**คำเตือน เปิดเผยเนื้อหาสำคัญทั้ง 2 ภาค**
จบไปแล้วแบบประทับใจ สำหรับ
Guardians of the Galaxy Vol.2
ออกตัวก่อนว่าผมเพิ่งดูภาคแรกไม่นานนี้ เพราะหลายท่านบอกว่ามันเกรียนมาก ซึ่งอาจจะไม่ถูกจริตกับผมเท่าไหร่ แต่ไหน ๆ ก็มีภาคสองแล้ว ดูตามกระแสหน่อยจะเป็นไรไป และผลลัพธ์ของมันก็เป็นอย่างที่คิดเลยครับ มันเกรียน ตลกดี แต่เลอะเทอะไปหน่อยสำหรับผม โดยเฉพาะฉากไคลแมกซ์ที่มีปัญหาที่สุด
กลับกัน ผลลัพธ์จากการดูภาคสอง ผมยอมรับโดยสดุดีเลยว่า ผมได้ดู "หนึ่งในภาพยนตร์ที่ดีที่สุดในชีวิต" ไปแล้ว
ความเกรียนที่ดูเลอะเทอะ เหล่าตัวละครที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าในทีแรก แรงจูงใจกลวงโบ๋ของตัวละครต่าง ๆ มัน Turn Around จากชั่วสุดขีด มาเป็นดีสุดขั้ว
ผมขอขนานนามให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า
"เด็กบ้านแตกสาแหรกขาดพิทักษ์จักรวาล"
หน้าหนังเป็นหนังฮีโร่พิทักษ์จักรวาล ที่มาพร้อมความตลกสไตล์มาร์เวล
แต่สิ่งที่ผมสัมผัสมาจากการดูเรื่องนี้ทั้งสองภาค มันคือหนังที่พาเราตามเหล่าตัวละครไปค้นหาความหมายของการมีชีวิตอยู่ ซ่อนปรัชญาไว้โดยไม่ต้องมีแม่ชื่อมาร์ธา
ไปดูกันว่าที่ผมหมายถึงเป็นยังไง
เริ่มที่ตัวละครที่ผมรักมากที่สุด
Yondu Udonta หรือ
ยอนดู
ในภาคแรกนั้นยอนดูถูกมองเป็นพวก Oathbreaker หรือพวกไม่รักษาสัจจะ จากการที่ไม่ยอมพาตัวปีเตอร์ ควิลล์ ไปส่งให้ลูกค้าตามที่ตกลง แถมยังเลี้ยงลูกชายคนอื่นให้เป็นโจร หากนี่ยังนักหนาไม่พอ ท้ายเรื่องเราจะพบว่าเขาไม่ยี่หระกับการโดนลูกเลี้ยงหักหลังแม้แต่น้อย
ในภาคสองนี้เราจะพบความขัดแย้งของตัวละครที่ถูกผลักออกไปริมเหวมากขึ้น เมื่อเขายังคงปกป้องควิลล์เหมือนเดิม และเลือกที่จะแตกหักกับลูกเรือที่เหลือทั้งหมด
ตัวละครถัดมา
Peter Quill หรือสมญา
Star-Lord
แม้ฉายาเจ้าตัวจะเหมาะสมเหลือเกินกับการเป็นผู้พิทักษ์จักรวาล แต่ความจริงแล้วชื่อของเขานั้นถูกตั้งโดยคุณแม่ผู้ล่วงลับของเขาเอง และอีกสิ่งที่เจ้าตัวติดตัวไว้ตั้งแต่จากโลกมาเสมอ ๆ นั่นคือซาวด์อะเบาท์พร้อมเทปคาสเซ็ทของคุณแม่
ซึ่งผู้ที่ลักพาตัวเขามาก็ไม่ใช่ใคร คือยอนดูนี่เอง เลี้ยงมนุษย์จากดาวโลกให้เป็นโจร พร้อมสัมทับด้วยว่า "ฉันเลี้ยงแกไว้เพราะแกตัวเล็ก มุดช่องเล็กช่องน้อยได้ง่าย หากแกไม่ทำฉันจะจับแกกิน" ซึ่งเป็นปมในใจของเขาเรื่อยมา
ไปกันต่อที่
Gamora -
กามอร์รา บุตรีบุญธรรมของธานอส และพี่สาวบุญธรรมของเนบิวลา
ครอบครัว และประชาชนทุกคนบนดวงดาวบ้านเกิดของกามอร์ราโดนธานอสจัดการ และธานอสได้เก็บเธอมาเลี้ยงไว้
เธอเป็นมือสังหารที่คอยรับใช้ธานอส แต่เมื่อสบโอกาสมาทำภารกิจในการตามหาอัญมณีแห่งพลัง เธอจึงแปรพักตร์มาอยู่กับพวกของปีเตอร์
