การใช้เครื่องหอมนั้นเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของชนชาติอาหรับมาเนิ่นนานแล้ว อันเนื่องจากการที่ชาวอาหรับมีความเชื่อและศรัทธาว่าการพรมน้ำหอมเป็นการทำตามแบบอย่างของท่านศาสดามุฮัมหมัด ซึ่งการปฏิบัติตามพระบัญญัติของท่านศาสดานั้น ถือว่าเป็นกุศลแก่ตัวผู้ปฏิบัตินั่นเอง
เรามักจะเห็นว่าในวันศุกร์ (วันประกอบศาสนกิจประจำสัปดาห์ของชาวมุสลิม) นั้น ศาสนาได้มีการส่งเสริมให้มุสลิมอาบน้ำชำระล้างร่างกายให้สะอาด แต่งกายสุภาพ เรียบร้อย และส่งเสริมให้ใช้เครื่องหอมด้วย ใครที่เคยมีประสบการณ์ไปร่วมละหมาดในมัสยิดในกลุ่มประเทศอาหรับนั้น มักจะได้กลิ่นน้ำหอมตลบอบอวนไปทั่วบริเวณ
ธรรมเนียมปฏิบัติอย่างหนึ่งที่คนอาหรับมักทำเมื่อมีแขกมาเยี่ยมบ้าน นอกจากการเลี้ยงชา กาแฟแล้วก็ยังมีการเผาไม้กฤษณาในภาชนะเฉพาะ เพื่อแสดงการต้อนรับแขกเรื่อที่มาเยี่ยมเยือนกันด้วย
ส่วนกลิ่นที่เรามักได้สัมผัสกันนั้น หลายๆ คนอาจจะไม่คุ้นประสาทจมูกกันสักเท่าไหร่? บางคนอาจจะบอกว่ากลิ่นมันตุๆ ชวนฉุนทิ่มจมูกเหลือเกิน - โดยส่วนตัวผมก็ไม่ชอบกลิ่นของมันสักเท่าไหร่หรอกครับ! - แล้วกลิ่นที่ว่านั้นเป็นกลิ่นน้ำหอมหรืออะไรกันแน่? บทความนี้มีคำตอบให้ได้คลายข้อสงสัยกันครับ ...
ขอบอกเลยว่ากลิ่นที่ว่านั้นคือ กลิ่นอู๊ด Oud (ไม้หอมหรือไม้กฤษณา) เป็นชื่อเรียกในภาษาอาหรับ ส่วนในภาษาอังกฤษเรียกว่า Agarwood อุ๊ดบริสุทธิ์เป็นกลิ่นออริจิ ซิกเนเจอร์ที่ชาวอาหรับนิยมแต้มตามเสื้อผ้า อู๊ดเป็นน้ำหอมที่ถูกสกัดจากไม้กฤษณา ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้เศรษฐกิจหายาก มีมากในแถบกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซื้อขายกันด้วยราคา 3 แสนบาทต่อกิโล - แพงเว่อมากครับ - ไม้กฤษณา 1 ต้นใช้เวลาปลูกประมาณ 8-10 ปีกว่าจะได้ไม้หอมที่คุณภาพดีจริงๆ ซึ่งในบ้านเราตอนนี้ได้มีการส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูกไม้ชนิดนี้เป็นไม้เศรษฐกิจกันด้วยครับ
ปัจจุบันมีการส่งออกไม้กฤษณาไปเพื่อเป็นส่วนผสมของน้ำหอมชื่อดังหลายแบรนด์ในยุโรปอย่าง Dior, John Langford เป็นต้น นอกจากแบรนด์ในยุโรปแล้วยังมีแบรนด์ Arabian Oud ในตะวันออกกลาง ซึ่งประเทศในตะวันออกกลางส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม มีความต้องการกฤษณาเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นเพราะข้อบัญญัติในศาสนาอิสลามที่บัญญัติให้ใช้น้ำหอมและเครื่องสำอางที่ผลิตจากพืชได้เท่านั้น ห้ามใช้ส่วนผสมที่มีแอลกอฮอลล์ จึงทำให้กฤษณาเป็นที่ต้องการเป็นอย่างมาก ส่วนตลาดค้าไม้กฤษณาขนาดใหญ่ที่สุดจะอยู่ที่ประเทศอินเดียและบังคลาเทศ
