จขกท. เคยคิดนะว่า ถ้าไม่กินของแพง กินแต่ตามสั่งหรือทำอาหารกินเอง ไม่จำเป็นต้องมีมื้อพิเศษ, ไม่ซื้อเกม หรือซื้อตอนเกมลดราคาหนักๆค่อยซื้อ, ไม่เที่ยวกับเพื่อนมากนัก เช่น ไปทีก็ประมาณ 800 บาท, เสียค่าเน็ตบ้านแพงๆ กับเน็ตมือถือแพง, ดูหนังก็เช่นกัน
เพราะที่บ้านก็เคยว่าใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือยเหมือนกัน โดยเฉพาะกับการกิน(ที่บ้านชอบบอกว่ากลับมากินข้าวบ้านเถอะ ประหยัดกว่ากันเยอะ ถ้าจะกินไว้ไปกินกับครอบครัวก็ได้ แต่อาหารที่จะกินที่บ้านไม่กินกัน เช่น ปิ้งย่าง ชาบู สุกี้ยากี้ ปลาดิบ) และเกม(ที่โดนว่าโตจนทำงานแล้ว ยังเล่นเกมเหมือนเด็กอยู่ได้ ทั้งๆที่เก็บเงินซื้อเองทุกอย่าง) หรือแม้กระทั่งดูหนังก็ยังโดนว่า ค่าหนังตั้ง 200 กว่า หรือวันพุธลดเหลือ 100 กว่าก็ยังมองว่าแพงอยู่ดี เพราะการที่เราไปดูหนังนั้น ก็ต้องเสียค่าของกินข้าวก่อนอยู่แล้ว (ถ้าดูวันพุธ)
ไม่นับพวก pop corn เครื่องดื่มหน้าโรงที่ไม่ค่อยจะซื้อกินอยู่แล้ว
เลยคิดว่าถ้าทำตามนั้นได้หมดจะมีเงินเพิ่มเก็บเท่าไร โดยยอมสูญเสียความสุขที่เคยได้ไปแค่ช่วงแรก แล้วเดี๋ยวก็ชินเอง
ปล. ทำงานแล้วนะครับ
ถ้าเราไม่ใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือยจะมีเงินเก็บเพิ่มอีกเดือนละเท่าไร
เพราะที่บ้านก็เคยว่าใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือยเหมือนกัน โดยเฉพาะกับการกิน(ที่บ้านชอบบอกว่ากลับมากินข้าวบ้านเถอะ ประหยัดกว่ากันเยอะ ถ้าจะกินไว้ไปกินกับครอบครัวก็ได้ แต่อาหารที่จะกินที่บ้านไม่กินกัน เช่น ปิ้งย่าง ชาบู สุกี้ยากี้ ปลาดิบ) และเกม(ที่โดนว่าโตจนทำงานแล้ว ยังเล่นเกมเหมือนเด็กอยู่ได้ ทั้งๆที่เก็บเงินซื้อเองทุกอย่าง) หรือแม้กระทั่งดูหนังก็ยังโดนว่า ค่าหนังตั้ง 200 กว่า หรือวันพุธลดเหลือ 100 กว่าก็ยังมองว่าแพงอยู่ดี เพราะการที่เราไปดูหนังนั้น ก็ต้องเสียค่าของกินข้าวก่อนอยู่แล้ว (ถ้าดูวันพุธ)
ไม่นับพวก pop corn เครื่องดื่มหน้าโรงที่ไม่ค่อยจะซื้อกินอยู่แล้ว
เลยคิดว่าถ้าทำตามนั้นได้หมดจะมีเงินเพิ่มเก็บเท่าไร โดยยอมสูญเสียความสุขที่เคยได้ไปแค่ช่วงแรก แล้วเดี๋ยวก็ชินเอง
ปล. ทำงานแล้วนะครับ