พาสปอร์ตหาย!!
เป็นอะไรที่ไม่สนุกเอาซะเลย เวลาเกิดสถานการณ์แบบนี้
เหตุเพิ่งเกิดสดๆ ร้อนๆ เมื่อช่วงปลายเดือนเมษาที่ผ่านมา เมื่อช้อปปิ้งเพลิน ซื้อของสบายใจ
กลับห้องมาแพคของเตรียมจะกลับไทยไฟท์วันถัดมา ระหว่างที่เก็บของก็พบว่าพาสปอร์ตของเพื่อนที่ไปด้วยกันหายไปแบบไร้ร่องรอย
ลองย้อนนึกถ้วนครั้งสุดท้ายก็จับก็แถวๆ ร้าน tax free ทั้งหลาย จะกลับไปหาก็ไปไม่ได้ เพราะตอนที่รู้ตัวก็ปาเข้าไปเกือบตีหนึ่งแล้ว
จะนอนก็นอนไม่หลับกังวลไม่หมด เพราะแพลนวันสุดท้ายจะไปเที่ยว USJ แล้วค่อยขึ้นเครื่องกลับไฟท์เที่ยงคืน
ตั้งสติอยู่นาน จึงค่อยค้นหาสถานทูตไทยในโอซาก้า และสถานีตำรวจใกล้ๆ ที่เราพัก เพื่อสอบถามlost&found เพื่อมีคนเอาไปแจ้ง
และจะได้วางแผนการเดินทางในตอนเช้า โชคดีมากที่วันนั้นเป็นวันธรรมดา และไฟท์ที่กลับเป็นไฟท์ดึก
ถ้าเป็นวันเสาร์อาทิตย์ไม่วายคงต้องทิ้งตั๋วแล้วซื้อตั๋วใหม่เป็นแน่แท้
สิ่งที่เราต้องทำคือ ขอหนังสือสำคัญประจำตัว C.I เพื่อใช้เดินทางกลับประเทศไทยที่สถานกงสุลค่ะ
เวลาเปิดทำการของสถานกงสุลที่โอซาก้าคือ ช่วงเช้า 09.30-12.00 ส่วนช่วงบ่าย 13.30 - 15.00 น. จ-ศ
ที่ตั้งของสถานกงสุลอยู่ไม่ไกลจากย่านชินไซบาชิหรือโดทงบุริค่ะ วิธีเดินทางที่ง่ายที่สุดคือเข้า google map
แล้วเสิร์ชหา Royal Thai Consulate Osaka แล้วเลือกเดินทางโดยรถไฟ มันวิธีเดินทางจากจุดที่เราพักว่านั่งรถไฟสายไหนยังไงค่ะ
ก่อนที่เราจะไปกงสุล ที่แรกที่เราควรจะไปคือสถานีตำรวจค่ะ เพื่อไปถามหาว่ามีใครเก็บพาสปอร์ตเรามาแจ้งไว้ไหม
หรือถ้าไม่มีก็ต้องแจ้งความของหายไว้ เพื่อนำใบแจ้งความไปใช้ประกอบการขอพาสปอร์ตชั่วคราวและใช้ตอนอยู่ที่สนามบินค่ะ
วิธีหาสถานีตำรวจที่ใกล้เราที่สุดคือ google map เช่นเคย เสิร์ชเลยค่ะ police station มันจะขึ้นมาให้เราเลือกเลยว่าเราสะดวกไปที่ไหน
อย่างของเราสะดวกไปสถานี minami ค่ะ เนื่องจากไปตามหาของหายที่ร้านแถวโดทงอีกรอบเผื่อฟลุ๊คเจอ
ใครสะดวกที่นี่ก็แนะนำค่ะ เจ้าหน้าที่ผู้ชายให้ความช่วยเหลือดีมากๆ พูดอังกฤษได้ด้วย เลยไม่ค่อยมีปัญหาด้านการสื่อสารเท่าไหร่
แต่สถานีตำรวจที่ตั้งอยู่แถวป้ายกูลิโกะเราไม่แนะนำนะคะ ไม่มีคนอยู่ป้อมเลย ดูงงๆ กดเรียกก็ไม่มีเสียงตอบรับใด
