สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ พันทิปทุกท่าน
วันนี้อยากมาฝากทริปเล็กๆ ไว้เผื่อเป็นแนวทางนะคะ
-- ตั้งใจทำแผนส่วนตัวไว้เที่ยวเอง แต่เห็นว่ามันน่าจะมีประโยชน์ เลยขออนุญาตนำมาแบ่งปันกันค่ะ
-- ทริปนี้เป็นทริปต่างประเทศแบบไปกันเองกับเพื่อนๆ ทำการบ้านเตรียมตัวล่วงหน้าเองแบบละเอียด
-- จนอยากเอามาแบ่งปันเป็นแนวทาง สำหรับมือใหม่ทุกท่าน เราเลือกไปสิงคโปร์ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งความเจริญ ทันสมัย มีแหล่งเชคอินดังๆ น่าสนใจ และไปปิดทริปที่รัฐมะละกา เมืองมรดกโลกของมาเลเซีย (อยากไปทั้ง 2 ที่ ค่ะ เลยเอามารวมทริปกัน)
-- เริ่มจากการเขียนแผนการเดินทาง จัดการจองตั๋วเครื่องบิน จองที่พักกันก่อนนะคะ ทริปนี้ไปกัน 3 คน
- ตั๋วเครื่องบินขาไป ใช้โปรโมชั่น Nokscoot ค่ะ เที่ยวบิน TZ291 ค่าตั๋วเครื่องบิน 4,275 หาร 3 คนละ 1,425 บาท
- ตั๋วเดินทางขากลับ ใช้โปรโมชั่น AirAsia (เที่ยวบิน AK886 เป็นแอร์มาเลเซีย เที่ยวกลับมีสั่งอาหารบนเครื่องด้วยค่ะ)
ค่าตั๋วเครื่องบิน 2,244 หาร 3 คนละ 748 บาท
- สำหรับที่พักที่สิงคโปร์ เราเลือกจองผ่าน Agoda ชื่อ Bunc Hostel ย่าน Little India ค่ะ (2 คืน 2,535 คนละ 845 บาท)
- สำหรับที่พักที่มะละกา ก็จองผ่าน Agoda เหมือนเดิมค่ะ ชื่อ Sayang Selalu Guest House (1 คืน 455 คนละ 152 บาท)
- แลกเงิน SGD (ดอลล่าร์สิงคโปร์) เพื่อใช้จ่ายที่สิงคโปร์ คนละ 40 SGD ประมาณ 1,000 บาท
- แลกเงิน RM (ริงกิตมาเลเซีย) เพื่อใช้จ่ายที่มาเลเซีย คนละ 100 RM ประมาณ 785 บาท
- ค่ารถทัวร์ 707Inc เดินทางจากสิงคโปร์ไปมะละกา คนละ 17 SGD ประมาณ 425 บาท ใช้การจองซื้อตั๋วออนไลน์ไว้ล่วงหน้า
- ค่ารถทัวร์ Transnational เดินทางจากมะละกา คนละ 24.10 RM ประมาณ 190 บาท
รวมค่าใช้จ่ายโดยประมาณ 5,500 ต่อคน
++ สำหรับซิมที่ใช้เล่นอินเตอร์เนต เฟสบุค ไลน์ รวมถึง Google Map เราใช้ sim2Fly ของ AIS ค่ะ ซึ่งซื้อได้ที่เคาน์เตอร์ AIS
ที่ท่าอากาศยานดอนเมืองเลยค่ะ Shop อยู่บริเวณชั้น G ระหว่างทางเชื่อม เทอร์มินัล 1 และ 2 หาไม่ยากค่ะ ราคา 399.- ใช้เนตได้ 3จี๊ก เหลือๆ ค่ะ
พร้อมแล้วไปเที่ยวด้วยกันนะคะ ภาพไม่สวยต้องขออภัยค่ะ ใช้กล้องมือถือ Vivo Y35 และโปรแกรมแต่งรูปช่วยนิดหน่อย
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2560
เวลา 12.00 น. เพื่อป้องกันปัญหาตกเครื่อง เราไปรอเช็คอินที่เคาน์เตอร์ Nokscoot ค่ะ เคาน์เตอร์เปิดช่วงเวลา 12.50-14.50 น
อาคาร 1 ชั้น 3 เคาน์เตอร์ที่ 6-7 รวมกับนกแอร์ (เคาน์เตอร์ปิด 14.50 น.)
