กระทู้นี้โพสต์ขึ้น เพื่อเป็นเครื่องระลึกถึงความทรงจำสุดท้าย ของ จขกท กับแม่ผู้ล่วงลับไปอย่างไม่มีวันกลับ
เพื่อเป็นแนวคิดต่อผู้ที่ได้เข้ามาอ่าน เพื่อสะกิดใจให้เป็นแนวทางในการปฏิบัติตนต่อบุพการี ผู้มีพระคุณอันหาที่เปรียบมิได้
ช่วงปลายเดือนมีนาคม 2560 แม่ของ จขกท มีอาการป่วย เป็นไข้ มีไอ และตัวร้อนบ้างบางครั้ง (แม่ จขกท อายุ 69 ปี)
ในวันที่ 28 มีนาคม 2560 จขกท และพี่ชาย จึงได้พาแม่ไป Check Up ชุดใหญ่ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดจันทบุรีค่ะ
ผลตรวจหลายอย่างออกมา
ปกติ จะมีผิดปกติเล็กน้อยเนื่องจากปัสสาวะมีสีเข้ม และพบการบวมอักเสบของต่อมน้ำเหลืองที่บริเวณขาหนีบ กกหู ซึ่งอาจเป็นอาการข้างเคียงของการเป็นไข้ คุณหมอจึงได้นัดติดตามอาการอีกครั้งในวันที่ 12 เมษายน 2560
หลังจากนั้นมา อาการไข้ลดลง แม่ใช้ชีวิตเป็นปกติ แต่ยังมีไอบ้างเล็กน้อย
ในเช้าวันที่ 8 เมษายน 2560 เมื่อแม่ตื่นขึ้นมา มีความผิดปกติเกิดขึ้น แขนข้างซ้ายข้างที่แม่ถนัด ควบคุมไม่ได้ หยิบจับไม่ได้ จขกท จึงพาแม่ไปหาหมอที่ ร.พ.รัฐ ใกล้บ้าน หมอวินิจฉัยว่า แม่มีอาการปลายประสาทอักเสบ อาจเกิดจากการนอนหลับสนิทแล้วทับแขน หมอให้ทำกายภาพในวันนั้นเลยค่ะ พร้อมกับให้ยาวิตามินบี ยาลดการอักเสบมากิน และนัดทำกายภาพบำบัดอีก อาทิตย์ละครั้ง
ในเช้าวันที่ 12 เมษายน 2560 จขกท ติดงานอยู่ ตจว. จึงได้โทรเลื่อนนัดตรวจซ้ำของโรงพยาบาลเอกชนที่จันทบุรีออกไปเป็นหลังสงกรานต์ และในเช้าวันเดียวกัน แม่ จขกท ก็มีอาการผิดปกติเพิ่มขึ้น นั่นคือ ขาข้างซ้าย ควบคุมไม่ได้ เดินไม่ได้ ลุกนั่งไม่ได้ จขกท จึงเดินทางกลับมาเพื่อช่วยปรนนิบัติ ช่วงนี้แม่ จขกท ไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันด้วยตัวเองได้เหมือนเดิม จขกท และหลาน จึงช่วยกันปรนนิบัติดูแลอย่างใกล้ชิด
ระหว่างวันที่ 13 - 17 เมษายน 2560 เป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ จขกท อยู่ปรนนิบัติดูแลแม่ตามปกติ พร้อมกับหารือกับพี่ชายว่า วันที่ 18 เมษายน 2560 จะพาแม่ไปตรวจรักษาอย่างละเอียดที่ ร.พ. จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เพราะแม่มีประวัติการตรวจสุขภาพประจำปีอยู่ที่นั่น
