[CR] อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว พิษณุโลก-อุตรดิตถ์: ภูสอยดาว ทริปนี้ สอย...มาให้เธอ

09-11.09.2016


“น้องๆรู้มั้ย พี่ชอบภูเขาลูกไหนที่สุดในประเทศไทย...”
คำถามปลายเปิดจากพี่สาวแปลกหน้า ที่กำลังวิ่งสวนทางลงมาจากยอดดอยหลวงเชียงดาว

พี่ชอบภูสอยดาว พี่ไปมาแล้วสองครั้ง และพี่กำลังจะไปครั้งที่สาม
น้องๆต้องไปให้ได้นะ...ประโยคทิ้งท้ายของพี่สาวคนสวย ก่อนที่จะวิ่งลงเขาไปอย่างรวดเร็ว

มาทำความรู้จักอุทยานแห่งชาติภูสอยดาวกันซักหน่อย -Elevation 2,102 m.

อุทยานแห่งชาติภูสอยดาวมีพื้นที่อยู่ในท้องที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ และจังหวัดพิษณุโลก
นักท่องเที่ยวนิยมมาที่นี่ในช่วงหน้าฝนเพื่อชมทุ่งดอกหงอนนาคที่กำลังบานสะพรั่ง
และในช่วงหน้าหนาวเพื่อขึ้นไปยังจุดสูงสุดของยอดภูสอยดาว
**ภูสอยดาวไม่มีทากดูดเลือด**


การจับจองที่พัก:
สามารถทำการจองที่อุทยานแห่งชาติภูสอยดาวได้เลยค่ะ ทางอุทยานมี Package ให้เลือกหลายแบบขึ้นอยู่กับจำนวนสมาชิก และอุปกรณ์ที่ทุกท่านนำติดตัวไปด้วย สำหรับทีมเราเลือก Package 1 คืนค่ะ


จุดกางเต๊นท์ลานสน:
     - มีบ้านหลังเล็กๆของเจ้าหน้าที่ คอยให้บริการตลอด 24 ชม. ภายในบ้านมีทั้งเตาอั้งโล่ ถุงนอน เต้นท์ แผ่นปูรองนอน และอื่นๆอีกมากมาย
     - มีกระต๊อบห้องน้ำ ซึ่งกั้นห้องไว้อย่างสวยงาม หากต้องการอาบน้ำก็นำถังในห้องน้ำเดินไปตักน้ำจากลำธารด้านหลังมาอาบได้เลย ชิคๆ คูลๆ (เอาไฟฉายไปด้วยนะคะ มันมืดมาก)
     - มีแทงค์น้ำฝนหลายแทงค์ สำหรับใช้อุปโภค (บริโภคอาจจะได้ แต่ควรเอามาต้มก่อนนะคะ)

อาหารการกินบนยอดภูสอยดาว:
พวกเราแวะซื้อ น้ำดื่มสำหรับดื่มส่วนตัวสองวันรวมถึงใช้ทำอาหาร, ข้าวเหนียวหมูปิ้งสำหรับเป็นอาหารเติมพลังระหว่างเดินขึ้นเขา และวัตถุดิบง่ายๆกับหม้อแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งจากตลาดชาติตระการ สำหรับปาร์ตี้กันยามค่ำคืน
** แนะนำให้ซื้อถ่านดำๆ จากตลาดไปด้วยนะคะ **


การเดินทาง:
เนื่องจากทริปนี้มีสมาชิกทั้งหมด 7 ชีวิต พวกเราเลยตัดสินใจเช่ารถตู้ 3 วันจากกรุงเทพฯ ไปยังภูสอยดาว
     Day 1:
          23.00 ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ
     Day 2:
          06.00 ถึงตลาดชาติตระการ แวะกินข้าวเช้า และซื้อเสบียง
          08.00 ถึงสำนักงานอุทยาน เริ่มเดินขึ้นภู
          17.00 ถึงลานสน
     Day 3:
          05.30 ตื่นเนอะ ไปหาพระอาทิตย์กัน
          07.00 เดินเล่นถ่ายรูปยามเช้า
          10.00 เดินลง
          15:00 ถึงสำนักงานอุทยาน กลับกรุง
          22.00 ถึงกรุง


