เหล่าคุณพยาบาลในโรงพยาบาลรัฐ จิตใจของคุณทำมาจากอะไรกัน ถึงได้อึดถึกทนขนาดนี้
ผมขอคารวะจากใจ
(จั่วหัวกระทู้เรียกตีนมากไปไหมหว่า)
วันนี้ข่าวใหญ่ข่าวหนึ่งในวงการสาธารณสุขบ้านเรา คือ การไม่อนุมัติบรรจุพยาบาลเป็นข้าราชการเลย จำนวนกว่า 10,000 ตำแหน่ง
ก็เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันใน Social Network กันอย่างมาก โดยหลายคนให้ความเห็นใจ ให้กำลังใจ และ...ด่าทอ
ผมเองก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่ใกล้ชิดพยาบาล แม้จะไม่ได้ทำงานในสายนี้เอง แต่ก็ได้เห็นภาพชัดเจนมาก
ทั้งพยาบาลในโรงพยาบาลรัฐ หรือโรงพยาบาลเอกชน ว่ามีความหนักและเหนื่อยไม่ต่างกัน การขาดแคลนของบุคลากรก็ไม่ต่างกันมาก
แต่ก็เข้าใจได้ในระดับหนึ่ง สำหรับโรงพยาบาลเอกชน ว่ามีระบบการบริหารที่ดีกว่า ช่วยเหลืองานได้ในระดับหนึ่ง และเงินเดือนและสวัสดิการที่ดีกว่ามาก
เลยพอที่จะรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ของชีวิตได้ระดับหนึ่ง
แต่พอหันมามองพยาบาลในโรงพยาบาลรัฐ มันแทบจะเป็นอีกโลกหนึ่งที่ต่างกันไปเลย ไม่ว่าจะเป็นคนไข้ที่ไม่เข้าใจถึงคำที่ว่า
"งานพยาบาลคืองานบริบาลไม่ใช่บริการ" คนไข้ ญาติ คนข้างเคียง เรียกใช้ในระดับคนใช้ในบ้านเลยทีเดียว พยาบาล 1 คน แทบจะต้องรับผิดชอบคนไข้เฉลี่ยละ 10-20 คน
และการเจอ "คนไข้ผู้น่ารัก" สักคนเดียวก็เรียกว่า
แล้ว แต่พวกคุณยังทนกันมันได้
สถานะของพยาบาลในโรงพยาบาลรัฐ คือ ลูกจ้าง เท่ากับว่า ไม่ใช้ข้าราชการ ไม่มีสวัสดิการของข้าราชการ ไม่เหมือนหมอที่มีสิทธิ์ไปถึง พ่อแม่ลูกเมีย แต่พยาบาลมีเพียงประกันสังคมที่เท่านั้น รายได้ก็น้อยกว่าพนักงานออฟฟิศทั่วไปเสียอีก ถ้าไม่คิดรับจ๊อบงานเพิ่ม ก็แทบไม่มีใช้จ่ายส่วนตัว และมีวันหยุดที่ไม่สามารถหยุดได้ (ดูแลพ่อแม่คนอื่นที่ป่วยได้ดี แต่พอถึงทีพ่อแม่เราป่วยกลับไม่สามารถไปดูแลได้) น่าเศร้าดีนะ
และยิ่งเปิดข่าวเจอเกี่ยวกับปัญหาในโรงพยาบาล ห้องฉุกเฉิน หลายๆ Comment ก็เป็นไปในลักษณะเดียวกัน คือ มีการนำเอาประสบการณ์ของตนเอง หรือได้ยินมาเอง มาแชร์ต่อ ถึงจะเป็นการลงข่าวผลงานดีๆ เชื่อเถอะ มันจะมีคนเอา Comment ลบๆ แบบนี้มาขัดทุกครั้งไป ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไปทำไม
หลายคนอาจเถียงว่า ที่พยาบาลโรงพยาบาลรัฐยังอยู่ เพราะไม่มีที่ไป ก็ต้องขอบอกว่าทุกวันนี้ พยาบาลสามารถไปทำอะไรต่ออะไรได้หลายอย่างมาก
ยังไงเสีย บุคลากรในโรงพยาบาลเอกชน ก็ยังขาดไม่เพียงพอ หรือจะออกไปเป็นพยาบาล Freelance วิ่งรับ Job ตามโรงพยาบาลหรือรับจ้างดูแลผู้ป่วยตามบ้าน ตามห้องพัก ก็ยังได้ หลายคนออกไปเป็น Sale ขายยา อุปกรณ์ก็ได้
แต่หลายคนก็ไม่ไปไหน เพราะติดห่วงใยคนไข้ เห็นมาหลายคนแล้วเหนื่อยแต่ไปไหนไม่ได้ เพราะรักและผูกพัน แต่...ในหลายคน คนไข้ที่เธอดูแลแว้งกัดแบบเจ็บปวด
จริงอยู่ ที่พยาบาลหลายคนก็ประพฤติตัวไม่ดี เสียงดัง มารยาทแย่ แต่ถ้ามองในภาพรวมแล้ว คนที่เป็นพยาบาลโดยส่วนใหญ่ ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีไม่ใช่หรือครับ ในประเทศที่หาหมอง่ายยิ่งกว่าซื้อไอติม ทั้งที่ประเทศพัฒนาแล้วกลับหาหมอได้ยากกว่า การที่เราคนไทยยังอยู่ในสังคมที่ระบบสาธารณสุขยังไม่ล่ม ก็ต้องขอบคุณบุคลากรในสายงานทั้งหมด จะหมอ พยาบาล ผู้ช่วย เภสัช หรือใครต่อใคร
แต่พออ่าน Comment หลายอย่างแล้ว ผมว่าพยาบาลเองก็คงได้อ่าน ได้รู้กันบ้าง แต่ยังออกมาทำงานกันได้
จิตใจพวกคุณทำด้วยอะไรครับ
เหล่าคุณพยาบาลในโรงพยาบาลรัฐ จิตใจคุณทำด้วยอะไร?
ผมขอคารวะจากใจ
(จั่วหัวกระทู้เรียกตีนมากไปไหมหว่า)
วันนี้ข่าวใหญ่ข่าวหนึ่งในวงการสาธารณสุขบ้านเรา คือ การไม่อนุมัติบรรจุพยาบาลเป็นข้าราชการเลย จำนวนกว่า 10,000 ตำแหน่ง
ก็เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันใน Social Network กันอย่างมาก โดยหลายคนให้ความเห็นใจ ให้กำลังใจ และ...ด่าทอ
ผมเองก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่ใกล้ชิดพยาบาล แม้จะไม่ได้ทำงานในสายนี้เอง แต่ก็ได้เห็นภาพชัดเจนมาก
ทั้งพยาบาลในโรงพยาบาลรัฐ หรือโรงพยาบาลเอกชน ว่ามีความหนักและเหนื่อยไม่ต่างกัน การขาดแคลนของบุคลากรก็ไม่ต่างกันมาก
แต่ก็เข้าใจได้ในระดับหนึ่ง สำหรับโรงพยาบาลเอกชน ว่ามีระบบการบริหารที่ดีกว่า ช่วยเหลืองานได้ในระดับหนึ่ง และเงินเดือนและสวัสดิการที่ดีกว่ามาก
เลยพอที่จะรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ของชีวิตได้ระดับหนึ่ง
