เลิกปล่อยหมาแมวในวัดเสียทีได้ไหมหนึ่งเสียงจากใจพระที่ต้องเลี้ยง 400 ตัว เป็นเวลา 40 ปี???

เมื่อวัดเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ให้คนได้มาทำบุญ ปฏิบัติธรรม แต่เมื่อเกินกำลังเลี้ยงสัตว์ร่วมโลกของเราอย่าง น้องหมา น้องแมว ปล่อยทิ้งไว้ให้เป็นภาระกับพระกับวัด เราคงจะนึกสภาพออกว่า เมื่อเข้ามาวัดแล้วสิ่งแล้วที่เห็นแทนที่จะเป็นความชื่นใจ ความสงบร่มเย็นกลับกลายเป็นต้องคอยมาระวัง ระเบิด(ที่มันทิ้งไว้) เสียงกัดกัน เสียงเห่า หรือภาพที่มันติดสัด

    แทนที่อยากจะอยู่วัดนานพักกายพักใจกลับกลายเป็นทำบุญเสร็จแล้วรีบไปรีบกลับบ้านเสียดีกว่า

   ตัวอย่างหนึ่งคือ  “เจ้าคุณพิพิธ” วัดสุทัศนเทพวราราม ที่ท่านบอกว่าวัดและพระต้องรับภาระการเลี้ยงดูและทำความสะอาด รวมถึงฉีควัคซีนและรักษาสัตว์ที่คนมาปล่อยที่วัดรวมตอนนี้ที่อยู่ภายในวัดมีถึง 400 ตัวแล้ว   ซึ่งใช้งบประมาณเป็นจำนวนมาก (รัฐก็ไม่ได้มาช่วยตรงจุดนี้)

    


    และที่ผ่านมา พระสงฆ์ถูกสุนัขในวัดที่ถูกนำมาปล่อยทำร้าย ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษามากกว่า 500,000 บาท ไม่เพียงเท่านั้น เด็กๆ ที่รักสัตว์ ชอบเล่นกับสัตว์ โดยเฉพาะแมว เมื่อถูกข่วนหรือเกิดอุบัติเหตุขึ้น ทางวัดต้องรับผิดชอบพาไปฉีดยา รวมถึงดูแลค่ารักษาพยาบาลด้วย  ท่านเจ้าคุณพิพิธกล่าวว่า

    “อาตมาไม่ได้รังเกียจสัตว์ เคยกวาดขี้หมาขี้แมวที่วัดนี้มาตั้งแต่ปี 2519 รวมแล้วจนถึงวันนี้ 40 กว่าปีที่อยู่กับหมาแมว อยากให้คนเห็นใจพระบ้าง วัดมีพื้นที่ 25 ไร่ 2 งาน หมาแมวขี้ตามพื้น ตามระเบียงศาลา และยังตามพระไปนั่งในอุโบสถวิหาร เป็นภาพที่ไม่เหมาะสม คนมากราบพระ ต้องกราบหมาแทน   พออาตมาแจ้งกทม. ให้มาพาหมาแมวไป ก็มีคนมายืนด่าว่าพระใจร้าย จะเอาสัตว์พวกนี้ไปให้จระเข้กิน ขอยืนยันว่าไม่เคยส่งหมาแมวให้จระเข้กิน อยากให้เห็นใจพระบ้าง เพราะมีปัญหามากจริงๆ การดูแลตรงนี้ใช้ทั้งกำลังเงินและกำลังคน ถามว่าคนมาด่า อาตมาสะเทือนใจหรือไม่ ตอบว่าไม่สะเทือนใจ แต่สงสารเขามากกว่า เพราะห่วงเขาว่าเวรกรรมจะตามทัน” เจ้าคุณพิพิธกล่าว

    สุดท้าย ใครที่นำสุนัขหรือแมวกลับบ้านจะให้พระกริ่งไปหนึ่งองค์เพื่อตอบแทนความใจดี และยืนยันอีกครั้งว่าไม่ได้ใจร้ายกับสัตว์อย่างแน่นอน








