*** แก้ไขๆ *** [Backpack] แบกเป้เดินเที่ยวสิงคโปร์ 3 วัน 2 คืน กับเงิน 8,800 บาทไทย (7-9 พฤศจิกายน 2558)
อ่านของคนอื่นมาก็เยอะ ครั้งนี้ขอตอบแทนสังคมบ้าง รีวิวครั้งแรกของหนู
คือทริปนี้มันเริ่มต้นด้วยการที่เราอยากจะไปเที่ยวต่างประเทศด้วยตัวเอง ไม่อยากไปเที่ยวกับบริษัททัวร์แล้ว เพราะอยากมีอิสระในการกิน การเที่ยว และประเทศสิงคโปร์ก็เป็นประเทศที่หลายๆ คนแนะนำว่าเที่ยวง่าย เหมาะสำหรับการเริ่มต้นเที่ยวด้วยตัวเอง เราก็เลยตัดสินใจเลือกสิงคโปร์
ขอบอกก่อนเลยว่า ทริปนี้ประหยัดสุด ประมาณว่าเก็บเงินไม่นาน ก็สามารถไปเที่ยวได้แล้ว คือเป็นการท่องเที่ยวแบบเดินชมบรรยากาศและสถานที่ต่างๆของสิงคโปร์ซะมากกว่า ไม่ค่อยได้เที่ยวในจุดที่ต้องเสียค่าเข้าเลย แต่ก็ถือว่าได้ไปในหลายๆที่ ที่ตั้งใจเอาไว้ ก็สรุปว่า เก็บได้ทุกป้ายตามที่ได้แพลนไว้เลยละ
รีวิวนี้ ขอเน้นไปทางเนื้อหานะคะ ตัวหนังสืออาจจะเยอะกว่ารูป ลืมถ่ายไปหลายจุดเหมือนกัน แต่ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับใครที่กำลังจะเดินทางไปเที่ยวสิงคโปร์ด้วยตัวเองบ้างไม่มากก็น้อย
สำหรับโปรแกรมการเที่ยวสิงคโปร์ของเราก็จับต้นชนปลายด้วยตัวเอง หาความรู้จากรีวิวที่เพื่อนๆแชร์ไว้นี่แหละค่ะ สิงคโปร์มีรถไฟฟ้าไปได้ทั่วถึงทุกที่ ถ้าออกนอนเส้นทางรถไฟฟ้าก็ยังมีรถเมล์ เดินทางง่าย สะดวก รวดเร็วค่ะ เพียงแค่ต้องทำการบ้าน ทำความเข้าใจในเส้นทางกันสักหน่อย
โปรแกรมเที่ยวของเราค่ะ
1st Day เสาร์ 7 พ.ย.58
- ข้าวเช้าซงฟาบักกุ๊ดเต๋ song fa bak kut teh
- ฝากกระเป๋ากับที่พัก
- ซื้อซิมเน็ต เดินเล่น Chainatown
- Chinese Garden & Japanese Garden
- โรงแรม The Fullerton
- ปฏิมากรรมรูปปั้น People Of the River
- Cavenagh Bridge
- Merloin park
- Marina Barrage
- super tree
- The helix bridge
- Chainatown Food Street Chainatown Night Market
2nd Day อาทิตย์ 8 พ.ย. 58
- Littel India
- Bugis
- ข้าวเที่ยงที่ Chainatown
- เกาะ sentosa (ไม่เข้า USS)
- Henderson Wave Bridge
- Fountain of Wealth
- ข้าวเย็น Chainatown
- เดินเล่น Clarke Quay
3rd Day วันจันทร์ 9 พ.ย. 58
- ซื้อขนม Mustafa Centre
- 12.00 ไปสนามบิน