ขอพูดอะไรอีกเล็กน้อยก่อนที่จะให้รูปภาพอธิบายความงดงามของตัวมันเอง

การเดินทางครั้งนี้สอนให้เรารู้ว่า...ตัดขาดจากโลกซะบ้าง มันดี

ตั้งแต่ก้าวพ้นที่ทำการอุทยานแห่งชาติ สัญญาณโทรศัพท์ก็มลายหายไป
จากที่ทุกคนเคยก้มหน้ามองโทรศัพท์ ตอนนี้กลับเงยหน้าขึ้นมาพูดคุยกันอย่างได้อรรถรส
บางจังหวะก็ก้มลงมองเท้าตัวเองที่กำลังเดินย่ำดินชื้นๆ เข้าไปในป่า สูงขึ้นไปเรื่อยๆ
บางจังหวะก็หยุดพัก ฟังเสียงหัวใจตัวเองเต้นตึกตัก ด้วยความเหนื่อยล้า
ได้สูดลมหายใจเอาหมอกเข้าไปเต็มปอด

ความเครียดจากการทำงานมันหายไปตอนไหนก็ไม่รู้ ความสบายใจเข้ามาแทนที่ ดี๊ดี...




และแล้ววันเดินทางก็มาถึง...

ห้าทุ่มตรงรถตู้จอดรออยู่บริเวณจุดนัดพบ พี่คนขับท่าทางกระฉับกระเฉง รีบพุ่งเข้ามาช่วยพวกเราเก็บกระเป๋าใส่หลังรถ
พร้อมนอนแล้วค่ะ ออกเดินทางไปพิษณุโลกกันเลย

สงสัยคนพิษณุโลกไม่ค่อยชอบกินข้าวเช้ากันมั้ง แถวตลาดชาติตระการเลยมีร้านอาหารตามสั่งอยู่แค่ร้านเดียว แต่ถึงจะมีร้านเดียว ก็อร่อยไม่ใช่เล่นๆ

หลังจากซื้อหมูปิ้งและวัตถุดิบต่างๆสำหรับทำอาหารเย็นคืนนี้เรียบร้อยแล้ว
พวกเราก็นั่งรถต่อมายังที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว

ลงทะเบียน มัดจำขยะ ซื้อ Package ชั่งน้ำหนักกระเป๋า

รอราชรถมารับไปเดินขึ้นเขา สัญญาณโทรศัพท์หายไปแล้วตั้งแต่จุดนี้เป็นต้นไป

กริ๊งกร่องๆ ราชรถนัมเบอร์ 777 มารับแล้วคร้าบ

ทริปนี้จัดความเก๋ามาตั้งแต่รุ่นพ่อ เป็นเพื่อนลุยค่ะ
ถือว่าเฮียแกเอาอยู่ถึงแม้ว่าจะมีลื่นบ้างบางจังหวะ

เด็กน่าย๊าก เพื่อนร่วมทริปของเราเองค่ะ ทริปนี้มีสีสันมากๆ เพราะสามคนนี้เนี่ยแหละ

ราชรถพาเรามาส่งถึงประตูทางขึ้น ใจเต้นตึกๆๆ อยากจะเป็นผู้พิชิตยอดเขาสูงอันดับ 4 ในสยามประเทศแล้ว
เริ่มเดินกันเลย 6,500 เมตร ระยะกระจัด

ช่วงแรกหลังเดินผ่านประตูเข้ามา เราเดินเลียบทางน้ำตกไปเรื่อยๆ เสียงน้ำตกดังจนต้องตะโกนคุยกัน