แถมมีเด็กวัยรุ่นท่าทางดูไม่ได้นอนเดินเข้าไปนอนเล่นในป้อมด้วย
เรารออยู่นานเลยตัดสินใจไปอีกสถานีที่อยู่ใกล้ๆกันค่ะ ที่ที่มีเครื่องหมายถูกอ่ะค่ะ
หน้าตาสถานีตำรวจเป็นแบบนี้ ยืมรูปมากู๋มา ถ้าใครมาสถานีนี้ เดินเข้าไปเลี้ยวขวา ก็เจอโต๊ะทำงานของตำรวจเลยค่ะ
เราก็แจ้งเค้าว่า พาสปอร์ตหาย เจ้าหน้าที่ที่สถานีนี้บริการดีมาก มายืนให้กำลังใจกันที่เค้าท์เตอร์กันเต็มไปหมด
แต่คนที่เราคุยจะมีแค่คนเดียว เค้าจะถามเราว่าพาสปอร์ตหายที่ไหน ร้านอะไร เจอกันครั้งสุดท้ายที่โมง น่าจะหายประมาณกี่โมง
จะกลับไฟท์กี่โมง แล้วเค้าก็กรอกอะไรไม่รู้ในคอม แล้วเอาแบบฟอร์มมาให้กรอกว่า ชื่ออะไร เขียนเป็นภาษาอังกฤษตัวใหญ่ ที่อยู่ที่พักที่โอซาก้า
เบอร์โทรติดต่อโฮสที่พัก เผื่อเอาไว้ติดต่อถ้าเจอพาสปอร์ต และก็เซ็นชื่อ เสร็จแล้วเค้าจะออกเอกสารให้เรา 1 ฉบับ ไว้ใช้ยื่นให้ตม.ที่สนามบินดูประกอบ
ห้ามทำใบนี้หายโดยเด็ดขาดนะคะ ต้องเก็บไว้ให้ดีๆ เพราะมันสำคัญ
หลังจากนั้นก็ไปที่กงสุล ลงสถานี Sakaisuji Hommachi Station
สามารถออกทางออก 10 หรือทางออก 7 ก็ได้ค่ะ แต่เราแนะนำทางออก 10
เพราะก่อนออกจะมีตู้ถ่ายรูปที่เราต้องถ่ายเพื่อใช้ทำพาสปอร์ตชั่วคราว เราไม่แน่ใจว่าทางออก 7 มีเหมือนกันไหม
ถ่ายรูปก็ง่ายมากค่ะ หยอดเหรียญ 800 เยน กดเลือกถ่ายแบบพาสปอร์ต รูปสี มันเมนูภาษาอังกฤษอยู่ไม่ต้องกลัว ถ่ายง่ายมาก
ด้านหน้าตึกเป็นแบบในภาพเลยค่ะ
เข้าไปที่ลิฟต์กดขึ้นไปชั้น 4 ได้เลย
แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าพาสปอร์ตหายต้องการพาสปอร์ตชั่วคราว เจ้าหน้าที่ก็จะให้เอกสารมากรอกประมาณ 3-4 แผ่น
เจ้าหน้าที่ที่นี่มีคนไทยค่ะ ไม่ต้องห่วง อบอุ่นเหมือนได้กลับบ้าน
ในตอนนี้ถ้ามีเอกสารอะไรที่เกี่ยวกับเราก็ยื่นให้เจ้าหน้าที่เลยค่ะ ที่ต้องใช้คือ บัตรประชาชน บุ๊คกิ้งเดินทางกลับ ใบที่ได้จากสถานีตำรวจ รูปภาพสี
ถ้าใครเคยถ่ายรูปพาสปอร์ตตัวเองไว้ ก็ส่งเข้าเมล์เจ้าหน้าที่ได้เลยค่ะ เค้าจะให้เมล์ให้เราส่งเอกสารให้และก็เค้าจะดำเนินการถ่ายเอกสารให้เราด้วยค่ะ เราค่อนข้างโชคดีที่มีเอกสารครบ ฉะนั้นเวลาไปเที่ยว อย่าลืมพกบัตรประชาชนติดตัวไปด้วยนะคะ เผื่อฉุกเฉิน