และเมื่อรู้ว่าเธอย้ายฝั่ง ธานอสจึงส่ง
Nebula -
เนบิวลา ในฐานะสายเลือดของตน และน้องสาวของกามอร์รา เพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ
เนบิวลาเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของธานอส เธอลูกเลี้ยงมาพร้อมกับกามอร์รา พ่อของเธอทั้งคู่จึงให้พวกเธอประลองฝีมือกัน ซึ่งเป็นฝ่ายเนบิวลาที่แพ้ตลอด ทุกครั้งที่แพ้ พ่อของเธอจะจับเธอดัดแปลงเป็นเครื่องจักรไปทีละเล็กละน้อย เพื่อให้ทรงประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
แน่นอนว่ามันทำให้เธอยิ่งอยากเอาชนะพี่สาวของเธอ และเกลียดพ่อของเธอมากขึ้นไปทุกวัน
ช่วงแรกเธอถูกส่งมาเพื่อรับใช้โรแนน และหลังจากโรแนนตาย เธอจึงมีเป้าหมายเพียงชีวิตพี่สาวของเธอ
วกมาที่
Rocket หรือสมญา
Rocket Raccoon
เป็นสัตว์ที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรม และปรับปรุงกายภาพจนเป็นสิ่งมีชีวิตทรงประสิทธิภาพในการปลิดชีพศัตรู
เนื่องจากถูกโมดิฟายจนเพรียบพร้อม ร็อคเก็ตจึงมีทักษะการใช้อาวุธสงครามระดับยอดเยี่ยม ความเชี่ยวชาญในการขับขี่ยานอวกาศ และพรสวรรค์ทางวิศวกรรมขั้นสูง
เป็นสัตว์ที่ปากเปราะ เจ้าเล่ห์ และไม่แคร์อะไรนอกจากเพื่อนสนิทของเขา Groot
เปรยไปแล้ว ก็มาต่อกันเลยที่
Groot
"I am Groot. I am Groot. I am Groot. I am Groot. I am Groot. I am Groot. I am Groot."
ขอบคุณคำแปลจากร็อคเก็ต : "กรูทเป็นมนุษย์พืชเผ่าพันธ์โบราณ เป็นสิ่งมีชีวิตทรงปัญญา สามารถใช้ร่างกายเป็นเครื่องมือหรืออาวุธสังหาร"
โดยที่เขาสามารถพูดได้แค่คำว่า I am Groot. มีเพียงร็อคเก็ตที่ฟังเขาออก ดังนั้นเขาจึงตามติดร็อคเก็ตไปทุกที่
มาที่ขวัญใจมหาชนอย่าง
Drax หรือ
Drax The Destroyer มนุษน์อวกาศอีกนึงคน
เนื่องจากภรรยา และลูกของเขาโดนสังหารโดยธานอสเช่นเดียวกับกามอร์รา เขาจึงมีชีวิตอยู่เพื่อจุดประสงค์เดียว คือการล้างแค้นให้ครอบครัวของเขา
ด้วยความที่ตัวละครดูค่อนข้างเป็นเส้นตรง ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม จนดูเหมือนเป็นคนโง่ (เผ่าพันธ์ของข้าไม่ได้โง่ แค่ไม่ฉลาดเท่าเผ่าอื่น : แดรกซ์) มักจะทำตัวซื่อบื้อ และมุทะลุจนสร้างปัญหาให้ทีมหลายครั้ง
และสุดท้ายที่
Mantis หรือ
ตั๊กแตนพลังจิต
หากเปรียบกับช่วงอายุของมนุษย์ เธอคงเป็นเด็กน้อยไร้เดียงสา แต่พลังของเธอไม่ได้อ่อนด้อยเหมือนประสบการณ์ของเธอ เธอมีพลังจิตในการอ่าน และแบ่งปันความคิด ความรู้สึกกับผู้อื่นผ่านการสัมผัส และสะกดจิตผู้อื่นได้
ในเรื่องจะพบว่าเธอมองตัวเองเป็นสัตว์เลี้ยงของอีโก จะบีบก็ตาย จะคลายก็รอด มีชีวิตอยู่เพื่อเป็นคนรับใช้ของเจ้านายเท่านั้น
