อ่านตอนที่ 1 ได้ที่
https://ppantip.com/topic/36390135
อ่านตอนที่ 2 ได้ที่
https://ppantip.com/topic/36393644
อ่านตอนที่ 3 ได้ที่
https://ppantip.com/topic/36397831
อ่านตอนที่ 4 ได้ที่
https://ppantip.com/topic/36400793
อ่านตอนที่ 5 ได้ที่
https://ppantip.com/topic/36402025
อ่านตอนที่ 6 ได้ที่
https://ppantip.com/topic/36404502
อ่านตอนที่ 7 ได้ที่
https://ppantip.com/topic/36408696
วันที่ 3 เมษายน 2560 ตื่นขึ้นมารีบเดินไปดูน้ำตก (7.20) จากโรงแรมเดินไปถึงทางเข้าน้ำตกแค่ห้านาที เข้าไปแล้วเดินอีก 10 นาทีก็เห็นน้ำตก
ระหว่างเดินกลับโรงแรมก็ถ่ายรูปเมืองเพิ่มเติม
กลับมาทานอาหารเช้าที่โรงแรม (8.20) อร่อยเป็นพิเศษไม่รู้เพราะเหนื่อยจากการเดิน หรือเป็นเพราะอาหารโรงแรมดี เพื่อนที่ไปก็เห็นด้วยเช่นกันว่าโรงแรมนี้ทั้งๆ ที่เป็นโรงแรมเล็กๆ (อยู่ชั้นบนของตึก) แต่อาหารค่อนข้างจัดเต็ม
วิวจากห้องอาหาร
9.45 เช็คเอาท์โรงแรม เดิม (ในโปรแกรม) ตั้งใจว่าจะไปแวะเมือง Schiltach และ Gengenbach แต่ดูเวลาแล้วไม่น่าทันเพราะจะต้องคืนรถเช่าที่เมืองสตราสบูร์ก (Strasbourg) ในเวลาเที่ยง จึงขับตรงจาก Triberg เข้ามาเมือง Strasbourg เลย
ปราสาทเก่าข้างทาง
สะพานข้ามแม่น้ำไรน์ใกล้ๆ เมืองสตราสบูร์ก
ถึงสตราสบูร์กก็ตรงไปเช็คอินที่โรงแรม ibis Strasbourg Centre Historique (11.30) ก่อน พนักงานที่เคาน์เตอร์แจ้งว่าผมจองมาห้องเดียว จึงต้องโชว์หลักฐานการจองผ่าน Booking.com ให้ดู แล้วเธอก็ช่วยแก้ปัญหาเพิ่มห้องให้ บทเรียนที่ผมได้ก็คือถ้าเป็นโรงแรมใหญ่ๆ ผมว่าถ้าจองกับโรงแรมโดยตรงน่าจะชัวร์กว่าและราคาก็น่าจะถูกกว่าด้วย แต่สรุปว่ายังเช็คอินเข้าห้องไม่ได้เพราะห้องยังทำไม่เสร็จ จึงต้องฝากกระเป๋าไว้ แล้วรีบขับรถไปคืนที่ข้างๆ สถานีรถไฟ
วันก่อนมาที่นี่แบบเร็วๆ ยังไม่ได้เที่ยว Strasbourg เลย บ่ายวันนี้มีเวลาทั้งบ่ายที่จะเดินเที่ยวในเมือง ถ่ายภาพสถานีรถไฟ ไอเดียเขาดีเหมือนกันนะ แค่ทำอาคารแก้วครอบอาคารเดิม (ที่ดูโบราณ) ก็ดูทันสมัยขึ้นมาทันที และได้พื้นที่ใช้สอย (ที่เย็นสบาย) เพิ่มขึ้นด้วย
หลังจากนั้นก็เดินชมเมืองไปเรื่อยๆ
ร้านขาย Cheese
ร้านขายนาฬิกา ออกแบบแปลกตาดี
ร้านขายขนมปัง
ร้านขาย Foie Gras (ตับห่าน)
