"คนด่าผี"
#bejodelucky
หลังจากพยายามทบทวนประสบการณ์เกี่ยวกับสิ่งลี้ลับ เพื่อมาแบ่งปันให้เพื่อนๆได้อ่าน หลายๆเรื่องทำให้เรากลับมาพิจารณาตัวเอง และได้ข้อสรุปเชิงคำถามว่า "ทำไมกูชอบด่าผีจังวะ"
**คำเตือน** ไม่สนับสนุนให้ทำตาม ย้ำ!!! ห้ามทำตามเด็ดขาด!!! และโปรดใช้วิจารนญาณ, จักรยาน, กำยาน หรืออะไรยานๆก็ได้ ในการอ่าน ขออนุญาตใช้ภาษาไม่สุภาพ คำหยาบโลน เพื่อให้เสมือนอยู่ในสถานการณ์จริงที่สุดนะครับ
ขอออกตัวก่อนว่า ปกติเราเองเป็นคนใจเย็น เย็นมาก เย็นจนเพื่อนๆต้องโมโหแทน นานๆครั้งถึงจะโกรธ แต่การโกรธแต่ละครั้ง ก็ร้อนเป็นไฟ ถึงขนาดเพื่อนๆบอกว่า พวกมันใจเย็นได้ก็เพราะเรา เราโมโหแทนมันไปหมดแล้ว 555
อ่ะ เข้าเรื่องแรกเลย (ไทม์ไลน์ของแต่ละเรื่องจะไม่เรียงกันนะครับ แล้วแต่นึกเรื่องไหนได้ก่อน) ตอนนั้นกำลังเรียนมหาวิทยาลัย กำลังจะขึ้นปี2 มีเพื่อนในเอกมาชวนให้ย้ายไปอยู่ด้วยกัน จะได้ช่วยกันหารค่าเช่า เพราะพวกมันเช่าบ้านไว้หลังหนึ่ง เป็นทาวเฮ้าส์ 2ชั้น ใจกลางบางแสน และมีห้องว่างอยู่อีกหนึ่งห้อง ซึ่งเราก็ตกลง วันนั้นเราก็เข้าไปทำความสะอาดห้องก่อน เพราะปิดไว้ไม่มีคนอยู่มานาน มีแต่ฝุ่น เราทำความสะอาดห้องเสร็จประมาณ6โมงเย็น เหนื่อยมาก เลยว่าจะนอนพักสักงีบ เราก็ล้มตัวลงนอนเลยโดยเปิดประตูห้องทิ้งไว้ให้อากาศถ่ายเท
ตอนกำลังจะเคลิ้มหลับ ก็มีเงาผู้ชาย ดำๆ ตัวใหญ่ๆ มายืนอยู่ปลายเท้า ตอนนั้นรู้แล้วว่าผีแต่ความง่วงมันมากกว่า เลยบอกไปว่า "อย่าเพิ่งมาหลอกกู กูง่วง กูเหนื่อย กูขอนอนก่อน" แล้วเราก็หลับตาจะนอนต่อ คราวนี้รู้สึกเริ่มหนักๆ หายใจลำบาก ลืมตาขึ้นมาก็เห็นเงาดำนั้นใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบหน้าอกเราอยู่ ด้วยความโมโห เราก็รวบรวมพละกำลังถีบเงาดำนั้น(ซึ่งแน่นอน เจอแต่ความว่างเปล่า) พร้อมทั้งตะโกนด่าว่า "กูบอกว่ากูง่วง ไอสัส
อำอยู่ได้ ไปไกลๆกูเลยนะ อย่าให้กูเห็นอีก จะนอน พูดครั้งเดียวให้มันรู้เรื่องบ้าง" แล้วเราก็หลับต่อ 555
ตื่นมาประมาณ 4-5 ทุ่ม เลยลุกจะไปหาข้าวกิน เจอเพื่อนๆนั่งเล่นเกมส์อยู่ข้างล่าง มันถามว่า "ตื่นแล้วหรอ นอนละเมอด่าใครไม่รู้ เสียงดัง
" เราเลยตอบไปว่า "ไม่ได้ละเมอ กูด่าผี กูจะนอน
ก็จะมาอำกูอยู่ได้ " เพื่อนๆฟังแล้วก็ขำ เพราะทุกคนเป็นเพื่อนสนิทและรู้ว่าเราจะเห็นวิญญาณเสมอๆ อีกทั้งยังรู้นิสัยกันดีอีกด้วย //
