MIDNIGHT SONG : เรื่องราวของแรคคูน กลีบดอกไม้ และกวางอานู

ออกตัวก่อนเลยค่ะ ว่าเคยตั้งกระทู้นี้ที่ห้องถนนนักเขียนมาก่อนแล้วค่ะ แต่ไม่ได้ติดTAGพี่ผลิตโชค ทั้งๆที่เรื่องนี้แต่งขึ้นมามอบให้พี่เค้าโดยเฉพาะค่ะ T_T
แก้ไม่ทันแล้วด้วย  เสียใจมาก  เพราะอยากให้มี 1 กระทู้ ที่เป็นกระทู้ติด TAG ยกให้พี่เค้า เนื่องจากชอบพี่เค้ามากๆๆจริงๆ
และเชื่อว่าเรื่องราวของพี่ผลิตโชคเอง ก็เป็นเรื่องราวที่เป็นแรงบันดาลใจดีๆ ให้กับใครอีกหลายๆคนได้ (แบบที่เราเองก็ได้รับมาแล้ว)
ขอมอบเรื่องนี้ให้พี่ผลิตโชค และเพื่อนๆทุกคนที่แวะเข้ามาค่ะ ยิ้ม





เรื่องราวนี้ เริ่มต้นขึ้นเมื่อหลายเดือนก่อน และไม่ได้เกิดขึ้นกับมนุษย์คนไหนบนโลกใบนี้ หากแต่เกิดขึ้นกับแรคคูนตัวหนึ่ง ที่มีชื่อว่ามีโค่

    มีโค่เป็นแรคคูนธรรมดาตัวหนึ่ง เนื้อตัวค่อนไปทางอวบ  หางเป็นพวงหนา และมีดวงตาที่สุกสว่างเสมอในตอนกลางคืน   ดวงตาคู่นั้นจะยิ่งสว่างเป็นประกายเมื่อมองเห็นสิ่งมีค่าในตอนที่มันแอบย่องเข้าไปในบ้านของมนุษย์เคราะห์ร้าย

    ใช่ ฉันเป็นนักย่องเบาตัวฉกาจ -- มีโค่หัวเราะในใจ

    คืนวันนั้นมันกำลังย่องเข้าไปในบ้านของมนุษย์คนหนึ่ง ใช้อุ้งมือแง้มบานหน้าต่างห้องนอนเปิดออกอย่างเบามือ ขยับตัวอย่างระมัดระวังไม่ให้เกิดเสียง หากแต่หางของมันสะบัดไปโดนบางสิ่งบางอย่างเข้า

    “โอ้ย” เสียงนั้นร้องออกมา

    ไม่ต้องบอกก็รู้ มีโค่ตกใจแทบตาย ขนมันตั้งลุกชันเมื่อหันไปตามเสียง มันกำลังจะเจอมนุษย์หน้าตาแตกตื่น ส่งเสียงโวยวาย ไล่ทุบมัน แล้วส่งมันไปยังสถานควบคุมสัตว์ป่าใช่หรือไม่ -- แต่สุดท้ายแล้ว ต้นเสียงนั้นกลับไม่ใช่เสียงของมนุษย์ -- ไม่ใช่เลย -- มันเป็นเสียงของกลีบดอกไม้ดอกหนึ่งที่กำลังร่วงลงมาจากช่อดอกไม้

    “นายทำฉันเจ็บ” กลีบดอกไม้ว่าเบาๆ

    มีโค่มีสีหน้าไม่แน่ใจ  มันใช้อุ้งมือข้างหนึ่งจิ้มกลีบดอกไม้นั้นสองสามครั้ง

    จนในที่สุดกลีบดอกไม้ก็ถามออกมาว่า “ทำอะไร”

    “ทดสอบให้แน่ใจ ว่าฉันไม่ได้บ้า”

    “ทำไมเธอถึงคิดว่าเธอบ้าล่ะ”