สำหรับการเที่ยวสิงคโปร์ เราว่า สัก 3 คืน 4 วัน กำลังดีนะ จะได้เที่ยวทั่วๆ ชิมบรรยากาศได้เต็มที่ เพราะ 2 คืน 3 วัน ที่ไปมาไม่พอจริงๆ ค่ะ
ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
1. ตั๋วไป-กลับ ดอนเมือง-สิงคโปร์ 2,226 THB
ส่วนเราต้องมีค่าเดินทางไปกลับ อุบล-ดอนเมือง ณ จุดๆนี้ อิจฉาคนกรุงเทพฯ มากๆ เพราะไม่ต้องมีต้นทุนการเดินทางเพิ่ม
2. อุบล-ดอนเมือง 830 THB
3. ดอนเมือง-อุบล 690 THB
รวม 3,746 THB
ต่อไปนี้เป็นค่าใช้จ่ายต่อคนในสิงคโปร์ ซึ่งตัวเลขอาจจะดูแปลกๆ เพราะเป็นค่าใช้จ่ายที่หาร 2 แล้วนะคะ
(อัตราแลกเปลี่ยน 26 บาท แลกที่ดอนเมืองค่ะ)
ค่าใช้จ่ายวันที่ 1
1. บัตร tourist pass singapore แบบ 3 วัน 30 SGD คืนบัตรจะได้มัดจำคืน 10 SGD (ส่วนตัวคิดว่าคุ้มมากๆเลย)
2. ข้าวเช้า song fa bak kut teh 9.7 SGD
3. ที่พัก 2 คืน 70 SGD มีอาหารเช้า check out จะได้มัดจำคืน 10 SGD
4. ซิมเน็ต singtel 18 SGD
5. น้ำดื่ม 1 SGD
6. ไอศกรีมขนมปัง 1 SGD
7. ไอศกรีมเวเฟิล 1.2 SGD
8. ข้าวเย็นที่ไชน่าทาวน์ 5.5 SGD
9. น้ำดื่ม 1 SGD
รวม 137.4 SGD
ค่าใช้จ่ายวันที่ 2
1. ข้าวเที่ยง food court ไชน่าทาวน์ 4.5 SGD
2. น้ำดื่ม 1.6 SGD
3. ตั๋ว sentosa express 4 SGD
4. น้ำดื่มที่ sentosa 1.1 SGD
*** มีจุดบริการกดน้ำดื่มนะคะ น้ำเย็นด้วย เราก็อาศัยดื่มน้ำฟรีแบบนี้แหละค่ะ
5. ของที่ระลึก sentosa 4.9 SGD
6. garrett popcorn 4 SGD
7. ข้าวเย็นที่ไชน่าทาวน์ 12.75 SGD
8. น้ำดื่ม 2 SGD
รวม 34.85 SGD
ค่าใช้จ่ายวันที่ 3
1. ขนมที่มุสตาฟาเล็กๆน้อยๆ 7 SGD
2. ข้าวเที่ยงที่สนามบิน 13.05 SGD
3. น้ำดื่ม 2.1 SGD
รวม 22.15 SGD
รวมค่าใช้จ่ายทั้ง 3 วัน 137.4 +34.85+22.15 = 194.4 SGD หรือ 5,054.4 THB
และเรายังได้เงินมันจำค่าบัตรและค่าที่พักคืนมาอีกคนละ 20 SGD ถ้าเอาไปแลกคืนก็ได้ราวๆ 500 กว่าบาทค่ะ ไม่คิดมากค่ะ อาจ ขาดทุนแต่ก็ยังได้เงินคืนมาใช้เนาะ
สรุปค่าใช้จ่าย
ตั๋วไปกลับ ดอนเมือง-สิงคโปร์-ดอนเมือง 2,226 THB
ตั๋วไปกลับ อุบล-ดอนเมือง-อุบล 1,520 THB
รวมค่าใช้จ่ายที่สิงคโปร์ 3 วัน 5,054.4 THB
รวม 8,800.4 THB
เพิ่มเติมในส่วนของค่าอาหารค่ะ เราตั้งไว้ มื้อละ 10 SGD ต่อคน รวมน้ำ ถ้ากินง่ายๆ ตาม food court หรือ chainatown Food Street ก็เหลือๆเลย มีให้เลือกหลากหลายมาก ยิ่งถ้าไปกับเพื่อน แชร์กันก็น่าจะจะถูกลงอีกค่ะ อาหารของเราแต่ละเมนูอยู่ราวๆ 6 – 12 SGD