กรอกเอกสารเสร็จ เจ้าหน้าที่จะแจ้งว่ารอรับเอกสารประมาณ 1 ชม. ก็ได้พาสปอร์ตชั่วคราวไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายค่ะ
พาสปอร์ตนี้มีอายุ 1 เดือนนะคะ ถ้าเจออันเก่าก็ต้องไปยกเลิกอันนี้ถึงจะใช้อันเก่าได้ค่ะ
ระหว่างรอถ้าหิวแถวนั้นมีเซเว่นกับ แฟมิลี่มาร์ทนะคะ ดูที่แผนที่ได้เลย จะได้ไม่เสียเวลา
ขากลับใช้พาสปอร์ตนี้คู่กับใบแจ้งความของสถานีตำรวจ เผื่อเวลาไปสนามบินก่อนด้วย
เพราะกว่าจะผ่านด่านเจ้าหน้าที่เช็คอิน ก็พอสมควร เพราะเค้าไม่คุ้นเคยกับพาสปอร์ตหน้าตาเป็นกระดาษแบบนี้
และกว่าเจ้าหน้าที่ตม.จะตรวจสอบข้อมูลเราค่อนข้างใช้เวลานาน ซึ่งของเราใช้เวลาเกือบครึ่งชม.
ในการตรวจเอกสารและสอบถามข้อมูลเบื้องต้นค่ะ เพราะเจ้าหน้าที่ที่ตรวจสอบต้องคอยบริการลูกเรือตลอดเวลา
สรุปสั้นๆก็คือ ถ้าพาสปอร์ตหาย ต้องไปแจ้งความ ไปถ่ายรูปสี ไปกงสุล สามสเตปนี้ค่ะ
อาจจะยาวไปนิดเราเป็นคนค่อนข้างชอบอธิบาย หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยค่ะ
**แก้คำผิดค่ะ
[CR] พาสสปอร์ตหายที่โอซาก้า สิ่งที่ควรทำเมื่อเที่ยวเพลินจนพาสปอร์ตหาย
เป็นอะไรที่ไม่สนุกเอาซะเลย เวลาเกิดสถานการณ์แบบนี้
เหตุเพิ่งเกิดสดๆ ร้อนๆ เมื่อช่วงปลายเดือนเมษาที่ผ่านมา เมื่อช้อปปิ้งเพลิน ซื้อของสบายใจ
กลับห้องมาแพคของเตรียมจะกลับไทยไฟท์วันถัดมา ระหว่างที่เก็บของก็พบว่าพาสปอร์ตของเพื่อนที่ไปด้วยกันหายไปแบบไร้ร่องรอย
ลองย้อนนึกถ้วนครั้งสุดท้ายก็จับก็แถวๆ ร้าน tax free ทั้งหลาย จะกลับไปหาก็ไปไม่ได้ เพราะตอนที่รู้ตัวก็ปาเข้าไปเกือบตีหนึ่งแล้ว
จะนอนก็นอนไม่หลับกังวลไม่หมด เพราะแพลนวันสุดท้ายจะไปเที่ยว USJ แล้วค่อยขึ้นเครื่องกลับไฟท์เที่ยงคืน
ตั้งสติอยู่นาน จึงค่อยค้นหาสถานทูตไทยในโอซาก้า และสถานีตำรวจใกล้ๆ ที่เราพัก เพื่อสอบถามlost&found เพื่อมีคนเอาไปแจ้ง
และจะได้วางแผนการเดินทางในตอนเช้า โชคดีมากที่วันนั้นเป็นวันธรรมดา และไฟท์ที่กลับเป็นไฟท์ดึก
ถ้าเป็นวันเสาร์อาทิตย์ไม่วายคงต้องทิ้งตั๋วแล้วซื้อตั๋วใหม่เป็นแน่แท้
สิ่งที่เราต้องทำคือ ขอหนังสือสำคัญประจำตัว C.I เพื่อใช้เดินทางกลับประเทศไทยที่สถานกงสุลค่ะ