    มีโค่เกาหัวดังแกรกๆ “ก็--” มันว่า “กลีบดอกไม้เค้าพูดไม่ได้ไม่ใช่รึ”

    “ฉันพูดได้สิ” อีกฝ่ายบอก “เอาล่ะ หยิบฉันไปวางในอุ้งมือเธอหน่อยสิ มีโค่”

    มีโค่มีท่าทีระวังตัวขึ้นมา  “เธอรู้จักชื่อฉันรึ”

    กลีบดอกไม้สะบัดตัวสั่นไหวไปมา  “แหงสิ ฉันรู้จัก” น้ำเสียงดูเบื่อหน่าย “นายเข้ามาขโมยของในห้องนี้แทบจะทุกคืน”

    มีโค่ร้องอุทานออกมาเบาๆ อุ้งมือข้างหนึ่งชี้กลีบดอกไม้ “ไม่จริง” มันโวย “ไม่เคยมีใครรู้ตัวเวลาที่ฉันขโมย ฉันเป็นนักย่องเบาชั้นยอด ไม่เคยมีใครได้ยินเสียงฉัน-- ”

    “เจ้าหนู เจ้าหนู” กลีบดอกไม้ปราม “นายกำลังพูดกับกลีบดอกไม้นะ ถ้าจะมีอะไรสามารถฟังเสียงเบาเท่าสายลมพัดผ่าน แต่ได้ยินชัดเจนเหมือนเสียงตีกลองล่ะก็ มันก็ต้องเป็นกลีบดอกไม้นี่ล่ะ -- ไม่ใช่กิ่งไม้ ไม่ใช่ช่อดอกไม้ แต่เป็นกลีบดอกไม้”

    มีโค่พ่นลมทางจมูกอย่างไม่พอใจเท่าใดนัก ก่อนจะสะบัดตัวไปอีกทาง เพื่อที่จะขโมยของที่เล็งเอาไว้

    เป็นกลีบดอกไม้อีกนั่นแหละที่ขัดจังหวะ “นั่นจะไปไหน”

    มีโค่ไม่ตอบ

    “ฉันอยากให้นายพาฉันเข้าไปในป่า”

    “ทำไมฉันต้องทำให้ด้วย” มันกัดฟันพูด สายตาเหลือบมองไปยังร่างมนุษย์ที่ยังคงหลับสนิทอยู่บนเตียง

    “ฉันกำลังจะตาย” กลีบดอกไม้บอกเบาๆ “ได้ยินไหม ฉันกำลังจะตาย”

    “เธอไม่ได้กำลังจะตาย” มีโค่ย้อน กลอกตาไปมา

    “บอกหน่อยสิ” กลีบดอกไม้ว่า “ฉันจะมีอายุได้นานกี่ชั่วโมง ถ้าหากไม่ได้เป็นกลีบที่อยู่บนดอกไม้”

    มีโค่รู้ตัวในตอนนั้นนั่นเอง ว่าเป็นความผิดของมันที่เผลอสะบัดหางไปโดนกลีบดอกไม้หล่นลงมา เป็นความผิดของมันล้วนๆ ที่ทำให้กลีบดอกไม้นี่ต้องตายก่อนเวลา

    ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่ถึงตายนี้ ทำให้มีโค่กัดฟันดังกรอดๆ ยอมหมุนตัวกลับมายังแจกันข้างหน้าต่าง ดวงตาแหลมคมจ้องมองกลีบดอกไม้อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดออกมาว่า “เธอชื่ออะไร”

    “ฟลอร่า” กลีบดอกไม้ตอบด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร “ยินดีที่ได้รู้จัก มีโค่”

