรับความฝันใฝ่ .. ที่ในตน
O หนึ่งรูปนามทรงกาย .. ริมสายน้ำ
ตรึกตรองธรรมจนรู้ .. เหตุสู่ผล
จิตใคร่ครวญแยบคาย .. ก็ว่าย-วน
ผ่านสู่ความหลุดพ้น .. ล้าง-หม่นมัว
O มีหรือโบสถ์งามลออ .. ชั้นช่อฟ้า
ในที่ราตรีกาลคลี่ม่านหลัว-
ลงคลุมครอบโมหันธ์ .. จนสั่นรัว-
ก่อนคลายตัวเคลื่อนพ้น .. อย่างอลเวง
O โอ ลวดลายพัดยศ .. กำหนดรูป
กลางควันธูปแสงเทียนเฝ้าเวียน .. เพ่ง
เย้ยสายตา, หยอกยั่ว .. ให้กลัวเกรง-
การเร้าเร่งสั่นรัวของตัวตน
O แย้มยิ้มรับศรัทธา .. ร่วมปราศรัย
แววตาไหวตอบรับ .. ก็สับสน
ปฏิพากย์แอบอ้าง .. ก็ต่างปรน-
เปรอ-ดวงใจดิ้นรน .. ในหนทาง
O ที่ไหนเล่าพากย์ถ้อย .. การปล่อยลง
เห็นเพียงสงสารกรรมเขานำอ้าง
สืบทอดรูปวัตถุธรรมเพื่ออำพราง-
การก่อสร้างรูปนิมิตให้พิสดาร
O พระ-จำพรากเวียงวังแต่ครั้งก่อน
ก็เพื่อสอนจิตหลง .. ละ-สงสาร
ใช่เพื่อศักดิ์ภิญโญ .. ยศโอฬาร
แต่เพื่อผลาญเผาฆ่า .. ธรรมารมณ์
O กลับมาไหว้วัตถุ .. สาธุเสียง-
ก้มกราบกันพร้อมเพรียง .. ขับเสียงขรม
บัวใต้น้ำงอพับอยู่กับตม
ฤๅ-อาจชมแสงเรื่อ .. ที่เหนือน้ำ ?
O ดูนั่นเถิด .. รูปวิจิตร .. เขาปิดทอง
ปากลิ้นฟ้องทุกข์โศกแห่งโลกต่ำ
องค์พระรูปงามลออ .. เขา ก็นำ-
แผ่นทองคำปิดครอบอยู่รอบองค์
O สรวงสวรรค์ชะลอลงที่ตรงหน้า
หรือ-บอดบ้ากอดกุมความลุ่มหลง ?
กี่รอบเดือนปีเปลี่ยน .. ยังเวียนวง-
อยู่ในสงสารวัฏฏ์ .. ยากตัดใจ
O ยากจริงหนอ .. โลกพิสุทธิ์สมมุติสร้าง
จักปล่อยวาง .. รอบวงความหลงใหล
หรือ .. กรอบเกณฑ์พิธีกรรม .. อาจนำไป-
สบความใสสว่างรู้ .. แม้ .. ครู่เดียว ?
.
.
หรือ .. กรอบเกณฑ์พิธีกรรม .. อาจนำไป-
สบความใสสว่างรู้ .. สัก .. ผู้เดียว ?
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=06-2016&date=25&group=10&gblog=108
O พุทธ ..? O
1..
O โอ-ศรัทธาบ้าบอด .. ราวทอดเงา-
รอคอยให้สองเท้าย่างเข้าหา-
เพื่อย่ำเหยียบ .. ย่ำยีด้วยลีลา-
ของผู้ใช้ปัญญาอีกคราครั้ง !
O ในโบสถ์รูปองค์พระ .. แสงสะท้อน
แว่วเหมือนคำบวงวอน, คำสอนสั่ง-
เผยบทบาทแทรกปนให้ทนฟัง-
โมหะการณ์คลุ้มคลั่ง .. ที่หลั่งริน !
2..
O กราบพระพร้อมคิดย้ำในคำนึง
องค์ผู้ซึ่งล่มตนเสียป่นสิ้น
แผ่องค์ธรรมโอบแคว้น .. อาบแผ่นดิน
กล่อมจิตดิ้นรนส่ายให้คลายร้อน
O แจงองค์ธรรมล้ำลึก .. ให้ศึกษา
ล่มบอดบ้าโง่เขลาให้เพลา .. ผ่อน
จุดแสงในแววตา .. ด้วยอาทร
แม้ผู้นอนหลับใหล .. ยังได้รู้ !