แล้วมุ่งหน้าไปยังโบสถ์ Notre dame de Strasbourg เคยเป็นโบสถ์ที่สูงที่สุดในช่วงปี 1647-1874 (มีความสูงถึง 142 เมตร) ปัจจุบันเป็นหนึ่งในหกโบสถ์ที่สูงที่สุดในโลกที่สร้างมาตั้งแต่สมัยยุคกลาง
ภายในโบสถ์
หญิงสาวกับมุมสงบข้างโบสถ์
ร้านไอศครีมหน้าโบสถ์ คนเยอะมาก
คุณป้า Super Waiter ที่ร้านริมถนน ดูเธอมืออาชีพมาก
แล้วเดินตามป้าย Little France ไป
เห็นเรือนักท่องเที่ยวแล่นอยู่ในคลองใกล้ๆ น่าจะใช่แล้ว
แต่พอเดินไปเรื่อยๆ ไม่รู้ทำไมกลายเป็นย่านมหาวิทยาลัยสตราสบูร์กไปซะนิ
อาคารบ้านเรือนในย่านมหาวิทยาลัยสตราสบูร์ก
อ้าว Little France หายไปไหน พรุ่งนี้เช้าคงต้องมาเดินหาใหม่ เพราะนี่ได้เวลากินข้าวเย็นแล้ว โชคดีที่ใกล้ๆ โรงแรมมีร้านคาร์ฟูร์เล็กๆ
ร้านหนึ่ง เข้าไปซื้อไก่อบและผักมาทำเป็นอาหารหลักสำหรับกินกับข้าวสำเร็จรูป (หุงแล้ว) ตราหงส์ทองที่นำมาจากเมืองไทย โดยมีสองแม่ครัวใหญ่ใช้ผงลาบ (ที่นำมาด้วย) มาคลุกกับไก่ฉีกและหอมแดงซอย ได้อาหารจานหลักที่อร่อยมาก เพราะเริ่มเบื่ออาหารฝรั่งแล้ว
และที่สำคัญไวน์ที่นี่ราคาไม่แพงเลย มาแล้วก็ต้องจัดการซะหน่อย
ติดตามตอนต่อไปได้ที่
https://ppantip.com/topic/36417601
[CR] *** ยุโรป 3 ประเทศ 11 วัน 3000 รูป (8) ***
อ่านตอนที่ 2 ได้ที่ https://ppantip.com/topic/36393644
อ่านตอนที่ 3 ได้ที่ https://ppantip.com/topic/36397831
อ่านตอนที่ 4 ได้ที่ https://ppantip.com/topic/36400793
อ่านตอนที่ 5 ได้ที่ https://ppantip.com/topic/36402025
อ่านตอนที่ 6 ได้ที่ https://ppantip.com/topic/36404502
อ่านตอนที่ 7 ได้ที่ https://ppantip.com/topic/36408696
วันที่ 3 เมษายน 2560 ตื่นขึ้นมารีบเดินไปดูน้ำตก (7.20) จากโรงแรมเดินไปถึงทางเข้าน้ำตกแค่ห้านาที เข้าไปแล้วเดินอีก 10 นาทีก็เห็นน้ำตก
ระหว่างเดินกลับโรงแรมก็ถ่ายรูปเมืองเพิ่มเติม
กลับมาทานอาหารเช้าที่โรงแรม (8.20) อร่อยเป็นพิเศษไม่รู้เพราะเหนื่อยจากการเดิน หรือเป็นเพราะอาหารโรงแรมดี เพื่อนที่ไปก็เห็นด้วยเช่นกันว่าโรงแรมนี้ทั้งๆ ที่เป็นโรงแรมเล็กๆ (อยู่ชั้นบนของตึก) แต่อาหารค่อนข้างจัดเต็ม
วิวจากห้องอาหาร
9.45 เช็คเอาท์โรงแรม เดิม (ในโปรแกรม) ตั้งใจว่าจะไปแวะเมือง Schiltach และ Gengenbach แต่ดูเวลาแล้วไม่น่าทันเพราะจะต้องคืนรถเช่าที่เมืองสตราสบูร์ก (Strasbourg) ในเวลาเที่ยง จึงขับตรงจาก Triberg เข้ามาเมือง Strasbourg เลย