ทริปนี้ไม่ค่อยซื้อของเลย เพราะไม่ได้โหลดกระเป๋า แบก 7 กิโลขึ้นเครื่องไปเลยค่ะ เราสัมภาระเรามี 3 ชิ้น กระเป๋าเสื้อผ้า+กล้อง +ขาตั้งกล้องที่อยู่ในกระเป๋าเรียบร้อย รวมๆแล้ว น่าจะเกิน 7 กิโลเป็นแน่แท้ แต่ก็ลองเสี่ยงดู ปรากฏว่า ไม่โดนจับชั่งค่ะ ผ่านตลอดทางทั้งขาไป ขากลับ เรื่องชั่งน้ำหนักกระเป๋าเนี๊ย ต้องบอกเลยว่าแล้วแต่ดวงจริงๆ ว่าจะเจอคนตรวจแบบเคร่งแค่ไหน คือ ถ้ากระเป๋าคุณไม่ใบใหญ่อย่างเห็นได้ชัดจนเกินไป คิดว่าน่าจะผ่านฉลุยค่ะ
ทริปนี้ไปกัน 3 วัน 2 คืน ค่ะ เสาร์ อาทิตย์ จันทร์
เพื่อไม่ให้เสียเวลางาน เราออกเดินทางเย็นวันศุกร์ (ตั๋วโปรก็จะได้เวลาประมาณนี้เนาะ) ไปถึงสิงคโปร์ประมาณ สี่ทุ่ม คืนแรกก็นอนสนามบินค่ะ ดึกแล้ว เที่ยวไหนก็ไม่ได้แล้ว เสียดายค่าที่พักอีกต่างหากและสนามบินชางฮียังเป็นสนามบินที่เค้าว่ากันว่ามันน่านอน เลยต้องลองค่ะ อีกอย่างอยู่รอซื้อ บัตร tourist pass Singapore ด้วย สี่ทุ่มเค้าเตอร์จำหน่ายบัตรปิดแล้ว จะเปิดขายบัตร 08.00 ค่ะ ถ้าไม่รอก็ต้องซื้อตั๋วรถไฟแบบเที่ยวเดียวหรือเข้าเมืองด้วยวิธีอื่น
เก้าอี้เหลือง 6 ตัว คือเตียงนอนของเรา
เพิ่มเติมเรื่อง wifi ค่ะ คือ มีwifi บริการฟรีจริง แต่เราต้องมีซิมที่เปิดโรมมิ่ง หรือ ซิมของสิงคโปร์ เพื่อจะรับข้อความ password เข้าใช้งาน ตอนเราไปยังไม่ได้ซื้อซิม เลยเดินไปขอรหัสที่จุดบริการลูกค้าค่ะ (เราเจอที่ treminal 1) จะได้รหัสมา ใช้ได้ 6 ชั่วโมง
วันที่ 1
จัดการล้างหน้าแปรงฟัน เปลี่ยนเสื้อผ้า ซักแห้งตัวเอง ไม่มีห้องอาบน้ำเลย เราพกทิชชู่เปียกไปด้วยนะ อาบน้ำด้วยทิชชู่เปียกนี่แหละ สดชื่น พอได้ๆ
พอ 08.00 ก็มารอซื้อบัตร tourist pass แบบ 3 วัน บัตรหลงได้ไม่จำกัดเที่ยว ทั้งรถไฟและรถเมล์ คุ้มมากๆเลย
จากนั้นก็ เดินทางออกจากสนามบิน เพื่อไปฝากกระเป๋าไว้ที่พักคะ
สำหรับจุดจำหน่ายบัตร เราลง Terminal 1 นั่งรถไฟมา Terminal 2 เดินตามป้าย MRT มาเลยจ้า จุดขายบัตรอยู่ที่สถานีเลย