ปกติในช่วงที่แม่เริ่มป่วย แม่จะเรียกลูก (ขออนุญาตแทนตัว จขกท ว่าลูกนะคะ) ในช่วงกลางคืนที่นอนเฝ้า เสมอๆ เช่น ขอให้เอากระโถนให้ฉี่บ้าง ขอให้เอาผ้ามาเช็ดตัวจากการเหนียวตัว ตัวร้อนบ้าง หิวน้ำบ้าง ช่วยยกแขนพลิก ยกขาพลิกบ้าง แต่ในช่วงคืนวันที่ 17 คาบเกี่ยวเช้าวันที่ 18 แม่ของลูก เรียกให้เอากระโถนบ้วนน้ำลายบ่อยขึ้น ก่อนที่ลูกจะรู้สึกว่า ลูกหลับสนิทนานหลายชั่วโมง หรืออาจเพราะแม่นอนหลับสบายตัวมากขึ้น
แต่แล้วเช้าแห่งวันวิปโยคก็มาถึง 05.00 น. ลูกได้ยินเสียงหายใจของแม่ถี่บ้าง แรงบ้าง ช่วงจังหวะไม่สม่ำเสมอ ลูกตกใจ แต่ก็พยายามคิดว่าแม่พยายามที่จะหายใจอยู่ อาจจะเหนื่อย เพราะแม่ดิ้นไปมาเบาๆ แม่ยังบีบมือลูก กัดริมฝีปากเพื่อพยายามฮึดสู้ แต่แม่ไม่มีแรง แม่ไม่ลุกนั่ง ไม่พูดจาโต้ตอบ ลูกได้ยินเสียงแม่พูดพรึมพรำถึงญาติพี่น้องที่เสียชีวิตไปแล้ว ใจคอลูกเริ่มเต้นไม่เป็นปกติเลยนะแม่ ลูกเรียกรถฉุกเฉิน 1669 เพื่อมารับแม่ไปส่ง ร.พ. เมื่อรถมาถึง จนท. ได้ใส่เครื่องช่วยหายใจให้แม่ บอกว่า แม่..หายใจเองไม่ได้
รถฉุกเฉินมาส่งแม่ที่ ร.พ. หมอดูอาการแล้วลงความเห็นว่า แม่มีอาการเลือดออกในสมอง อาจเกิดจากเส้นเลือดในสมองตีบ บวม และแตกออก หมอต้องทำการ Refer แม่เพื่อส่งไป สแกนสมองและรักษาที่ ร.พ. ประจำจังหวัดเร่งด่วน รถตู้เตรียมส่งต่อของ ร.พ. ขึ้นมาจอดเทียบรอที่หน้าห้องฉุกเฉิน ระหว่างรอใบ Refer และเตรียมย้าย ร.พ. นั้น ลูกได้แต่ภาวนาให้แม่สู้และปลอดภัย "แต่...แม่..ไม่ไป ร่างกายแม่คงไม่ไหว" หัวใจแม่...หยุดเต้น
หมอเดินออกมาบอกว่า ให้ลูกทำใจ แต่ก็จะพยายามช่วยปั๊มหัวใจแม่ขึ้นมา
20 นาทีของความหวังผ่านไป หมอคนเดิมเดินออกมาบอกว่า "แม่...ไม่ไหว แม่จากไปแล้ว" ลูกขอเดินเข้าไปในห้อง เห็นแม่ของลูก ภาพที่กอดกัน หอมกัน จุ๊บหน้าผากกันเมื่อคืน พร้อมรอยยิ้ม "แม่สู้มั้ย เราจะไปหาหมอกัน" "สู้ๆ" ตรงหน้าเป็นร่างของแม่นอนนิ่ง เต็มไปด้วยเครื่องมือแพทย์ ลูกขอกอด ขอหอม อีกครั้งนะแม่ "หลับให้สบายนะแม่ อย่าห่วงเลย" ลูกค่อยๆ เอามือปิดตาแม่ที่กำลังหรี่ลงให้หลับสนิท พริ้มไปสู่สัมปรายภพอันสุขสงบ รอยยิ้มเล็กๆ บางๆ ที่มุมปากยังปรากฎ ร่างแม่แน่นิ่งอยู่บนเตียง สวิตซ์เครื่องมือถูกดับลงและถอดออก เพียงเสียงสัญญาณชีพที่หลุดลอยไปกังวานก้องในโสตประสาท ความปวดร้าวอย่างหาที่สุดมิได้