จากข้างต้นทั้งหมดจะพบว่าตัวละครแต่ละตัวมีที่มีที่ไปกระจัดกระจาย และดูไม่น่าจะเข้ากันเป็นทีมได้แต่อย่างใด แต่ทุกคนมีจุดร่วมกันคือ
"การตามหาความหมายของชีวิต ค้นหาคุณค่าในตนเอง และสร้างแรงบันดาลใจในการมีชีวิตอยู่ต่อไป"
ปมที่ตัวละครแต่ละตัวสร้างให้แก่กัน เป้าหมาย และอุปสรรคแต่ละอย่างที่เจมส์ กันน์ซ่อนไว้อย่างลึกซึ้งภายใต้อารมณ์ขัน
ยอนดู เป็นตัวะครที่ชั่วร้าย ไร้สัจจะ และไม่มีศักดิ์ศรี แต่ลึก ๆ แล้วเขาเป็นคนที่ต้องแบกรับอะไรไว้มากมายจากการโกหกทุกคน แม้กระทั่งตัวเองเพื่อปกป้องผู้อื่น
-เขาต้องโกหกควิลล์ว่าจำเป็นต้องลักพาตัวเขา เพราะเขาตัวเล็กขโมยของง่าย เพื่อปกป้องเขาจากพ่อของเขาเอง
-เขาต้องตระบัดสัตย์กับคำปฏิญาณของแก็งค์ จนถูกอัปเปหิออกจากราเวนเจอร์ส เพื่อทำในสิ่งที่ถูกต้อง แม้ทั้งโลกจะไม่มีใครรู้ความจริงสักคน (ในซีนกับสตาร์คาร์จะเห็นว่ายอนดูเจ็บปวดมากแค่ไหนที่ขับไล่ออกจากแก๊งค์)
-เขาต้องถูกยึดอำนาจ และเกือบตายจากการก่อกบฏของลูกทีมที่มองว่าเขาเป็นพวกหลักลอย ไร้ความน่าเชื่อถือ
ความจริงแล้วเขาแคร์ลูกเรือของเขา ซื่อสัตย์ต่อคำสัญญาของราเวนเจอร์ส และรักปีเตอร์ เหมือนลูกแท้ ๆ แต่เขาไม่มีโอกาสจะบอกใครจนวาระสุดท้าย
"เขาอาจจะเป็นคนให้กำเนิดเจ้า แต่เขาไม่ได้ดีพอจะเป็นพ่อของเจ้าหรอก ปีเตอร์"
"ขอโทษนะ ที่เลี้ยงดูเจ้ามาได้ไม่ดีพอ.."
ต่อมาที่
ปีเตอร์ ควิลล์ ภายนอกเป็นนักผจญภัย เกรียนไปทั่วจักรวาล และเจ้าชู้ประตูมิติไปเรื่อย แต่ใครจะรู้ว่าลึก ๆ แล้วเขาต้องการความรักไม่น้อยกว่าใคร (แต่ฉากที่เขากระเซ้าเย้าแหย่กับอาเยชา ผกก.ต้องได้แรงบันดาลใจมาจากเจมส์ บอนด์แน่ ๆ)
ปีเตอร์ระลึกถึงครอบครัวของเขาเสมอ สิ่งแรกที่เขาทำเมื่อเจอพ่อของเขา ไม่ใช่การครองโลก ไม่ได้ร้องขอการมีอำนาจ แต่คือการเสกลูกบอลแห่งแสงเพื่อจะได้เล่นกับพ่อเหมือนเด็กผู้ชายคนอื่น ๆ มันช่วยตอกย้ำเราว่าเขาเจ็บปวดกับการไม่เหลือใคร กระทั่งพูดกับกามอร์ราว่านี่คือครอบครัวของเขา จนทำให้เธอโมโห
เขาแค่อยากเป็นเด็กที่มีครอบครัวสมบูรณ์เหมือนคนอื่น และมีคุณค่าในตนเองเพื่อทำให้คนอื่นภาคภูมิใจ
(และยังแสดงอารมณ์เหมือนเด็ก ๆ เมื่อร้องเสียงหลงว่า "แค่ล้อเล่นหรอ" ตอนที่ยอนดูเฉลยว่าไม่ได้คิดจะจับเขากินจริง ๆ)
มาที่ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนของ
กามอร์รา และ
เนบิวลา เราจะพบว่าเนบิวลาพยายามเหลือเกินที่ฆ่าพี่สาวของเธอทั้งในภาคแรก จนกลางภาคสอง กอมอร์ราเหน็ดเหนื่อยที่จะหยุดยั้งความพยาบาทของน้องสาว และตัวหนังก็ถ่ายเทน้ำหนักให้เราคิดว่ากอมอร์ราพยายามจะหยุด และเป็นเนบิวลาที่ไม่ยอมรามือเสียที
กระทั่งซีนที่เนบิวลาขับยานมาเพื่อฆ่าเธอที่ดาวอีโก เราได้รู้ว่าแท้จริงแล้วมันตรงข้ามกันเลย
