กรมการจัดหางาน เตือนอย่าเชื่อคำชวนไปทำงานที่แคนาดา - นิวซีแลนด์ ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ทั้งแรงงานเกษตร แม่บ้าน พนักงานนวด พบให้เงินเดือนสูงล่อใจ กลับถูกหลอกจ่ายเงินตั้งแต่ 3 หมื่น - 1 แสนบาท
นายวรานนท์ ปีติวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กรมการจัดหางานได้รับเรื่องร้องทุกข์จากคนหางานจำนวนหลายราย ว่า ได้รับการชักชวนทางเฟซบุ๊ก หรือ ไลน์ จากบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่อ้างว่าเป็นบริษัทจัดหางานจัดส่งคนหางานไปทำงานในต่างประเทศให้ไปทำงานตำแหน่งพนักงานเกษตรเก็บผลผลิต พนักงานนวด แม่บ้านที่ประเทศแคนาดา นิวซีแลนด์ ไอซ์แลนด์ และ สเปน มีรายได้ 60,000 - 150,000 บาทต่อเดือน และยังมีสวัสดิการที่พักฟรี อาหารฟรี ทำงานวันละ 8 ชั่วโมง มีค่าล่วงเวลา มีวันหยุดตามกฎหมายกำหนด โดยต้องเสียเงินค่าบริการและค่าใช้จ่ายจำนวน 30,000 - 100,000 บาทต่อคน แต่ปรากฏว่า ไม่ได้รับการจัดส่งไปทำงานตามที่ตกลงแต่อย่างใด ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติและพฤติการณ์ทางทะเบียนคอมพิวเตอร์ออนไลน์กรมการจัดหางาน ปรากฏว่า บุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่แอบอ้างดังกล่าวไม่ได้รับอนุญาตจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศ และไม่ได้จดทะเบียนเป็นลูกจ้างหรือตัวแทนจัดหางานของผู้รับอนุญาตจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศแต่อย่างใด และจากการสอบถามข้อมูลของคนหางานที่ถูกหลอกพบว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวจะสร้างความน่าเชื่อถือให้กับคนหางาน โดยนำภาพถ่ายสถานที่ทำงานหรือคำบอกเล่าจากแรงงานที่ไปทำงานแล้วประสบความสำเร็จ จึงทำให้หลงเชื่อยอมจ่ายเงินค่าบริการเป็นจำนวนมาก
ปัจจุบันพฤติการณ์ในการหลอกลวงคนหางานไปทำงานต่างประเทศเปลี่ยนรูปแบบจากการเข้าพื้นที่ในหมู่บ้านเป็นหลอกลวงผ่านทางสื่อโซเชียล ซึ่งเข้าถึงได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว ทุกที่ทุกเวลา แต่อย่างไรก็ตาม กรมการจัดหางานได้ตรวจสอบเฟซบุ๊กที่มีพฤติการณ์โพสต์ข้อความชักชวนคนหางานไปทำงานในต่างประเทศที่อาจเข้าข่ายกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 โดยจัดตั้งชุดเฝ้าระวัง และตรวจสอบเว็บไซต์ที่มีพฤติกรรมในการโฆษณา ชักชวน คนหางานไปทำงานต่างประเทศ และใช้สายตรวจออนไลน์คอยตรวจสอบ เฝ้าระวังพฤติการณ์ของขบวนการค้ามนุษย์และกลุ่มมิจฉาชีพอย่างเข้มงวด ซึ่งผู้ที่หลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางานหรือสามารถส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้ และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไป ซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวงจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2537 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 - 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 60,000 - 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายวรานนท์ กล่าวว่า ในปี 2560 (มกราคม - มีนาคม 2560) มีผู้ร้องทุกข์จำนวน 392 ราย โดยประเทศที่ร้องทุกข์มากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ สาธารณรัฐเกาหลี ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ดังนั้น จึงขอเตือนคนหางานคิดให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ โดยศึกษาข้อมูลให้ชัดเจน ซึ่งสามารถติดต่อสอบถาม ได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 - 10 หรือ โทร.สายด่วนกรมการจัดหางาน 1694
ข่าวจาก : MGR Online
http://manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9600000045044