"วันอังคารที่ 18 เมษายน 2560 เวลา 8.18 น. สุขสงบตลอดกาล แด่แม่ยอดนักสู้ของลูก"
เวลา 10.30 น. ลูกไปรับร่างของแม่ พร้อมเอกสารรับรองการตายที่ ร.พ. แม่นอนอยู่บนเตียง ร่างของแม่อยู่ในผ้าสีขาวห่อไว้ ยังคงใส่เสื้อผู้ป่วยของ ร.พ. จนท. ย้ายร่างของแม่ออกมาจากห้อง ขึ้นบนรถตู้ของมูลนิธิกู้ภัยสว่างธรรมสถานสระแก้ว "กลับบุรีรัมย์กันนะแม่ ลูกจะพาแม่กลับบ้าน" เป็นความตั้งใจของแม่ที่จะกลับไปจัดพิธีทางศาสนาและตามประเพณีท้องถิ่นที่บ้านเกิด
ตลอด 3 ช.ม. ที่อยู่บนรถกับร่างไร้วิญญาณของแม่ "แม่จ๋ากลับบ้านกันนะ" การโยนเหรียญขอทาง ผ่านภูเขา แม่น้ำ และทางแยก แม่อาจได้ยินเสียงลูกได้ในสัมผัสของจิตวิญญาณ การเดินทางของความเจ็บปวดมันแสนยาวไกล
เวลา 15.00 น. ร่างไร้วิญญาณของแม่ กลับถึงบ้านเกิด นอนสงบแน่นิ่ง มีพิธีอาบน้ำศพและขอขมา แม่สวมใส่ชุดโปรด เสื้อลูกไม้สีเหลืองสด ผ้าถุงผ้าไหมสีเขียวเปลือกแมลงทับ รัดเข็มขัดเงิน พาดผ้าสไบผ้าไหมสีเหลือง ชุดนี้เป็นชุดเก่งของแม่ ทาแป้งหน้านวล นอนหลับตาพริ้ม
"อุ่นไอจากมือแม่นี้ โอบอุ้มชุบเลี้ยงแต่เยาว์วัย ไกวเปลเห่กล่อมลูกน้อย จนเติบใหญ่ ไม่มีอีกแล้ว
จากกันนิรันดร์กาล"
พิธีบุญกุศลศพของแม่จัดขึ้นอย่างเรียบง่าย โดยสวดพระอภิธรรมในวันที่ 18-19 เมษายน และฌาปนกิจในวันที่ 20 เมษายน 2560
แม่ของลูกเป็นคนที่มีจิตใจดี ชอบทำบุญ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ไม่เคยหวงแรง จึงเป็นที่รักของผู้คน ที่เดินทางหลั่งไหลมาร่วมงาน ทั้งจากในพื้นที่ และต่างจังหวัด ต่างก็พร้อมใจกันเดินทางมาร่วมส่งดวงวิญญาณของแม่ผู้เป็นที่รัก เป็นครั้งสุดท้าย
วันนี้ แม่จากไป 21 วันแล้ว แม่ไม่เคยมาหา มาให้เห็น หรือมาเข้าฝัน ลูกคิดถึงแม่สุดหัวใจ ปวดร้าวอาวรณ์ถวิลหา ต้องใช้หนังสือธรรมะเยียวยาจิตใจในช่วงที่ผ่านมา ต้องพยายามมองให้เห็นสัจธรรมแห่งชีวิต ต้องยอมรับและเข้าใจว่า การตาย คือ การใช้ชีวิตโดยสมบูรณ์ มันยากเหลือเกินกับเหตุผลเหล่านี้ที่ต้องยอมรับ ห้องนั่งเล่นที่แม่เคยนั่งดูทีวีกับลูกหลาน ผนังด้านนึงทำเป็นหิ้งสำหรับตั้งรูปถ่าย อัฐิ กระถางธูปและแจกันดอกไม้สีเหลืองที่แม่ชอบ
~ จุดธูปคุยกันเนอะ ~