"ข้าเอาชนะเจ้าได้แล้ว พี่สาวข้า"
"ข้าช่วยชีวิตเจ้าไว้นะ"
"ไม่ว่ายังไงข้าก็ชนะแล้ว ชนะเจ้าได้เป็นครั้งแรก"
"เจ้านี่ชอบเอาชนะจริง ๆ นะ เจ้าข้ามจักรวาลมาเพื่อเอาชนะข้าถึงที่นี้"
"ทำไมเจ้าถึงมีจิตใจที่เคียดแค้นข้ามากขนาดนี้"
"ไม่เลย แม้ข้าเจ็บปวดที่พ่ายแพ้ให้กับเจ้า แต่ความจริงแล้วเจ้าตั้งหากที่ตั้งหน้าตั้งตาจะเอาชนะข้า"
"ข้าอยากชนะเจ้า เพื่อจบการต่อสู้ที่ยาวนานนี้เสียที"
"ข้าแค่อยากได้พี่สาวข้ากลับมา"
บุคคลิกที่หยาบกระด้างของเธอช่างตรงข้ามกับตัวตนที่อยู่ข้างใน
ข้ามมาที่
ร็อคเก็ต แรคคูน เราจะพบว่าตัวละครนี้ปากเสีย และทำอะไรโดยที่ไม่แคร์ผู้อื่น เขาจะเป็นห่วงเพียงแค่กรูทตัวเดียว
"เจ้าไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกที่ถูกดัดแปลงครั้งแล้วครั้งเล่าหรอก"
เจ้าตัวแง้มเล็ก ๆ มาแล้วในภาคแรก
และต้องขอบคุณยอนดูที่ช่วยคลี่คลายความจริงให้เราฟัง
"ข้าเป็นเด็กบ้านแตก พ่อแม่ข้าจับข้าไปขายให้นายทาสตั้งแต่เด็ก"
"ไม่ต้องมาดราม่าเหอะ หยุดเลย"
"ข้าก็เหมือนเจ้านั่นแหละ ไอหนูนาเอ้ย"
"ไม่! เจ้าไม่มีวันเข้าใจข้าหรอก ไอหัวขโมย"
"ไม่โว้ย! ข้านี่แหละเข้าใจเจ้า ข้าเนี่ยเข้าใจเจ้าดีกว่าใครทั้งนั้น"
"แกขโมยแบตเตอรีมา โดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเอาไปทำอะไร"
"เจ้าแค่อยากสร้างปัญหา ทำตัวผลักไสไล่ส่งคนอื่น เพื่อดูว่าใครที่รักเจ้าจริง และจะไม่ทอดทิ้งไป"
"เราทั้งคู่ก็ปากเสีย ชอบทำตัวมีปัญหาเหมือนกันนั่นแหละ"
หากค้นให้พบจะรู้ว่าเขาเป็นห่วงผู้อื่นมาก และหวาดกลัวการถูกทอดทิ้งมากกว่าใคร ๆ
กลับมาที่
แดรกซ์ ในทีแรกนั้นเจ้าตัวไม่มีความคิดอื่นใดนอกจากการฆ่าธานอส กระทั่งเจ้าตัวสร้างปัญหาร้ายแรงให้กับทีมในภาคแรก โดยการเรียกโรแนนมา
ฝุ่นที่คลุ้งมาจบลงที่เพื่อน ๆ ของเขาเกือบจะตายทั้งก๊ง ด้วยความโง่ และความบ้าของตัวเอง
แต่แทนที่จะผลักไสไล่ส่งแดรกซ์ พวกเขากลับคอยช่วยเหลือ และให้ความสำคัญกับเขาเหมือนเคย จนเขารู้สึกว่าเขาสามารถมีชีวิต มีคนให้คอยปกป้องต่อไป
"เราจะไม่ไปไหนทั้งนั้น เราจะปกป้องครอบครัวของเรา" แม้ซีนนี้จะแอบล้อเลียน Fast แต่ก็ช่วยแสดงให้เราเห็นว่าเขารักทีมนี้เหมือนครอบครัวตัวเอง
และความสัมพันธ์กับ
แมนทิส ความสัมพันธ์ประหลาด ของมนุษย์เหล็กไหล และสาวพลังจิต
"เจ้าเป็นสัตว์เลี้ยงของอีโกใช่ไหม"
"ข้าคิดว่าเช่นนั้น"
แม้เขาจะโง่ แต่เขาก็เข้าใจความรู้สึกโดดเดียว และไร้ประโยชน์ของแมนทิสเป็นอย่างดี
ในช่วงท้ายของการต่อสู้กับอีโก เธอจำเป็นสะกดเขาให้หลับก่อนทุกอย่างจะสายเกินไป
"ข้าทำไม่ได้หรอก พลังของเขามันกล้าแกร่งเกินไป"
"ไม่ ข้าเชื่อในตัวเจ้า ข้าเชื่อว่าเจ้าจะทำได้"
(แม้ตอนหลังจะสารภาพว่าพูดไปส่ง ๆ ก็เถอะ!)