สำหรับการเดินทางโดย MRT ของสิงคโปร์ ไม่ยากเลย เราอยู่อุบล ไม่ค่อยเจอรถไฟฟ้า ไปกรุงเทพก็ตามก้นเพื่อนตลอด พอมาสิงคโปร์ก็ต้องทำการบ้าน ดูเส้นทาง ทบทวนการเดินทางเป็นเดือน ที่สถานีจะมีป้ายบอกชัดเจนค่ะ ขอแค่มีสติสักหน่อยและทำการบ้านสัดนิด ว่าเราจะไปไหน ขึ้น ลง เปลี่ยนสถานีที่ไหน ออกทางออกที่เท่าไหร่ มีป้ายบอกชัดเจน ไม่น่ากลัวเลย อาจมีสับสนบ้าง ดูป้ายดีๆค่ะ ไม่ได้ยากเลย ส่วนมากมันจะยากตรงที่ ออกมาจากสถานีแล้วต้องไปทางไหนต่อซะมากกว่า (GPS ช่วยคุณได้)
เราพักที่ 5fOOTWAY.INN PROJECT BOAT QUAY ต้องไปลง MRT Clarke Quay NE5 Exit E พอโผล่ขึ้นมาจากสถานี ก็จะเจอร้าน song fa bak kut teh อยู่ฝั่งตรงข้าม มื้อเช้าขอเรา เห็นคิวยังว่างๆ รีบเลยคะ (จากสนามบินมาถึง MRT Clarke Quay ใช้เวลาราวๆ 1 ชั่วโมง )
มื้อเช้าเรียบร้อยแล้วก็ไปฝากกระเป๋ากันค่ะ วิธีไปที่พักก็คือ ออกจากสถานี เลี้ยวขวา ลงไปทางแม่น้ำ เดินเรียบริมแม่น้ำ ลอดอุโมงค์ใต้สะพาน 2 ที โผล่ขึ้นมา เจอป้าย 5fOOTWAY.INN PROJECT BOAT QUAY เลย
reception
ฝากกระเป๋าเสร็จแล้ว ก็ราวๆ 10.00 เริ่มสถานีแรกที่ chainatown MRT Chainatown NE4 Exit A เดินตามเค้าบ้าง เปิด GPS บ้าง
Chainatown Food Street
buddha tooth relic temple
Red Dot Design Museum
Maxwell Food Center
จากนั้นก็ไปต่อที่ Chinese Garden & Japanese Garden MRT Chinese Garden EW25 ออกจากสถานีมา ก็เจอเลยคะทางเดินเข้าสวน
ที่นี่ เรามาติดฝนกันอยู่เกือบๆ 2 ชั่วโมงคะ ทั้งหิวข้าว ทั้งอยากเที่ยวต่อ สรุปว่า ที่นี่ ไม่ค่อยได้เดินเที่ยวเลยค่ะ มัวแต่ติดฝน พอฝนหยุด ก็รีบเดิน เพราะเสียเวลาไปมากแล้ว เลยเดินไม่ทั่วเลย
ออกจาก Chinese Garden เราก็ไปลงที่ MRT Raffles Place EW14 Exit H
ออกจาก MRT Raffles Place เลี้ยวขวา จะพบกับโรงแรม TheFullerton ข้างอาคารจะพบสะพาน Cavenagh Bridge ริมฝั่งแม่น้ำก็เป็นปฏิมากรรมรูปปั้น People Of the River
ณ จุดนี้ หิวข้าวมากเลย มันไม่เจอร้านอาหารเลยค่ะ คือมันจะมีเฉพาะจุดที่เค้าจัดให้เป็น food court หรือบริเวณที่จำหน่ายอาหารจริงๆ ตามทางไม่เจอร้านอาหารคะ ก็ทนๆ ไปก่อน แนะนำว่า เอาขนมติดกระเป๋าไปด้วยก็จะดีเลยคะ อย่าลืมน้ำด้วยนะ
ตรงนี้เจอรถขายไอศกรีม ก็จัดไปเลยค่ะ คนละ 2 อัน เพระว่า ทั้งหิวทั้งร้อน
เมื่อข้ามสะพาน Cavenagh Bridge มาแล้วให้เลี้ยวขวาไปตามทางเชื่อม ก็จะพบกับทางเดินริมอ่าวมาริน่าเบย์และ Merloin park
เดินข้ามสะพาน ESPLANDEDRIVE มาราว 300 เมตร ก็จะถึงที่