"มีเรื่องอะไรก็ปรึกษากันเหมือนเดิม จะฟ้องใครไม่ถูกใจใครก็ต้องฟ้องแม่นี่ล่ะ แค่วิธีการสื่อสารเปลี่ยนไป ไม่ได้นอนคุยกัน ไม่ได้โทรหากัน แต่ก็สื่อถึงกันทุกเวลา ก็ลูกแม่นี่เนอะ ไม่คุยกับแม่จะคุยกับใคร คุยกันมา 36 ปีล่ะ หลานชายวาดรูปก็ต้องมาวางโชว์ยายบนหิ้ง ปั้นดินน้ำมันก็ต้องเอามาอวดยาย ต้องคุยกันแบบนี้ จนกว่าจะพบกันใหม่นะแม่"
แม่ของลูกจากไปแล้ว ไออุ่น กายสัมผัสไม่มีอีกแล้ว ทิ้งไว้เพียงความรู้สึกต่อการจากไป ที่ไม่ทันตั้งตัว ที่ยังดูแลแม่ได้น้อยเกินไป มีเพียง ถ้า... อย่างนั้น อย่างนี้เกิดขึ้นมากมาย เกิดขึ้นอย่างทรมานต่อความรู้สึกนั้น
แม่... คือ บุคคลที่เรามักนึกถึงทีหลังเสมอ ความสุข สนุก ที่อยู่ตรงหน้าบ่อยครั้งที่ไม่ได้คิดถึงแม่ผู้อยู่เบื้องหลัง
เราแชร์ เราชื่นชม ความรักของชายหญิง ได้มากมาย หาเทียบเท่าความรักใดจะเสมอเหมือนความรักของ แม่
ฝากถึงลูกๆ ที่ติดตามอ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ทุกท่าน ให้ตระหนักถึงความรักของแม่ เป็นความรักหนึ่งเดียวในโลกที่บริสุทธิ์ มั่นคง และปรารถนาดีต่อลูกโดยปราศจากข้อแม้
ในวันที่แม่ยังอยู่ทำดีต่อแม่มากๆ ชีวิตคนไม่แน่นอน ทำดีต่อท่านก่อนวันที่จะสาย
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
** ในวันที่แม่จากไปด้วยภาวะเลือดออกในสมอง ฝากถึงลูกๆ ทุกคนก่อนจะสาย **
เพื่อเป็นแนวคิดต่อผู้ที่ได้เข้ามาอ่าน เพื่อสะกิดใจให้เป็นแนวทางในการปฏิบัติตนต่อบุพการี ผู้มีพระคุณอันหาที่เปรียบมิได้
ช่วงปลายเดือนมีนาคม 2560 แม่ของ จขกท มีอาการป่วย เป็นไข้ มีไอ และตัวร้อนบ้างบางครั้ง (แม่ จขกท อายุ 69 ปี)
ในวันที่ 28 มีนาคม 2560 จขกท และพี่ชาย จึงได้พาแม่ไป Check Up ชุดใหญ่ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดจันทบุรีค่ะ
ผลตรวจหลายอย่างออกมา ปกติ จะมีผิดปกติเล็กน้อยเนื่องจากปัสสาวะมีสีเข้ม และพบการบวมอักเสบของต่อมน้ำเหลืองที่บริเวณขาหนีบ กกหู ซึ่งอาจเป็นอาการข้างเคียงของการเป็นไข้ คุณหมอจึงได้นัดติดตามอาการอีกครั้งในวันที่ 12 เมษายน 2560
หลังจากนั้นมา อาการไข้ลดลง แม่ใช้ชีวิตเป็นปกติ แต่ยังมีไอบ้างเล็กน้อย