จะพบว่าแทบทุกคนในเรื่องมีบุคคลิกแข็งกร้าว ต่อต้านสังคม และชอบสร้างปัญหา พวกเขาสร้างนิสัยเหล่านี้เพื่อเป็นกำแพงปกป้องตัวเองจากจิตใจที่อ่อนแอ และเปราะบาง
มียังอีกเยอะมากที่ตัวหนังพยายามสอดแทรก symbolic เหล่านี้เอาไว้ จริง ๆ แล้วมันมีความหมายดี ๆ ซ่อนอยู่ หากมองเผิน ๆ อาจจะพลาดสิ่งดี ๆ ได้ครับ
(ตรงไหนผิดพลาดอภัยด้วยครับ)
เพจ : โตแล้วคุยอะไรก็ได้
https://www.facebook.com/TalksWithKaowPong/
[CR] โตแล้วคุยอะไรก็ได้ : GOTG เด็กบ้านแตกพิทักษ์จักรยาน
จบไปแล้วแบบประทับใจ สำหรับ Guardians of the Galaxy Vol.2
ออกตัวก่อนว่าผมเพิ่งดูภาคแรกไม่นานนี้ เพราะหลายท่านบอกว่ามันเกรียนมาก ซึ่งอาจจะไม่ถูกจริตกับผมเท่าไหร่ แต่ไหน ๆ ก็มีภาคสองแล้ว ดูตามกระแสหน่อยจะเป็นไรไป และผลลัพธ์ของมันก็เป็นอย่างที่คิดเลยครับ มันเกรียน ตลกดี แต่เลอะเทอะไปหน่อยสำหรับผม โดยเฉพาะฉากไคลแมกซ์ที่มีปัญหาที่สุด
กลับกัน ผลลัพธ์จากการดูภาคสอง ผมยอมรับโดยสดุดีเลยว่า ผมได้ดู "หนึ่งในภาพยนตร์ที่ดีที่สุดในชีวิต" ไปแล้ว
ความเกรียนที่ดูเลอะเทอะ เหล่าตัวละครที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าในทีแรก แรงจูงใจกลวงโบ๋ของตัวละครต่าง ๆ มัน Turn Around จากชั่วสุดขีด มาเป็นดีสุดขั้ว
ผมขอขนานนามให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "เด็กบ้านแตกสาแหรกขาดพิทักษ์จักรวาล"
หน้าหนังเป็นหนังฮีโร่พิทักษ์จักรวาล ที่มาพร้อมความตลกสไตล์มาร์เวล
แต่สิ่งที่ผมสัมผัสมาจากการดูเรื่องนี้ทั้งสองภาค มันคือหนังที่พาเราตามเหล่าตัวละครไปค้นหาความหมายของการมีชีวิตอยู่ ซ่อนปรัชญาไว้โดยไม่ต้องมีแม่ชื่อมาร์ธา
ไปดูกันว่าที่ผมหมายถึงเป็นยังไง
เริ่มที่ตัวละครที่ผมรักมากที่สุด Yondu Udonta หรือ ยอนดู
ในภาคแรกนั้นยอนดูถูกมองเป็นพวก Oathbreaker หรือพวกไม่รักษาสัจจะ จากการที่ไม่ยอมพาตัวปีเตอร์ ควิลล์ ไปส่งให้ลูกค้าตามที่ตกลง แถมยังเลี้ยงลูกชายคนอื่นให้เป็นโจร หากนี่ยังนักหนาไม่พอ ท้ายเรื่องเราจะพบว่าเขาไม่ยี่หระกับการโดนลูกเลี้ยงหักหลังแม้แต่น้อย
ในภาคสองนี้เราจะพบความขัดแย้งของตัวละครที่ถูกผลักออกไปริมเหวมากขึ้น เมื่อเขายังคงปกป้องควิลล์เหมือนเดิม และเลือกที่จะแตกหักกับลูกเรือที่เหลือทั้งหมด
ตัวละครถัดมา Peter Quill หรือสมญา Star-Lord
แม้ฉายาเจ้าตัวจะเหมาะสมเหลือเกินกับการเป็นผู้พิทักษ์จักรวาล แต่ความจริงแล้วชื่อของเขานั้นถูกตั้งโดยคุณแม่ผู้ล่วงลับของเขาเอง และอีกสิ่งที่เจ้าตัวติดตัวไว้ตั้งแต่จากโลกมาเสมอ ๆ นั่นคือซาวด์อะเบาท์พร้อมเทปคาสเซ็ทของคุณแม่