เวลาเปิดทำการของสถานกงสุลที่โอซาก้าคือ ช่วงเช้า 09.30-12.00 ส่วนช่วงบ่าย 13.30 - 15.00 น. จ-ศ
ที่ตั้งของสถานกงสุลอยู่ไม่ไกลจากย่านชินไซบาชิหรือโดทงบุริค่ะ วิธีเดินทางที่ง่ายที่สุดคือเข้า google map
แล้วเสิร์ชหา Royal Thai Consulate Osaka แล้วเลือกเดินทางโดยรถไฟ มันวิธีเดินทางจากจุดที่เราพักว่านั่งรถไฟสายไหนยังไงค่ะ
ก่อนที่เราจะไปกงสุล ที่แรกที่เราควรจะไปคือสถานีตำรวจค่ะ เพื่อไปถามหาว่ามีใครเก็บพาสปอร์ตเรามาแจ้งไว้ไหม
หรือถ้าไม่มีก็ต้องแจ้งความของหายไว้ เพื่อนำใบแจ้งความไปใช้ประกอบการขอพาสปอร์ตชั่วคราวและใช้ตอนอยู่ที่สนามบินค่ะ
วิธีหาสถานีตำรวจที่ใกล้เราที่สุดคือ google map เช่นเคย เสิร์ชเลยค่ะ police station มันจะขึ้นมาให้เราเลือกเลยว่าเราสะดวกไปที่ไหน
อย่างของเราสะดวกไปสถานี minami ค่ะ เนื่องจากไปตามหาของหายที่ร้านแถวโดทงอีกรอบเผื่อฟลุ๊คเจอ
ใครสะดวกที่นี่ก็แนะนำค่ะ เจ้าหน้าที่ผู้ชายให้ความช่วยเหลือดีมากๆ พูดอังกฤษได้ด้วย เลยไม่ค่อยมีปัญหาด้านการสื่อสารเท่าไหร่
แต่สถานีตำรวจที่ตั้งอยู่แถวป้ายกูลิโกะเราไม่แนะนำนะคะ ไม่มีคนอยู่ป้อมเลย ดูงงๆ กดเรียกก็ไม่มีเสียงตอบรับใด
แถมมีเด็กวัยรุ่นท่าทางดูไม่ได้นอนเดินเข้าไปนอนเล่นในป้อมด้วย
เรารออยู่นานเลยตัดสินใจไปอีกสถานีที่อยู่ใกล้ๆกันค่ะ ที่ที่มีเครื่องหมายถูกอ่ะค่ะ
หน้าตาสถานีตำรวจเป็นแบบนี้ ยืมรูปมากู๋มา ถ้าใครมาสถานีนี้ เดินเข้าไปเลี้ยวขวา ก็เจอโต๊ะทำงานของตำรวจเลยค่ะ
เราก็แจ้งเค้าว่า พาสปอร์ตหาย เจ้าหน้าที่ที่สถานีนี้บริการดีมาก มายืนให้กำลังใจกันที่เค้าท์เตอร์กันเต็มไปหมด
แต่คนที่เราคุยจะมีแค่คนเดียว เค้าจะถามเราว่าพาสปอร์ตหายที่ไหน ร้านอะไร เจอกันครั้งสุดท้ายที่โมง น่าจะหายประมาณกี่โมง
จะกลับไฟท์กี่โมง แล้วเค้าก็กรอกอะไรไม่รู้ในคอม แล้วเอาแบบฟอร์มมาให้กรอกว่า ชื่ออะไร เขียนเป็นภาษาอังกฤษตัวใหญ่ ที่อยู่ที่พักที่โอซาก้า
เบอร์โทรติดต่อโฮสที่พัก เผื่อเอาไว้ติดต่อถ้าเจอพาสปอร์ต และก็เซ็นชื่อ เสร็จแล้วเค้าจะออกเอกสารให้เรา 1 ฉบับ ไว้ใช้ยื่นให้ตม.ที่สนามบินดูประกอบ
ห้ามทำใบนี้หายโดยเด็ดขาดนะคะ ต้องเก็บไว้ให้ดีๆ เพราะมันสำคัญ
หลังจากนั้นก็ไปที่กงสุล ลงสถานี Sakaisuji Hommachi Station