    มีโค่กำลังเป็นแรคคูนที่รู้สึกผิด แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ามันต้องเป็นแรคคูนที่มีอารมณ์อยากจะทำความรู้จักเพื่อนใหม่  โดยเฉพาะในตอนที่มีมนุษย์หลับอยู่ใกล้ๆแบบนี้  เจ้าแรคคูนจึงรีบจัดการวางฟลอร่าไว้ในอุ้งมืออย่างระมัดระวัง แล้วปีนกลับออกไปทางหน้าต่าง กระโดดเกาะกิ่งไม้หนาเบื้องล่าง แล้วพุ่งเข้าสู่ป่าลึก

    “เธออยากให้ฉันพาไปที่ไหน” มันถามกลีบดอกไม้

    “ฉันไม่แน่ใจ”

    มีโค่หยุดฝีเท้าดังเอี้ยด

    “หมายความว่ายังไง เธอไม่แน่ใจหรือ -- เธอให้ฉันพาเธอมากลางป่าลึกในตอนกลางคืนแบบนี้ แต่เธอไม่แน่ใจหรือ ว่าเธออยากจะให้ฉันพาเธอไปที่ไหน”

    มีโค่ฟึดฟัดในลำคอ รีบซ่อนตัวอยู่ในหมู่แมกไม้  อย่างน้อยมันก็ไม่ต้องเสี่ยงเจออันตราย ระหว่างที่กลีบดอกไม้ยังไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับตัวเอง

    “คืออย่างนี้นะ มีโค่ เพื่อนใหม่ของฉัน” ฟลอร่าอธิบายช้าๆ “ฉันไม่แน่ใจว่าคนที่ฉันต้องการจะเจอนั้น เขาจะไปปรากฎตัวอยู่ที่ส่วนใดของป่าแห่งนี้ -- เราต้องรอฟังเสียงของเขาเสียก่อน ถึงจะรู้ได้ว่าเขาอยู่ที่ไหน”

    “ไม่มีใครในป่านี้ ที่ชอบเปลี่ยนที่อยู่ของตนเองหรอกนะ ฟลอร่า” มีโค่ว่า วางกลีบดอกไม้ลงบนหน้าท้องของตนเอง ขณะนั่งเหยียดบนพื้น

    “บางคนชอบที่จะอยู่ในถ้ำ อยู่อย่างไร ก็อยู่อย่างนั้น  บางคนชอบที่จะอยู่ในโพรงใต้ดิน อยู่อย่างไร ก็อยู่อย่างนั้น  แต่ไม่ใช่กับคนๆนี้” ฟลอร่าพูดเบาๆ “ไม่ใช่กับคนๆนี้อย่างแน่นอน”

    มีโค่กำลังจะย้อนอยู่แล้ว แต่อะไรบางอย่างในความเงียบสงบของฟลอร่า ทำให้มันตัดสินใจปิดปากของตัวเองเสีย -- ถึงอย่างไร คนที่ทำผิดอย่างมัน ก็ไม่ควรจะยอกย้อนเจ้าทุกข์ตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่ …. ใช่ไหม

    “ฉันอยากจะเจอกับเขาอีกสักครั้ง” เป็นฟลอร่าที่พูดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ “คงจะดีไม่น้อย”

    “เธอไม่ได้ต้องการจะไปเจอพ่อพันธุ์ หรืออะไรทำนองนั้นใช่ไหม” มีโค่ถามเสียงแปลกๆ

    “ไม่ ไม่ใช่ ไม่มีดอกพ่อพันธุ์ตัวไหน สนใจกลีบดอกไม้หรอก แรคคูน ฉันในตอนนี้ไม่ใช่ช่อดอกไม้แสนสวยอีกต่อไปแล้ว ฉันเป็นเพียงกลีบดอกไม้ที่เริ่มเฉาตาย”