O จนวันเดือนปีเปลี่ยนหมุนเวียนรอบ
ไย - เกณฑ์กรอบครอบเอาทุกเหล่า .. หมู่
กรรม, วาท, วัตร .. บิดเบือนไม่เหมือนครู-
ย่างเหยียบสู่หนทางล่มล้างตน
O ใบไม้ร่วงหล่นคว้างที่กลางป่า
เมื่อปัญญาแจ้งเลศ .. ปวง-เหตุผล
สายวารีเลื่อมไหล .. เมื่อใจคน-
ผ่านช่วงยามหลุดพ้น .. จาก-วนเวียน
O คืนนั้น .. จันทร์ทรงเพ็ญลอยเด่นฟ้า
พร้อมอัตตาตัวตน .. ผ่านพ้น-เปลี่ยน
คืนนั้น .. สายน้ำหลาก .. ใจพากเพียร-
ก็กร่อนเกรียนทุกข์ทน .. ไปพ้นทาง
O ที่ด้านบนกิ่งโพธิ์ .. เหมือนโล้ .. ลู่-
กิ่งก้านรู้นบนอบอยู่รอบข้าง
สายน้ำยังเอื่อยไหล .. เมื่อใครวาง-
ตัวตนทิ้งคาค้าง .. ที่กลางจร
O ครั้งนั้น .. เนรัญชลา .. ไหลบ่าสาย
พร้อมจันทร์ฉายแสงพลอด .. ลงออดอ้อน
โพธิ์คงระบัดใบ .. หากไฟฟอน-
ในอกร้อนรนทุกข์ .. ไม่ลุกโชน
O ครั้งนั้น .. สายวารี .. คงรี่ไหล
บางจิตใจ .. กรอบ-กัก .. กลับหักโค่น
ตัวตนถูกถอดถอน, ความอ่อนโยน-
ก็ถ่ายโอนออกแล้ว .. ผ่านแววตา
O ที่โคนไม้ร่มพฤกษ์ .. ค่ำดึกนั้น-
มีแสงจันทร์อ่อนละมุน .. พร้อมคุณค่า-
แห่งความเป็น .. ความมี .. เริ่มลีลา-
ล่มมิจฉาการณ์ปวง .. ลับล่วงตอน
O แทบบัลลังก์โคนพฤกษ์ .. ค่ำดึกนั้น-
ความยึดมั่นในโลกถูกโยกถอน
ถ้วนสิ้นความปรารถนาเคยอาวรณ์-
กลับถูกทอนถ่ายบท .. จนหมดรอย
O จากอุษากาล-พ้น .. สู่สนธยา
ถ้วนมิจฉาการณ์สรรพ .. ก็ยับย่อย
การตีความ .. ใคร่ครวญก็ล้วนพลอย-
ช่วยปลดปล่อยสภาพธรรม .. เคยค้ำยัน
O ล้วนบทบาท .. อวิชชาค้ำคาใจ
จนพาให้คอยประพฤติแต่ .. ยึดมั่น
จำแนกการตีความ .. ไว้ล่ามพัน
แล้วสร้างฝันแทรกซ้อนไว้ผ่อนพิง
O ที่บัลลังก์โคนโพธิ์ .. ภิญโญญาณ-
นั้น - เบ่งบานล้อมใจจนใหญ่ยิ่ง
รูปนามเคยโน้มแนบเข้าแอบอิง-
ก็หล่นกลิ้งเกลือกภาวะอารมณ์
O ปราศเชิงชั้นช่อฟ้า .. ให้ตาเห็น
เพียงจันทร์เพ็ญแสงอยู่ .. เมื่อรู้สม-
มุติ .. สัตย์ .. เท็จ .. ต่าง .. เหมือน .. รู้เงื่อนปม-
การห้อมห่มรูปจริตให้ติดคา
3..