คงเพราะช่วงนี้ฝนตกบ่อย ป่าทั้งผืนเลยเป็นสีเขียวสดชื่น

เดินไปได้ 500 เมตร...หิวและ
ได้เวลาหยิบเอาเสบียงในกระเป๋ามานั่งรับประทานริมน้ำตก

เดินเรื่อยๆ ถ้าเหนื่อยก็แวะพักชมสิ่งที่น่าสนใจระหว่างทาง

ขนาดเราเดินตัวเปล่ายังเหนื่อย แต่พี่ลูกหาบคนนี้แกเดินชิวมากเหมือนบนหลังไม่ได้แบกอะไรอยู่เลย

เห็นยอดภูลิบๆ อีกโลเดียวเท่านั้น วันนี้เป็นโชคดีของพวกเราที่ฟ้าเปิด
หลังจากเดินพ้นช่วงที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม่ใหญ่ จุดนี้อากาศดีเหมาะแก่การนั่งหายใจเอื่อยๆ ทิ้งตัวลงนอนมองท้องฟ้า

ถึงลานสนภูสอยดาวเวลาห้าโมงเย็นพอดีเด๊ง

เดินเลยป้ายมาอีกหน่อยสิ่งที่เราตามหา กำลังแย่งกันอวดโฉมกันตลอดทาง
นี่ไง...ดอกหงอนนาค

เมื่อมาถึงลานสน ให้ไปติดต่อบริเวณบ้านของเจ้าหน้าที่ได้เลย เจ้าหน้าที่จะรีบมาจัดเตรียมพื้นที่และกางเต๊นท์ให้
รวมถึงถ้าต้องการใช้เตาอั่งโล่สามารถบอกให้พี่ๆช่วยจุดไฟให้ได้ด้วยนะคะ พี่ๆใจดีมาก

ตั้งเตาแล้ว เริ่มปาร์ตี้ได้

แสงสุดท้ายสำหรับการเดินทางวันแรก กำลังจะลาลับไป
คืนนี้พวกเรานั่งล้อมวงหน้าเตา อัพเดทเรื่องราวชีวิตกันยาวเหยียดหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานาน
...ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปนอน ในเต๊นท์อันอบอุ่น

มื้อเช้าสำหรับวันนี้
มาม่าลูกชิ้น...ฟินกว่ากินข้างล่าง 3 ล้านเท่า

ฝนตกตลอดคืนยาวจนถึงช่วงเช้า บรรยากาศรอบตัวเช้านี้จึงมีแต่หมอก
ได้เวลา...เทเลทับบี้ออกเริงร่า

ดอกหงอนนาคบริเวณข้างๆเต๊นท์ จะเริ่มบานประมาณ 8 โมงเช้า
เปลี่ยนทุ่งหญ้าสีเขียว ให้กลายเป็นทุ่งฟรุ้งฟริ้งสีม่วงขึ้นมาในบัดดล

เดินต่อจากจุดกางเต๊นท์ลานสนไปอีกหน่อย
จะเจอหลักกิโลเมตรที่ด้านหนึ่งเป็นของประเทศไทยและอีกด้านหนึ่งเป็นของประเทศลาว
ไม่ได้เด็ดนะ หยิบขึ้นมาจากพื้น

ฝนที่ตกกระหน่ำลงมา เปลี่ยนท้องฟ้าที่สดใสเมื่อวาน เป็นอีกบรรยากาศหนึ่งสำหรับการเดินลงภูในวันนี้
...ลานสนกลางสายหมอก

ขาลงเดินยากกว่าขาขึ้นนิดหน่อย
เพราะฝนที่ตกลงมาทำให้พื้นดินกลายเป็นโคลนเละๆ และก้อนหินที่เปียกน้ำฝนค่อนข้างลื่น

ภูสอยดาวหน้าฝน อีกสถานที่ในประเทศไทย ที่น่าไปยลโฉมสักครั้งถ้าคุณยังมีแรง
ไปวิ่งเล่นในทุ่งหงอนนาคกันเถอะ

บ๊ายบาย....
ชื่อสินค้า:   อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่