เปิดแล้ว!!
ห้างใหม่ป้ายแดง G.PA ซุปเปอร์มาร์ท ปัตตานี พฤษภาคม 8, 2017
อลังการศูนย์รวมสินค้าท้องถิ่นชายแดนใต้ เน้นขับเคลื่อนเศรษฐกิจ พัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่
เปิดตัวแล้วอย่างยิ่งใหญ่ สำหรับศูนย์การค้า G.PA ซุปเปอร์มาร์ท ศูนย์รวมสินค้าท้องถิ่นชายแดนใต้
ตั้งอยู่ถนนรามโกมุท ต.อาเนาะรู อ.เมือง จ.ปัตตานี ซึ่งเกิดจากความตั้งใจของ
นายมุสตอฟา ยอแม คณะกรรมการผู้บริหาร
ที่เล็งเห็นถึงวิกฤตเศรษฐกิจในปัจจุบันประกอบกับเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่
ส่งผลให้การลงทุนธุรกิจในพื้นที่ซบเซา ขาดการจ้างงาน ทำให้คนในพื้นที่ขาดรายได้และประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจ
จึงได้เปิดห้าง G.PA ซุปเปอร์มาร์ท ขึ้นให้เป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ล่าสุดของจังหวัดปัตตานี พร้อมจับมือพันธมิตรธุรกิจในพื้นที่
ร้านค้าแบรนด์ชั้นนำต่างๆ โดยได้ทุ่มงบกว่า120ล้าน ในการก่อสร้างห้างมีทั้งหมด 4 ชั้น มีบริการซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่
มี
ร้านไก่ทอดในแบรนด์GFC (จีปาฟราย ชิคเก่น) แห่งเดียวในปัตตานี มีแผนกเครื่องครัว เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องสำอาง
อุปกรณ์ไอที ร้านประดับยนต์ และอื่นๆอีกมากมาย
สำหรับบรรยากาศใน
วันพิธีเปิดเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
มี
นายวันมูฮัมหมัดนอร์ มะทา มาเป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วยนายกิจจา ศรีเจริญ ผู้ช่วยเลขธิการ ศอ.บต.
นายแวดือราแม มะมิงจิ คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี นายวีรนันท์ เพ็งจันทร์
ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี
นายเศรษฐ อัลยุฟรี นายกองค์การบริหารจังหวัดปัตตานี แขกผู้มีเกียรติ นักธุรกิจ
ทั้งในและต่างประเทศ ที่มาร่วมเป็นสักขีพยานกว่า 500 คน
นายมุสตอฟา ยอแม คณะกรรมการผู้บริหารห้าง G.PA ซุปเปอร์มาร์ท กล่าวว่า จุดเด่นของห้างนี้คือ
เราขายผลิตภัณฑ์ชุมชนที่มีอยู่ในท้องถิ่น อย่างเช่น ลูกหยีปัตตานี กะปีเยาะห์ เสื้อฮีญาบของมุสลีมะฮ์
ที่คนในชุมชนผลิตขึ้นมาโดยยังไม่มีแหล่งกระจายสินค้า เราจึงทำการรวบรวมสินค้าเหล่านั้นมาอยู่ที่ห้างG.PA ซุปเปอร์มาร์ท
และที่เป็นไฮไลท์อีกอย่างคือเรื่องอาหารการกิน ที่เราคำนึงถึง
เรื่องฮาลาล อาหารปลอดภัย ได้คุณภาพ
เราจึงมี
ร้านไก่ทอด ในแบรนด์ที่เราคิดค้นและพัฒนาสูตรขึ้นมาเอง เพื่อตอบโจทย์พี่น้องในพื้นที่ทั้งในส่วนของผู้บริโภค
และในส่วนของแหล่งวัตถุดิบ ซึ่งไก่ที่เรานำมาใช้มาจากในพื้นที่เท่านั้นเพื่อเป็นการส่งเสริมให้เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่
ในพื้นที่ได้มีรายได้และกระจายงานทำให้คนในชุมชนต่อไป
