สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
อ่านแล้วก็เข้า จขกท. นะคะ ผู้หญิงมีเลเวลความนอยด์ ความจิก ความประสาทเสีย ในตัวเองกันค่อนข้างสูง ส่วนตัวเราก็เป็นค่ะ เพื่อนๆเราก็เป็นกัน อยู่ในวัยทำงาน 30++ กันหมดแล้วด้วยนะ ด้านวัยวุฒิควรทำให้เรานิ่งขึ้นใช่ไหม แต่บางทีมันก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไปหรอกค่ะ 555+
คบกับแฟนคนปัจจุบันมาจะ 3 ปีแล้ว ตอนคบกันแรกๆเวลาเราโทรไปหาเขาแล้วเขาไม่รับสาย เรานี่โกรธมากกกกกกกกกกก พอเขาโทรกลับเราก็จะงอน พูดจาประชดประชัน ทำนองว่า "ถ้าฉันโทรหาแล้วไม่รับ แล้วฉันกำลังอยู่ในเหตุการณ์ฉุกเฉิน ฉันคงตายไปแล้ว"... ประสาทมะ 5555+ แฟนเราเขาหาว่าเราบ้าค่ะ เขาบอกว่าเรื่องแค่นี้เอามาเป็นประเด็นเพื่อ??? บางทีคนเราก็ติดธุระ เผลอหลับ ไม่ได้พกมือถือ จะมาดราม่าหาอะไร ..... มองย้อนกลับไปเราก็ว่ามันโอเวอร์ เล่นใหญ่รัชดาลัยเธียเตอร์มาก หาสาระไม่ได้ จนปัจจุบัน เป็นเราที่ไม่ค่อยได้ยินโทรศัพท์ ไม่ค่อยรับ กว่าจะโทรกลับก็ 2-3 ชม. ให้หลัง จนแฟนพูดประชดว่า "ถ้าฉันมีเหตุฉุกเฉินแล้วโทรหาเธอ ฉันคงตายไปแล้ว"....เราขำก๊ากเลย...เออ มันปญอ.จริงๆ ... แต่เขาเองก็ปรับพฤติกรรมเหมือนกัน โทรกลับหาเราเร็วขึ้น รับสายเราตลอดถ้าไม่ติดอะไร และถ้าเราไม่ติดต่อไปเกิน 12 ชม. เขาจะโทรหาเรา สงสัยกลัวเราเจอเหตุฉุกเฉินใกล้ตาย
เรื่องจิกเราก็เคยเป็นค่ะ ไปไหน กับใคร อะไร ทำไม กี่โมง....จนเขาอึดอัด จนทำให้ความสัมพันธ์มีปัญหา เพราะเราก้าวก่ายชีวิตเขามากเกินไป บางทีเขาเลือกจะไม่รับสายเราถ้าอยู่ข้างนอกบ้านกับเพื่อนๆ ทะเลาะกันไปหลายยก เกือบจะเลิกกันถาวรก็มี เพราะเขาไม่ต้องการรายงานตัว แต่หลังๆเราไม่ตามเลยค่ะ ไม่ถาม ไม่ยุ่ง อยากบอกก็บอก ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก เราเองก็เลยเป็นคล้ายๆเขา จะไปไหนทำอะไรก้ไม่ได้บอก ไม่ได้รายงาน บางทีเขาก็เคืองๆที่ไม่รู้ล่วงหน้า แต่เรา 2 คนก็ไม่ได้ไปทำอะไรเสื่อมเสียค่ะ แค่ออกไปกินข้าวนอกบ้านกับเพื่อนๆแล้วไม่ได้บอก แต่เรื่องใหญ่ๆเช่นไป ตปท. การลงทุน หรือซื้อสินค้าที่มีมูลค่าสูงๆ จะบอกกล่าวกัน มีการถามความคิดเห็นกัน
