O โอ-วาบร่วงหล่นแล้ว..เก็จแก้วรุ้ง
จากโค้งคุ้งรังรองอันผ่องแผ้ว
เมื่อกาลหมุนผ่านเวียนก็เปลี่ยนแวว
แดดโรยแนวผงฝุ่นก็หมุนวน
O งำแสงเคยจำรัส..โลมปัถวี
หรือราศีเคยช่วง..รอ-ร่วงหล่น ?
ท่ามหมู่เมฆทึมทาทั่วฟ้าบน
งามหรือ-เมื่อมืดหม่นหมุนวนมา
O นับนานที่ครอบฟ้า..ครองป่าฝน
กี่วัฏฏ์วนหมุนวง..ทุกองศา
ทุกถิ่นที่ความ คำ..ก็ค้ำคา-
รองรับภาวะกระพริบไกลลิบโพ้น
O แน่ใจหรือมือเรียว..จะเหนี่ยวรั้ง-
ความงดงามเปล่งปลั่งให้พังโค่น
แน่แล้วหรือช่วงตอนแสนอ่อนโยน-
จำต้องโอนถ่ายมอบ..สู่กรอบเกณฑ์
O เนิ่นนานอยู่หนักหนา..คุณค่านั้น
คงตั้งมั่นเป็นเอก..อยู่เฉกเช่น-
เสาหลักแห่งปรารมภ์กลางหล่มเลน
ที่อาจเบนบิดความออกตามใจ
O รอ-รับรองเจตจินต์..ที่-ภินท์พัง
โดยกลบฝังศรัทธา..อันสาไถย
เพื่อแสงดาวที่กระพริบจากลิบไกล
จักช่วยไขขับงาม..ผ่านข้ามคืน
O ลองดูหรือมือเรียว..ลองเหนี่ยวดึง-
ทั้งใจขึ้งขุ่นอยู่..ลองสู้ขืน-
ขึ้นด้วยแรงฉวยฉุด..ของจุดยืน-
พร้อมแววตาตอบตื่น..ร่วม-ยืนยัน ?
O เรียวปากผู้เย้ยหยัน..จะพลันแย้ม-
ลงแต่งแต้มความนัย..สู่ใจนั่น
หยอกยั่วจินตนาการ..แห่งวานวัน
ล่มภาพฝันทับทาบ..ด้วยภาพจริง
O โอ..ฝันที่ลุกลามไปสามภพ
หวาม-ครันครบเมื่อใด, ที่ใหญ่ยิ่ง-
คือช่วงใจเบนห่าง..จุดอ้างอิง-
ยอม-หล่นกลิ้งแทรกซุก..ลงคลุกทราย
O เกณฑ์กรอบความคิดอ่าน..แว่วผ่านหู-
ก็ผ่านอยู่นั่นแล้ว..ไม่แล้วหาย
ปลีกพ้นหรือ..นิรมิต..ในจิต-กาย
แต่วนว่ายเวียนอยู่..ไม่รู้ตน
O ดูทีหรือมือเรียว..ร่วมเกี่ยวข้อง-
กับไตร่ตรองแน่นหนัก..ดูสักหน
ให้แสงดาวจากฟ้า..ทาบทา..บน-
ความสับสนซัดส่าย..ที่ปลายจร
O เพื่อร่องรอยงดงามจักวามแวว
อยู่บนแก้วตาเต้น..ภาพ-เร้นซ่อน-
ตอบรับรู้-เปลี่ยวเหงา, ความเว้าวอน-
เผื่อ-อาจผ่อน”ฝัน”พักลงสักครา
O หยิบดูหรือ..ดวงดาวอันวาวแสง
แล้วลองแปลงเปลี่ยนวง..ปรับองศา
ให้โอภาสงดงามอันวามตา
ได้ลบมืดบอดบ้า..ให้ล้าโรย
O ไหนเล่าภาพงดงามทั้งสามโลก
หรือ-เศร้าโศก, ปวดแปลบ, เสียงแหบโหย-
หรือ-พร่ำพร้องบอดบ้า..ที่ปร่าโปรย-
ล้อลมโชยเร้ารัว..บางหัวใจ ?
O โอ - วาบหล่นร่วงแล้ว..เก็จแก้วรุ้ง
กับฝันฟุ้งเฟ้นฟอน..ที่ว่อนไหว-
อยู่กลางจินตนาการผู้ผ่าน-วัย
เพียงเพื่อให้ปรารมภ์...นั้น-สมจริง !