ซึ่งผู้ที่ลักพาตัวเขามาก็ไม่ใช่ใคร คือยอนดูนี่เอง เลี้ยงมนุษย์จากดาวโลกให้เป็นโจร พร้อมสัมทับด้วยว่า "ฉันเลี้ยงแกไว้เพราะแกตัวเล็ก มุดช่องเล็กช่องน้อยได้ง่าย หากแกไม่ทำฉันจะจับแกกิน" ซึ่งเป็นปมในใจของเขาเรื่อยมา
ไปกันต่อที่ Gamora - กามอร์รา บุตรีบุญธรรมของธานอส และพี่สาวบุญธรรมของเนบิวลา
ครอบครัว และประชาชนทุกคนบนดวงดาวบ้านเกิดของกามอร์ราโดนธานอสจัดการ และธานอสได้เก็บเธอมาเลี้ยงไว้
เธอเป็นมือสังหารที่คอยรับใช้ธานอส แต่เมื่อสบโอกาสมาทำภารกิจในการตามหาอัญมณีแห่งพลัง เธอจึงแปรพักตร์มาอยู่กับพวกของปีเตอร์
และเมื่อรู้ว่าเธอย้ายฝั่ง ธานอสจึงส่ง Nebula - เนบิวลา ในฐานะสายเลือดของตน และน้องสาวของกามอร์รา เพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ
เนบิวลาเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของธานอส เธอลูกเลี้ยงมาพร้อมกับกามอร์รา พ่อของเธอทั้งคู่จึงให้พวกเธอประลองฝีมือกัน ซึ่งเป็นฝ่ายเนบิวลาที่แพ้ตลอด ทุกครั้งที่แพ้ พ่อของเธอจะจับเธอดัดแปลงเป็นเครื่องจักรไปทีละเล็กละน้อย เพื่อให้ทรงประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
แน่นอนว่ามันทำให้เธอยิ่งอยากเอาชนะพี่สาวของเธอ และเกลียดพ่อของเธอมากขึ้นไปทุกวัน
ช่วงแรกเธอถูกส่งมาเพื่อรับใช้โรแนน และหลังจากโรแนนตาย เธอจึงมีเป้าหมายเพียงชีวิตพี่สาวของเธอ
วกมาที่ Rocket หรือสมญา Rocket Raccoon
เป็นสัตว์ที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรม และปรับปรุงกายภาพจนเป็นสิ่งมีชีวิตทรงประสิทธิภาพในการปลิดชีพศัตรู
เนื่องจากถูกโมดิฟายจนเพรียบพร้อม ร็อคเก็ตจึงมีทักษะการใช้อาวุธสงครามระดับยอดเยี่ยม ความเชี่ยวชาญในการขับขี่ยานอวกาศ และพรสวรรค์ทางวิศวกรรมขั้นสูง
เป็นสัตว์ที่ปากเปราะ เจ้าเล่ห์ และไม่แคร์อะไรนอกจากเพื่อนสนิทของเขา Groot
เปรยไปแล้ว ก็มาต่อกันเลยที่ Groot
"I am Groot. I am Groot. I am Groot. I am Groot. I am Groot. I am Groot. I am Groot."
ขอบคุณคำแปลจากร็อคเก็ต : "กรูทเป็นมนุษย์พืชเผ่าพันธ์โบราณ เป็นสิ่งมีชีวิตทรงปัญญา สามารถใช้ร่างกายเป็นเครื่องมือหรืออาวุธสังหาร"
โดยที่เขาสามารถพูดได้แค่คำว่า I am Groot. มีเพียงร็อคเก็ตที่ฟังเขาออก ดังนั้นเขาจึงตามติดร็อคเก็ตไปทุกที่
มาที่ขวัญใจมหาชนอย่าง Drax หรือ Drax The Destroyer มนุษน์อวกาศอีกนึงคน
เนื่องจากภรรยา และลูกของเขาโดนสังหารโดยธานอสเช่นเดียวกับกามอร์รา เขาจึงมีชีวิตอยู่เพื่อจุดประสงค์เดียว คือการล้างแค้นให้ครอบครัวของเขา
ด้วยความที่ตัวละครดูค่อนข้างเป็นเส้นตรง ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม จนดูเหมือนเป็นคนโง่ (เผ่าพันธ์ของข้าไม่ได้โง่ แค่ไม่ฉลาดเท่าเผ่าอื่น : แดรกซ์) มักจะทำตัวซื่อบื้อ และมุทะลุจนสร้างปัญหาให้ทีมหลายครั้ง