เพื่อนเราบางคนก็เป็นคนช่างจิก ทะเลาะกับแฟนแทนที่จะต่างฝ่ายต่างแยกกันไปสงบอารมณ์ โนววววว์ นางจะต้องโทรจิกๆๆๆ คุยกันเดี๋ยวนี้ ตอนนี้ มาหาฉัน ณ บัดนาว เราต้องคุยกันนนนน แต่อีกฝ่ายไม่พร้อมจะเจอ ก็เลยยิ่งหนี กลายเป็นปรี๊ดแตกเข้าไปอีก ทีนี้ก็อาละวาดทุกช่องทางการสื่อสาร ไอ้ฝ่ายที่หนีก็ยิ่งไม่อยากคุย ม่วนคักๆ
เราว่าจริงๆแล้ว ความสัมพันธ์จะไปได้รอด คน 2 คนต้องมีความไว้ใจกันดับนึง ต่างฝ่ายต่างเคารพกันและกัน เพียงเพราะเขาบอกว่าชอบ/รักเรา ไม่ได้แปลว่าเราได้ตำแหน่งเจ้าชีวิตของเขา ถ้าจะทำ/พูดอะไรออกมาโดยไม่คำนึงความรู้สึกของอีกฝ่ายระวังจะย้อนกลับมาแทงตัวเองทีหลัง ทั้งนี้ แต่ละคนแสดงความรักออกมาต่างวิธี ซึ่งวิธีของเขาอาจจะไม่ถูกใจเราซะทีเดียว และวิธีของเราก็อาจจะไม่ใช่แนวของเขาอีก เหมือนเราซื้อของขวัญให้เพื่อน เราจะเลือกซื้อสิ่งที่เพื่อนชอบ/ต้องการจริงๆ หรือเลือกซื้อสิ่งที่เรา "คิดว่า" เพื่อนชอบ/ต้องการ....เอาใครเป็นหลัก... หรือเจอกันตรงกลาง
ทุกวันนี้เรากับแฟนปรับเข้าหากันได้เยอะพอสมควร เราเลิกเยอะใส่เขา เขาก็ใส่ใจเรามากขึ้น เพราะเราไม่ได้ไปนั่งแหกปากเรียกร้องความสนใจเหมือนแต่ก่อน เขาก็ไม่รู้สึกถูกกดดันที่ต้องแสร้งแสดงอะไรออกมาเพื่อเอาใจเรา และทุกอย่างที่เขาทำ จะเป็นสิ่งที่เขารู้สึกอยากทำเอง เราสัมผัสได้ว่ารักกันมากขึ้น เพราะเราเว้นพื้นที่ให้เขาได้หายใจ พอไม่มีเราอยู่ข้างๆนานๆ ก็งอแงเรียกหาเอง มาเอาใจเรามากขึ้นด้วย วันไหนเรานิ่งๆเขาก็เริ่มนอยด์ว่าเราไม่รัก 555 แต่เราก็เอาใจเขานะคะ ตามใจเท่าที่เราไหว มันเลยลงตัวกันมากขึ้น ต่างฝ่ายต่างไม่ฝืนตัวเอง
เรียนรู้สิ่งต่างๆไว้เป็นบทเรียนค่ะ ปรับใช้ในอนคต รู้เท่าทันอารมณ์ตัวเอง เอาใจเขามาใส่ใจเรา
สู้ๆ
คบกับแฟนคนปัจจุบันมาจะ 3 ปีแล้ว ตอนคบกันแรกๆเวลาเราโทรไปหาเขาแล้วเขาไม่รับสาย เรานี่โกรธมากกกกกกกกกกก พอเขาโทรกลับเราก็จะงอน พูดจาประชดประชัน ทำนองว่า "ถ้าฉันโทรหาแล้วไม่รับ แล้วฉันกำลังอยู่ในเหตุการณ์ฉุกเฉิน ฉันคงตายไปแล้ว"... ประสาทมะ 5555+ แฟนเราเขาหาว่าเราบ้าค่ะ เขาบอกว่าเรื่องแค่นี้เอามาเป็นประเด็นเพื่อ??? บางทีคนเราก็ติดธุระ เผลอหลับ ไม่ได้พกมือถือ จะมาดราม่าหาอะไร ..... มองย้อนกลับไปเราก็ว่ามันโอเวอร์ เล่นใหญ่รัชดาลัยเธียเตอร์มาก หาสาระไม่ได้ จนปัจจุบัน เป็นเราที่ไม่ค่อยได้ยินโทรศัพท์ ไม่ค่อยรับ กว่าจะโทรกลับก็ 2-3 ชม. ให้หลัง จนแฟนพูดประชดว่า "ถ้าฉันมีเหตุฉุกเฉินแล้วโทรหาเธอ ฉันคงตายไปแล้ว"....