โพสๆนี้ เขียนขึ้นเพื่ออยากให้กำลังใจสำหรับ คนที่เรียนคณะนิติศาสตร์ ไม่ว่าคุณกำลังเหนื่อย กำลังท้ออยู่แค่ไหน ผมอยากให้พวกคุณทั้งหลายอ่านโพสนี้และลุกขึ้นสู้ต่อ
ไม่ว่าคุณจะเป็นใครมาจากไหน ถ้าคุณก้าวเข้ามาศึกษาในสายนิติศาสตร์หรือสายกฎหมาย คุณคือคนที่เสียสละเพื่อคนทั้งประเทศไทย
เสียสละยังไงนะเหรอ ในชีวิตเราต้องเริ่มเรียนตั้งแต่อนุบาล ประถมศึกษา มัธยม มหาวิทยาลัย ซึ่งที่ผมกำลังจะพูดต่อไปไม่ใช่ว่าคณะอื่นไม่เรียนเหมือนกันนะ ผมก็ไม่รู้ว่าคุณหรือใครที่เข้ามาอ่านโพสนี้จะคิดเหมือนผมหรือเปล่า
เรื่องการศึกษา
1.เด็กนิติศาสตร์ เมื่อจบออกมา เขาต้องไปไล่สอบในสนามสอบต่างๆไม่ว่าจะเป็น เนติฯ ที่ปรึกษากฎหมายของบริษัท ปลัดอำเภอ นิติกร ทนาย ฯลฯ ซึ่งแตกต่างจากคณะอื่นๆที่มีเพียงวุฒิ ป.ตรีก็สามารถไปสมัครทำงานหรือสอบเข้าทำงานได้เลย แต่นิติศาสตร์ไม่ มีเพียงวุฒิ ป.ตรียังไม่พอ
ในอนาคต เทคโนโลยี ทุกอย่างเปลี่ยนแปลง บางอาชีพอาจจะต้องหายไป แต่นิติศาสตร์ ไม่สามารถหายไปได้ เพราะที่ใดมีสังคมที่นั้นต้องมีกฎหมาย
(มีคนถามผมว่าแล้วแพทย์ละ เรียนไม่หนักเหรอ??? เรียนหนักครับ แต่กระบวนการสายงานนั้นแตกต่างกับนิติศาสตร์อย่างสิ้นเชิง ทั้งกระบวนการเรียน โครงสร้างรายวิชา เราไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ ถ้าจะเปรียบ แพทย์คือหมอรักษาคน นิติศาสตร์หรือนักกฎหมายคือหมอรักษาประเทศ ไม่ให้ประเทศเกิดความวุ่นวาย ให้คนในประเทศอยู่อย่างเป็นระบบระเบียบ)
2.อ่านหนังสือยันเช้า ผมได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์เด็กนิติศาสตร์คนนึ่ง ซึ่งตอนนี้เขาป่วยหนักมาก เพราะจากการที่อ่านหนังสือหักโหมจนดึก
ผม : ไม่เเหนื่อยเหรอที่ต้องท่องตัวบทแบบนี้
เขา : เมื่อเลือกมาเรียนแล้วก้ต้องทำให้เต็มที่ ไม่ว่าอะไรจะเกิด ก็ข้อสู้เต็มที่
#ผมกราบ ทำไมถึงใจกล้าและสู้แบบนี้
3.ต้องมีทั้งการท่องจำและความเข้าใจ เพื่อนำไปสู่การถ่ายทอดที่เป็นระบบระเบียบ ซึ่งแตกต่างจากคณะอื่นๆโดยสิ้นเชิง ที่บางครั้งอาศัยเพียงความเข้าใจก็ตอบได้แล้ว
4.ความเครียดบั่นทอนกำลังใจ
ผมไม่รู้หรอกนะ ว่าการเรียนคณะอื่น แบ่งเป็นกลางภาค ปลายภาคด้วยหรือเปล่า แต่สำหรับนิติศาสตร์ สอบปลายภาค หนึ่งร้อยคะแนนเต็มเท่านั้น นักนิติศาสตร์จึงต้องเครียดกว่าปกติเมื่อถึงเวลาใกล้สอบ
5.กฎหมายแก้ไขบ่อยๆ
เป็นนักนิติศาสตร์ จำต้องอยู่กับหนังสือตลอดเวลาเพื่ออัปเดต กฎหมายไม่อ่านแค่ 1 วันก็อาจลืมได้แล้ว
เรื่องความรัก