[Backpack] แบกเป้เดินเที่ยวสิงคโปร์ 3 วัน 2 คืน กับเงิน 8,800 บาทไทย (7-9 พ.ย. 2558)
อ่านของคนอื่นมาก็เยอะ ครั้งนี้ขอตอบแทนสังคมบ้าง รีวิวครั้งแรกของหนู
คือทริปนี้มันเริ่มต้นด้วยการที่เราอยากจะไปเที่ยวต่างประเทศด้วยตัวเอง ไม่อยากไปเที่ยวกับบริษัททัวร์แล้ว เพราะอยากมีอิสระในการกิน การเที่ยว และประเทศสิงคโปร์ก็เป็นประเทศที่หลายๆ คนแนะนำว่าเที่ยวง่าย เหมาะสำหรับการเริ่มต้นเที่ยวด้วยตัวเอง เราก็เลยตัดสินใจเลือกสิงคโปร์
ขอบอกก่อนเลยว่า ทริปนี้ประหยัดสุด ประมาณว่าเก็บเงินไม่นาน ก็สามารถไปเที่ยวได้แล้ว คือเป็นการท่องเที่ยวแบบเดินชมบรรยากาศและสถานที่ต่างๆของสิงคโปร์ซะมากกว่า ไม่ค่อยได้เที่ยวในจุดที่ต้องเสียค่าเข้าเลย แต่ก็ถือว่าได้ไปในหลายๆที่ ที่ตั้งใจเอาไว้ ก็สรุปว่า เก็บได้ทุกป้ายตามที่ได้แพลนไว้เลยละ
รีวิวนี้ ขอเน้นไปทางเนื้อหานะคะ ตัวหนังสืออาจจะเยอะกว่ารูป ลืมถ่ายไปหลายจุดเหมือนกัน แต่ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับใครที่กำลังจะเดินทางไปเที่ยวสิงคโปร์ด้วยตัวเองบ้างไม่มากก็น้อย
สำหรับโปรแกรมการเที่ยวสิงคโปร์ของเราก็จับต้นชนปลายด้วยตัวเอง หาความรู้จากรีวิวที่เพื่อนๆแชร์ไว้นี่แหละค่ะ สิงคโปร์มีรถไฟฟ้าไปได้ทั่วถึงทุกที่ ถ้าออกนอนเส้นทางรถไฟฟ้าก็ยังมีรถเมล์ เดินทางง่าย สะดวก รวดเร็วค่ะ เพียงแค่ต้องทำการบ้าน ทำความเข้าใจในเส้นทางกันสักหน่อย
โปรแกรมเที่ยวของเราค่ะ
1st Day เสาร์ 7 พ.ย.58
- ข้าวเช้าซงฟาบักกุ๊ดเต๋ song fa bak kut teh
- ฝากกระเป๋ากับที่พัก
- ซื้อซิมเน็ต เดินเล่น Chainatown
- Chinese Garden & Japanese Garden
- โรงแรม The Fullerton
- ปฏิมากรรมรูปปั้น People Of the River
- Cavenagh Bridge
- Merloin park
- Marina Barrage
- super tree
- The helix bridge
- Chainatown Food Street Chainatown Night Market
2nd Day อาทิตย์ 8 พ.ย. 58
- Littel India
- Bugis
- ข้าวเที่ยงที่ Chainatown
- เกาะ sentosa (ไม่เข้า USS)
- Henderson Wave Bridge
- Fountain of Wealth
- ข้าวเย็น Chainatown
- เดินเล่น Clarke Quay
3rd Day วันจันทร์ 9 พ.ย. 58
- ซื้อขนม Mustafa Centre
- 12.00 ไปสนามบิน