เราขำก๊ากเลย...เออ มันปญอ.จริงๆ ... แต่เขาเองก็ปรับพฤติกรรมเหมือนกัน โทรกลับหาเราเร็วขึ้น รับสายเราตลอดถ้าไม่ติดอะไร และถ้าเราไม่ติดต่อไปเกิน 12 ชม. เขาจะโทรหาเรา สงสัยกลัวเราเจอเหตุฉุกเฉินใกล้ตาย
เรื่องจิกเราก็เคยเป็นค่ะ ไปไหน กับใคร อะไร ทำไม กี่โมง....จนเขาอึดอัด จนทำให้ความสัมพันธ์มีปัญหา เพราะเราก้าวก่ายชีวิตเขามากเกินไป บางทีเขาเลือกจะไม่รับสายเราถ้าอยู่ข้างนอกบ้านกับเพื่อนๆ ทะเลาะกันไปหลายยก เกือบจะเลิกกันถาวรก็มี เพราะเขาไม่ต้องการรายงานตัว แต่หลังๆเราไม่ตามเลยค่ะ ไม่ถาม ไม่ยุ่ง อยากบอกก็บอก ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก เราเองก็เลยเป็นคล้ายๆเขา จะไปไหนทำอะไรก้ไม่ได้บอก ไม่ได้รายงาน บางทีเขาก็เคืองๆที่ไม่รู้ล่วงหน้า แต่เรา 2 คนก็ไม่ได้ไปทำอะไรเสื่อมเสียค่ะ แค่ออกไปกินข้าวนอกบ้านกับเพื่อนๆแล้วไม่ได้บอก แต่เรื่องใหญ่ๆเช่นไป ตปท. การลงทุน หรือซื้อสินค้าที่มีมูลค่าสูงๆ จะบอกกล่าวกัน มีการถามความคิดเห็นกัน
เพื่อนเราบางคนก็เป็นคนช่างจิก ทะเลาะกับแฟนแทนที่จะต่างฝ่ายต่างแยกกันไปสงบอารมณ์ โนววววว์ นางจะต้องโทรจิกๆๆๆ คุยกันเดี๋ยวนี้ ตอนนี้ มาหาฉัน ณ บัดนาว เราต้องคุยกันนนนน แต่อีกฝ่ายไม่พร้อมจะเจอ ก็เลยยิ่งหนี กลายเป็นปรี๊ดแตกเข้าไปอีก ทีนี้ก็อาละวาดทุกช่องทางการสื่อสาร ไอ้ฝ่ายที่หนีก็ยิ่งไม่อยากคุย ม่วนคักๆ
เราว่าจริงๆแล้ว ความสัมพันธ์จะไปได้รอด คน 2 คนต้องมีความไว้ใจกันดับนึง ต่างฝ่ายต่างเคารพกันและกัน เพียงเพราะเขาบอกว่าชอบ/รักเรา ไม่ได้แปลว่าเราได้ตำแหน่งเจ้าชีวิตของเขา ถ้าจะทำ/พูดอะไรออกมาโดยไม่คำนึงความรู้สึกของอีกฝ่ายระวังจะย้อนกลับมาแทงตัวเองทีหลัง ทั้งนี้ แต่ละคนแสดงความรักออกมาต่างวิธี ซึ่งวิธีของเขาอาจจะไม่ถูกใจเราซะทีเดียว และวิธีของเราก็อาจจะไม่ใช่แนวของเขาอีก เหมือนเราซื้อของขวัญให้เพื่อน เราจะเลือกซื้อสิ่งที่เพื่อนชอบ/ต้องการจริงๆ หรือเลือกซื้อสิ่งที่เรา "คิดว่า" เพื่อนชอบ/ต้องการ....เอาใครเป็นหลัก... หรือเจอกันตรงกลาง