หลังจากนั้นก็กรอกใบ ต.ม. ขาออก (ใช้ตอนออกนอกประเทศ) เดินผ่านขั้นตอน ต.ม. ใช้แบบประตูอัตโนมัติสะดวกมากค่ะ
หน้าตาใบ ต.ม. ขาออกค่ะ
แล้วก็เดินไปหาแลกเงิน SGD กับ RM ด้านใน มีเคาน์เตอร์ให้บริการหลายธนาคารค่ะ เราเลือกแลกของเคาน์เตอร์กสิกรไทยค่ะ
เลือกที่สะดวก แลกจำนวนน้อย ค่าเงินไม่แตกต่างมากค่ะ
ได้เวลาไปนั่งรอเจ้านกยิ้มกันเลยจ้า เที่ยวบิน TZ291 มาแล้วจ้า ลำใหญ่จุใจ นั่งสบายๆ มากๆ ค่ะ
นั่งมาเพลินๆ ชมพระอาทิตย์ตกบนเส้นขอบฟ้า เข้าน่านฟ้าสิงคโปร์ แอร์โฮสเตสจะเอาใบต.ม.สิงคโปร์ มาแจกให้เขียน เขียนตามนี้เลยค่ะ
ส่วนที่ 1 ใบขาเข้าจะถูกฉีกออกเมื่อผ่านด่าน ต.ม. ขาเข้า จะเหลือเฉพาะใบขาออก ที่ต้องตรวจเมื่อเดินทางออกจากสิงคโปร์ แนบเก็บไว้ใน Passport เลยค่ะ
3 ช.ม. ผ่านไป เราก็มาถึง ท่าอากาศยานสิงคโปร์ชางงี ในเวลาประมาณ 20.00 น. เวลาประเทศไทย 19.00 น. (สิงคโปร์เร็วกว่าไทย 1 ช.ม. นะคะ) ท่าอากาศยานสิงคโปร์ชางงี เป็นสนามบินที่ดีที่สุดในโลกได้รับรางวัล World's Best Airport (Skytrax 2016)
เราเลือกไฟลท์ที่ถึงสนามบินค่อนข้างค่ำค่ะ จึงรีบหาซื้อตั๋วรถไฟฟ้าสำหรับเดินทางไปยังที่พัก ไม่ได้แวะถ่ายรูปภายในสนามบินมาฝาก ไว้กลับไปซ้ำอีกรอบแล้วจะมารีวิวเพิ่มเติมนะคะ สำหรับระบบขนส่งสาธารณะที่สะดวกของสิงคโปร์ คือ รถไฟฟ้าค่ะ แนะนำให้โหลดแอพพลิเคชั่น Singapore MRT ติดเครื่องไว้ใช้ตลอดการเดินทางเลยนะคะ
จากด่านตรวจคนเข้าเมืองให้มองหาป้าย MRT เดินลงบันไดเลื่อนมาตามป้าย MRT เรื่อยๆ
สำหรับการเดินทางของเราในทริปนี้ เราเลือกใช้ Standard Ticket ค่ะ เพราะเดินทางในสิงคโปร์ 2 วัน จะประหยัดกว่า
หน้าตา Standard Ticket เป็นแบบนี้ค่ะ
ซื้อได้ที่ตู้จำหน่ายบัตรอัตโนมัติ ที่สถานีในสนามบินเลยค่ะ เดินไปตามป้ายนี้เลยค่ะ
สำหรับขั้นตอนและวิธีการนะคะ เป็นรีวิวที่เสิร์จหาใน Google ค่ะ เอามาแปะให้ดูกัน
ซื้อต่อที่ 1 เพื่อเดินทางจากสนามบินซางงี ไปยังที่พัก ซึ่งต้องลงที่สถานี Rochor ค่ะ ใช้แอพคำนวณออกมาตามนี้ค่ะ
หลังจากที่ได้บัตร Standard Ticket แล้วก็นั่งรถไฟฟ้าจากสถานี Changi Airport เพื่อไปลงที่สถานี Tanah Merah
(แนะนำให้ดูแผนที่ในแอพประกอบค่ะ เพราะแต่ละสถานีอาจต้องมีการเปลี่ยนสายรถ)
หลังจากลงที่สถานี Tanah Merah แล้วให้มองหาป้าย ที่เขียนว่า to Joo Koon เรารอรถไฟฟ้าสายสีเขียวนี้ เพื่อเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองค่ะ