ในเช้าวันที่ 8 เมษายน 2560 เมื่อแม่ตื่นขึ้นมา มีความผิดปกติเกิดขึ้น แขนข้างซ้ายข้างที่แม่ถนัด ควบคุมไม่ได้ หยิบจับไม่ได้ จขกท จึงพาแม่ไปหาหมอที่ ร.พ.รัฐ ใกล้บ้าน หมอวินิจฉัยว่า แม่มีอาการปลายประสาทอักเสบ อาจเกิดจากการนอนหลับสนิทแล้วทับแขน หมอให้ทำกายภาพในวันนั้นเลยค่ะ พร้อมกับให้ยาวิตามินบี ยาลดการอักเสบมากิน และนัดทำกายภาพบำบัดอีก อาทิตย์ละครั้ง
ในเช้าวันที่ 12 เมษายน 2560 จขกท ติดงานอยู่ ตจว. จึงได้โทรเลื่อนนัดตรวจซ้ำของโรงพยาบาลเอกชนที่จันทบุรีออกไปเป็นหลังสงกรานต์ และในเช้าวันเดียวกัน แม่ จขกท ก็มีอาการผิดปกติเพิ่มขึ้น นั่นคือ ขาข้างซ้าย ควบคุมไม่ได้ เดินไม่ได้ ลุกนั่งไม่ได้ จขกท จึงเดินทางกลับมาเพื่อช่วยปรนนิบัติ ช่วงนี้แม่ จขกท ไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันด้วยตัวเองได้เหมือนเดิม จขกท และหลาน จึงช่วยกันปรนนิบัติดูแลอย่างใกล้ชิด
ระหว่างวันที่ 13 - 17 เมษายน 2560 เป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ จขกท อยู่ปรนนิบัติดูแลแม่ตามปกติ พร้อมกับหารือกับพี่ชายว่า วันที่ 18 เมษายน 2560 จะพาแม่ไปตรวจรักษาอย่างละเอียดที่ ร.พ. จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เพราะแม่มีประวัติการตรวจสุขภาพประจำปีอยู่ที่นั่น
ปกติในช่วงที่แม่เริ่มป่วย แม่จะเรียกลูก (ขออนุญาตแทนตัว จขกท ว่าลูกนะคะ) ในช่วงกลางคืนที่นอนเฝ้า เสมอๆ เช่น ขอให้เอากระโถนให้ฉี่บ้าง ขอให้เอาผ้ามาเช็ดตัวจากการเหนียวตัว ตัวร้อนบ้าง หิวน้ำบ้าง ช่วยยกแขนพลิก ยกขาพลิกบ้าง แต่ในช่วงคืนวันที่ 17 คาบเกี่ยวเช้าวันที่ 18 แม่ของลูก เรียกให้เอากระโถนบ้วนน้ำลายบ่อยขึ้น ก่อนที่ลูกจะรู้สึกว่า ลูกหลับสนิทนานหลายชั่วโมง หรืออาจเพราะแม่นอนหลับสบายตัวมากขึ้น
แต่แล้วเช้าแห่งวันวิปโยคก็มาถึง 05.00 น. ลูกได้ยินเสียงหายใจของแม่ถี่บ้าง แรงบ้าง ช่วงจังหวะไม่สม่ำเสมอ ลูกตกใจ แต่ก็พยายามคิดว่าแม่พยายามที่จะหายใจอยู่ อาจจะเหนื่อย เพราะแม่ดิ้นไปมาเบาๆ แม่ยังบีบมือลูก กัดริมฝีปากเพื่อพยายามฮึดสู้ แต่แม่ไม่มีแรง แม่ไม่ลุกนั่ง ไม่พูดจาโต้ตอบ ลูกได้ยินเสียงแม่พูดพรึมพรำถึงญาติพี่น้องที่เสียชีวิตไปแล้ว ใจคอลูกเริ่มเต้นไม่เป็นปกติเลยนะแม่ ลูกเรียกรถฉุกเฉิน 1669 เพื่อมารับแม่ไปส่ง ร.พ. เมื่อรถมาถึง จนท. ได้ใส่เครื่องช่วยหายใจให้แม่ บอกว่า แม่..หายใจเองไม่ได้