สำหรับการเที่ยวสิงคโปร์ เราว่า สัก 3 คืน 4 วัน กำลังดีนะ จะได้เที่ยวทั่วๆ ชิมบรรยากาศได้เต็มที่ เพราะ 2 คืน 3 วัน ที่ไปมาไม่พอจริงๆ ค่ะ
ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
1. ตั๋วไป-กลับ ดอนเมือง-สิงคโปร์ 2,226 THB
ส่วนเราต้องมีค่าเดินทางไปกลับ อุบล-ดอนเมือง ณ จุดๆนี้ อิจฉาคนกรุงเทพฯ มากๆ เพราะไม่ต้องมีต้นทุนการเดินทางเพิ่ม
2. อุบล-ดอนเมือง 830 THB
3. ดอนเมือง-อุบล 690 THB
รวม 3,746 THB
ต่อไปนี้เป็นค่าใช้จ่ายต่อคนในสิงคโปร์ ซึ่งตัวเลขอาจจะดูแปลกๆ เพราะเป็นค่าใช้จ่ายที่หาร 2 แล้วนะคะ
(อัตราแลกเปลี่ยน 26 บาท แลกที่ดอนเมืองค่ะ)
ค่าใช้จ่ายวันที่ 1
1. บัตร tourist pass singapore แบบ 3 วัน 30 SGD คืนบัตรจะได้มัดจำคืน 10 SGD (ส่วนตัวคิดว่าคุ้มมากๆเลย)
2. ข้าวเช้า song fa bak kut teh 9.7 SGD
3. ที่พัก 2 คืน 70 SGD มีอาหารเช้า check out จะได้มัดจำคืน 10 SGD
4. ซิมเน็ต singtel 18 SGD
5. น้ำดื่ม 1 SGD
6. ไอศกรีมขนมปัง 1 SGD
7. ไอศกรีมเวเฟิล 1.2 SGD
8. ข้าวเย็นที่ไชน่าทาวน์ 5.5 SGD
9. น้ำดื่ม 1 SGD
รวม 137.4 SGD
ค่าใช้จ่ายวันที่ 2
1. ข้าวเที่ยง food court ไชน่าทาวน์ 4.5 SGD
2. น้ำดื่ม 1.6 SGD
3. ตั๋ว sentosa express 4 SGD
4. น้ำดื่มที่ sentosa 1.1 SGD
*** มีจุดบริการกดน้ำดื่มนะคะ น้ำเย็นด้วย เราก็อาศัยดื่มน้ำฟรีแบบนี้แหละค่ะ
5. ของที่ระลึก sentosa 4.9 SGD
6. garrett popcorn 4 SGD
7. ข้าวเย็นที่ไชน่าทาวน์ 12.75 SGD
8. น้ำดื่ม 2 SGD
รวม 34.85 SGD
ค่าใช้จ่ายวันที่ 3
1. ขนมที่มุสตาฟาเล็กๆน้อยๆ 7 SGD
2. ข้าวเที่ยงที่สนามบิน 13.05 SGD
3. น้ำดื่ม 2.1 SGD
รวม 22.15 SGD
รวมค่าใช้จ่ายทั้ง 3 วัน 137.4 +34.85+22.15 = 194.4 SGD หรือ 5,054.4 THB
และเรายังได้เงินมันจำค่าบัตรและค่าที่พักคืนมาอีกคนละ 20 SGD ถ้าเอาไปแลกคืนก็ได้ราวๆ 500 กว่าบาทค่ะ ไม่คิดมากค่ะ อาจ ขาดทุนแต่ก็ยังได้เงินคืนมาใช้เนาะ
สรุปค่าใช้จ่าย
ตั๋วไปกลับ ดอนเมือง-สิงคโปร์-ดอนเมือง 2,226 THB
ตั๋วไปกลับ อุบล-ดอนเมือง-อุบล 1,520 THB
รวมค่าใช้จ่ายที่สิงคโปร์ 3 วัน 5,054.4 THB
รวม 8,800.4 THB
เพิ่มเติมในส่วนของค่าอาหารค่ะ เราตั้งไว้ มื้อละ 10 SGD ต่อคน รวมน้ำ ถ้ากินง่ายๆ ตาม food court หรือ chainatown Food Street ก็เหลือๆเลย มีให้เลือกหลากหลายมาก ยิ่งถ้าไปกับเพื่อน แชร์กันก็น่าจะจะถูกลงอีกค่ะ อาหารของเราแต่ละเมนูอยู่ราวๆ 6 – 12 SGD