ต้องต่อรถที่สถานี Bugis (EW12) เพื่อต่อรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ไปยัง สถานี Rochor (DT13) จากสถานี Rochor เราเปิด Google Maps เพื่อเดินไปยังที่พักซึ่งอยู่ไม่ไกลมากค่ะ Checkin เข้าที่พัก มีค่ามัดจำคีย์การ์ด 10 SGD ด้วยนะคะ
หน้าตาที่นอนแบบ Hostel ครั้งแรกในชีวิตค่ะ 1 ห้องมี 12 เตียง รวมชายหญิง ที่นอนนุ่มมากค่ะ แต่ละที่นอนมีไฟส่องสว่าง และปลั๊กไฟค่ะ
หลับก่อนนะคะ พรุ่งนี้ต้องลุยกันต่อ
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2560
ตื่นเช้าทำกิจวัตรเรียบร้อย ทานอาหารเช้าของทางโรงแรม (รวมอยู่ในค่าห้องพัก) เราก็เตรียมออกไปลุยกันเลยค่ะ
เดินทางตามหมุดหมายที่แพลนไว้ ทริปช่วงเช้าถึงบ่าย ตะลุยย่านไชน่าทาวน์
และตารางการเดินของเราค่ะ
++ ถนนคนเดินไชน่าทาวน์สิงคโปร์ Chinatown Street Market ลงจากรถไฟใต้ดิน MRT ให้ออกทางออก A (ChinaTown Exit A) จะเจอถนนคนเดินเลย ขออนุญาตโพสต์ภาพประกอบ มีติดเจ้าขอกระทู้รีวิวบ้างต้องขออภัยด้วยนะคะ
++ ย่านไชน่าทาวน์ของสิงคโปร์ และ Chinatown Food Street (Smith Street) เป็นแหล่งช้อปปิ้งยอดนิยมในการซื้อของฝากของที่ระลึกต่างๆ เช่น พวงกุญแจ ช็อคโกแลต เสื้อยืด และแม็กเน็ท สินค้ามีราคาถูกค่ะ มีโปรโมชั่นต่างๆ และยังมีของฝากแบบที่เป็นสไตล์จีน แต่ช่วงที่เราไป ยังเช้าอยู่มากร้านรวงต่างๆ ยังไม่เปิดกันเลยค่ะ
จากถนนคนเดินไชน่าทาวน์ เราจะเดินไปที่วัดแขกกันค่ะ
++ วัดแขกศรีมาริอัมมันต์ (Sri Mariamman Temple)
++ วัดพระธาตุเขี้ยวแก้ว (Buddha Tooth Relic Temple) *ห้ามใส่ขาสั้นเลยเข้าไปถ่ายรูปด้านในไม่ได้ค่ะ*
เดินไปเดินมาชักจะหิวค่ะ ได้เวลาไปตามหาข้าวมันไก่ในตำนาน ไม่มาทานเดี๋ยวจะกลายเป็นว่า มาไม่ถึง เลยต้องไปลองเสียหน่อย ร้านข้าวมันไก่เทียนเทียน (Tian Tian Hainanese Chicken Rice) สาขาศูนย์อาหาร แม็กซ์เวล(Maxwell Food Centre)
ปริมาณคนรอ ต่อแถวกันยาวเลย ทำให้เรายิ่งอยากลิ้มลองรสชาดของข้าวมันไก่ที่นี่ยิ่งขึ้นไปอีกค่ะ
ถึงคิวเราแล้วค่ะ
g]
สั่งไซส์ M มาคนละหนึ่งจานค่ะ หน้าตาแบบนี้เลยค่ะ สนนราคา 5 SGD หรือประมาณ 125 บาทค่ะ
เนื้อไก่ นุ่มๆ เด้งๆ อร่อยมากค่ะ ติดเลี่ยนไปหน่อย แต่ได้น้ำจิ้มพริกสีแดงๆ มาราด ตัดเลี่ยนได้พอดีค่ะ อร่อยและอิ่ม ใครมาสิงคโปร์แนะนำค่ะ ลองมาหาทานกันดู
มีแรงเดินต่อสบายๆ ค่ะ เดินมาอีกหน่อยจะเจอพิพิธภัณท์ Red Dot Design Museum (เสียค่าเข้า เลยเดินถ่ายรูปแต่ด้านนอกค่ะ) Red Dot Design Museum ตัวอาคารทาด้วยสีแดงสดโดดเด่นสะดุดตาค่ะ ยาวขนานไปกับ Maxwell Road เป็นพิพิธภัณฑ์สำหรับคนที่ชอบงานดีไซน์