1.ถ้าคุณกำลังตัดสินใจอยากเรียนรู้ใจกับนักกฎหมาย เชื่อผมคบเถอะครับ อนาคตคุณมั่นคงแน่ๆโคตรๆด้วย เพราะไม่ว่าอนาคตจะเปลี่ยนแปลงไปเพียงใด นักกฎหมายก็ยังคงมีบทบาทสำคัญอยู่กับประเทศอยู่
2.การก้าวเข้ามาเรียนนิติศาสตร์ ก็เหมือนทำหมั่นให้กับตัวเอง หาผัว หาเมียยาก 55555 ไม่รู้เพราะเหตุอันใด อีกสาเหตุนึ่งที่เด็กนิติศาสตร์ขึ้นชื่อว่าเป็นบุคคลผู้เสียสละ
เรื่องการใช้ชีวิต
1.เมื่อจบไปแล้ว แทบเรียกได้ว่า คุณคือนักเข้าสังคมโดยแท้ ต้องมีการวางตัว การแต่งตัวต้องดูดี(อย่าบอกนะว่าจะเก็บตัวอยู่แต่บ้าน ไม่มีทางอะ)
2.จิตใจจะมีการพิเคราะห์และผลอยู่เสมอ มันเหมือนจิตวิญญาณนักกฎหมาย สิ่งสำคัญที่ต้องมีคือ ความมีเหตุมีผลอยู่เสมอ
#สุดท้ายนี้ไม่ว่าพวกคุณจะเป็นยังไง ณ ตอนนี้ จะเป็นอย่างที่ผมพูดหรือเปล่า เป็นอย่างที่ใจผมสัมผัสได้ถึงใจคุณหรือเปล่า คนที่เข้ามาอ่านโพสนี้ไม่ต้องเชื่อผมก็ได้นะครับ อยากให้ไปลองสัมผัสเด็กคณะนี้กันเอง ผมรู้ว่าพวกคุณเหนื่อย พวกคุณท้อ แต่ผมอยากบอกพวกคุณว่า พวกคุณ
เจ๋งวะ โคตรๆ รักๆ คนอะไรอยู่กับหนังสือได้ขนาดนี้(ไม่ได้หมายความว่าอยู่ตลอด แต่หมายความเพียงว่ามันต้องจับตลอดทั้งชีวิตเท่านั้นเอง) ถ้าไม่รักจริงพวกคุณคงทำไม่ได้ เลยอยากให้โพสนี้เป็นกำลังใจให้พวกคุณลุกขึ้นสู้ สู้เพื่อประชาชนอย่างพวกผม#ขอเชิดชูเด็กนิติศาสตร์ทุกคน
แด่ เด็กนิติศาสตร์ ทั่วประเทศไทย
ไม่ว่าคุณจะเป็นใครมาจากไหน ถ้าคุณก้าวเข้ามาศึกษาในสายนิติศาสตร์หรือสายกฎหมาย คุณคือคนที่เสียสละเพื่อคนทั้งประเทศไทย
เสียสละยังไงนะเหรอ ในชีวิตเราต้องเริ่มเรียนตั้งแต่อนุบาล ประถมศึกษา มัธยม มหาวิทยาลัย ซึ่งที่ผมกำลังจะพูดต่อไปไม่ใช่ว่าคณะอื่นไม่เรียนเหมือนกันนะ ผมก็ไม่รู้ว่าคุณหรือใครที่เข้ามาอ่านโพสนี้จะคิดเหมือนผมหรือเปล่า
เรื่องการศึกษา
1.เด็กนิติศาสตร์ เมื่อจบออกมา เขาต้องไปไล่สอบในสนามสอบต่างๆไม่ว่าจะเป็น เนติฯ ที่ปรึกษากฎหมายของบริษัท ปลัดอำเภอ นิติกร ทนาย ฯลฯ ซึ่งแตกต่างจากคณะอื่นๆที่มีเพียงวุฒิ ป.ตรีก็สามารถไปสมัครทำงานหรือสอบเข้าทำงานได้เลย แต่นิติศาสตร์ไม่ มีเพียงวุฒิ ป.ตรียังไม่พอ
ในอนาคต เทคโนโลยี ทุกอย่างเปลี่ยนแปลง บางอาชีพอาจจะต้องหายไป แต่นิติศาสตร์ ไม่สามารถหายไปได้ เพราะที่ใดมีสังคมที่นั้นต้องมีกฎหมาย
(มีคนถามผมว่าแล้วแพทย์ละ เรียนไม่หนักเหรอ??? เรียนหนักครับ แต่กระบวนการสายงานนั้นแตกต่างกับนิติศาสตร์อย่างสิ้นเชิง ทั้งกระบวนการเรียน โครงสร้างรายวิชา เราไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ ถ้าจะเปรียบ แพทย์คือหมอรักษาคน นิติศาสตร์หรือนักกฎหมายคือหมอรักษาประเทศ ไม่ให้ประเทศเกิดความวุ่นวาย ให้คนในประเทศอยู่อย่างเป็นระบบระเบียบ)