    “เธออยากเจอใครหรือ” มีโค่ถามด้วยความอยากรู้

    “ฉันไม่แน่ใจ ว่าเขาคือสายพันธุ์อะไร” ฟลอร่ากระซิบตอบ “แต่เขามีอะไรบางอย่างในตัวที่ -- ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน -- ฉันหมายความว่าฉันเคยได้ยินมนุษย์พูดถึง แต่ฉันไม่เคยเห็นด้วยตาตัวเองมาก่อน -- ใช่ มีโค่ ฉันมีตา ถึงเธอจะคิดว่าฉันไม่มีก็เหอะ”

    มีโค่เลิกสนใจมองหาดวงตาของกลีบดอกไม้ “เธอหมายถึงอะไรหรือ”

    “มันเป็น -- ฉันจะว่าอย่างไรดี -- มันเป็นพลังงานบางอย่างในตัวเขา ที่ยากที่จะเจอในตัวคนอื่น มันเป็นพลังงานที่สวยงามและมหัศจรรย์ นุ่มนวลแต่ทรงพลัง เปล่งประกายสัมผัสเราได้ถึงขั้วหัวใจ -- ฉันไม่เคยคิดว่าฉันจะมีโอกาสสัมผัสถึงสิ่งที่ว่านั่น -- กระทั่งเช้าวันนั้น -- มันเป็นวันที่ฉันกำลังเป็นส่วนหนึ่งของดอกตูม ฉันได้ยินเสียงร้องเพลงของเขา -- ดังมาจากเบื้องล่าง -- ทีแรกฉันนึกว่าหูแว่วไปเอง แต่แล้วเสียงนั้นกลับดังชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ -- ทรงพลังมากขึ้น มีเสน่ห์มากขึ้น มากจนฉันสัมผัสถึงความสุขในน้ำเสียงนั้นได้

    “ตอนนั้นยังเป็นเช้ามืด แต่ฉันก็เห็นเขาได้ชัดเจน -- เขากำลังร้องเพลงๆหนึ่ง  มันเป็นเพลงที่กำลังยกย่องสตรีที่เขาตกหลุมรักให้เป็นเสมือนทรัพย์สมบัติอันล้ำค่าของเขา  ฉันยังจำได้ว่ามันเป็นการร้องเพลงที่สนุกที่สุดที่ฉันเคยฟังมา ไม่ใช่เพราะถ้วงทำนองเพลง หรือจังหวะดนตรีที่เขาสร้างขึ้นมา แต่มันเป็นเพราะน้ำเสียงการขับร้อง และสีหน้าท่าทางของเขา
    เขาร้องเพลงราวกับว่าทั้งโลกกำลังหยุดหมุนเพื่อฟังเสียงร้องของเขาเพียงคนเดียว และเต้นรำราวกับว่าทุกสรรพสิ่งกำลังขยับหมุนตัวตามจังหวะดนตรีพร้อมกับเขา สีหน้าแลดูอิ่มเอิบยิ้มแย้ม เหมือนเด็กเล็กๆที่กำลังหัวเราะ -- ทุกอย่างผ่านมากับน้ำเสียงและท่าทางทั้งหมดของเขา -- ฉันสัมผัสทั้งหมดทั้งมวลนั้นได้ แค่เพียงเพราะฉันฟังเสียงของเขา -- และเขาก็ทำทั้งหมดทั้งมวลนั่น ราวกับรับรู้ว่าฉันกำลังสัมผัสเสียงเขาได้
    เธอเข้าใจฉันไหม มีโค่ -- มันคือความสุข -- มันคือความสุขจริงๆ ที่สัมผัสและส่งต่อกันได้ -- ฉันไม่เคยมีโอกาสได้รับความสุขจากใครแบบนั้นมาก่อน”

    มีโค่ฟังเรื่องเล่านั้นอย่างเงียบสงบ  เริ่มตั้งคำถามมากมายในใจ ว่าอะไรคือสิ่งที่ฟลอร่าหมายถึง -- ความสุขงั้นหรือ -- มีโค่ไม่แน่ใจนักว่าจะเข้าใจ