++ วัดเทียนฮกเขง (Thian Hock Keng Temple)
++ พิพิธภัณฑ์ฟุกตั๊กกี่ (Fuk Tak Chi Museum) เคยเป็นวัดจีนที่เก่าแก่ที่สุดในสิงคโปร์
และเป็นตัวอย่างที่สวยงามของสถาปัตยกรรมที่ได้รับการบูรณะในย่านไชน่าทาวน์
โอบล้อมด้วยสถาปัตยกรรมอันทันสมัยแต่อยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน
จากช่วงบ่ายถึงเย็น เดินเที่ยวฝั่ง Merion Park
โดยนั่ง MRT จากสถานี Telok Ayer มาลงสถานี Raffles Place
แล้วเดินตามป้ายมายัง One Fullerton เดินมายังโรงแรม Fullerton แล้วลงมาที่ทางเชื่อมใต้ดินเพื่อข้ามมายังฝั่ง One Fullerton ที่เป็นโซนร้านอาหาร ร้านกาแฟริมอ่าว อันเป็นส่วนหนึ่งของ Merlion Park
มาดูภาพบรรยากาศกันค่ะ แดดร้อนไม่มากเดินเล่นสบายๆ
++ รูปปั้นเด็กกระโดดน้ำค่ะ บริเวณด้านข้างโรงแรม Fullerton หัวสะพาน Cavanagh Bridge ใครๆ มาก็ต้องไม่พลาดที่จะถ่ายรูปเชคอินกันค่ะ เห็นแล้วรู้สึกสนุกสนานตามเด็กๆ ค่ะ
++ ถึงแล้วค่ะ Merlion Park หรือ สิงโตพ่นน้ำ สัญลักษณ์ของประเทศสิงคโปร์ค่ะ
[CR] สิงคโปร์-มะละกา (3 คืน 4 วัน งบ 5,500 เหลือๆ)
วันนี้อยากมาฝากทริปเล็กๆ ไว้เผื่อเป็นแนวทางนะคะ
-- ตั้งใจทำแผนส่วนตัวไว้เที่ยวเอง แต่เห็นว่ามันน่าจะมีประโยชน์ เลยขออนุญาตนำมาแบ่งปันกันค่ะ
-- ทริปนี้เป็นทริปต่างประเทศแบบไปกันเองกับเพื่อนๆ ทำการบ้านเตรียมตัวล่วงหน้าเองแบบละเอียด
-- จนอยากเอามาแบ่งปันเป็นแนวทาง สำหรับมือใหม่ทุกท่าน เราเลือกไปสิงคโปร์ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งความเจริญ ทันสมัย มีแหล่งเชคอินดังๆ น่าสนใจ และไปปิดทริปที่รัฐมะละกา เมืองมรดกโลกของมาเลเซีย (อยากไปทั้ง 2 ที่ ค่ะ เลยเอามารวมทริปกัน)
-- เริ่มจากการเขียนแผนการเดินทาง จัดการจองตั๋วเครื่องบิน จองที่พักกันก่อนนะคะ ทริปนี้ไปกัน 3 คน
- ตั๋วเครื่องบินขาไป ใช้โปรโมชั่น Nokscoot ค่ะ เที่ยวบิน TZ291 ค่าตั๋วเครื่องบิน 4,275 หาร 3 คนละ 1,425 บาท
- ตั๋วเดินทางขากลับ ใช้โปรโมชั่น AirAsia (เที่ยวบิน AK886 เป็นแอร์มาเลเซีย เที่ยวกลับมีสั่งอาหารบนเครื่องด้วยค่ะ)
ค่าตั๋วเครื่องบิน 2,244 หาร 3 คนละ 748 บาท
- สำหรับที่พักที่สิงคโปร์ เราเลือกจองผ่าน Agoda ชื่อ Bunc Hostel ย่าน Little India ค่ะ (2 คืน 2,535 คนละ 845 บาท)