ปราสาทเก่าข้างทาง
สะพานข้ามแม่น้ำไรน์ใกล้ๆ เมืองสตราสบูร์ก
ถึงสตราสบูร์กก็ตรงไปเช็คอินที่โรงแรม ibis Strasbourg Centre Historique (11.30) ก่อน พนักงานที่เคาน์เตอร์แจ้งว่าผมจองมาห้องเดียว จึงต้องโชว์หลักฐานการจองผ่าน Booking.com ให้ดู แล้วเธอก็ช่วยแก้ปัญหาเพิ่มห้องให้ บทเรียนที่ผมได้ก็คือถ้าเป็นโรงแรมใหญ่ๆ ผมว่าถ้าจองกับโรงแรมโดยตรงน่าจะชัวร์กว่าและราคาก็น่าจะถูกกว่าด้วย แต่สรุปว่ายังเช็คอินเข้าห้องไม่ได้เพราะห้องยังทำไม่เสร็จ จึงต้องฝากกระเป๋าไว้ แล้วรีบขับรถไปคืนที่ข้างๆ สถานีรถไฟ
วันก่อนมาที่นี่แบบเร็วๆ ยังไม่ได้เที่ยว Strasbourg เลย บ่ายวันนี้มีเวลาทั้งบ่ายที่จะเดินเที่ยวในเมือง ถ่ายภาพสถานีรถไฟ ไอเดียเขาดีเหมือนกันนะ แค่ทำอาคารแก้วครอบอาคารเดิม (ที่ดูโบราณ) ก็ดูทันสมัยขึ้นมาทันที และได้พื้นที่ใช้สอย (ที่เย็นสบาย) เพิ่มขึ้นด้วย
หลังจากนั้นก็เดินชมเมืองไปเรื่อยๆ
ร้านขาย Cheese
ร้านขายนาฬิกา ออกแบบแปลกตาดี
ร้านขายขนมปัง
ร้านขาย Foie Gras (ตับห่าน)
แล้วมุ่งหน้าไปยังโบสถ์ Notre dame de Strasbourg เคยเป็นโบสถ์ที่สูงที่สุดในช่วงปี 1647-1874 (มีความสูงถึง 142 เมตร) ปัจจุบันเป็นหนึ่งในหกโบสถ์ที่สูงที่สุดในโลกที่สร้างมาตั้งแต่สมัยยุคกลาง
ภายในโบสถ์
หญิงสาวกับมุมสงบข้างโบสถ์
ร้านไอศครีมหน้าโบสถ์ คนเยอะมาก
คุณป้า Super Waiter ที่ร้านริมถนน ดูเธอมืออาชีพมาก
แล้วเดินตามป้าย Little France ไป
เห็นเรือนักท่องเที่ยวแล่นอยู่ในคลองใกล้ๆ น่าจะใช่แล้ว
แต่พอเดินไปเรื่อยๆ ไม่รู้ทำไมกลายเป็นย่านมหาวิทยาลัยสตราสบูร์กไปซะนิ
อาคารบ้านเรือนในย่านมหาวิทยาลัยสตราสบูร์ก
อ้าว Little France หายไปไหน พรุ่งนี้เช้าคงต้องมาเดินหาใหม่ เพราะนี่ได้เวลากินข้าวเย็นแล้ว โชคดีที่ใกล้ๆ โรงแรมมีร้านคาร์ฟูร์เล็กๆ
ร้านหนึ่ง เข้าไปซื้อไก่อบและผักมาทำเป็นอาหารหลักสำหรับกินกับข้าวสำเร็จรูป (หุงแล้ว) ตราหงส์ทองที่นำมาจากเมืองไทย โดยมีสองแม่ครัวใหญ่ใช้ผงลาบ (ที่นำมาด้วย) มาคลุกกับไก่ฉีกและหอมแดงซอย ได้อาหารจานหลักที่อร่อยมาก เพราะเริ่มเบื่ออาหารฝรั่งแล้ว
และที่สำคัญไวน์ที่นี่ราคาไม่แพงเลย มาแล้วก็ต้องจัดการซะหน่อย
ติดตามตอนต่อไปได้ที่ https://ppantip.com/topic/36417601