เรื่องที่สอง เราชอบขี่มอเตอร์ไซค์ และชอบออกทริปต่างจังหวัดกับเพื่อนในกลุ่ม วันนั้นจำได้ไม่แม่นว่า ไปเขาใหญ่หรือไปลพบุรี กลุ่มเราจะขี่กันไปเป็นกลุ่มเล็ก ประมาณ 4-5 คัน เริ่มออกจากบางแสนน่าจะเที่ยงคืน ไปเรื่อยๆไม่ใช้ความเร็วมากนัก
จนอีกประมาณ 100 กิโลเมตรจะถึงเป้าหมาย ซึ่งตอนนั้นเวลาประมาณ ตี3ครึ่งตี4เห็นจะได้ ก็แวะพักกันที่ศาลาริมทาง กำลังพักอิริยาบทแก้เมื่อยขบแก้ง่วงกันอยู่ ก็ได้ยินเสียงเย็นๆของผู้หญิง ร้องไห้ สะอื้นเบาๆ ได้ยินกันทุกคน เพื่อนๆต่างก็หันหน้ามามองกันเลิ่กลั่ก เชิงขอความเห็นว่าเอาไงดี ซึ่งระหว่างนั้นก็ยังมีเสียงสะอื้นลอยตามลมมาเป็นระยะๆ มีเพื่อนคนนึงกระซิบว่า เค้ามาขอส่วนบุญมั้ง? ไอ้เราก็ด้วยความปากไว พูดสวนไปดังๆว่า "ส่วนบุญห่าอะไรพวกกูไม่มีหรอก ดูหน้าพวกกูด้วยว่าหน้าตาเข้าวัดกันมั้ย มีแต่บาปจะเอาปะล่ะ แบ่งให้ไม่หวงเลย ตอนยังเป็น
ไม่ทำ พอตายแล้วต้องลำบากคนอื่นมาอุทิศให้"
พอเราพูดจบก็มีเสียงดังผัวะ!!! พร้อมกับเราหัวทิ่ม เซถลาไปข้างหน้า ใช่แล้วครับ โดนเพื่อนตบ 555 แต่เสียงผู้หญิงสะอื้นก็เงียบไปด้วย ทุกคนเห็นท่าไม่ดีเลยตัดสินใจรีบออกจากศาลานั้น ขี่ต่อไปยังจุดหมายปลายทางเลย ซึ่งกว่าจะไปถึงละแวกชุมชนก็เริ่มฟ้าสางพอดี กลุ่มเราเลยตัดสินใจแวะใส่บาตรพระ พร้อมกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลไปให้เจ้าของเสียงบนศาลานั้น เรื่องนี้ได้กลายเป็นอีกเรื่องที่เล่าทีไรก็ยังขำและยังโดนเพื่อนตบทุกที //
อีกเรื่อง ถ้าใครจำได้ เราเคยเปิดร้านเหล้ากับพี่สาว และเป็นร้านที่เจ้าที่แรงมาก ถ้าใครยังไม่ได้อ่าน เราเคยลงไว้ ติดตามได้จาก #bejodelucky ตอนเปิดร้านแรกๆ ลูกค้ายังไม่ค่อยเยอะ พี่สาวเราก็กังวลเลยแอบไปดูหมอที่ไหนมาก็ไม่รู้ หมอดูบอกว่าสัมภเวสีหน้าร้านมันบังตาลูกค้าไม่ให้เข้าร้าน เพราะร้านเราอยู่ตรงทางสามแพร่ง ให้แก้ไขโดยจัดเครื่องเซ่นไปวางไว้ตรงทางสามแพร่ง แล้วบอกให้ผีเปิดทางให้ ก็จะมีลูกค้า
พี่สาวเรามาบอกให้เราทำให้หน่อย จริงๆพี่สาวรู้ว่าเราไม่ชอบและไม่ทำอะไรแบบนี้ เพราะเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับของไหว้ที่ทางสามแพร่งมาแล้ว เลยใช้วิธีอ้อนวอน ซึ่งเราเลยยอมทำ ให้พี่สาวสบายใจ(เราตามใจพี่สาวมาก ไม่เคยขัดใจ ขออะไรจัดให้ตลอด) วันแรกเราตักข้าวใส่ถ้วยน้ำจิ้ม แล้วใส่ลูกชิ้นลูกนึง จุดธูปหนึ่งดอกไปตั้งไว้ที่ทางสามแพร่งหน้าร้าน บอกกล่าวในใจต่อสัมภเวสีว่า