- สำหรับที่พักที่มะละกา ก็จองผ่าน Agoda เหมือนเดิมค่ะ ชื่อ Sayang Selalu Guest House (1 คืน 455 คนละ 152 บาท)
- แลกเงิน SGD (ดอลล่าร์สิงคโปร์) เพื่อใช้จ่ายที่สิงคโปร์ คนละ 40 SGD ประมาณ 1,000 บาท
- แลกเงิน RM (ริงกิตมาเลเซีย) เพื่อใช้จ่ายที่มาเลเซีย คนละ 100 RM ประมาณ 785 บาท
- ค่ารถทัวร์ 707Inc เดินทางจากสิงคโปร์ไปมะละกา คนละ 17 SGD ประมาณ 425 บาท ใช้การจองซื้อตั๋วออนไลน์ไว้ล่วงหน้า
- ค่ารถทัวร์ Transnational เดินทางจากมะละกา คนละ 24.10 RM ประมาณ 190 บาท
รวมค่าใช้จ่ายโดยประมาณ 5,500 ต่อคน
++ สำหรับซิมที่ใช้เล่นอินเตอร์เนต เฟสบุค ไลน์ รวมถึง Google Map เราใช้ sim2Fly ของ AIS ค่ะ ซึ่งซื้อได้ที่เคาน์เตอร์ AIS
ที่ท่าอากาศยานดอนเมืองเลยค่ะ Shop อยู่บริเวณชั้น G ระหว่างทางเชื่อม เทอร์มินัล 1 และ 2 หาไม่ยากค่ะ ราคา 399.- ใช้เนตได้ 3จี๊ก เหลือๆ ค่ะ
พร้อมแล้วไปเที่ยวด้วยกันนะคะ ภาพไม่สวยต้องขออภัยค่ะ ใช้กล้องมือถือ Vivo Y35 และโปรแกรมแต่งรูปช่วยนิดหน่อย
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2560
เวลา 12.00 น. เพื่อป้องกันปัญหาตกเครื่อง เราไปรอเช็คอินที่เคาน์เตอร์ Nokscoot ค่ะ เคาน์เตอร์เปิดช่วงเวลา 12.50-14.50 น
อาคาร 1 ชั้น 3 เคาน์เตอร์ที่ 6-7 รวมกับนกแอร์ (เคาน์เตอร์ปิด 14.50 น.)
หลังจากนั้นก็กรอกใบ ต.ม. ขาออก (ใช้ตอนออกนอกประเทศ) เดินผ่านขั้นตอน ต.ม. ใช้แบบประตูอัตโนมัติสะดวกมากค่ะ
หน้าตาใบ ต.ม. ขาออกค่ะ
แล้วก็เดินไปหาแลกเงิน SGD กับ RM ด้านใน มีเคาน์เตอร์ให้บริการหลายธนาคารค่ะ เราเลือกแลกของเคาน์เตอร์กสิกรไทยค่ะ
เลือกที่สะดวก แลกจำนวนน้อย ค่าเงินไม่แตกต่างมากค่ะ
ได้เวลาไปนั่งรอเจ้านกยิ้มกันเลยจ้า เที่ยวบิน TZ291 มาแล้วจ้า ลำใหญ่จุใจ นั่งสบายๆ มากๆ ค่ะ
นั่งมาเพลินๆ ชมพระอาทิตย์ตกบนเส้นขอบฟ้า เข้าน่านฟ้าสิงคโปร์ แอร์โฮสเตสจะเอาใบต.ม.สิงคโปร์ มาแจกให้เขียน เขียนตามนี้เลยค่ะ
ส่วนที่ 1 ใบขาเข้าจะถูกฉีกออกเมื่อผ่านด่าน ต.ม. ขาเข้า จะเหลือเฉพาะใบขาออก ที่ต้องตรวจเมื่อเดินทางออกจากสิงคโปร์ แนบเก็บไว้ใน Passport เลยค่ะ
3 ช.ม. ผ่านไป เราก็มาถึง ท่าอากาศยานสิงคโปร์ชางงี ในเวลาประมาณ 20.00 น. เวลาประเทศไทย 19.00 น. (สิงคโปร์เร็วกว่าไทย 1 ช.ม. นะคะ) ท่าอากาศยานสิงคโปร์ชางงี เป็นสนามบินที่ดีที่สุดในโลกได้รับรางวัล World's Best Airport (Skytrax 2016)