ทุกวันนี้เรากับแฟนปรับเข้าหากันได้เยอะพอสมควร เราเลิกเยอะใส่เขา เขาก็ใส่ใจเรามากขึ้น เพราะเราไม่ได้ไปนั่งแหกปากเรียกร้องความสนใจเหมือนแต่ก่อน เขาก็ไม่รู้สึกถูกกดดันที่ต้องแสร้งแสดงอะไรออกมาเพื่อเอาใจเรา และทุกอย่างที่เขาทำ จะเป็นสิ่งที่เขารู้สึกอยากทำเอง เราสัมผัสได้ว่ารักกันมากขึ้น เพราะเราเว้นพื้นที่ให้เขาได้หายใจ พอไม่มีเราอยู่ข้างๆนานๆ ก็งอแงเรียกหาเอง มาเอาใจเรามากขึ้นด้วย วันไหนเรานิ่งๆเขาก็เริ่มนอยด์ว่าเราไม่รัก 555 แต่เราก็เอาใจเขานะคะ ตามใจเท่าที่เราไหว มันเลยลงตัวกันมากขึ้น ต่างฝ่ายต่างไม่ฝืนตัวเอง
เรียนรู้สิ่งต่างๆไว้เป็นบทเรียนค่ะ ปรับใช้ในอนคต รู้เท่าทันอารมณ์ตัวเอง เอาใจเขามาใส่ใจเรา
สู้ๆ
ความคิดเห็นที่ 7
คือเรามาพิมพ์กระทู้นี้เพื่อเตือนใจสาวๆหลายๆคน ไม่อยากให้ทำผิดซ้ำรอยเราน่ะค่ะ คือเราไม่ได้ผ่านความสัมพันธ์มาเยอะ มีแฟนแค่ 2 คน แล้วจริงๆจังๆแค่ คนเดียว พอมีใครเข้ามาเราบอกเลยเราทำตัวไม่ถูก วางตัวไม่เป็น
แต่พอเจอคนนี้ แล้วด้วยวัยเรา ทำให้เราหันมามองตัวเองมากขึ้น เห็นข้อผิดพลาดหลายๆอย่างของตัวเอง แล้วทุกวันนี้ก็เอามาปรับใช้ค่ะ
เราก็เชื่อนะคะ ว่าถ้ามีความสัมพันธ์ครั้งต่อไป เราคงจะทำมันได้ดีขึ้น เพราะเรารู้จุดอ่อน และข้อเสียตัวเองแล้ว แต่อาจแก้ไม่ได้หมด แต่ก็คงจะทำให้รู้เท่าทันปัญหาได้เร็วขึ้นค่ะ
แต่พอเจอคนนี้ แล้วด้วยวัยเรา ทำให้เราหันมามองตัวเองมากขึ้น เห็นข้อผิดพลาดหลายๆอย่างของตัวเอง แล้วทุกวันนี้ก็เอามาปรับใช้ค่ะ
เราก็เชื่อนะคะ ว่าถ้ามีความสัมพันธ์ครั้งต่อไป เราคงจะทำมันได้ดีขึ้น เพราะเรารู้จุดอ่อน และข้อเสียตัวเองแล้ว แต่อาจแก้ไม่ได้หมด แต่ก็คงจะทำให้รู้เท่าทันปัญหาได้เร็วขึ้นค่ะ
แสดงความคิดเห็น
ย้อนกลับมาดูพฤติกรรมตัวเองที่ทำให้ผู้ชายหนี
เรื่องราวมันก็เริ่มที่ตรงนี้ค่ะ
หลังจากเราเคลียร์กันเข้าใจเรียบร้อยแล้ว เราก็กลับมาคุยกัน และมุ้งมิ้งกว่าเดิมมากกกกกกกกกกกก เพราะคราวนี้เราก็สารภาพความในใจเราไปแล้วไง เค้าก็รู้แล้วว่าเราชอบ เค้าก็บอกว่าอยากขอเราเป็นแฟน แต่ตอนนั้นคุยผ่านกล้อง เราก็บอกว่า ไม่เอาหรอกนะมาขอเป็นแฟนผ่านกล้อง ต้องขอต่อหน้าเท่านั้น
แล้วระหว่างนั้นเราทั้งคู่ก็คุยกันทุกวัน ทั้งวัน เปิดกล้องกันทุกคืน แต่เราจะมาบรรยายพฤติกรรมของเราให้ผู้ชายเค้าสุดทน มีดังนี้
1. ขี้งอน