หลายคนอาจสงสัยอีกว่า "อาหรับเค้าฉีด พรมหรืออาบน้ำหอมมาหรือยังไงกันแน่?" ถึงได้หอมฉุนขนาดนั้น- ขอตอบเลยว่า - น้ำหอมที่สกัดจากไม้กฤษณาเพรียวๆ นั้นมีความหอมติดทนมาก เพียงแค่การแต้มเพียงนิดเดียวใส่ข้อมือ ก็จะติดหอมไปได้ 2-3 วันกันทีเดียว ผมเคยมีประสบการณ์โดนอาหรับโอมานแต้มกลิ่นที่ว่านี้มาแล้วครับ ผ่านไป 3 วันก็ยังติดเสื้ออยู่ ขนาดซักเสื้อแล้วยังมีกลิ่นอยู่เลยครับ - มันติดทนนานจริงๆ ครับ
ส่วนท่านผู้อ่านที่ต้องการหาซื้อหรือลิ้มหอมกลิ่นอู๊ด ก็สามารถไปหาดมหาซื้อได้ที่ย่านอาหรับในกรุงเทพ แถวซอยนานา ซ. 3 ได้ครับ - มีหลายร้านกันเลยทีเดียว (จบ)
** อ่านเสร็จ ช่วยคอมเมนท์กระทู้กันด้วยนะครับ - ขอบคุณครับ
Imron - เขียน
ทำไมคนอาหรับถึงชอบเครื่องหอม แล้วกลิ่นตุๆ ที่เค้านิยมกันนั้นเป็นกลิ่นอะไร? (กระทู้นี้มีคำตอบ)
การใช้เครื่องหอมนั้นเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของชนชาติอาหรับมาเนิ่นนานแล้ว อันเนื่องจากการที่ชาวอาหรับมีความเชื่อและศรัทธาว่าการพรมน้ำหอมเป็นการทำตามแบบอย่างของท่านศาสดามุฮัมหมัด ซึ่งการปฏิบัติตามพระบัญญัติของท่านศาสดานั้น ถือว่าเป็นกุศลแก่ตัวผู้ปฏิบัตินั่นเอง
เรามักจะเห็นว่าในวันศุกร์ (วันประกอบศาสนกิจประจำสัปดาห์ของชาวมุสลิม) นั้น ศาสนาได้มีการส่งเสริมให้มุสลิมอาบน้ำชำระล้างร่างกายให้สะอาด แต่งกายสุภาพ เรียบร้อย และส่งเสริมให้ใช้เครื่องหอมด้วย ใครที่เคยมีประสบการณ์ไปร่วมละหมาดในมัสยิดในกลุ่มประเทศอาหรับนั้น มักจะได้กลิ่นน้ำหอมตลบอบอวนไปทั่วบริเวณ
ธรรมเนียมปฏิบัติอย่างหนึ่งที่คนอาหรับมักทำเมื่อมีแขกมาเยี่ยมบ้าน นอกจากการเลี้ยงชา กาแฟแล้วก็ยังมีการเผาไม้กฤษณาในภาชนะเฉพาะ เพื่อแสดงการต้อนรับแขกเรื่อที่มาเยี่ยมเยือนกันด้วย
ส่วนกลิ่นที่เรามักได้สัมผัสกันนั้น หลายๆ คนอาจจะไม่คุ้นประสาทจมูกกันสักเท่าไหร่? บางคนอาจจะบอกว่ากลิ่นมันตุๆ ชวนฉุนทิ่มจมูกเหลือเกิน - โดยส่วนตัวผมก็ไม่ชอบกลิ่นของมันสักเท่าไหร่หรอกครับ! - แล้วกลิ่นที่ว่านั้นเป็นกลิ่นน้ำหอมหรืออะไรกันแน่? บทความนี้มีคำตอบให้ได้คลายข้อสงสัยกันครับ ...