ที่มา ข่าวภาคใต้ชายแดน อลิษา ดาโอ๊ะ เรียบเรียง เว็บไซด์ข่าวภาคใต้ชายแดน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://i-newsmedia.net/?p=23023
เหตุการณ์ระเบิด "คาร์บอมบ์" บริเวณห้างสรรพสินค้า "บิ๊กซี ปัตตานี"
ที่เพิ่งเกิดขึ้นล่าสุดเมื่อ
บ่ายวันอังคารที่ 9 พ.ค.60 นั้น ไม่ใช่เหตุรุนแรงครั้งแรกที่เกิดขึ้นกับห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่แห่งนี้
จากการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังพบว่า ห้างบิ๊กซีปัตตานีเคย
ถูกลอบวางระเบิดมาแล้ว 2 ครั้ง
ครั้งแรก เมื่อวันที่ 1 ส.ค.48 คนร้ายลอบวางระเบิดแสวงเครื่อง จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ
ซุกซ่อนไว้ในกระถางต้นไม้ บริเวณลานจอดรถด้านข้างของห้างฯ
ครั้งที่ 2 เมื่อกลางดึกของวันที่ 1 มี.ค.55 เกิดเพลิงไหม้ภายในอาคารห้างบิ๊กซี บริเวณชั้นวางผลิตภัณฑ์ผ้าอ้อมสำเร็จรูป
จากการตรวจสอบเป็นระเบิดเพลิงที่คนร้ายนำไปซุกซ่อนเอาไว้ ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากเหตุเกิดในช่วงเวลาห้างปิดทำการ
สำหรับบิ๊กซี ปัตตานี เป็นห้างค้าปลีกแบรนด์ระดับประเทศเพียงแห่งเดียวในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ส่วนห้างอื่นๆ แม้จะเปิดมานานกว่า แต่ก็ไม่ใช่แบรนด์ระดับประเทศ เช่น ห้างไดอาน่า ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี
ตรงข้ามตลาดสดเทศวิวัฒน์, ห้างโคลิเซียม ตั้งอยู่กลางเมืองยะลา เป็นต้น
ซึ่งทุกห้างเคยตกเป็นเป้าก่อเหตุรุนแรงมาแล้วทั้งสิ้น
และ รถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุระเบิดครั้งล่าสุดนี้เป็นรถยนต์ กะบะ ยี่ห้อ อีซูซุ รุ่น ดีแม๊ก แบบแค๊ป
สีบรอนร์ ป้ายทะเบียน บจ.3303 ยะลา ซึ่งเป็นรถยนต์ของ นาย นุสน ขจรคำ อายุ 45ปี
บ.81/23 ม.9 ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา มีอาชีพ รับจ้างติด(เต็นผ้าใบ)กันสาด ตามหมู่บ้าน
ใน พื้นที่ จ.ยะลา และ จว.ใกล้เคียง
จากที่ จนท.ได้สอบถาม ภรรยา เจ้าของรถคันที่คนร้ายได้นำไปก่อเหตุ 511 ห้างบิ๊กซี ทราบว่า
เมื่อ 8/5/60 เวลาประมาณ 16.00 น.ได้คนโทรศัพย์ติดต่อกับ สามี ของตนเอง เพื่อว่าจ้างให้สามีของตน
ไปติดเต็นกันสาด ที่
มัสยิดบ้านปะกาจินอ ต.ปะกาจินอ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.
สามีของตนเองได้เดินทางออกจากบ้าน ที่ ต.สะเตงนอก จ.ยะลา เพื่อจะเดินทางไปติดเต็นกันสาดให้กับมัสยิดบ้านปะกาจินอ
และหลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อมาหาตนอีกเลย ตนเองมาทราบเรื่องว่ารถยนต์ของสามีได้มีคนร้ายนำไปวางระเบิดที่ห้างบิ๊กซี จ.ปัตตานี
ตอนที่ จนท.ตำรวจ สภ.เมือง ยะลา ได้ไปแจ้ง เหตุดังกล่าวกับตนเองๆเลยได้โทรศัพท์หาสามี
ปรากฎว่าโทรศัพย์ เปิดเครื่องอยู่ แต่ไม่มีผู้ใดรับสาย สันนิฐานอาจจะเสียชีวิตแล้ว