"วันนี้กูมีให้แค่นี้แหละ -ได้ก็- ถ้าอยาก-ดีๆ พวกต้องไม่ใช่แค่เปิดทางให้ลูกค้า ต้องไปจูงลูกค้ามาเข้าร้านด้วย พอร้านขายดีมีลูกค้า กูก็จะอารมณ์ดี พวกก็จะได้กินดีๆ ถ้าวันไหนทำให้กูอารมณ์ไม่ดี ก็ไม่ต้อง- แล้วกูจะไปฟ้องเจ้าที่ให้มาไล่พวกด้วย"
ซึ่งก็แปลก หลังจากนั้นก็มีลูกค้าเพิ่มขึ้น และเพิ่มขึ้นทุกวันๆด้วย รายรับจากวันละ 5-6,000 เพิ่มเป็น 8x,xxx ซึ่งเราก็ทำตามสัญญา คือ จัดอาหารให้มากขึ้น หมูไข่ไก่ปลา เหล้ายาไม่มีขาด จนมาวันนึง จู่ๆก็ไม่มีลูกค้าเข้าร้านเลย 2-3 วันติดต่อกัน จนพี่สาวเราเริ่มกังวลและเครียด เราโมโห เลยเดินไปเตะสำรับไหว้ตรงทางสามแพร่งทิ้ง แล้วบอกว่า "กูเคยบอกแล้ว ถ้ากูไม่ได้ พวกก็ไม่ต้อง- ให้อยู่สบาย กินอิ่มๆไม่ชอบ ต่อจากนี้ไป พวกไปเลย ไม่ต้องมาอยู่ตรงที่กูอีก" (ตอนนั้นห้าวมาก)
บ่ายวันรุ่งขึ้น พี่สาวมาบอกว่า เมื่อคืนตอนปิดร้านแล้วขับรถออกมา เหลือบมองกระจกมองหลัง เห็นเป็นเงาตะคุ่มๆเต็มหน้าร้านเลย เมื่อเช้าเลยไปทำบุญที่วัดกับพระอาจารย์ที่นับถือท่านนึง พระอาจารย์บอกว่า เป็นพวกผีเร่ร่อน จริงๆไม่ควรไปเซ่นไหว้ตั้งแต่แรกแต่ไม่ต้องกังวล พวกมันกระเจิงไปกันหมดแล้ว มันกลัวน้องชาย(ซึ่งก็คือเราเอง) ต่อไปนี้ให้ทำบุญสม่ำเสมอก็พอ เพราะเราทำบาป มอมเมาผู้คนให้ผิดศีล
ส่วนน้องชายก็ฝากไปเตือนๆมันหน่อย อย่าดีเดือดให้มากนัก โชคดีที่เป็นคนแรง(ซึ่งเราก็ยังไม่เข้าใจมาจนทุกวันนี้ว่าคืออะไร) พวกนี้มันกลัว มันไม่กล้าทำอะไรหรอก ซึ่งพอพี่สาวมาบอกเรา เราก็เลยสารภาพว่าพูดอะไร ทำอะไรไปบ้าง แล้วก็โดนสวดตามระเบียบ 5555 หลังจากนั้นเราเองก็พยายามเพลาๆตัวเองลง และไม่ค่อยยุ่งกับอะไรพวกนี้ เราถือว่าพระมาเตือน ท่านก็หวังดี เราควรเชื่อฟัง ซึ่งหลังจากเหตุการณ์นั้น พี่สาวเราก็ไม่ดูดวงอีกเลย
*จบ*
ป.ล. ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะครับ จะพยายามเรียบเรียงเรื่องอื่นมาลงให้อ่านอย่างสม่ำเสมอครับ
ป.ล.2 ถ้านึกเรื่องที่ด่าผีได้เพิ่มอีก จะมาเรียบเรียงให้อ่านกันในโพสต์ใหม่นะครับ เพราะรู้สึกว่าจะด่าไปเยอะ 555 ไม่ต้องปักรอจ้า