O โอ นั่นเสียงพากย์วอน .. นัยอ้อนออด-
เอาบุญบาปก่ายกอด .. ความบอดบ้า
ล้อมหัวใจเต็มพิกัด .. ด้วยศรัทธา
เหนี่ยวจูงพาชาติภพ .. บรรจบ-วน
O วัตถุธรรมล้ำเลิศ .. บรรเจิดนัย-
ก็ผ่านให้ลูบคลำอยู่ซ้ำหน
ช่อฟ้าช้อยยอดเฟื้อย .. ก็เลื้อยจน-
จะพุ่งพ้นหลังคา .. สู่ฟ้าไกล
O กระเบื้องเหลือบแสงสูรย์ .. จำรูญสี
เมื่อความมี .. ความเป็น .. มองเห็นได้
ธูป, เทียน, บุษบัน .. พร้อมควันไฟ-
ก็ก่อรูปขับไขสู่นัยน์ตา
O นั่น-รูปเศียร .. ก้มหมอบอยู่รอบด้าน
พร้อมศัพท์เสียงบนบานที่ด้านหน้า
วางความเชื่อบนคำ .. ให้นำพา-
ด้วยศรัทธาคลุมครอบอยู่รอบใจ
O เสียงพร่ำพร้องบาปบุญก็หนุนเนื่อง
เชิดชูเรื่องกล่าวรับเกินนับไหว
ยอโลกหน้าโลกนู้นที่พู้นไกล
รองรับความฝันใฝ่ .. ที่ในตน
O หนึ่งรูปนามทรงกาย .. ริมสายน้ำ
ตรึกตรองธรรมจนรู้ .. เหตุสู่ผล
จิตใคร่ครวญแยบคาย .. ก็ว่าย-วน
ผ่านสู่ความหลุดพ้น .. ล้าง-หม่นมัว
O มีหรือโบสถ์งามลออ .. ชั้นช่อฟ้า
ในที่ราตรีกาลคลี่ม่านหลัว-
ลงคลุมครอบโมหันธ์ .. จนสั่นรัว-
ก่อนคลายตัวเคลื่อนพ้น .. อย่างอลเวง
O โอ ลวดลายพัดยศ .. กำหนดรูป
กลางควันธูปแสงเทียนเฝ้าเวียน .. เพ่ง
เย้ยสายตา, หยอกยั่ว .. ให้กลัวเกรง-
การเร้าเร่งสั่นรัวของตัวตน
O แย้มยิ้มรับศรัทธา .. ร่วมปราศรัย
แววตาไหวตอบรับ .. ก็สับสน
ปฏิพากย์แอบอ้าง .. ก็ต่างปรน-
เปรอ-ดวงใจดิ้นรน .. ในหนทาง
O ที่ไหนเล่าพากย์ถ้อย .. การปล่อยลง
เห็นเพียงสงสารกรรมเขานำอ้าง
สืบทอดรูปวัตถุธรรมเพื่ออำพราง-
การก่อสร้างรูปนิมิตให้พิสดาร
O พระ-จำพรากเวียงวังแต่ครั้งก่อน
ก็เพื่อสอนจิตหลง .. ละ-สงสาร
ใช่เพื่อศักดิ์ภิญโญ .. ยศโอฬาร
แต่เพื่อผลาญเผาฆ่า .. ธรรมารมณ์
O กลับมาไหว้วัตถุ .. สาธุเสียง-
ก้มกราบกันพร้อมเพรียง .. ขับเสียงขรม
บัวใต้น้ำงอพับอยู่กับตม
ฤๅ-อาจชมแสงเรื่อ .. ที่เหนือน้ำ ?
O ดูนั่นเถิด .. รูปวิจิตร .. เขาปิดทอง
ปากลิ้นฟ้องทุกข์โศกแห่งโลกต่ำ
องค์พระรูปงามลออ .. เขา ก็นำ-
แผ่นทองคำปิดครอบอยู่รอบองค์
O สรวงสวรรค์ชะลอลงที่ตรงหน้า
หรือ-บอดบ้ากอดกุมความลุ่มหลง ?
กี่รอบเดือนปีเปลี่ยน .. ยังเวียนวง-
อยู่ในสงสารวัฏฏ์ .. ยากตัดใจ
O ยากจริงหนอ .. โลกพิสุทธิ์สมมุติสร้าง
จักปล่อยวาง .. รอบวงความหลงใหล
หรือ .. กรอบเกณฑ์พิธีกรรม .. อาจนำไป-
สบความใสสว่างรู้ .. แม้ .. ครู่เดียว ?
.
.
หรือ .. กรอบเกณฑ์พิธีกรรม .. อาจนำไป-
สบความใสสว่างรู้ .. สัก .. ผู้เดียว ?
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=06-2016&date=25&group=10&gblog=108