โดยพยานหลักฐานว่าคนร้ายใช้ระเบิดโดยใส่สารแอมโมเนียมไนเตรท 100 กิโลกรัม
ผสมน้ำมันบรรจุในถังแก๊ส 2 ใบ วางในแค๊ปของรถยนต์กระบะ
และอาจเชื่อมโยงกับกลุ่ม BRN
วันนี้ (8 ก.ค.57) หลังจากกระแสข่าวกดดันให้ร้าน KFC ทั้ง 3 สาขา ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
หยุดกิจกรรมในวันที่ 15 ก.ค.ที่จะถึงนี้ เนื่องจากมีการกล่าว
อ้างว่าไม่ถูกหลักตามศาสนาอิสลาม
กรณีไม่มีตราฮาลาล ส่งผลให้บริษัท KFC ซึ่งเป็นบริษัทแม่ที่กรุงเทพฯ
ตัดสินใจที่จะหยุดกิจการขาย KFC ทั้ง 3 สาขา
คือ
สาขาห้างบิ๊กซีปัตตานี สาขาห้างไดอาน่าปัตตานี และสาขาห้างโคลีเซี่ยมยะลา
ด้านพนักงานรายหนึ่งบอกว่า KFC สาขาปัตตานี มีพนักงานทั้งหมด 20 คน
และเป็นคนมุสลิมจากหลายอำเภอที่มาทำงานมานานหลายปี และหลังจากวันที่ 15 ก.ค.นี้เป็นต้นไป
พนักงานทั้งหมดก็จะต้องตกงาน ส่งผลให้ได้รับความเดือดร้อน และไม่รู้จะทำงานอะไรต่อไป เพราะสมัยนี้งานหายาก
พร้อมยืนยันว่า
ไก่ KFC ที่ทำกันอยู่ขณะนี้ไม่ได้ใช้วัตถุดิบที่ประกอบไปด้วยสิ่งของต้องห้ามทางหลักศาสนาอิสลามแต่อย่างใด
และเมื่อได้บอกแก่ลูกค้าว่าไก่ KFC ว่าจะปิดกิจการในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้
ลูกค้าต่างเสียดาย เช่นเดียวกับพนักงานทุกคนที่มีความผูกพันกับองค์กร
ที่มา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9570000077168
สรุปเหตุการณ์
ปี 57 มีการกดดันขับไล่ร้านไก่ทอดผู้พัน ทั้งๆที่อยู่มาเป็น 10 ปี
ก.ค.57 ร้านไก่ทอดผู้พันปิดสาขาทั้ง ๓
7 พ.ค.60 ห้างฮาลาลเปิดตัว พร้อมร้านไก่ทอดฮาลาล
9 พ.ค.60 ห้างสีเขียวโดนวางระเบิด
โดยกลุ่มก่อความไม่สงบ เปลี่ยนยุทธวิธี
จากเคยปล้นรถมาไว้ก่อน มาเป็น ปล้นเอาวันที่จะก่อเหตุเลย
เลยทำให้ยังไม่มีข้อมูลรถที่เฝ้าระวังในฐานข้อมูล
จึงทำให้ป้องกันได้ยากขึ้น
เหตุการณ์นี้ พลาดตรงที่ รปภ.ตรวจบัตร ไม่ได้ดูหน้าคนในรถว่าตรงกับบัตรหรือไม่
แต่ก็ดีตรงที่ รถไปจอดห้างประตูทางออกของห้าง แบบผิดปกติ
รปภ.จึงกันคนออกจากบริเวณนั้นได้ทันที
ซึ่งโจรได้วางประทัดยักษ์ในห้างให้ระเบิดก่อน เพื่อให้คนออกทางประตูมากๆ
จากเหตุการณ์นี้ อาจสันนิษฐาน ถึงความเชื่อมโยง
ระหว่าง นักการเมืองท้องที่ นักธุรกิจท้องถิ่น กับ กลุ่ม BRN ได้ดีมากขึ้น
ตามหลักข้อสันนิษฐาน ว่า ใครได้ประโยชน์มากที่สุด และ ใครเสียผลประโยชน์มากที่สุด
ในการติดตามผู้ต้องสงสัย จากการตามทางกล้องวงจรปิดแล้ว
พบว่า มีในรถกระบะ ๒ คน และรถมอเตอร์ไซด์ที่จอดรออีก ๒ คน
และนอกจากนี้ ยังมีผู้ต้องสงสัยที่โทรไปนัดเจ้าของรถตัวจริง
ให้ไปติดกันสาดที่มัสยิด เพื่อปล้นรถ อีกด้วย
เพราะ หากสามารถตามเจอมือถือของเจ้าของรถตัวจริงได้
ก็จะได้ เบอร์ที่โทรเข้ามาในเครื่องนั้นเอง
กรุงเทพธุรกิจ เขียนบทความ ห้างค้าปลีกแข่งเดือดไม่สนไฟใต้!