    ขอบคุณข้อมูลและอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  https://www.matichon.co.th/news/558826
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 42
อยากให้มีการจัดระเบียบลงทะเบียนสัตว์เลี้ยงอย่างชัดเจนจัง
จะได้มีแต่คนตั้งใจเลี้ยงจริงๆ เห็นมาเยอะ รักนะ แต่ไม่รับผิดชอบเลย
มีข้ออ้างต่างๆ นาๆ ที่ต้องเอามันไปปล่อยวัด ให้ลำบากพระ

ถ้าคุณเลี้ยงมันไม่ได้ ไม่ควรเลี้ยงแต่แรก
ถ้าเกิดเหตุสุดวิสัยจริงๆ เลี้ยงไม่ได้ ควรหาคนรับเลี้ยงต่อ โดยทำวัคซีน และทำหมันให้เรียบร้อยถ้าผู้รับเลี้ยงต้องการ
ความคิดเห็นที่ 16
อยู่ที่จิตสำนึกของคนด้วย เมื่อคิดจะเลี้ยงสัตว์ อย่างแรกเลยที่ต้องคำนึงถึงคือ เราต้องเลี้ยงเขาทั้งชีวิต เราจะรับผิดชอบได้ไหม ต้องคิดตรงนั้นก่อนตัดสินใจเลี้ยงด้วยซ้ำ แต่คนเราแปลกอยู่อย่าง เห็นตอนเขาเล็กๆ น่ารักก็เลี้ยง แต่พอมันแก่ ไม่อยากเลี้ยง แล้วก็เอามาปล่อยวัด เป็นภาระพระเณร ไม่ใช่กิจของสงฆ์เลยที่ต้องมาให้อาหารสัตว์ เก็บขี้หมาฯ แล้วยังมีคนมาบอกว่า พระใจร้ายถ้าไม่รับเลี้ยงอีก เอ๋า แล้วถ้ามีคนไม่อยากเลี้ยง เอาไปปล่อยบ้านคุณ พอคุณไม่เลี้ยงแล้วมีคนมาบอกว่าใจร้ายบ้าง จะทำยังไง

ถ้าเป็นกฏหมายต่างประเทศที่เข้มงวด เช่น ฮ่องกง คนตัดสินใจจะเลี้ยงยาก เพราะต้องแน่ใจว่าจะรับผิดชอบหมาแมวจริงๆ เวลาพาไปเดินเล่น มันขี้ก็ต้องเก็บ มันตายก็ต้องเสียค่าทำศพเป็นหมื่น หลายๆปัจจัยบีบบังคับคนถึงมีวินัย แต่คนไทยหยวนๆจนเคย เลยกลายเป็นความมักง่ายแทน
ความคิดเห็นที่ 11
สุนัขและแมว ตอนเล็กๆ จะน่ารักมาก ทำให้มีคนอยากเลี้ยง แต่พอเขาโตขึ้นความน่ารักน้อยลง คนเลี้ยงมักจะนำไปปล่อยตามวัดเพราะคิดว่าคงไม่อดตาย
ถ้ารักสัตว์จริงๆ อย่าทำอย่างนี้เลยค่ะ คิดจะเลี้ยงแล้วต้องดูแลกันไปจนกว่าเขาจะหมดลมหายใจดีกว่า
การนำสัตว์ไปปล่อยตามวัดเป็นภาระของพระภิกษุสงฆ์ต้องมาเก็บกวาดมูลของสุนัขและแมวอีก คนนำสัตว์ไปปล่อยจะได้บาปติดตัวไปนะคะ
ความคิดเห็นที่ 52
โถ ๆ ๆ ท่านเจ้าคุณพิพิธ ใยมาคร่ำครวญอะไรกันเล่าครับ

เห็นท่านเจ้าคุณพิพิธ ออกมาปกป้องธัมมชโยซะขนาด  นัยว่า ท่านทั้งสองเกื้อหนุน เกื้อกูลกันดีอยู่นี่ ทำไมไม่ถามธัมมชโยล่ะครับว่า ธัมมชโย มีวิธีการ และกระบวนการในการป้องกันไม่ให้ หมา & แมว เข้าอาศัยวัดพระธรรมกายด้วยวิธีการอย่างไร  

ธัมมชโย คงจะไม่สงวนลิขสิทธิ์ในวิธีการป้องกันหมาแมวหรอกครับ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่