เราเลือกไฟลท์ที่ถึงสนามบินค่อนข้างค่ำค่ะ จึงรีบหาซื้อตั๋วรถไฟฟ้าสำหรับเดินทางไปยังที่พัก ไม่ได้แวะถ่ายรูปภายในสนามบินมาฝาก ไว้กลับไปซ้ำอีกรอบแล้วจะมารีวิวเพิ่มเติมนะคะ สำหรับระบบขนส่งสาธารณะที่สะดวกของสิงคโปร์ คือ รถไฟฟ้าค่ะ แนะนำให้โหลดแอพพลิเคชั่น Singapore MRT ติดเครื่องไว้ใช้ตลอดการเดินทางเลยนะคะ
จากด่านตรวจคนเข้าเมืองให้มองหาป้าย MRT เดินลงบันไดเลื่อนมาตามป้าย MRT เรื่อยๆ
สำหรับการเดินทางของเราในทริปนี้ เราเลือกใช้ Standard Ticket ค่ะ เพราะเดินทางในสิงคโปร์ 2 วัน จะประหยัดกว่า
หน้าตา Standard Ticket เป็นแบบนี้ค่ะ
ซื้อได้ที่ตู้จำหน่ายบัตรอัตโนมัติ ที่สถานีในสนามบินเลยค่ะ เดินไปตามป้ายนี้เลยค่ะ
สำหรับขั้นตอนและวิธีการนะคะ เป็นรีวิวที่เสิร์จหาใน Google ค่ะ เอามาแปะให้ดูกัน
ซื้อต่อที่ 1 เพื่อเดินทางจากสนามบินซางงี ไปยังที่พัก ซึ่งต้องลงที่สถานี Rochor ค่ะ ใช้แอพคำนวณออกมาตามนี้ค่ะ
หลังจากที่ได้บัตร Standard Ticket แล้วก็นั่งรถไฟฟ้าจากสถานี Changi Airport เพื่อไปลงที่สถานี Tanah Merah
(แนะนำให้ดูแผนที่ในแอพประกอบค่ะ เพราะแต่ละสถานีอาจต้องมีการเปลี่ยนสายรถ)
หลังจากลงที่สถานี Tanah Merah แล้วให้มองหาป้าย ที่เขียนว่า to Joo Koon เรารอรถไฟฟ้าสายสีเขียวนี้ เพื่อเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองค่ะ
ต้องต่อรถที่สถานี Bugis (EW12) เพื่อต่อรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ไปยัง สถานี Rochor (DT13) จากสถานี Rochor เราเปิด Google Maps เพื่อเดินไปยังที่พักซึ่งอยู่ไม่ไกลมากค่ะ Checkin เข้าที่พัก มีค่ามัดจำคีย์การ์ด 10 SGD ด้วยนะคะ
หน้าตาที่นอนแบบ Hostel ครั้งแรกในชีวิตค่ะ 1 ห้องมี 12 เตียง รวมชายหญิง ที่นอนนุ่มมากค่ะ แต่ละที่นอนมีไฟส่องสว่าง และปลั๊กไฟค่ะ
หลับก่อนนะคะ พรุ่งนี้ต้องลุยกันต่อ
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2560
ตื่นเช้าทำกิจวัตรเรียบร้อย ทานอาหารเช้าของทางโรงแรม (รวมอยู่ในค่าห้องพัก) เราก็เตรียมออกไปลุยกันเลยค่ะ
เดินทางตามหมุดหมายที่แพลนไว้ ทริปช่วงเช้าถึงบ่าย ตะลุยย่านไชน่าทาวน์
และตารางการเดินของเราค่ะ
++ ถนนคนเดินไชน่าทาวน์สิงคโปร์ Chinatown Street Market ลงจากรถไฟใต้ดิน MRT ให้ออกทางออก A (ChinaTown Exit A) จะเจอถนนคนเดินเลย ขออนุญาตโพสต์ภาพประกอบ มีติดเจ้าขอกระทู้รีวิวบ้างต้องขออภัยด้วยนะคะ