ทริปนี้ไม่ค่อยซื้อของเลย เพราะไม่ได้โหลดกระเป๋า แบก 7 กิโลขึ้นเครื่องไปเลยค่ะ เราสัมภาระเรามี 3 ชิ้น กระเป๋าเสื้อผ้า+กล้อง +ขาตั้งกล้องที่อยู่ในกระเป๋าเรียบร้อย รวมๆแล้ว น่าจะเกิน 7 กิโลเป็นแน่แท้ แต่ก็ลองเสี่ยงดู ปรากฏว่า ไม่โดนจับชั่งค่ะ ผ่านตลอดทางทั้งขาไป ขากลับ เรื่องชั่งน้ำหนักกระเป๋าเนี๊ย ต้องบอกเลยว่าแล้วแต่ดวงจริงๆ ว่าจะเจอคนตรวจแบบเคร่งแค่ไหน คือ ถ้ากระเป๋าคุณไม่ใบใหญ่อย่างเห็นได้ชัดจนเกินไป คิดว่าน่าจะผ่านฉลุยค่ะ
ทริปนี้ไปกัน 3 วัน 2 คืน ค่ะ เสาร์ อาทิตย์ จันทร์
เพื่อไม่ให้เสียเวลางาน เราออกเดินทางเย็นวันศุกร์ (ตั๋วโปรก็จะได้เวลาประมาณนี้เนาะ) ไปถึงสิงคโปร์ประมาณ สี่ทุ่ม คืนแรกก็นอนสนามบินค่ะ ดึกแล้ว เที่ยวไหนก็ไม่ได้แล้ว เสียดายค่าที่พักอีกต่างหากและสนามบินชางฮียังเป็นสนามบินที่เค้าว่ากันว่ามันน่านอน เลยต้องลองค่ะ อีกอย่างอยู่รอซื้อ บัตร tourist pass Singapore ด้วย สี่ทุ่มเค้าเตอร์จำหน่ายบัตรปิดแล้ว จะเปิดขายบัตร 08.00 ค่ะ ถ้าไม่รอก็ต้องซื้อตั๋วรถไฟแบบเที่ยวเดียวหรือเข้าเมืองด้วยวิธีอื่น
เก้าอี้เหลือง 6 ตัว คือเตียงนอนของเรา
เพิ่มเติมเรื่อง wifi ค่ะ คือ มีwifi บริการฟรีจริง แต่เราต้องมีซิมที่เปิดโรมมิ่ง หรือ ซิมของสิงคโปร์ เพื่อจะรับข้อความ password เข้าใช้งาน ตอนเราไปยังไม่ได้ซื้อซิม เลยเดินไปขอรหัสที่จุดบริการลูกค้าค่ะ (เราเจอที่ treminal 1) จะได้รหัสมา ใช้ได้ 6 ชั่วโมง
วันที่ 1
จัดการล้างหน้าแปรงฟัน เปลี่ยนเสื้อผ้า ซักแห้งตัวเอง ไม่มีห้องอาบน้ำเลย เราพกทิชชู่เปียกไปด้วยนะ อาบน้ำด้วยทิชชู่เปียกนี่แหละ สดชื่น พอได้ๆ
พอ 08.00 ก็มารอซื้อบัตร tourist pass แบบ 3 วัน บัตรหลงได้ไม่จำกัดเที่ยว ทั้งรถไฟและรถเมล์ คุ้มมากๆเลย
จากนั้นก็ เดินทางออกจากสนามบิน เพื่อไปฝากกระเป๋าไว้ที่พักคะ
สำหรับจุดจำหน่ายบัตร เราลง Terminal 1 นั่งรถไฟมา Terminal 2 เดินตามป้าย MRT มาเลยจ้า จุดขายบัตรอยู่ที่สถานีเลย