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=04-2010&date=02&group=41&gblog=5
O คือ..ฝันที่ลอยฟ่อง..! O
O โอ-วาบร่วงหล่นแล้ว..เก็จแก้วรุ้ง
จากโค้งคุ้งรังรองอันผ่องแผ้ว
เมื่อกาลหมุนผ่านเวียนก็เปลี่ยนแวว
แดดโรยแนวผงฝุ่นก็หมุนวน
O งำแสงเคยจำรัส..โลมปัถวี
หรือราศีเคยช่วง..รอ-ร่วงหล่น ?
ท่ามหมู่เมฆทึมทาทั่วฟ้าบน
งามหรือ-เมื่อมืดหม่นหมุนวนมา
O นับนานที่ครอบฟ้า..ครองป่าฝน
กี่วัฏฏ์วนหมุนวง..ทุกองศา
ทุกถิ่นที่ความ คำ..ก็ค้ำคา-
รองรับภาวะกระพริบไกลลิบโพ้น
O แน่ใจหรือมือเรียว..จะเหนี่ยวรั้ง-
ความงดงามเปล่งปลั่งให้พังโค่น
แน่แล้วหรือช่วงตอนแสนอ่อนโยน-
จำต้องโอนถ่ายมอบ..สู่กรอบเกณฑ์
O เนิ่นนานอยู่หนักหนา..คุณค่านั้น
คงตั้งมั่นเป็นเอก..อยู่เฉกเช่น-
เสาหลักแห่งปรารมภ์กลางหล่มเลน
ที่อาจเบนบิดความออกตามใจ
O รอ-รับรองเจตจินต์..ที่-ภินท์พัง
โดยกลบฝังศรัทธา..อันสาไถย
เพื่อแสงดาวที่กระพริบจากลิบไกล
จักช่วยไขขับงาม..ผ่านข้ามคืน
O ลองดูหรือมือเรียว..ลองเหนี่ยวดึง-
ทั้งใจขึ้งขุ่นอยู่..ลองสู้ขืน-
ขึ้นด้วยแรงฉวยฉุด..ของจุดยืน-
พร้อมแววตาตอบตื่น..ร่วม-ยืนยัน ?
O เรียวปากผู้เย้ยหยัน..จะพลันแย้ม-
ลงแต่งแต้มความนัย..สู่ใจนั่น
หยอกยั่วจินตนาการ..แห่งวานวัน
ล่มภาพฝันทับทาบ..ด้วยภาพจริง
O โอ..ฝันที่ลุกลามไปสามภพ
หวาม-ครันครบเมื่อใด, ที่ใหญ่ยิ่ง-
คือช่วงใจเบนห่าง..จุดอ้างอิง-
ยอม-หล่นกลิ้งแทรกซุก..ลงคลุกทราย
O เกณฑ์กรอบความคิดอ่าน..แว่วผ่านหู-
ก็ผ่านอยู่นั่นแล้ว..ไม่แล้วหาย
ปลีกพ้นหรือ..นิรมิต..ในจิต-กาย
แต่วนว่ายเวียนอยู่..ไม่รู้ตน
O ดูทีหรือมือเรียว..ร่วมเกี่ยวข้อง-
กับไตร่ตรองแน่นหนัก..ดูสักหน
ให้แสงดาวจากฟ้า..ทาบทา..บน-
ความสับสนซัดส่าย..ที่ปลายจร
O เพื่อร่องรอยงดงามจักวามแวว
อยู่บนแก้วตาเต้น..ภาพ-เร้นซ่อน-
ตอบรับรู้-เปลี่ยวเหงา, ความเว้าวอน-
เผื่อ-อาจผ่อน”ฝัน”พักลงสักครา
O หยิบดูหรือ..ดวงดาวอันวาวแสง
แล้วลองแปลงเปลี่ยนวง..ปรับองศา
ให้โอภาสงดงามอันวามตา
ได้ลบมืดบอดบ้า..ให้ล้าโรย
O ไหนเล่าภาพงดงามทั้งสามโลก
หรือ-เศร้าโศก, ปวดแปลบ, เสียงแหบโหย-
หรือ-พร่ำพร้องบอดบ้า..ที่ปร่าโปรย-
ล้อลมโชยเร้ารัว..บางหัวใจ ?
O โอ - วาบหล่นร่วงแล้ว..เก็จแก้วรุ้ง
กับฝันฟุ้งเฟ้นฟอน..ที่ว่อนไหว-
อยู่กลางจินตนาการผู้ผ่าน-วัย
เพียงเพื่อให้ปรารมภ์...นั้น-สมจริง !
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=04-2010&date=02&group=41&gblog=5