รถฉุกเฉินมาส่งแม่ที่ ร.พ. หมอดูอาการแล้วลงความเห็นว่า แม่มีอาการเลือดออกในสมอง อาจเกิดจากเส้นเลือดในสมองตีบ บวม และแตกออก หมอต้องทำการ Refer แม่เพื่อส่งไป สแกนสมองและรักษาที่ ร.พ. ประจำจังหวัดเร่งด่วน รถตู้เตรียมส่งต่อของ ร.พ. ขึ้นมาจอดเทียบรอที่หน้าห้องฉุกเฉิน ระหว่างรอใบ Refer และเตรียมย้าย ร.พ. นั้น ลูกได้แต่ภาวนาให้แม่สู้และปลอดภัย "แต่...แม่..ไม่ไป ร่างกายแม่คงไม่ไหว" หัวใจแม่...หยุดเต้น
หมอเดินออกมาบอกว่า ให้ลูกทำใจ แต่ก็จะพยายามช่วยปั๊มหัวใจแม่ขึ้นมา
20 นาทีของความหวังผ่านไป หมอคนเดิมเดินออกมาบอกว่า "แม่...ไม่ไหว แม่จากไปแล้ว" ลูกขอเดินเข้าไปในห้อง เห็นแม่ของลูก ภาพที่กอดกัน หอมกัน จุ๊บหน้าผากกันเมื่อคืน พร้อมรอยยิ้ม "แม่สู้มั้ย เราจะไปหาหมอกัน" "สู้ๆ" ตรงหน้าเป็นร่างของแม่นอนนิ่ง เต็มไปด้วยเครื่องมือแพทย์ ลูกขอกอด ขอหอม อีกครั้งนะแม่ "หลับให้สบายนะแม่ อย่าห่วงเลย" ลูกค่อยๆ เอามือปิดตาแม่ที่กำลังหรี่ลงให้หลับสนิท พริ้มไปสู่สัมปรายภพอันสุขสงบ รอยยิ้มเล็กๆ บางๆ ที่มุมปากยังปรากฎ ร่างแม่แน่นิ่งอยู่บนเตียง สวิตซ์เครื่องมือถูกดับลงและถอดออก เพียงเสียงสัญญาณชีพที่หลุดลอยไปกังวานก้องในโสตประสาท ความปวดร้าวอย่างหาที่สุดมิได้
เวลา 10.30 น. ลูกไปรับร่างของแม่ พร้อมเอกสารรับรองการตายที่ ร.พ. แม่นอนอยู่บนเตียง ร่างของแม่อยู่ในผ้าสีขาวห่อไว้ ยังคงใส่เสื้อผู้ป่วยของ ร.พ. จนท. ย้ายร่างของแม่ออกมาจากห้อง ขึ้นบนรถตู้ของมูลนิธิกู้ภัยสว่างธรรมสถานสระแก้ว "กลับบุรีรัมย์กันนะแม่ ลูกจะพาแม่กลับบ้าน" เป็นความตั้งใจของแม่ที่จะกลับไปจัดพิธีทางศาสนาและตามประเพณีท้องถิ่นที่บ้านเกิด
ตลอด 3 ช.ม. ที่อยู่บนรถกับร่างไร้วิญญาณของแม่ "แม่จ๋ากลับบ้านกันนะ" การโยนเหรียญขอทาง ผ่านภูเขา แม่น้ำ และทางแยก แม่อาจได้ยินเสียงลูกได้ในสัมผัสของจิตวิญญาณ การเดินทางของความเจ็บปวดมันแสนยาวไกล
เวลา 15.00 น. ร่างไร้วิญญาณของแม่ กลับถึงบ้านเกิด นอนสงบแน่นิ่ง มีพิธีอาบน้ำศพและขอขมา แม่สวมใส่ชุดโปรด เสื้อลูกไม้สีเหลืองสด ผ้าถุงผ้าไหมสีเขียวเปลือกแมลงทับ รัดเข็มขัดเงิน พาดผ้าสไบผ้าไหมสีเหลือง ชุดนี้เป็นชุดเก่งของแม่ ทาแป้งหน้านวล นอนหลับตาพริ้ม
"อุ่นไอจากมือแม่นี้ โอบอุ้มชุบเลี้ยงแต่เยาว์วัย ไกวเปลเห่กล่อมลูกน้อย จนเติบใหญ่ ไม่มีอีกแล้ว
จากกันนิรันดร์กาล"