"คนด่าผี"
#bejodelucky
หลังจากพยายามทบทวนประสบการณ์เกี่ยวกับสิ่งลี้ลับ เพื่อมาแบ่งปันให้เพื่อนๆได้อ่าน หลายๆเรื่องทำให้เรากลับมาพิจารณาตัวเอง และได้ข้อสรุปเชิงคำถามว่า "ทำไมกูชอบด่าผีจังวะ"
**คำเตือน** ไม่สนับสนุนให้ทำตาม ย้ำ!!! ห้ามทำตามเด็ดขาด!!! และโปรดใช้วิจารนญาณ, จักรยาน, กำยาน หรืออะไรยานๆก็ได้ ในการอ่าน ขออนุญาตใช้ภาษาไม่สุภาพ คำหยาบโลน เพื่อให้เสมือนอยู่ในสถานการณ์จริงที่สุดนะครับ
ขอออกตัวก่อนว่า ปกติเราเองเป็นคนใจเย็น เย็นมาก เย็นจนเพื่อนๆต้องโมโหแทน นานๆครั้งถึงจะโกรธ แต่การโกรธแต่ละครั้ง ก็ร้อนเป็นไฟ ถึงขนาดเพื่อนๆบอกว่า พวกมันใจเย็นได้ก็เพราะเรา เราโมโหแทนมันไปหมดแล้ว 555
อ่ะ เข้าเรื่องแรกเลย (ไทม์ไลน์ของแต่ละเรื่องจะไม่เรียงกันนะครับ แล้วแต่นึกเรื่องไหนได้ก่อน) ตอนนั้นกำลังเรียนมหาวิทยาลัย กำลังจะขึ้นปี2 มีเพื่อนในเอกมาชวนให้ย้ายไปอยู่ด้วยกัน จะได้ช่วยกันหารค่าเช่า เพราะพวกมันเช่าบ้านไว้หลังหนึ่ง เป็นทาวเฮ้าส์ 2ชั้น ใจกลางบางแสน และมีห้องว่างอยู่อีกหนึ่งห้อง ซึ่งเราก็ตกลง วันนั้นเราก็เข้าไปทำความสะอาดห้องก่อน เพราะปิดไว้ไม่มีคนอยู่มานาน มีแต่ฝุ่น เราทำความสะอาดห้องเสร็จประมาณ6โมงเย็น เหนื่อยมาก เลยว่าจะนอนพักสักงีบ เราก็ล้มตัวลงนอนเลยโดยเปิดประตูห้องทิ้งไว้ให้อากาศถ่ายเท
ตอนกำลังจะเคลิ้มหลับ ก็มีเงาผู้ชาย ดำๆ ตัวใหญ่ๆ มายืนอยู่ปลายเท้า ตอนนั้นรู้แล้วว่าผีแต่ความง่วงมันมากกว่า เลยบอกไปว่า "อย่าเพิ่งมาหลอกกู กูง่วง กูเหนื่อย กูขอนอนก่อน" แล้วเราก็หลับตาจะนอนต่อ คราวนี้รู้สึกเริ่มหนักๆ หายใจลำบาก ลืมตาขึ้นมาก็เห็นเงาดำนั้นใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบหน้าอกเราอยู่ ด้วยความโมโห เราก็รวบรวมพละกำลังถีบเงาดำนั้น(ซึ่งแน่นอน เจอแต่ความว่างเปล่า) พร้อมทั้งตะโกนด่าว่า "กูบอกว่ากูง่วง ไอสัส อำอยู่ได้ ไปไกลๆกูเลยนะ อย่าให้กูเห็นอีก จะนอน พูดครั้งเดียวให้มันรู้เรื่องบ้าง" แล้วเราก็หลับต่อ 555
ตื่นมาประมาณ 4-5 ทุ่ม เลยลุกจะไปหาข้าวกิน เจอเพื่อนๆนั่งเล่นเกมส์อยู่ข้างล่าง มันถามว่า "ตื่นแล้วหรอ นอนละเมอด่าใครไม่รู้ เสียงดัง" เราเลยตอบไปว่า "ไม่ได้ละเมอ กูด่าผี กูจะนอนก็จะมาอำกูอยู่ได้ " เพื่อนๆฟังแล้วก็ขำ เพราะทุกคนเป็นเพื่อนสนิทและรู้ว่าเราจะเห็นวิญญาณเสมอๆ อีกทั้งยังรู้นิสัยกันดีอีกด้วย //