2.อ่านหนังสือยันเช้า ผมได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์เด็กนิติศาสตร์คนนึ่ง ซึ่งตอนนี้เขาป่วยหนักมาก เพราะจากการที่อ่านหนังสือหักโหมจนดึก
ผม : ไม่เเหนื่อยเหรอที่ต้องท่องตัวบทแบบนี้
เขา : เมื่อเลือกมาเรียนแล้วก้ต้องทำให้เต็มที่ ไม่ว่าอะไรจะเกิด ก็ข้อสู้เต็มที่
#ผมกราบ ทำไมถึงใจกล้าและสู้แบบนี้
3.ต้องมีทั้งการท่องจำและความเข้าใจ เพื่อนำไปสู่การถ่ายทอดที่เป็นระบบระเบียบ ซึ่งแตกต่างจากคณะอื่นๆโดยสิ้นเชิง ที่บางครั้งอาศัยเพียงความเข้าใจก็ตอบได้แล้ว
4.ความเครียดบั่นทอนกำลังใจ
ผมไม่รู้หรอกนะ ว่าการเรียนคณะอื่น แบ่งเป็นกลางภาค ปลายภาคด้วยหรือเปล่า แต่สำหรับนิติศาสตร์ สอบปลายภาค หนึ่งร้อยคะแนนเต็มเท่านั้น นักนิติศาสตร์จึงต้องเครียดกว่าปกติเมื่อถึงเวลาใกล้สอบ
5.กฎหมายแก้ไขบ่อยๆ
เป็นนักนิติศาสตร์ จำต้องอยู่กับหนังสือตลอดเวลาเพื่ออัปเดต กฎหมายไม่อ่านแค่ 1 วันก็อาจลืมได้แล้ว
เรื่องความรัก
1.ถ้าคุณกำลังตัดสินใจอยากเรียนรู้ใจกับนักกฎหมาย เชื่อผมคบเถอะครับ อนาคตคุณมั่นคงแน่ๆโคตรๆด้วย เพราะไม่ว่าอนาคตจะเปลี่ยนแปลงไปเพียงใด นักกฎหมายก็ยังคงมีบทบาทสำคัญอยู่กับประเทศอยู่
2.การก้าวเข้ามาเรียนนิติศาสตร์ ก็เหมือนทำหมั่นให้กับตัวเอง หาผัว หาเมียยาก 55555 ไม่รู้เพราะเหตุอันใด อีกสาเหตุนึ่งที่เด็กนิติศาสตร์ขึ้นชื่อว่าเป็นบุคคลผู้เสียสละ
เรื่องการใช้ชีวิต
1.เมื่อจบไปแล้ว แทบเรียกได้ว่า คุณคือนักเข้าสังคมโดยแท้ ต้องมีการวางตัว การแต่งตัวต้องดูดี(อย่าบอกนะว่าจะเก็บตัวอยู่แต่บ้าน ไม่มีทางอะ)
2.จิตใจจะมีการพิเคราะห์และผลอยู่เสมอ มันเหมือนจิตวิญญาณนักกฎหมาย สิ่งสำคัญที่ต้องมีคือ ความมีเหตุมีผลอยู่เสมอ
#สุดท้ายนี้ไม่ว่าพวกคุณจะเป็นยังไง ณ ตอนนี้ จะเป็นอย่างที่ผมพูดหรือเปล่า เป็นอย่างที่ใจผมสัมผัสได้ถึงใจคุณหรือเปล่า คนที่เข้ามาอ่านโพสนี้ไม่ต้องเชื่อผมก็ได้นะครับ อยากให้ไปลองสัมผัสเด็กคณะนี้กันเอง ผมรู้ว่าพวกคุณเหนื่อย พวกคุณท้อ แต่ผมอยากบอกพวกคุณว่า พวกคุณ เจ๋งวะ โคตรๆ รักๆ คนอะไรอยู่กับหนังสือได้ขนาดนี้(ไม่ได้หมายความว่าอยู่ตลอด แต่หมายความเพียงว่ามันต้องจับตลอดทั้งชีวิตเท่านั้นเอง) ถ้าไม่รักจริงพวกคุณคงทำไม่ได้ เลยอยากให้โพสนี้เป็นกำลังใจให้พวกคุณลุกขึ้นสู้ สู้เพื่อประชาชนอย่างพวกผม#ขอเชิดชูเด็กนิติศาสตร์ทุกคน