สามารถออกทางออก 10 หรือทางออก 7 ก็ได้ค่ะ แต่เราแนะนำทางออก 10
เพราะก่อนออกจะมีตู้ถ่ายรูปที่เราต้องถ่ายเพื่อใช้ทำพาสปอร์ตชั่วคราว เราไม่แน่ใจว่าทางออก 7 มีเหมือนกันไหม
ถ่ายรูปก็ง่ายมากค่ะ หยอดเหรียญ 800 เยน กดเลือกถ่ายแบบพาสปอร์ต รูปสี มันเมนูภาษาอังกฤษอยู่ไม่ต้องกลัว ถ่ายง่ายมาก
ด้านหน้าตึกเป็นแบบในภาพเลยค่ะ
เข้าไปที่ลิฟต์กดขึ้นไปชั้น 4 ได้เลย
แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าพาสปอร์ตหายต้องการพาสปอร์ตชั่วคราว เจ้าหน้าที่ก็จะให้เอกสารมากรอกประมาณ 3-4 แผ่น
เจ้าหน้าที่ที่นี่มีคนไทยค่ะ ไม่ต้องห่วง อบอุ่นเหมือนได้กลับบ้าน
ในตอนนี้ถ้ามีเอกสารอะไรที่เกี่ยวกับเราก็ยื่นให้เจ้าหน้าที่เลยค่ะ ที่ต้องใช้คือ บัตรประชาชน บุ๊คกิ้งเดินทางกลับ ใบที่ได้จากสถานีตำรวจ รูปภาพสี
ถ้าใครเคยถ่ายรูปพาสปอร์ตตัวเองไว้ ก็ส่งเข้าเมล์เจ้าหน้าที่ได้เลยค่ะ เค้าจะให้เมล์ให้เราส่งเอกสารให้และก็เค้าจะดำเนินการถ่ายเอกสารให้เราด้วยค่ะ เราค่อนข้างโชคดีที่มีเอกสารครบ ฉะนั้นเวลาไปเที่ยว อย่าลืมพกบัตรประชาชนติดตัวไปด้วยนะคะ เผื่อฉุกเฉิน
กรอกเอกสารเสร็จ เจ้าหน้าที่จะแจ้งว่ารอรับเอกสารประมาณ 1 ชม. ก็ได้พาสปอร์ตชั่วคราวไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายค่ะ
พาสปอร์ตนี้มีอายุ 1 เดือนนะคะ ถ้าเจออันเก่าก็ต้องไปยกเลิกอันนี้ถึงจะใช้อันเก่าได้ค่ะ
ระหว่างรอถ้าหิวแถวนั้นมีเซเว่นกับ แฟมิลี่มาร์ทนะคะ ดูที่แผนที่ได้เลย จะได้ไม่เสียเวลา
ขากลับใช้พาสปอร์ตนี้คู่กับใบแจ้งความของสถานีตำรวจ เผื่อเวลาไปสนามบินก่อนด้วย
เพราะกว่าจะผ่านด่านเจ้าหน้าที่เช็คอิน ก็พอสมควร เพราะเค้าไม่คุ้นเคยกับพาสปอร์ตหน้าตาเป็นกระดาษแบบนี้
และกว่าเจ้าหน้าที่ตม.จะตรวจสอบข้อมูลเราค่อนข้างใช้เวลานาน ซึ่งของเราใช้เวลาเกือบครึ่งชม.
ในการตรวจเอกสารและสอบถามข้อมูลเบื้องต้นค่ะ เพราะเจ้าหน้าที่ที่ตรวจสอบต้องคอยบริการลูกเรือตลอดเวลา
สรุปสั้นๆก็คือ ถ้าพาสปอร์ตหาย ต้องไปแจ้งความ ไปถ่ายรูปสี ไปกงสุล สามสเตปนี้ค่ะ
อาจจะยาวไปนิดเราเป็นคนค่อนข้างชอบอธิบาย หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยค่ะ
**แก้คำผิดค่ะ