พิธีบุญกุศลศพของแม่จัดขึ้นอย่างเรียบง่าย โดยสวดพระอภิธรรมในวันที่ 18-19 เมษายน และฌาปนกิจในวันที่ 20 เมษายน 2560
แม่ของลูกเป็นคนที่มีจิตใจดี ชอบทำบุญ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ไม่เคยหวงแรง จึงเป็นที่รักของผู้คน ที่เดินทางหลั่งไหลมาร่วมงาน ทั้งจากในพื้นที่ และต่างจังหวัด ต่างก็พร้อมใจกันเดินทางมาร่วมส่งดวงวิญญาณของแม่ผู้เป็นที่รัก เป็นครั้งสุดท้าย
วันนี้ แม่จากไป 21 วันแล้ว แม่ไม่เคยมาหา มาให้เห็น หรือมาเข้าฝัน ลูกคิดถึงแม่สุดหัวใจ ปวดร้าวอาวรณ์ถวิลหา ต้องใช้หนังสือธรรมะเยียวยาจิตใจในช่วงที่ผ่านมา ต้องพยายามมองให้เห็นสัจธรรมแห่งชีวิต ต้องยอมรับและเข้าใจว่า การตาย คือ การใช้ชีวิตโดยสมบูรณ์ มันยากเหลือเกินกับเหตุผลเหล่านี้ที่ต้องยอมรับ ห้องนั่งเล่นที่แม่เคยนั่งดูทีวีกับลูกหลาน ผนังด้านนึงทำเป็นหิ้งสำหรับตั้งรูปถ่าย อัฐิ กระถางธูปและแจกันดอกไม้สีเหลืองที่แม่ชอบ
~ จุดธูปคุยกันเนอะ ~
"มีเรื่องอะไรก็ปรึกษากันเหมือนเดิม จะฟ้องใครไม่ถูกใจใครก็ต้องฟ้องแม่นี่ล่ะ แค่วิธีการสื่อสารเปลี่ยนไป ไม่ได้นอนคุยกัน ไม่ได้โทรหากัน แต่ก็สื่อถึงกันทุกเวลา ก็ลูกแม่นี่เนอะ ไม่คุยกับแม่จะคุยกับใคร คุยกันมา 36 ปีล่ะ หลานชายวาดรูปก็ต้องมาวางโชว์ยายบนหิ้ง ปั้นดินน้ำมันก็ต้องเอามาอวดยาย ต้องคุยกันแบบนี้ จนกว่าจะพบกันใหม่นะแม่"
แม่ของลูกจากไปแล้ว ไออุ่น กายสัมผัสไม่มีอีกแล้ว ทิ้งไว้เพียงความรู้สึกต่อการจากไป ที่ไม่ทันตั้งตัว ที่ยังดูแลแม่ได้น้อยเกินไป มีเพียง ถ้า... อย่างนั้น อย่างนี้เกิดขึ้นมากมาย เกิดขึ้นอย่างทรมานต่อความรู้สึกนั้น
แม่... คือ บุคคลที่เรามักนึกถึงทีหลังเสมอ ความสุข สนุก ที่อยู่ตรงหน้าบ่อยครั้งที่ไม่ได้คิดถึงแม่ผู้อยู่เบื้องหลัง
เราแชร์ เราชื่นชม ความรักของชายหญิง ได้มากมาย หาเทียบเท่าความรักใดจะเสมอเหมือนความรักของ แม่
ฝากถึงลูกๆ ที่ติดตามอ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ทุกท่าน ให้ตระหนักถึงความรักของแม่ เป็นความรักหนึ่งเดียวในโลกที่บริสุทธิ์ มั่นคง และปรารถนาดีต่อลูกโดยปราศจากข้อแม้
ในวันที่แม่ยังอยู่ทำดีต่อแม่มากๆ ชีวิตคนไม่แน่นอน ทำดีต่อท่านก่อนวันที่จะสาย
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