สำหรับการเดินทางโดย MRT ของสิงคโปร์ ไม่ยากเลย เราอยู่อุบล ไม่ค่อยเจอรถไฟฟ้า ไปกรุงเทพก็ตามก้นเพื่อนตลอด พอมาสิงคโปร์ก็ต้องทำการบ้าน ดูเส้นทาง ทบทวนการเดินทางเป็นเดือน ที่สถานีจะมีป้ายบอกชัดเจนค่ะ ขอแค่มีสติสักหน่อยและทำการบ้านสัดนิด ว่าเราจะไปไหน ขึ้น ลง เปลี่ยนสถานีที่ไหน ออกทางออกที่เท่าไหร่ มีป้ายบอกชัดเจน ไม่น่ากลัวเลย อาจมีสับสนบ้าง ดูป้ายดีๆค่ะ ไม่ได้ยากเลย ส่วนมากมันจะยากตรงที่ ออกมาจากสถานีแล้วต้องไปทางไหนต่อซะมากกว่า (GPS ช่วยคุณได้)
เราพักที่ 5fOOTWAY.INN PROJECT BOAT QUAY ต้องไปลง MRT Clarke Quay NE5 Exit E พอโผล่ขึ้นมาจากสถานี ก็จะเจอร้าน song fa bak kut teh อยู่ฝั่งตรงข้าม มื้อเช้าขอเรา เห็นคิวยังว่างๆ รีบเลยคะ (จากสนามบินมาถึง MRT Clarke Quay ใช้เวลาราวๆ 1 ชั่วโมง )
มื้อเช้าเรียบร้อยแล้วก็ไปฝากกระเป๋ากันค่ะ วิธีไปที่พักก็คือ ออกจากสถานี เลี้ยวขวา ลงไปทางแม่น้ำ เดินเรียบริมแม่น้ำ ลอดอุโมงค์ใต้สะพาน 2 ที โผล่ขึ้นมา เจอป้าย 5fOOTWAY.INN PROJECT BOAT QUAY เลย
reception
ฝากกระเป๋าเสร็จแล้ว ก็ราวๆ 10.00 เริ่มสถานีแรกที่ chainatown MRT Chainatown NE4 Exit A เดินตามเค้าบ้าง เปิด GPS บ้าง
Chainatown Food Street
buddha tooth relic temple
Red Dot Design Museum
Maxwell Food Center
จากนั้นก็ไปต่อที่ Chinese Garden & Japanese Garden MRT Chinese Garden EW25 ออกจากสถานีมา ก็เจอเลยคะทางเดินเข้าสวน
ที่นี่ เรามาติดฝนกันอยู่เกือบๆ 2 ชั่วโมงคะ ทั้งหิวข้าว ทั้งอยากเที่ยวต่อ สรุปว่า ที่นี่ ไม่ค่อยได้เดินเที่ยวเลยค่ะ มัวแต่ติดฝน พอฝนหยุด ก็รีบเดิน เพราะเสียเวลาไปมากแล้ว เลยเดินไม่ทั่วเลย
ออกจาก Chinese Garden เราก็ไปลงที่ MRT Raffles Place EW14 Exit H
ออกจาก MRT Raffles Place เลี้ยวขวา จะพบกับโรงแรม TheFullerton ข้างอาคารจะพบสะพาน Cavenagh Bridge ริมฝั่งแม่น้ำก็เป็นปฏิมากรรมรูปปั้น People Of the River
ณ จุดนี้ หิวข้าวมากเลย มันไม่เจอร้านอาหารเลยค่ะ คือมันจะมีเฉพาะจุดที่เค้าจัดให้เป็น food court หรือบริเวณที่จำหน่ายอาหารจริงๆ ตามทางไม่เจอร้านอาหารคะ ก็ทนๆ ไปก่อน แนะนำว่า เอาขนมติดกระเป๋าไปด้วยก็จะดีเลยคะ อย่าลืมน้ำด้วยนะ
ตรงนี้เจอรถขายไอศกรีม ก็จัดไปเลยค่ะ คนละ 2 อัน เพระว่า ทั้งหิวทั้งร้อน
เมื่อข้ามสะพาน Cavenagh Bridge มาแล้วให้เลี้ยวขวาไปตามทางเชื่อม ก็จะพบกับทางเดินริมอ่าวมาริน่าเบย์และ Merloin park
เดินข้ามสะพาน ESPLANDEDRIVE มาราว 300 เมตร ก็จะถึงที่