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/754168
รู้ยัง? มีห้างเปิดใหม่ที่ปัตตานีด้วย ไปเที่ยวที่นี่ดีกว่า !! ( แถมประวัติข่าววางระเบิดที่ห้างสีเขียวปัตตานี ?! )
อลังการศูนย์รวมสินค้าท้องถิ่นชายแดนใต้ เน้นขับเคลื่อนเศรษฐกิจ พัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่
เปิดตัวแล้วอย่างยิ่งใหญ่ สำหรับศูนย์การค้า G.PA ซุปเปอร์มาร์ท ศูนย์รวมสินค้าท้องถิ่นชายแดนใต้
ตั้งอยู่ถนนรามโกมุท ต.อาเนาะรู อ.เมือง จ.ปัตตานี ซึ่งเกิดจากความตั้งใจของนายมุสตอฟา ยอแม คณะกรรมการผู้บริหาร
ที่เล็งเห็นถึงวิกฤตเศรษฐกิจในปัจจุบันประกอบกับเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่
ส่งผลให้การลงทุนธุรกิจในพื้นที่ซบเซา ขาดการจ้างงาน ทำให้คนในพื้นที่ขาดรายได้และประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจ
จึงได้เปิดห้าง G.PA ซุปเปอร์มาร์ท ขึ้นให้เป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ล่าสุดของจังหวัดปัตตานี พร้อมจับมือพันธมิตรธุรกิจในพื้นที่
ร้านค้าแบรนด์ชั้นนำต่างๆ โดยได้ทุ่มงบกว่า120ล้าน ในการก่อสร้างห้างมีทั้งหมด 4 ชั้น มีบริการซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่
มีร้านไก่ทอดในแบรนด์GFC (จีปาฟราย ชิคเก่น) แห่งเดียวในปัตตานี มีแผนกเครื่องครัว เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องสำอาง
อุปกรณ์ไอที ร้านประดับยนต์ และอื่นๆอีกมากมาย
สำหรับบรรยากาศในวันพิธีเปิดเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
มีนายวันมูฮัมหมัดนอร์ มะทา มาเป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วยนายกิจจา ศรีเจริญ ผู้ช่วยเลขธิการ ศอ.บต.
นายแวดือราแม มะมิงจิ คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี นายวีรนันท์ เพ็งจันทร์
ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี นายเศรษฐ อัลยุฟรี นายกองค์การบริหารจังหวัดปัตตานี แขกผู้มีเกียรติ นักธุรกิจ
ทั้งในและต่างประเทศ ที่มาร่วมเป็นสักขีพยานกว่า 500 คน
นายมุสตอฟา ยอแม คณะกรรมการผู้บริหารห้าง G.PA ซุปเปอร์มาร์ท กล่าวว่า จุดเด่นของห้างนี้คือ
เราขายผลิตภัณฑ์ชุมชนที่มีอยู่ในท้องถิ่น อย่างเช่น ลูกหยีปัตตานี กะปีเยาะห์ เสื้อฮีญาบของมุสลีมะฮ์
ที่คนในชุมชนผลิตขึ้นมาโดยยังไม่มีแหล่งกระจายสินค้า เราจึงทำการรวบรวมสินค้าเหล่านั้นมาอยู่ที่ห้างG.PA ซุปเปอร์มาร์ท
และที่เป็นไฮไลท์อีกอย่างคือเรื่องอาหารการกิน ที่เราคำนึงถึงเรื่องฮาลาล อาหารปลอดภัย ได้คุณภาพ
เราจึงมีร้านไก่ทอด ในแบรนด์ที่เราคิดค้นและพัฒนาสูตรขึ้นมาเอง เพื่อตอบโจทย์พี่น้องในพื้นที่ทั้งในส่วนของผู้บริโภค
และในส่วนของแหล่งวัตถุดิบ ซึ่งไก่ที่เรานำมาใช้มาจากในพื้นที่เท่านั้นเพื่อเป็นการส่งเสริมให้เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่
