Iceland - Road Trip 2,400 K.M.

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก จุดประสงค์ของการเดินทางคือการล่าแสงเหนือ ( Northernlight ) เราออกเดินทางกันวันที่ 13 มี.ค. 2017 โดยสายการบินไทยไปลง Oslo แล้วต่อด้วย SAS จาก Oslo - Reykjavik การเดินทางครั้งนี้เราได้เช่ารถบ้าน เพราะจะสะดวกและเหมาะสมกับภาระกิจของเราในครั้งนี้กับการล่าแสงเหนือ แบบว่าค่ำไหนนอนนั่น ที่สำคัญมีห้องน้ำส่วนตัวพกไปทุกที่ ทั้งSofa ครัว หรือ ความพร้อมต่างๆ ไม่ต้องแพ็คกระเป๋าทุกวันให้เสียเวลา สิ่งที่ยากที่สุดกับการขับรถบ้าน ( Motorhome ) ในช่วง Winter คือมันเป็นรถขับ2ล้อ และถนนส่วนใหญ่จะเป็นทั้งหิมะ และน้ำแข็ง รถก็อาจจะต้องใช้ทักษะในการขับมาก บางทีเจอหิมะหนาเกือบฟุต ตามถนนชัน ก็เสร็จเลยติดเหง็กไปปไหนไม่ได้  และอีกอย่างคือเรื่องเติมน้ำใช้ กับทิ้งน้ำเสียจากที่เราใช้ รวมถึงจากส้วมเราเอง ต้องหา campsite ตามเมืองต่างๆ เพราะส่วนใหญ่จะปิดตอนช่วง Winter เราเดินทางกัน 2 คน ความจุของถังน้ำในรถ 100 L ใช้กันอย่างสบายก็วันครึ่ง เรื่องระบบ Heater ในรถก็อุ่นสบาย ใช้ระบบ Gas ถังนึงก็อยู่ได้ประมาณ 4 วัน เอาแบบเปิดกันร้อนไปเลย แต่เวลาขับมันจะเปลี่ยนระบบความร้อนมาเป็น Heater จากเครื่องยนต์แทน ที่สำคัญเวลาขับรถต้องอย่าลืมปิดวาล์วแก๊ส
ตอนแรกวางแผนไว้ว่าจะอยู่สักประมาณ 11 วัน แต่ก็เหตุการณ์หลายๆรูปแบบที่เราต้องล่าแสงเหนือเก็บภาพสวยๆให้ได้ดีที่สุด จนทำให้เราอยู่ที่นั่นกันทั้งหมด 19 วัน ขับรถกัน 1 รอบครึ่ง ประเทศ Iceland


จุดหมายแรกหลังจากที่พัก 1 คืนที่ Reykjavik เติมเสบียงมาเต็มรถแล้ว ก็มุ่งหน้าสู่ Geysir ดูบ่อน้ำร้อนธรรมชาติที่ทีพลังงานใต้โลกที่ยัง active อยู่ ใช้เวลาขับรถประมาณ 2 ชม. ใช้เส้นทางถนน 1 ต่อด้วย 35 และ 37 อ้อมหน่อยแต่ทางขับดีกว่าทางที่ผ่าน Thingvellir ในช่วง Winter ทั้วแคบและหิมะหนาไปหน่อย
หลังจากน้ำพุร้อน Geysir ขับรถต่ออีกประมาณ 15 นาที บนถนน35 เราก็จะเจอน้ำตก Gullfoss ซึ่งเป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีที่จอดรถอยู่2จุด ให้จอดด้านล่างจะได้ไม่ต้องเดินไกล ใครจะถ่าย Drone ที่นี่ห้ามบิน Drone นะครับ กับห้ามค้างแรม ต้องขับออกมาย้อนกลับทางเดิม จะเจอ Motel เล็กๆ ตรงสามแยกตัดกับถนน 35 และ 30 ชื่อ Skjòl Campgrounds ขอบอกที่นี่ Pizza อร่อยมาย้ำต้องสั่งนะครับ  แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา เพราะหิวจนรีบทานหมดก่อน และคืนที่เราอยู่นี่ หิมะตกอย่างหนัก เป็น Motorhome คันเดียวกลางทุ่งหิมะ