-จริงๆมันก็เป็นปกติของผู้หญิงนะคะ แต่ตอนนั้นเราคิดว่า เค้าเป็นลูกไก่ในกำมือแล้ว ไงเค้าก็ชอบชั้น เพราะฉะนั้น ชั้นจะทำอะไรก็ได้ เรามีเปลี่ยนรูปในFB แล้วก็มีแคปชั่นหวานๆ ซึ่งจริงๆจะสื่อถึงเค้าค่ะ แต่ว่ารูปนั้นเค้าไม่มากดlike เราก็แบบไรว่ะ ทำไมไม่กดเพราะชั้นลงรูปนี้ที่เธอเคยถ่ายชั้นว่าแล้วแคปชั่นหวานขนาดนี้ เราก็ไปเหวี่ยงใส่เลยค่าาาา ทำไมเธอไม่กดไลค์ชั้นรูปนี้อ่ะ นี่ชั้นลงเพราะเธอเลยนะ เค้าก็บอกว่า ไม่ทันเห็นจริงๆงานยุ่ง แต่สุดท้ายเค้าก็ไปกดนะคะ หรือ เค้าเคยโทรมาหาเราแล้วเราไม่ทันได้รับ แล้วเราโทรกลับเป็น10สาย เค้าก็ไม่รับ เพราะเค้านอนไปแล้ว เราก็งอนค่ะ ไม่ยอมทักเค้าตอนเช้า เค้าถามอะไรมาก็ตอบอึนๆ โดยเค้าก็ถามว่า เป็นอะไรรึเปล่า เราก็ตอบไปว่าไม่เป็นอะไร แต่จริงๆยังงอน สุดท้าย เราก็บอกทำไมไม่ง้อละ ชั้นงอนอยู่นะ แล้วเค้าก็บอกว่า อ้าวไหนบอกว่าไม่เป็นไร ชั้นถามเธอละนะ ว่าเป็นอะไรมั้ย งั้นเธอโกหกชั้นทำไมว่าไม่เป็นไร มีอะไรก็พูดสิ สุดท้ายเค้าเป็นฝ่ายโกรธเราแล้วเงียบไปนานหลายชั่วโมง
2. จิก
จากเหตุการณ์ข้างบน เวลาเค้างอน แทนที่เราจะให้เวลาเค้า เรากลับ จิกๆๆๆๆๆๆ เธอไม่ตอบชั้นในLine ชั้นก็ส่งข้อความทาง Whatsapp แทน และทุกๆสื่อช่องทาง แล้วก็ตำหนิว่า ทำไมเวลาโกรธ ต้องหายไปแบบนี้ด้วย มาคุยกันให้รู้เรื่องสิ ซึ่งพอย้อนกลับไปดูตัวเองตอนนั้น มันเป็นอะไรที่บ้ามากค่ะ
3. ตื้อ
ตอนช่วงที่เราคุยกัน เค้าจะมาเที่ยวสงกรานต์กับเพื่อนเค้าอีกคน(เมื่อปีก่อนนะคะ) มากันแค่สองคน ซึ่งเค้าก็บอกเราแล้วว่า ไม่แน่ใจจะเจอกันได้มั้ย เพราะเค้าห่วงความรู้สึกเพื่อนเค้า ว่าถ้ามีเราไปด้วย เพื่อนเค้าอาจกระอักกระอ่วนใจ แต่เราก็ตื้อๆๆๆๆๆ ไม่เป็นไร ชั้นไปด้วยนะ อยากไปกับเธอ ส่วนเพื่อนเธอชั้นเข้าด้วยได้อยู่แล้ว แต่พอมานั่งนึกก็แบบ เฮ้ย นั่นเพื่อนเค้าคบมาหลายสิบปี เป็นเพื่อนสนิทมากคนนึงของเค้า แล้วผู้ชายน่ะ เพื่อนมักสำคัญสุด เราเป็นใครมาแค่ไม่กี่เดือน แล้วก็ตื้อพูดทุกวี่วันว่าขอไปด้วย มานึกตอนนี้ผู้ชายเค้าคงรำคาญเราจริงๆแหละ
4.ดราม่า
ในหลายๆทีเวลาเปิดกล้องคุยกัน บางทีเราชอบคิดถึงสิ่งที่มันยังไม่เกิด คือคิดไปว่าเนี่ย ถ้าเป็นแฟนกันแล้วอยู่ไกลกันขนาดนี้จะทำยังไง อยากกอดก็ทำไมได้ บลาๆ คิดในหัวอยู่คนเดียว แล้วก็ร้องไห้ต่อหน้าเค้า โดยที่เค้ายังไม่รู้เลยว่าเราคิดอะไร เพราะเราก็ไม่ยอมบอก ได้แต่ร้องไห้หน้าเค้า จนทำให้เค้าเซ็ง วันๆนึงเปิดกล้องเจอกันแค่ไม่กี่สิบนาที อินี่มาร้องไห้บ้าบอไรไม่รู้ แทนที่จะคุยกันแบบแฮปปี้ๆ