++ ย่านไชน่าทาวน์ของสิงคโปร์ และ Chinatown Food Street (Smith Street) เป็นแหล่งช้อปปิ้งยอดนิยมในการซื้อของฝากของที่ระลึกต่างๆ เช่น พวงกุญแจ ช็อคโกแลต เสื้อยืด และแม็กเน็ท สินค้ามีราคาถูกค่ะ มีโปรโมชั่นต่างๆ และยังมีของฝากแบบที่เป็นสไตล์จีน แต่ช่วงที่เราไป ยังเช้าอยู่มากร้านรวงต่างๆ ยังไม่เปิดกันเลยค่ะ
จากถนนคนเดินไชน่าทาวน์ เราจะเดินไปที่วัดแขกกันค่ะ
++ วัดแขกศรีมาริอัมมันต์ (Sri Mariamman Temple)
++ วัดพระธาตุเขี้ยวแก้ว (Buddha Tooth Relic Temple) *ห้ามใส่ขาสั้นเลยเข้าไปถ่ายรูปด้านในไม่ได้ค่ะ*
เดินไปเดินมาชักจะหิวค่ะ ได้เวลาไปตามหาข้าวมันไก่ในตำนาน ไม่มาทานเดี๋ยวจะกลายเป็นว่า มาไม่ถึง เลยต้องไปลองเสียหน่อย ร้านข้าวมันไก่เทียนเทียน (Tian Tian Hainanese Chicken Rice) สาขาศูนย์อาหาร แม็กซ์เวล(Maxwell Food Centre)
ปริมาณคนรอ ต่อแถวกันยาวเลย ทำให้เรายิ่งอยากลิ้มลองรสชาดของข้าวมันไก่ที่นี่ยิ่งขึ้นไปอีกค่ะ
ถึงคิวเราแล้วค่ะ
g]
สั่งไซส์ M มาคนละหนึ่งจานค่ะ หน้าตาแบบนี้เลยค่ะ สนนราคา 5 SGD หรือประมาณ 125 บาทค่ะ
เนื้อไก่ นุ่มๆ เด้งๆ อร่อยมากค่ะ ติดเลี่ยนไปหน่อย แต่ได้น้ำจิ้มพริกสีแดงๆ มาราด ตัดเลี่ยนได้พอดีค่ะ อร่อยและอิ่ม ใครมาสิงคโปร์แนะนำค่ะ ลองมาหาทานกันดู
มีแรงเดินต่อสบายๆ ค่ะ เดินมาอีกหน่อยจะเจอพิพิธภัณท์ Red Dot Design Museum (เสียค่าเข้า เลยเดินถ่ายรูปแต่ด้านนอกค่ะ) Red Dot Design Museum ตัวอาคารทาด้วยสีแดงสดโดดเด่นสะดุดตาค่ะ ยาวขนานไปกับ Maxwell Road เป็นพิพิธภัณฑ์สำหรับคนที่ชอบงานดีไซน์
++ วัดเทียนฮกเขง (Thian Hock Keng Temple)
++ พิพิธภัณฑ์ฟุกตั๊กกี่ (Fuk Tak Chi Museum) เคยเป็นวัดจีนที่เก่าแก่ที่สุดในสิงคโปร์
และเป็นตัวอย่างที่สวยงามของสถาปัตยกรรมที่ได้รับการบูรณะในย่านไชน่าทาวน์
โอบล้อมด้วยสถาปัตยกรรมอันทันสมัยแต่อยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน
จากช่วงบ่ายถึงเย็น เดินเที่ยวฝั่ง Merion Park
โดยนั่ง MRT จากสถานี Telok Ayer มาลงสถานี Raffles Place
แล้วเดินตามป้ายมายัง One Fullerton เดินมายังโรงแรม Fullerton แล้วลงมาที่ทางเชื่อมใต้ดินเพื่อข้ามมายังฝั่ง One Fullerton ที่เป็นโซนร้านอาหาร ร้านกาแฟริมอ่าว อันเป็นส่วนหนึ่งของ Merlion Park
มาดูภาพบรรยากาศกันค่ะ แดดร้อนไม่มากเดินเล่นสบายๆ
++ รูปปั้นเด็กกระโดดน้ำค่ะ บริเวณด้านข้างโรงแรม Fullerton หัวสะพาน Cavanagh Bridge ใครๆ มาก็ต้องไม่พลาดที่จะถ่ายรูปเชคอินกันค่ะ เห็นแล้วรู้สึกสนุกสนานตามเด็กๆ ค่ะ
++ ถึงแล้วค่ะ Merlion Park หรือ สิงโตพ่นน้ำ สัญลักษณ์ของประเทศสิงคโปร์ค่ะ