อีกขับลงใต้ เพื่อที่จะไปเส้นถนน 1 จะเจอ Urridafoss จะเป็นน้ำตกอยู่ริมถนนสาย 1 เลย
ขับต่ออีกครึ่งชั่วโมงก็จะเจอ Seljalandsfoss ซึงระหว่างขับรถ เราจะเห็นน้ำตกนี้จากระยะไกลกว่า 10 km. เลย
จาก Seljalandsfoss ก็จะต่อด้วย Skogafoss ซึงวันนี้เราได้พักค้างแรมที่ Skogafoss เลย มีพื้นที่จอดสำหรับ Motorhome น้ำไฟพร้อม ห้องน้ำอาจจะไม่สะอาดมาก คืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่รอดูแสงเหนือ แต่ก็ยังไม่เจอ
วันต่อมาเราออกเดินทางกันแต่เช้า บนถนนสาย1 เรามาดูซากเครื่องบิน Solheimasandur Plane Wreck เป็นซากเครื่องบินขนส่ง ที่ตกบนหาดทรายสีดำ ริมทะเล ใครจะไปดูซากเครือ่งบินนี้ ต้องฟิตร่างกายนิดหน่อยเพราะจากที่จอดรถต้องเดินไปประมาณ 40 นาที ย้ำนะครับ ขาไป40นาที ขากลับก็อีก 40นาที นะครับ เผื่อเวลากันครับ เดินอย่างเดียว เราโชคดีไปตอนอากาศดีหน่อย ถ้าฝน หรือหิมะมา ก็ไม่อยากนึกภาพครับ
พอไปถึงก็ใช้เวลาถ่ายรูปกันให้คุ้มค่าเดินกันนะครับ
วันนี้เป็นวันที่ขับรถนานที่สุดก็ว่าได้เพราะจุดหมายปลายทางต้องไปให้ถึง Glacier Lagoon ก่อน 5 ทุ่มเพราะดู Forecast ไว้วันนีจะมีฟ้าเปิด มีโอกาศเห็นแสง Aurora คืนนี้ เลยต้องขับกัน 4 ชัวโมงกว่าๆๆๆ
จุดต่อไป Reynisfjara Black Sand Beach จะมีถ้ำเป็นหินชั้นๆ Hálsanefshellir Cave
ริมทะเล เวลาเดินระวังคลื่นด้วยนะครับบางลูกซัดมาเต็มหาด ต้องคอยยกTripod วิ่งหนีน้ำ และในทะเลจะมีแท่งหินอยู่3แท่ง เอาDrone บินถ่ายจะสวยมาก
Fjaðrárgljúfur Canyon ทางเข้าที่แยกจากถนนสาย 1 เป็นหลุมเยอะมากๆ ในช่วงที่เราไปและถูกปกคลุมด้วยหิมะ เป็น Canyon กว้างแค่สิบกว่าเมตร และยาวมาก เราไม่ได้เดินขึ้นไปบนทางเดินของCanyon เพราะเราไปถึงค่อนข้างเย็นมากแล้ว แล้วต้องรีบขับไป Glacier Lagoon ต่อเป็นจุดหมายสุดท้ายของวันนี้
ระหว่างทางมา Glacier Lagoon จะมีสะพานที่เป็น one way เยอะมากต้องขับรถด้วยความระมัดระวัง และทางค่อนข้างมืดแล้ว
ในที่สุดเราก็ถึง เราค้างคืนกันที่นี่เลย และในที่สุดเราก็ได้เห็น Northern Light ครั้งแรกที่นี่ และเป็นรูปแรกที่ผมถ่ายแสงเหนือ