และสุดท้ายที่ Mantis หรือ ตั๊กแตนพลังจิต
หากเปรียบกับช่วงอายุของมนุษย์ เธอคงเป็นเด็กน้อยไร้เดียงสา แต่พลังของเธอไม่ได้อ่อนด้อยเหมือนประสบการณ์ของเธอ เธอมีพลังจิตในการอ่าน และแบ่งปันความคิด ความรู้สึกกับผู้อื่นผ่านการสัมผัส และสะกดจิตผู้อื่นได้
ในเรื่องจะพบว่าเธอมองตัวเองเป็นสัตว์เลี้ยงของอีโก จะบีบก็ตาย จะคลายก็รอด มีชีวิตอยู่เพื่อเป็นคนรับใช้ของเจ้านายเท่านั้น
จากข้างต้นทั้งหมดจะพบว่าตัวละครแต่ละตัวมีที่มีที่ไปกระจัดกระจาย และดูไม่น่าจะเข้ากันเป็นทีมได้แต่อย่างใด แต่ทุกคนมีจุดร่วมกันคือ "การตามหาความหมายของชีวิต ค้นหาคุณค่าในตนเอง และสร้างแรงบันดาลใจในการมีชีวิตอยู่ต่อไป"
ปมที่ตัวละครแต่ละตัวสร้างให้แก่กัน เป้าหมาย และอุปสรรคแต่ละอย่างที่เจมส์ กันน์ซ่อนไว้อย่างลึกซึ้งภายใต้อารมณ์ขัน
ยอนดู เป็นตัวะครที่ชั่วร้าย ไร้สัจจะ และไม่มีศักดิ์ศรี แต่ลึก ๆ แล้วเขาเป็นคนที่ต้องแบกรับอะไรไว้มากมายจากการโกหกทุกคน แม้กระทั่งตัวเองเพื่อปกป้องผู้อื่น
-เขาต้องโกหกควิลล์ว่าจำเป็นต้องลักพาตัวเขา เพราะเขาตัวเล็กขโมยของง่าย เพื่อปกป้องเขาจากพ่อของเขาเอง
-เขาต้องตระบัดสัตย์กับคำปฏิญาณของแก็งค์ จนถูกอัปเปหิออกจากราเวนเจอร์ส เพื่อทำในสิ่งที่ถูกต้อง แม้ทั้งโลกจะไม่มีใครรู้ความจริงสักคน (ในซีนกับสตาร์คาร์จะเห็นว่ายอนดูเจ็บปวดมากแค่ไหนที่ขับไล่ออกจากแก๊งค์)
-เขาต้องถูกยึดอำนาจ และเกือบตายจากการก่อกบฏของลูกทีมที่มองว่าเขาเป็นพวกหลักลอย ไร้ความน่าเชื่อถือ
ความจริงแล้วเขาแคร์ลูกเรือของเขา ซื่อสัตย์ต่อคำสัญญาของราเวนเจอร์ส และรักปีเตอร์ เหมือนลูกแท้ ๆ แต่เขาไม่มีโอกาสจะบอกใครจนวาระสุดท้าย
"เขาอาจจะเป็นคนให้กำเนิดเจ้า แต่เขาไม่ได้ดีพอจะเป็นพ่อของเจ้าหรอก ปีเตอร์"
"ขอโทษนะ ที่เลี้ยงดูเจ้ามาได้ไม่ดีพอ.."
ต่อมาที่ ปีเตอร์ ควิลล์ ภายนอกเป็นนักผจญภัย เกรียนไปทั่วจักรวาล และเจ้าชู้ประตูมิติไปเรื่อย แต่ใครจะรู้ว่าลึก ๆ แล้วเขาต้องการความรักไม่น้อยกว่าใคร (แต่ฉากที่เขากระเซ้าเย้าแหย่กับอาเยชา ผกก.ต้องได้แรงบันดาลใจมาจากเจมส์ บอนด์แน่ ๆ)
ปีเตอร์ระลึกถึงครอบครัวของเขาเสมอ สิ่งแรกที่เขาทำเมื่อเจอพ่อของเขา ไม่ใช่การครองโลก ไม่ได้ร้องขอการมีอำนาจ แต่คือการเสกลูกบอลแห่งแสงเพื่อจะได้เล่นกับพ่อเหมือนเด็กผู้ชายคนอื่น ๆ มันช่วยตอกย้ำเราว่าเขาเจ็บปวดกับการไม่เหลือใคร กระทั่งพูดกับกามอร์ราว่านี่คือครอบครัวของเขา จนทำให้เธอโมโห
เขาแค่อยากเป็นเด็กที่มีครอบครัวสมบูรณ์เหมือนคนอื่น และมีคุณค่าในตนเองเพื่อทำให้คนอื่นภาคภูมิใจ
(และยังแสดงอารมณ์เหมือนเด็ก ๆ เมื่อร้องเสียงหลงว่า "แค่ล้อเล่นหรอ" ตอนที่ยอนดูเฉลยว่าไม่ได้คิดจะจับเขากินจริง ๆ)