ในพื้นที่ได้มีรายได้และกระจายงานทำให้คนในชุมชนต่อไป
ที่มา ข่าวภาคใต้ชายแดน อลิษา ดาโอ๊ะ เรียบเรียง เว็บไซด์ข่าวภาคใต้ชายแดน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เหตุการณ์ระเบิด "คาร์บอมบ์" บริเวณห้างสรรพสินค้า "บิ๊กซี ปัตตานี"
ที่เพิ่งเกิดขึ้นล่าสุดเมื่อบ่ายวันอังคารที่ 9 พ.ค.60 นั้น ไม่ใช่เหตุรุนแรงครั้งแรกที่เกิดขึ้นกับห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่แห่งนี้
จากการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังพบว่า ห้างบิ๊กซีปัตตานีเคยถูกลอบวางระเบิดมาแล้ว 2 ครั้ง
ครั้งแรก เมื่อวันที่ 1 ส.ค.48 คนร้ายลอบวางระเบิดแสวงเครื่อง จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ
ซุกซ่อนไว้ในกระถางต้นไม้ บริเวณลานจอดรถด้านข้างของห้างฯ
ครั้งที่ 2 เมื่อกลางดึกของวันที่ 1 มี.ค.55 เกิดเพลิงไหม้ภายในอาคารห้างบิ๊กซี บริเวณชั้นวางผลิตภัณฑ์ผ้าอ้อมสำเร็จรูป
จากการตรวจสอบเป็นระเบิดเพลิงที่คนร้ายนำไปซุกซ่อนเอาไว้ ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากเหตุเกิดในช่วงเวลาห้างปิดทำการ
สำหรับบิ๊กซี ปัตตานี เป็นห้างค้าปลีกแบรนด์ระดับประเทศเพียงแห่งเดียวในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ส่วนห้างอื่นๆ แม้จะเปิดมานานกว่า แต่ก็ไม่ใช่แบรนด์ระดับประเทศ เช่น ห้างไดอาน่า ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี
ตรงข้ามตลาดสดเทศวิวัฒน์, ห้างโคลิเซียม ตั้งอยู่กลางเมืองยะลา เป็นต้น ซึ่งทุกห้างเคยตกเป็นเป้าก่อเหตุรุนแรงมาแล้วทั้งสิ้น
และ รถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุระเบิดครั้งล่าสุดนี้เป็นรถยนต์ กะบะ ยี่ห้อ อีซูซุ รุ่น ดีแม๊ก แบบแค๊ป
สีบรอนร์ ป้ายทะเบียน บจ.3303 ยะลา ซึ่งเป็นรถยนต์ของ นาย นุสน ขจรคำ อายุ 45ปี
บ.81/23 ม.9 ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา มีอาชีพ รับจ้างติด(เต็นผ้าใบ)กันสาด ตามหมู่บ้าน
ใน พื้นที่ จ.ยะลา และ จว.ใกล้เคียง
จากที่ จนท.ได้สอบถาม ภรรยา เจ้าของรถคันที่คนร้ายได้นำไปก่อเหตุ 511 ห้างบิ๊กซี ทราบว่า
เมื่อ 8/5/60 เวลาประมาณ 16.00 น.ได้คนโทรศัพย์ติดต่อกับ สามี ของตนเอง เพื่อว่าจ้างให้สามีของตน
ไปติดเต็นกันสาด ที่มัสยิดบ้านปะกาจินอ ต.ปะกาจินอ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.
สามีของตนเองได้เดินทางออกจากบ้าน ที่ ต.สะเตงนอก จ.ยะลา เพื่อจะเดินทางไปติดเต็นกันสาดให้กับมัสยิดบ้านปะกาจินอ
และหลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อมาหาตนอีกเลย ตนเองมาทราบเรื่องว่ารถยนต์ของสามีได้มีคนร้ายนำไปวางระเบิดที่ห้างบิ๊กซี จ.ปัตตานี
ตอนที่ จนท.ตำรวจ สภ.เมือง ยะลา ได้ไปแจ้ง เหตุดังกล่าวกับตนเองๆเลยได้โทรศัพท์หาสามี
ปรากฎว่าโทรศัพย์ เปิดเครื่องอยู่ แต่ไม่มีผู้ใดรับสาย สันนิฐานอาจจะเสียชีวิตแล้ว