ตื่นเช้ามาที่ Glacier Lagoon ก็เจอเพื่อนว่ายน้ำยามเช้าพอดี
ประติมากรรมโดนธรรมชาติ สามารถมองได้เป็นหลายๆสิ่ง
Jökulsárlón Ice Beach เป็นหาดที่ประทับใจมาก สามารถเลือกก้อนน้ำแข็งหลายๆแบบแตกต่างกันออกไป ถ้าอยากให้มุมสวยต้องยอมเปียกนิดหน่อย
Ice Cave ตอนแรกคิดว่าจะใหญ่ แค่เป็นช่องน้ำแข็งที่อยู่ใต้แผ่น Glacier แต่ละปีถ้ำจะไม่ซ้ำตำแหน่งเดิม สายสีดำที่อยู่ในน้ำแข็งคือลาวาที่ถูกแช่แข็ง
Goðafoss คือน้ำตกของพระเจ้า เราไปเป็นช่วงขาวโพลนหิมะกำลังตกพอดี ระหว่างทางที่ขับมาเจอหิมะท่วมถนนกว่า 20 cm รถไปไม่ได้เลย ลื่นตลอดทางกับติดหล่มในหิมะ ต้องนั่งรอรถกวาดหิมะเพื่อเคลียร์ถนนให้โล่ง ระหว่างรอก็เจอพายุหิมะถล่มเต็มถนนเลย
เมือง Akureyri เป็นเมืองขนาดใหญ่อันดับ2 เราได้พักcamsite กันที่นี่ นั่งรอดู Northern Light แต่ก็เห็นไม่มากเพราะเมฆค่อนข้างเยอะ
Hvitserkur เส้นทางที่จะเข้าไปนั้นแบบว่า แย่สุดๆ หลุมบนถนน คิดว่าเพิ่งโดนทิ้งระเบิด
ระหว่างทางที่ขับไปทางด้าน West ( Shangrila )ก็จะเห็นฟาร์มม้าเยอะมาก ม้าทางตอนเหนือก็จะดูตัวหนาๆหน่อย
Kirkjufell เป็นบริเวณที่อากาศค่อนข้างแย่ที่สุดใน Iceland ทั้งลมแรงระดับสีม่วงโดยตลอด ในช่วงที่เราไป ตอนแรกกะจะพักหลบพายุแถวนี้ 2-3 วัน แต่ในที่สุดก็พักแค่คืนเดียว เพราะทุกอย่างปิดไม่มีร้านค้าอะไรเปิด พอเราพักแค่คืนเดียวเราก็มุงกลับ Reykjavik เพื่อพักหลบอากาศไม่ดี 2-3 วันเลย
Harpa Concert Hall and Conference Centre เรามีเวลาเหลือเฟือที่จะ explore เมืองหลวงให้แบบทะลุทะลวง และได้มีการเลื่อนวันกลับอีก 1 อาทิตย์ เพราะเช็คแล้วว่า จะมี Aurora Storm ในอีกไม่กี่วัน และนี่เราได้เดินทางครบ 1 รอบ รอลมพายุหมดแล้วเราจะออกเดินทางล่าแสงเหนืออย่างเต็มตัว
หลังจากที่พายุผ่านไป เราได้เริ่มเดินทางกันอีกรอบ แต่คราวนี้ยังกับมาคนละที่ เพราะหิมะได้หายไปหมดแล้ว และเราได้กลับมา Seljalandsfoss อีกรอบ
Öxarárfoss คืนนี้เราปัหลักกันที่ Þingvellir national park เพราะว่าฟ้าเปิดมาก และมีโอกาศเห็นถึง Level 5-6

ที่ Þingvellir national park นี้มีจุดดำน้ำ เราพลาดการดำน้ำไปเพราะว่ามัน หนาวมากกกก

มันเป็นการคุ้มค่ามากที่เราตัดสินใจอยู่ต่ออีกอาทิตย์ รวมอยู่ที่ Icelan 19 วัน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่