    ไม่นานนัก เสียงๆหนึ่งก็ดังขึ้น --

    ไกลออกไปจากที่ซ่อนตัวของมีโค่และฟลอร่าออกไปไม่มากนัก  เสียงเพลงบทหนึ่งได้ดังขึ้น มันเป็นบทเพลงที่ขับร้องถึงการร้องไห้ครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้งหนึ่ง -- ฟังดูเศร้าเสียจนมีโค่รู้สึกใจสั่น และขนลู่ลงเล็กน้อย

    “มาเถอะ มีโค่” กลีบดอกไม้ฟลอร่ากระซิบอย่างแผ่วเบา “ได้เวลาไปหาเพื่อนลึกลับของเรากันแล้ว”

    เจ้าแรคคูนบรรจงวางกลีบดอกไม้ไว้ในอุ้งมือ อดไม่ได้ที่จะสังเกตเห็นสีหม่นๆเริ่มปรากฎบนกลีบดอกไม้ -- และนั่นทำให้ความรู้สึกผิดท่วมท้นขึ้นมาในตัวมันอีกครั้ง -- มีโค่กลั้นใจ แล้วค่อยๆคืบคลานไปยังเสียงเพลงนั้น

    หลายอึดใจผ่านไป เสียงนั้นก็ยิ่งดังชัดขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ --

ในที่สุด ทั้งคู่ก็มาถึงจุดหมายปลายทาง -- บริเวณแห่งนั้นเป็นลานหินกว้างขนาดเล็ก ถูกโอบล้อมด้วยพุ่มไม้รกชัฎ และต้นไม้ที่สูงใหญ่ แต่กระนั้นแสงจันทร์ก็ยังคงสาดส่องลงมาได้จนถึงก้อนหินที่วางเรียงรายอยู่บนพื้น  และตรงใจกลางลานหินนั้นเอง มีโค่ได้มองเห็นร่างๆหนึ่ง กำลังยืนอยู่เพียงลำพัง ร่างนั้นชูมือข้างหนึ่งขึ้นไปยังกลางอากาศ ใบหน้าแหงนมองตามฝ่ามือตนเอง ขณะที่ริมฝีปากกำลังขับร้องบทเพลงอันแสนเศร้า
-- บทเพลงที่กล่าวถึงคำอำลาและการหลั่งน้ำตาครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้งหนึ่ง

เสียงอันแสนนุ่มนั้นทำให้มีโค่เผลอปล่อยตัวปล่อยใจไปกับอารมณ์ เผลอหยุดคิดและระวังตัวไปชั่วขณะ มันไม่ได้ยินเสียงอะไรนอกจากเสียงร้องของร่างตรงหน้า -- นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าแรคคูนรู้สึกราวกับว่าป่ารอบตัวได้เงียบสนิท -- ไม่มีเสียงใบไม้ เสียงฝีเท้า หรือเสียงแมลง -- มีแต่เสียงขับร้องนี้เพียงเสียงเดียวเท่านั้น

เป็นความรู้สึกที่ชวนฉงน และลึกลับ -- นั่นอาจเป็นเพราะมันไม่เคยรู้จักกับความรู้สึกแบบนี้มาก่อน -- เสียงนั้นเป็นเหมือนพลังงานบางอย่างที่แทรกซึมเข้ามาในตัวของมัน แผ่ซ่านไปทั่วตัว ไปจนถึงกลางใจ -- ในถ้อยคำอันแสนเศร้านั้น ได้มีอะไรบางอย่างจุดประกายสิ่งที่เรียกว่าความหวังขึ้นมา อ่อนโยนและปลอบประโลม ให้แรคคูนรู้สึกมองเห็นความสวยงามที่อยู่ท่ามกลางความเศร้าขึ้นมา

แปลกเหลือเกกิน -- มันเป็นไปได้หรือ ที่ความเศร้าจะมีสิ่งซ้อนเร้นอยู่ได้มากกว่าหยาดน้ำตา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่