โดยพยานหลักฐานว่าคนร้ายใช้ระเบิดโดยใส่สารแอมโมเนียมไนเตรท 100 กิโลกรัม
ผสมน้ำมันบรรจุในถังแก๊ส 2 ใบ วางในแค๊ปของรถยนต์กระบะ
และอาจเชื่อมโยงกับกลุ่ม BRN
วันนี้ (8 ก.ค.57) หลังจากกระแสข่าวกดดันให้ร้าน KFC ทั้ง 3 สาขา ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
หยุดกิจกรรมในวันที่ 15 ก.ค.ที่จะถึงนี้ เนื่องจากมีการกล่าวอ้างว่าไม่ถูกหลักตามศาสนาอิสลาม
กรณีไม่มีตราฮาลาล ส่งผลให้บริษัท KFC ซึ่งเป็นบริษัทแม่ที่กรุงเทพฯ ตัดสินใจที่จะหยุดกิจการขาย KFC ทั้ง 3 สาขา
คือ สาขาห้างบิ๊กซีปัตตานี สาขาห้างไดอาน่าปัตตานี และสาขาห้างโคลีเซี่ยมยะลา
ด้านพนักงานรายหนึ่งบอกว่า KFC สาขาปัตตานี มีพนักงานทั้งหมด 20 คน
และเป็นคนมุสลิมจากหลายอำเภอที่มาทำงานมานานหลายปี และหลังจากวันที่ 15 ก.ค.นี้เป็นต้นไป
พนักงานทั้งหมดก็จะต้องตกงาน ส่งผลให้ได้รับความเดือดร้อน และไม่รู้จะทำงานอะไรต่อไป เพราะสมัยนี้งานหายาก
พร้อมยืนยันว่า ไก่ KFC ที่ทำกันอยู่ขณะนี้ไม่ได้ใช้วัตถุดิบที่ประกอบไปด้วยสิ่งของต้องห้ามทางหลักศาสนาอิสลามแต่อย่างใด
และเมื่อได้บอกแก่ลูกค้าว่าไก่ KFC ว่าจะปิดกิจการในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้
ลูกค้าต่างเสียดาย เช่นเดียวกับพนักงานทุกคนที่มีความผูกพันกับองค์กร
ที่มา [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สรุปเหตุการณ์
ปี 57 มีการกดดันขับไล่ร้านไก่ทอดผู้พัน ทั้งๆที่อยู่มาเป็น 10 ปี
ก.ค.57 ร้านไก่ทอดผู้พันปิดสาขาทั้ง ๓
7 พ.ค.60 ห้างฮาลาลเปิดตัว พร้อมร้านไก่ทอดฮาลาล
9 พ.ค.60 ห้างสีเขียวโดนวางระเบิด
โดยกลุ่มก่อความไม่สงบ เปลี่ยนยุทธวิธี
จากเคยปล้นรถมาไว้ก่อน มาเป็น ปล้นเอาวันที่จะก่อเหตุเลย
เลยทำให้ยังไม่มีข้อมูลรถที่เฝ้าระวังในฐานข้อมูล
จึงทำให้ป้องกันได้ยากขึ้น
เหตุการณ์นี้ พลาดตรงที่ รปภ.ตรวจบัตร ไม่ได้ดูหน้าคนในรถว่าตรงกับบัตรหรือไม่
แต่ก็ดีตรงที่ รถไปจอดห้างประตูทางออกของห้าง แบบผิดปกติ
รปภ.จึงกันคนออกจากบริเวณนั้นได้ทันที
ซึ่งโจรได้วางประทัดยักษ์ในห้างให้ระเบิดก่อน เพื่อให้คนออกทางประตูมากๆ
จากเหตุการณ์นี้ อาจสันนิษฐาน ถึงความเชื่อมโยง
ระหว่าง นักการเมืองท้องที่ นักธุรกิจท้องถิ่น กับ กลุ่ม BRN ได้ดีมากขึ้น
ตามหลักข้อสันนิษฐาน ว่า ใครได้ประโยชน์มากที่สุด และ ใครเสียผลประโยชน์มากที่สุด
ในการติดตามผู้ต้องสงสัย จากการตามทางกล้องวงจรปิดแล้ว
พบว่า มีในรถกระบะ ๒ คน และรถมอเตอร์ไซด์ที่จอดรออีก ๒ คน
และนอกจากนี้ ยังมีผู้ต้องสงสัยที่โทรไปนัดเจ้าของรถตัวจริง
ให้ไปติดกันสาดที่มัสยิด เพื่อปล้นรถ อีกด้วย
เพราะ หากสามารถตามเจอมือถือของเจ้าของรถตัวจริงได้
ก็จะได้ เบอร์ที่โทรเข้ามาในเครื่องนั้นเอง
กรุงเทพธุรกิจ เขียนบทความ ห้างค้าปลีกแข่งเดือดไม่สนไฟใต้!
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/754168