ผมรับราชการครับ เป็นอันรู้กันว่าข้าราชการมีสวัสดิการในการรักษาพยาบาลทั้งตัวเอง คู่สมรส บุตร บิดามารดา ด้วยความที่ผมต้องการจะใช้สิทธิในการรักษาพยาบาลจึงไม่นิยมที่จะเข้าโรงพยาบาลเอกชนซึ่งมีค่ารักษาที่แพงมากหรือคลีนิคที่บรรดาแพทย์หลายคนเปิดร้านเพื่อหารายได้นอกเหนือจากเงินเดือนที่ได้รับจากรัฐ หลายคนในประเทศนี้เชื่อว่าคงพบเจอเหมือนผมคือ เวลาไปหาหมอที่โรงพยาบาลของรัฐจะไม่ค่อยได้รับการเอาใจใส่เหมือนเอกชนหรือคลีนิคหรือแม้แต่คำพูดกิริยาที่ปฏิบัติต่อคนไข้ก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ยกตัวอย่างง่ายๆนะครับ เราจะไปหาหมอต้องไปจองคิวตั้งแต่เช้า คำว่าเช้าในที่นี้หมายถึงตีห้า หกโมงเช้านะครับ หลังจากนั้นก็รอสิครับ บางที่คุณหมอก็จะมา เก้าโมง สิบโมงหรือสิบเอ็ดโมง หมายความว่าวันที่เราไปโรงพยาบาลก็ต้องไปทั้งวันไม่ต้องทำอะไรกัน ได้ยินคนถามกันมากนะครับว่าคุณหมอมัวไปทำอะไรที่ไหนถึงมาสายกันจัง ผมเคยไปทำฟันในแผนกทันตกรรม คุณหมอกรอฟันแบบไม่เลี้ยงคนไข้มีหน้าทีต้องทนเสียวฟันไปทนไม่ได้ก็ต้องทน ความหนักมือเบามือก็แตกต่างจากหมอที่คลีนิค บ่อยครั้งที่พูดไม่ดีกับคนไข้ จนมีคำที่ได้ยินจนชินหู ว่าโรงพยาบาลเหมือนโรงฆ่าสัตว์ ไม่แปลกที่หมอโรงพยาบาลเอกชนหรือคลีนิคถึงรวยเอาๆ ก็เพราะคนเขายอมเสียเงินแพงๆเพื่อแลกกับความสะดวกไม่ต้องไปผจญกับการรอหมอนานๆ ผมเคยถามคนอังกฤษนะครับ ในอังกฤษไม่มีคลีนิค การได้รับการบริการทางการแพทย์ถือว่าเป็นพื้นฐานของคนที่นั่นหรือว่าการที่หมอไม่เปิดร้านทำคลีนิคทำให้มีเวลาดูแลคนไข้มากขึ้น ต้องขออภัยคุณหมอที่เจอกระทู้นี้นะครับไม่ได้ชวนทะเลาะนะครับแต่ผมเจอมากับตัวจริงๆ
โรงพยาบาลรัฐกับเอกชนหรือคลีนิคทำไมให้การบริการต่างกันราวฟ้ากับเหว