บมจ.ผาแดงอินดัสทรี (PDI) โชว์สุดยอดผลงาน ไตรมาส 1/60 กำไรสุทธิ 313 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมาก จากช่วงเดียวกันปีก่อน และค่าพรีเมียมจากการขายที่ยังสูง ผลจากการเพิ่มขึ้นอย่างมากของราคาโลหะสังกะสีโลก และค่าพรีเมียมจากการขาย
นายฟรานซิส แวนเบลเลน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) (PDI) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดไตรมาสแรกของปี 2560 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2560 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้าและบริการ 1,517 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 25 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการ 1,217 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 313 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 282 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 30 ล้านบาท
สำหรับสาเหตุหลักที่รายได้และกำไรของบริษัทฯ ในไตรมาส 1/2560 ปรับตัวเพิ่มขึ้นดีมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องมาจากราคาโลหะสังกะสีโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยราคาเฉลี่ยไตรมาสแรกปีนี้อยู่ที่ 2,781 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 66 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนซึ่งเฉลี่ยที่ 1,676 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ประกอบกับรับรู้รายได้จำนวน 59 ล้านบาทจากการขายหุ้นทั้งหมดในบริษัท แม่สอดพลังงานสะอาด จำกัด ซึ่งพีดีไอถือหุ้นร้อยละ 35 รวมทั้งรับรู้รายได้จากธุรกิจใหม่โรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มแม่ระมาด ที่จังหวัดตาก
นายฟรานซิสกล่าวต่อว่า หากราคาโลหะสังกะสีโลกในปี 2560 ยังคงปรับตัวสูงต่อเนื่องอยู่ในระดับ 2,800 -2,900 ดอลลาร์สหรัฐ จะส่งผลดีต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปีนี้ ทำให้เชื่อมั่นว่า แนวโน้มผลประกอบการปี 2560 กำไรสุทธิจะยังเติบโตมากและมีโอกาสสร้างสถิติใหม่อีกครั้ง เนื่องจากในปีนี้บริษัทฯ ยังมีโลหะสังกะสีที่ผลิตจากแร่แม่สอดซึ่งมีต้นทุนต่ำอยู่อีกจำนวนกว่า 30,000 ตัน ซึ่งจะได้รับอานิสงส์จากราคาเฉลี่ยสังกะสีโลกที่ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก นอกจากนี้พีดีไอยังมีรายได้จากธุรกิจพลังไฟฟ้าแสงอาทิตย์ (Solar Farm) จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งแรกที่ญี่ปุ่นขนาด 2.27 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มแม่ระมาดที่จังหวัดตาก ขนาดกำลังการผลิต 6.5 เมกะวัตต์ รวมถึงโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศญี่ปุ่นแห่งที่สองขนาด 10.73 เมกะวัตต์ ซึ่งตอนนี้มีความคืบหน้าตามแผน คาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตในเชิงพาณิชย์ COD ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ด้วย”
สำหรับโครงการในส่วนของธุรกิจการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมและวัสดุรีไซเคิลอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาและออกแบบทางด้านเทคนิคและขั้นตอนการเตรียมการขอใบอนุญาต พีดีไอยังคงดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อสรรหาโครงการลงทุนในธุรกิจที่มีผลตอบแทนที่ดีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอื่นๆ และมีความเสี่ยงที่ยอมรับได้ โดยมุ่งเน้นในธุรกิจพลังงานทดแทน บริหารจัดการสิ่งแวดล้อมและวัสดุรีไซเคิล รวมถึงการเข้าซื้อกิจการที่น่าสนใจก็อยู่ในการพิจารณาลงทุนของบริษัทฯ เช่นกัน
PDI โชว์สุดยอดผลงาน Q1/60 กำไร 313 ล้านบาท
นายฟรานซิส แวนเบลเลน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) (PDI) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดไตรมาสแรกของปี 2560 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2560 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้าและบริการ 1,517 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 25 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการ 1,217 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 313 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 282 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 30 ล้านบาท
สำหรับสาเหตุหลักที่รายได้และกำไรของบริษัทฯ ในไตรมาส 1/2560 ปรับตัวเพิ่มขึ้นดีมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องมาจากราคาโลหะสังกะสีโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยราคาเฉลี่ยไตรมาสแรกปีนี้อยู่ที่ 2,781 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 66 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนซึ่งเฉลี่ยที่ 1,676 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ประกอบกับรับรู้รายได้จำนวน 59 ล้านบาทจากการขายหุ้นทั้งหมดในบริษัท แม่สอดพลังงานสะอาด จำกัด ซึ่งพีดีไอถือหุ้นร้อยละ 35 รวมทั้งรับรู้รายได้จากธุรกิจใหม่โรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มแม่ระมาด ที่จังหวัดตาก
นายฟรานซิสกล่าวต่อว่า หากราคาโลหะสังกะสีโลกในปี 2560 ยังคงปรับตัวสูงต่อเนื่องอยู่ในระดับ 2,800 -2,900 ดอลลาร์สหรัฐ จะส่งผลดีต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปีนี้ ทำให้เชื่อมั่นว่า แนวโน้มผลประกอบการปี 2560 กำไรสุทธิจะยังเติบโตมากและมีโอกาสสร้างสถิติใหม่อีกครั้ง เนื่องจากในปีนี้บริษัทฯ ยังมีโลหะสังกะสีที่ผลิตจากแร่แม่สอดซึ่งมีต้นทุนต่ำอยู่อีกจำนวนกว่า 30,000 ตัน ซึ่งจะได้รับอานิสงส์จากราคาเฉลี่ยสังกะสีโลกที่ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก นอกจากนี้พีดีไอยังมีรายได้จากธุรกิจพลังไฟฟ้าแสงอาทิตย์ (Solar Farm) จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งแรกที่ญี่ปุ่นขนาด 2.27 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มแม่ระมาดที่จังหวัดตาก ขนาดกำลังการผลิต 6.5 เมกะวัตต์ รวมถึงโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศญี่ปุ่นแห่งที่สองขนาด 10.73 เมกะวัตต์ ซึ่งตอนนี้มีความคืบหน้าตามแผน คาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตในเชิงพาณิชย์ COD ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ด้วย”
สำหรับโครงการในส่วนของธุรกิจการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมและวัสดุรีไซเคิลอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาและออกแบบทางด้านเทคนิคและขั้นตอนการเตรียมการขอใบอนุญาต พีดีไอยังคงดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อสรรหาโครงการลงทุนในธุรกิจที่มีผลตอบแทนที่ดีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอื่นๆ และมีความเสี่ยงที่ยอมรับได้ โดยมุ่งเน้นในธุรกิจพลังงานทดแทน บริหารจัดการสิ่งแวดล้อมและวัสดุรีไซเคิล รวมถึงการเข้าซื้อกิจการที่น่าสนใจก็อยู่ในการพิจารณาลงทุนของบริษัทฯ เช่นกัน