แต่พอหันมามองพยาบาลในโรงพยาบาลรัฐ มันแทบจะเป็นอีกโลกหนึ่งที่ต่างกันไปเลย ไม่ว่าจะเป็นคนไข้ที่ไม่เข้าใจถึงคำที่ว่า "งานพยาบาลคืองานบริบาลไม่ใช่บริการ" คนไข้ ญาติ คนข้างเคียง เรียกใช้ในระดับคนใช้ในบ้านเลยทีเดียว พยาบาล 1 คน แทบจะต้องรับผิดชอบคนไข้เฉลี่ยละ 10-20 คน
และการเจอ "คนไข้ผู้น่ารัก" สักคนเดียวก็เรียกว่า แล้ว แต่พวกคุณยังทนกันมันได้
สถานะของพยาบาลในโรงพยาบาลรัฐ คือ ลูกจ้าง เท่ากับว่า ไม่ใช้ข้าราชการ ไม่มีสวัสดิการของข้าราชการ ไม่เหมือนหมอที่มีสิทธิ์ไปถึง พ่อแม่ลูกเมีย แต่พยาบาลมีเพียงประกันสังคมที่เท่านั้น รายได้ก็น้อยกว่าพนักงานออฟฟิศทั่วไปเสียอีก ถ้าไม่คิดรับจ๊อบงานเพิ่ม ก็แทบไม่มีใช้จ่ายส่วนตัว และมีวันหยุดที่ไม่สามารถหยุดได้ (ดูแลพ่อแม่คนอื่นที่ป่วยได้ดี แต่พอถึงทีพ่อแม่เราป่วยกลับไม่สามารถไปดูแลได้) น่าเศร้าดีนะ
และยิ่งเปิดข่าวเจอเกี่ยวกับปัญหาในโรงพยาบาล ห้องฉุกเฉิน หลายๆ Comment ก็เป็นไปในลักษณะเดียวกัน คือ มีการนำเอาประสบการณ์ของตนเอง หรือได้ยินมาเอง มาแชร์ต่อ ถึงจะเป็นการลงข่าวผลงานดีๆ เชื่อเถอะ มันจะมีคนเอา Comment ลบๆ แบบนี้มาขัดทุกครั้งไป ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไปทำไม
หลายคนอาจเถียงว่า ที่พยาบาลโรงพยาบาลรัฐยังอยู่ เพราะไม่มีที่ไป ก็ต้องขอบอกว่าทุกวันนี้ พยาบาลสามารถไปทำอะไรต่ออะไรได้หลายอย่างมาก
ยังไงเสีย บุคลากรในโรงพยาบาลเอกชน ก็ยังขาดไม่เพียงพอ หรือจะออกไปเป็นพยาบาล Freelance วิ่งรับ Job ตามโรงพยาบาลหรือรับจ้างดูแลผู้ป่วยตามบ้าน ตามห้องพัก ก็ยังได้ หลายคนออกไปเป็น Sale ขายยา อุปกรณ์ก็ได้
แต่หลายคนก็ไม่ไปไหน เพราะติดห่วงใยคนไข้ เห็นมาหลายคนแล้วเหนื่อยแต่ไปไหนไม่ได้ เพราะรักและผูกพัน แต่...ในหลายคน คนไข้ที่เธอดูแลแว้งกัดแบบเจ็บปวด
จริงอยู่ ที่พยาบาลหลายคนก็ประพฤติตัวไม่ดี เสียงดัง มารยาทแย่ แต่ถ้ามองในภาพรวมแล้ว คนที่เป็นพยาบาลโดยส่วนใหญ่ ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีไม่ใช่หรือครับ ในประเทศที่หาหมอง่ายยิ่งกว่าซื้อไอติม ทั้งที่ประเทศพัฒนาแล้วกลับหาหมอได้ยากกว่า การที่เราคนไทยยังอยู่ในสังคมที่ระบบสาธารณสุขยังไม่ล่ม ก็ต้องขอบคุณบุคลากรในสายงานทั้งหมด จะหมอ พยาบาล ผู้ช่วย เภสัช หรือใครต่อใคร
แต่พออ่าน Comment หลายอย่างแล้ว ผมว่าพยาบาลเองก็คงได้อ่าน ได้รู้กันบ้าง แต่ยังออกมาทำงานกันได้ จิตใจพวกคุณทำด้วยอะไรครับ