ขอบอกเลยว่ากลิ่นที่ว่านั้นคือ กลิ่นอู๊ด Oud (ไม้หอมหรือไม้กฤษณา) เป็นชื่อเรียกในภาษาอาหรับ ส่วนในภาษาอังกฤษเรียกว่า Agarwood อุ๊ดบริสุทธิ์เป็นกลิ่นออริจิ ซิกเนเจอร์ที่ชาวอาหรับนิยมแต้มตามเสื้อผ้า อู๊ดเป็นน้ำหอมที่ถูกสกัดจากไม้กฤษณา ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้เศรษฐกิจหายาก มีมากในแถบกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซื้อขายกันด้วยราคา 3 แสนบาทต่อกิโล - แพงเว่อมากครับ - ไม้กฤษณา 1 ต้นใช้เวลาปลูกประมาณ 8-10 ปีกว่าจะได้ไม้หอมที่คุณภาพดีจริงๆ ซึ่งในบ้านเราตอนนี้ได้มีการส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูกไม้ชนิดนี้เป็นไม้เศรษฐกิจกันด้วยครับ
ปัจจุบันมีการส่งออกไม้กฤษณาไปเพื่อเป็นส่วนผสมของน้ำหอมชื่อดังหลายแบรนด์ในยุโรปอย่าง Dior, John Langford เป็นต้น นอกจากแบรนด์ในยุโรปแล้วยังมีแบรนด์ Arabian Oud ในตะวันออกกลาง ซึ่งประเทศในตะวันออกกลางส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม มีความต้องการกฤษณาเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นเพราะข้อบัญญัติในศาสนาอิสลามที่บัญญัติให้ใช้น้ำหอมและเครื่องสำอางที่ผลิตจากพืชได้เท่านั้น ห้ามใช้ส่วนผสมที่มีแอลกอฮอลล์ จึงทำให้กฤษณาเป็นที่ต้องการเป็นอย่างมาก ส่วนตลาดค้าไม้กฤษณาขนาดใหญ่ที่สุดจะอยู่ที่ประเทศอินเดียและบังคลาเทศ
หลายคนอาจสงสัยอีกว่า "อาหรับเค้าฉีด พรมหรืออาบน้ำหอมมาหรือยังไงกันแน่?" ถึงได้หอมฉุนขนาดนั้น- ขอตอบเลยว่า - น้ำหอมที่สกัดจากไม้กฤษณาเพรียวๆ นั้นมีความหอมติดทนมาก เพียงแค่การแต้มเพียงนิดเดียวใส่ข้อมือ ก็จะติดหอมไปได้ 2-3 วันกันทีเดียว ผมเคยมีประสบการณ์โดนอาหรับโอมานแต้มกลิ่นที่ว่านี้มาแล้วครับ ผ่านไป 3 วันก็ยังติดเสื้ออยู่ ขนาดซักเสื้อแล้วยังมีกลิ่นอยู่เลยครับ - มันติดทนนานจริงๆ ครับ
ส่วนท่านผู้อ่านที่ต้องการหาซื้อหรือลิ้มหอมกลิ่นอู๊ด ก็สามารถไปหาดมหาซื้อได้ที่ย่านอาหรับในกรุงเทพ แถวซอยนานา ซ. 3 ได้ครับ - มีหลายร้านกันเลยทีเดียว (จบ)
** อ่านเสร็จ ช่วยคอมเมนท์กระทู้กันด้วยนะครับ - ขอบคุณครับ
Imron - เขียน