เรื่องที่สอง เราชอบขี่มอเตอร์ไซค์ และชอบออกทริปต่างจังหวัดกับเพื่อนในกลุ่ม วันนั้นจำได้ไม่แม่นว่า ไปเขาใหญ่หรือไปลพบุรี กลุ่มเราจะขี่กันไปเป็นกลุ่มเล็ก ประมาณ 4-5 คัน เริ่มออกจากบางแสนน่าจะเที่ยงคืน ไปเรื่อยๆไม่ใช้ความเร็วมากนัก
จนอีกประมาณ 100 กิโลเมตรจะถึงเป้าหมาย ซึ่งตอนนั้นเวลาประมาณ ตี3ครึ่งตี4เห็นจะได้ ก็แวะพักกันที่ศาลาริมทาง กำลังพักอิริยาบทแก้เมื่อยขบแก้ง่วงกันอยู่ ก็ได้ยินเสียงเย็นๆของผู้หญิง ร้องไห้ สะอื้นเบาๆ ได้ยินกันทุกคน เพื่อนๆต่างก็หันหน้ามามองกันเลิ่กลั่ก เชิงขอความเห็นว่าเอาไงดี ซึ่งระหว่างนั้นก็ยังมีเสียงสะอื้นลอยตามลมมาเป็นระยะๆ มีเพื่อนคนนึงกระซิบว่า เค้ามาขอส่วนบุญมั้ง? ไอ้เราก็ด้วยความปากไว พูดสวนไปดังๆว่า "ส่วนบุญห่าอะไรพวกกูไม่มีหรอก ดูหน้าพวกกูด้วยว่าหน้าตาเข้าวัดกันมั้ย มีแต่บาปจะเอาปะล่ะ แบ่งให้ไม่หวงเลย ตอนยังเป็นไม่ทำ พอตายแล้วต้องลำบากคนอื่นมาอุทิศให้"
พอเราพูดจบก็มีเสียงดังผัวะ!!! พร้อมกับเราหัวทิ่ม เซถลาไปข้างหน้า ใช่แล้วครับ โดนเพื่อนตบ 555 แต่เสียงผู้หญิงสะอื้นก็เงียบไปด้วย ทุกคนเห็นท่าไม่ดีเลยตัดสินใจรีบออกจากศาลานั้น ขี่ต่อไปยังจุดหมายปลายทางเลย ซึ่งกว่าจะไปถึงละแวกชุมชนก็เริ่มฟ้าสางพอดี กลุ่มเราเลยตัดสินใจแวะใส่บาตรพระ พร้อมกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลไปให้เจ้าของเสียงบนศาลานั้น เรื่องนี้ได้กลายเป็นอีกเรื่องที่เล่าทีไรก็ยังขำและยังโดนเพื่อนตบทุกที //
อีกเรื่อง ถ้าใครจำได้ เราเคยเปิดร้านเหล้ากับพี่สาว และเป็นร้านที่เจ้าที่แรงมาก ถ้าใครยังไม่ได้อ่าน เราเคยลงไว้ ติดตามได้จาก #bejodelucky ตอนเปิดร้านแรกๆ ลูกค้ายังไม่ค่อยเยอะ พี่สาวเราก็กังวลเลยแอบไปดูหมอที่ไหนมาก็ไม่รู้ หมอดูบอกว่าสัมภเวสีหน้าร้านมันบังตาลูกค้าไม่ให้เข้าร้าน เพราะร้านเราอยู่ตรงทางสามแพร่ง ให้แก้ไขโดยจัดเครื่องเซ่นไปวางไว้ตรงทางสามแพร่ง แล้วบอกให้ผีเปิดทางให้ ก็จะมีลูกค้า
พี่สาวเรามาบอกให้เราทำให้หน่อย จริงๆพี่สาวรู้ว่าเราไม่ชอบและไม่ทำอะไรแบบนี้ เพราะเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับของไหว้ที่ทางสามแพร่งมาแล้ว เลยใช้วิธีอ้อนวอน ซึ่งเราเลยยอมทำ ให้พี่สาวสบายใจ(เราตามใจพี่สาวมาก ไม่เคยขัดใจ ขออะไรจัดให้ตลอด) วันแรกเราตักข้าวใส่ถ้วยน้ำจิ้ม แล้วใส่ลูกชิ้นลูกนึง จุดธูปหนึ่งดอกไปตั้งไว้ที่ทางสามแพร่งหน้าร้าน บอกกล่าวในใจต่อสัมภเวสีว่า