เตือนอย่าเชื่อโซเชียล ชวนไปทำงาน “แคนาดา-นิวซีแลนด์” ถูกหลอกเงินกว่าแสนบาท
กรมการจัดหางาน เตือนอย่าเชื่อคำชวนไปทำงานที่แคนาดา - นิวซีแลนด์ ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ทั้งแรงงานเกษตร แม่บ้าน พนักงานนวด พบให้เงินเดือนสูงล่อใจ กลับถูกหลอกจ่ายเงินตั้งแต่ 3 หมื่น - 1 แสนบาท
นายวรานนท์ ปีติวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กรมการจัดหางานได้รับเรื่องร้องทุกข์จากคนหางานจำนวนหลายราย ว่า ได้รับการชักชวนทางเฟซบุ๊ก หรือ ไลน์ จากบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่อ้างว่าเป็นบริษัทจัดหางานจัดส่งคนหางานไปทำงานในต่างประเทศให้ไปทำงานตำแหน่งพนักงานเกษตรเก็บผลผลิต พนักงานนวด แม่บ้านที่ประเทศแคนาดา นิวซีแลนด์ ไอซ์แลนด์ และ สเปน มีรายได้ 60,000 - 150,000 บาทต่อเดือน และยังมีสวัสดิการที่พักฟรี อาหารฟรี ทำงานวันละ 8 ชั่วโมง มีค่าล่วงเวลา มีวันหยุดตามกฎหมายกำหนด โดยต้องเสียเงินค่าบริการและค่าใช้จ่ายจำนวน 30,000 - 100,000 บาทต่อคน แต่ปรากฏว่า ไม่ได้รับการจัดส่งไปทำงานตามที่ตกลงแต่อย่างใด ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติและพฤติการณ์ทางทะเบียนคอมพิวเตอร์ออนไลน์กรมการจัดหางาน ปรากฏว่า บุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่แอบอ้างดังกล่าวไม่ได้รับอนุญาตจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศ และไม่ได้จดทะเบียนเป็นลูกจ้างหรือตัวแทนจัดหางานของผู้รับอนุญาตจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศแต่อย่างใด และจากการสอบถามข้อมูลของคนหางานที่ถูกหลอกพบว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวจะสร้างความน่าเชื่อถือให้กับคนหางาน โดยนำภาพถ่ายสถานที่ทำงานหรือคำบอกเล่าจากแรงงานที่ไปทำงานแล้วประสบความสำเร็จ จึงทำให้หลงเชื่อยอมจ่ายเงินค่าบริการเป็นจำนวนมาก
ปัจจุบันพฤติการณ์ในการหลอกลวงคนหางานไปทำงานต่างประเทศเปลี่ยนรูปแบบจากการเข้าพื้นที่ในหมู่บ้านเป็นหลอกลวงผ่านทางสื่อโซเชียล ซึ่งเข้าถึงได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว ทุกที่ทุกเวลา แต่อย่างไรก็ตาม กรมการจัดหางานได้ตรวจสอบเฟซบุ๊กที่มีพฤติการณ์โพสต์ข้อความชักชวนคนหางานไปทำงานในต่างประเทศที่อาจเข้าข่ายกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 โดยจัดตั้งชุดเฝ้าระวัง และตรวจสอบเว็บไซต์ที่มีพฤติกรรมในการโฆษณา ชักชวน คนหางานไปทำงานต่างประเทศ และใช้สายตรวจออนไลน์คอยตรวจสอบ เฝ้าระวังพฤติการณ์ของขบวนการค้ามนุษย์และกลุ่มมิจฉาชีพอย่างเข้มงวด ซึ่งผู้ที่หลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางานหรือสามารถส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้ และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไป ซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวงจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2537 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 - 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 60,000 - 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายวรานนท์ กล่าวว่า ในปี 2560 (มกราคม - มีนาคม 2560) มีผู้ร้องทุกข์จำนวน 392 ราย โดยประเทศที่ร้องทุกข์มากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ สาธารณรัฐเกาหลี ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ดังนั้น จึงขอเตือนคนหางานคิดให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ โดยศึกษาข้อมูลให้ชัดเจน ซึ่งสามารถติดต่อสอบถาม ได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 - 10 หรือ โทร.สายด่วนกรมการจัดหางาน 1694
ข่าวจาก : MGR Online
http://manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9600000045044