คือผมเคยมีโอกาสเสี่ยงที่จะรับเชื้อ HIV เมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้วครับ ด้วยความกลัวว่าไปตรวจแล้วจะเจอก็เลยไม่กล้าไปตรวจ
ซึ่งใน 5 ปีนั้น ผมก็มีอาการป่วยออดแอด ๆ บ้าง แต่ไม่ได้ป่วยอะไรมาก โดยหลังจากมีโอกาสรับเชื้อในครั้งนั้นผมก็ไม่ได้ทีอะไรกับใครเลยตลอดเวลา 5 ปี
จนกระทั่งเมื่อประมาณเดือน พฤศจิกา - ธันวา ผมก็มีเพศสัมพันธ์อีกครั้งโดยไม่ได้สวมถุงยางอนามัย หลังจากนั้นไม่นานผมก็มีอาการปวดหัวหนักมากแบบปวดเป็นช่วง ๆ ประมาณตอนเช้า ๆ ถึงสาย ๆ ของทุกวัน โดยไม่ได้หาหมอ ผมปวดอยู่ประมาณอาทิตย์หนึ่งก็หายไป แลวหลังจากนั้นก็ไม่สบายบ่อยมาก ร่วมอาทิตย์ ผมเลยตัดสินใจไปตรวจ HIV ที่คลินิคนิรนามในเดือนมกราคม 2560
ผมปรากฎว่าผลเลือดผมเป็นเนกทีฟ ซึ่งทางคลินิคถามว่ามีโอกาสรับเชื้อครั้งสุดท้ายตอนไหน ผมก็บอกไปว่าช่วงเดือน พฤศจิกา - ธันวา ประมาณ 38 วัน
คลินิคบอกว่างั้นผลการตรวจก็สมบูรณ์ เคลียชีวิตได้เลย ตอนนั้นผมดีใจมาก
แต่จากนั้นไม่ถึง 3 วัน ผมก็ป่วยหนักมาก ตัวสั่น ปวดหัว ตัวร้อน ลิ้นเป็นฝ้า มีอาการไอ อยู่ร่วมเดือน และมีอาการเป็นคล้าย ๆ ต่อมน้ำเหลืองอักเสบที่บริเวณลำคอ
โดยผมได้ไปพบแพทย์ แพทย์บอกว่าเสี่ยงเป็นวัณโรค และถามเรื่องความเสี่ยง HIV ผมเลยบอกไปว่าตรวจไปแล้ว หมอเลยตรวจแค่วัณโรค ผลก็คือไม่ได้เป็น ซึ่งหลังจากทานยาจนหมด ก็มีอาการผื่นแดงขึ้นทั้งตัว
ซึ่งอาการที่ผมเป็น ผมได้ค้นหาพบว่ามีอาการเหมือนคนติดเชื้อ HIV แทบทุกอย่าง แต่ปรากฎว่าตรวจแล้วไม่ได้เป็น และหลักจากนั้นผมก็ไม่ได้มีการเสี่ยงอีกเลย
ผมเลยอยากทราบว่าเป็นไปได้มั้ยว่าผมเป็นแต่ตรวจเชื้อไม่เจอ