"วันนี้กูมีให้แค่นี้แหละ -ได้ก็- ถ้าอยาก-ดีๆ พวกต้องไม่ใช่แค่เปิดทางให้ลูกค้า ต้องไปจูงลูกค้ามาเข้าร้านด้วย พอร้านขายดีมีลูกค้า กูก็จะอารมณ์ดี พวกก็จะได้กินดีๆ ถ้าวันไหนทำให้กูอารมณ์ไม่ดี ก็ไม่ต้อง- แล้วกูจะไปฟ้องเจ้าที่ให้มาไล่พวกด้วย"
ซึ่งก็แปลก หลังจากนั้นก็มีลูกค้าเพิ่มขึ้น และเพิ่มขึ้นทุกวันๆด้วย รายรับจากวันละ 5-6,000 เพิ่มเป็น 8x,xxx ซึ่งเราก็ทำตามสัญญา คือ จัดอาหารให้มากขึ้น หมูไข่ไก่ปลา เหล้ายาไม่มีขาด จนมาวันนึง จู่ๆก็ไม่มีลูกค้าเข้าร้านเลย 2-3 วันติดต่อกัน จนพี่สาวเราเริ่มกังวลและเครียด เราโมโห เลยเดินไปเตะสำรับไหว้ตรงทางสามแพร่งทิ้ง แล้วบอกว่า "กูเคยบอกแล้ว ถ้ากูไม่ได้ พวกก็ไม่ต้อง- ให้อยู่สบาย กินอิ่มๆไม่ชอบ ต่อจากนี้ไป พวกไปเลย ไม่ต้องมาอยู่ตรงที่กูอีก" (ตอนนั้นห้าวมาก)
บ่ายวันรุ่งขึ้น พี่สาวมาบอกว่า เมื่อคืนตอนปิดร้านแล้วขับรถออกมา เหลือบมองกระจกมองหลัง เห็นเป็นเงาตะคุ่มๆเต็มหน้าร้านเลย เมื่อเช้าเลยไปทำบุญที่วัดกับพระอาจารย์ที่นับถือท่านนึง พระอาจารย์บอกว่า เป็นพวกผีเร่ร่อน จริงๆไม่ควรไปเซ่นไหว้ตั้งแต่แรกแต่ไม่ต้องกังวล พวกมันกระเจิงไปกันหมดแล้ว มันกลัวน้องชาย(ซึ่งก็คือเราเอง) ต่อไปนี้ให้ทำบุญสม่ำเสมอก็พอ เพราะเราทำบาป มอมเมาผู้คนให้ผิดศีล
ส่วนน้องชายก็ฝากไปเตือนๆมันหน่อย อย่าดีเดือดให้มากนัก โชคดีที่เป็นคนแรง(ซึ่งเราก็ยังไม่เข้าใจมาจนทุกวันนี้ว่าคืออะไร) พวกนี้มันกลัว มันไม่กล้าทำอะไรหรอก ซึ่งพอพี่สาวมาบอกเรา เราก็เลยสารภาพว่าพูดอะไร ทำอะไรไปบ้าง แล้วก็โดนสวดตามระเบียบ 5555 หลังจากนั้นเราเองก็พยายามเพลาๆตัวเองลง และไม่ค่อยยุ่งกับอะไรพวกนี้ เราถือว่าพระมาเตือน ท่านก็หวังดี เราควรเชื่อฟัง ซึ่งหลังจากเหตุการณ์นั้น พี่สาวเราก็ไม่ดูดวงอีกเลย
*จบ*
ป.ล. ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะครับ จะพยายามเรียบเรียงเรื่องอื่นมาลงให้อ่านอย่างสม่ำเสมอครับ
ป.ล.2 ถ้านึกเรื่องที่ด่าผีได้เพิ่มอีก จะมาเรียบเรียงให้อ่านกันในโพสต์ใหม่นะครับ เพราะรู้สึกว่าจะด่าไปเยอะ 555 ไม่ต้องปักรอจ้า