5. บังคับ(ทางอ้อม)
พ่อหนุ่มเราเป็นคนที่ชอบปาร์ตี้กับเพื่อนๆมาก อาทิตย์นึง 2-3ครั้ง ซึ่งเราไม่ชอบ เพราะเรากลัวค่ะว่าง่ายๆ กลัวเค้าไปเจอสาวๆในที่เที่ยวแล้วไปจีบสาวคนใหม่ เวลาเค้าไปเที่ยว เค้าจะบอกเรานะ แต่เราจะพิมพ์หรือตอบกลับแบบไม่พอใจ พอเวลาเค้ากลับเค้าก็จะบอกเราว่าถึงบ้านแล้ว แต่ เราเองก็ไม่ตอบ เพราะงอนอยู่ คิดว่าการที่เราทำแบบนี้ อาจทำให้เค้าเปลี่ยนใจไม่ไปเที่ยวบ้างทางอ้อม ให้เค้ารู้สึกว่าถ้าเราไม่พอใจเค้าคงจะเปลี่ยนใจไม่ไป
6. ตามติดแจ
เรามักจะบอกว่า คืนนี้เปิดกล้องได้มั้ยๆๆๆ คือจริงๆเราแค่อยากเห็นหน้าเค้าอ่ะเนอะ ด้วยความคิดถึง แต่ด้วยงานของเค้าต้องตื่นเช้ามาก และเวลาบ้านเค้าเร็วกว่าไทย 1 ชม มันก็แปลว่าเค้าต้องนอนดึกขึ้น ส่วนใหญ่เราจะนอนพร้อมๆกัน แต่เราลืมนึกไปว่ามันทำให้เค้านอนดึกกว่าเรา แถมต้องตื่นเช้ากว่าเรา แถมงานเค้าก็หนักกว่าเรา แปลว่าการมีเรา มันทำให้เค้าต้องเหนื่อยและลำบากขึ้น แทนที่เราจะไปทำอะไรในชีวิตส่วนตัวเราบ้าง แต่กลายเป็นว่าตอนนั้นทั้งชีวิตเราคือเค้า จากปกติเราต้องไปออกกำลังกายตอนค่ำ เราก็เลิก เพราะอยากรีบกลับมาเปิดกล้องกับเค้า
หรือบางทีก็ขออ้อนๆเค้าว่าขอนอนเปิดกล้องทั้งคืน เพราะอยากเห็นหน้าเค้าตอนหลับ แต่หารู้ไม่ว่า เดือนนั้นค่าเน็ตเค้าปาไปเกือบหมื่น เพราะwifiในบ้านเค้าเสียพอดี แต่เค้าไม่ได้บอกเรา เราก็ดันไปคะยั้นคะยออยากเปิดกล้องนอนทั้งคืนใส่เค้า
แล้วสุดท้ายเค้ามาหาเราที่ไทย เพื่อบอกเราว่า... ชั้นคงคบกับเธอไม่ได้ เพราะ เค้ารู้สึกอึดอัดมากตลอด2-3เดือน ทำให้เค้าไม่เป็นตัวของตัวเอง
สุดท้าย เราก็แยกย้ายจากกันได้ โดยที่ แค่คำว่าเป็นเพื่อน เราก็เป็นด้วยกันไม่ได้ค่ะ คือ เรายอมรรับตอนนั้นเราก็โกรธเค้ามาก แต่สุดท้าย เราก็เข้าใจแล้วว่า
เป็นเพราะเราเองด้วย จากความงี่เง่าทั้งหมดของเรา ที่เราบอกมาข้างต้น ก็ไม่แปลกที่ผู้ชายเค้าจะเทเรา ขนาดตัวเราเองมาย้อนและทบทวนสิ่งที่เราเคยทำไว้ เรายังรู้สึกรังเกียจตัวเองเลย ก็ต้องขอขอบคุณเค้าในความอดทนที่มีให้มาหลายเดือนกับเราค่ะ