มาที่ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนของ กามอร์รา และเนบิวลา เราจะพบว่าเนบิวลาพยายามเหลือเกินที่ฆ่าพี่สาวของเธอทั้งในภาคแรก จนกลางภาคสอง กอมอร์ราเหน็ดเหนื่อยที่จะหยุดยั้งความพยาบาทของน้องสาว และตัวหนังก็ถ่ายเทน้ำหนักให้เราคิดว่ากอมอร์ราพยายามจะหยุด และเป็นเนบิวลาที่ไม่ยอมรามือเสียที
กระทั่งซีนที่เนบิวลาขับยานมาเพื่อฆ่าเธอที่ดาวอีโก เราได้รู้ว่าแท้จริงแล้วมันตรงข้ามกันเลย
"ข้าเอาชนะเจ้าได้แล้ว พี่สาวข้า"
"ข้าช่วยชีวิตเจ้าไว้นะ"
"ไม่ว่ายังไงข้าก็ชนะแล้ว ชนะเจ้าได้เป็นครั้งแรก"
"เจ้านี่ชอบเอาชนะจริง ๆ นะ เจ้าข้ามจักรวาลมาเพื่อเอาชนะข้าถึงที่นี้"
"ทำไมเจ้าถึงมีจิตใจที่เคียดแค้นข้ามากขนาดนี้"
"ไม่เลย แม้ข้าเจ็บปวดที่พ่ายแพ้ให้กับเจ้า แต่ความจริงแล้วเจ้าตั้งหากที่ตั้งหน้าตั้งตาจะเอาชนะข้า"
"ข้าอยากชนะเจ้า เพื่อจบการต่อสู้ที่ยาวนานนี้เสียที"
"ข้าแค่อยากได้พี่สาวข้ากลับมา"
บุคคลิกที่หยาบกระด้างของเธอช่างตรงข้ามกับตัวตนที่อยู่ข้างใน
ข้ามมาที่ ร็อคเก็ต แรคคูน เราจะพบว่าตัวละครนี้ปากเสีย และทำอะไรโดยที่ไม่แคร์ผู้อื่น เขาจะเป็นห่วงเพียงแค่กรูทตัวเดียว
"เจ้าไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกที่ถูกดัดแปลงครั้งแล้วครั้งเล่าหรอก"
เจ้าตัวแง้มเล็ก ๆ มาแล้วในภาคแรก
และต้องขอบคุณยอนดูที่ช่วยคลี่คลายความจริงให้เราฟัง
"ข้าเป็นเด็กบ้านแตก พ่อแม่ข้าจับข้าไปขายให้นายทาสตั้งแต่เด็ก"
"ไม่ต้องมาดราม่าเหอะ หยุดเลย"
"ข้าก็เหมือนเจ้านั่นแหละ ไอหนูนาเอ้ย"
"ไม่! เจ้าไม่มีวันเข้าใจข้าหรอก ไอหัวขโมย"
"ไม่โว้ย! ข้านี่แหละเข้าใจเจ้า ข้าเนี่ยเข้าใจเจ้าดีกว่าใครทั้งนั้น"
"แกขโมยแบตเตอรีมา โดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเอาไปทำอะไร"
"เจ้าแค่อยากสร้างปัญหา ทำตัวผลักไสไล่ส่งคนอื่น เพื่อดูว่าใครที่รักเจ้าจริง และจะไม่ทอดทิ้งไป"
"เราทั้งคู่ก็ปากเสีย ชอบทำตัวมีปัญหาเหมือนกันนั่นแหละ"
หากค้นให้พบจะรู้ว่าเขาเป็นห่วงผู้อื่นมาก และหวาดกลัวการถูกทอดทิ้งมากกว่าใคร ๆ
กลับมาที่ แดรกซ์ ในทีแรกนั้นเจ้าตัวไม่มีความคิดอื่นใดนอกจากการฆ่าธานอส กระทั่งเจ้าตัวสร้างปัญหาร้ายแรงให้กับทีมในภาคแรก โดยการเรียกโรแนนมา
ฝุ่นที่คลุ้งมาจบลงที่เพื่อน ๆ ของเขาเกือบจะตายทั้งก๊ง ด้วยความโง่ และความบ้าของตัวเอง
แต่แทนที่จะผลักไสไล่ส่งแดรกซ์ พวกเขากลับคอยช่วยเหลือ และให้ความสำคัญกับเขาเหมือนเคย จนเขารู้สึกว่าเขาสามารถมีชีวิต มีคนให้คอยปกป้องต่อไป
"เราจะไม่ไปไหนทั้งนั้น เราจะปกป้องครอบครัวของเรา" แม้ซีนนี้จะแอบล้อเลียน Fast แต่ก็ช่วยแสดงให้เราเห็นว่าเขารักทีมนี้เหมือนครอบครัวตัวเอง
และความสัมพันธ์กับแมนทิส ความสัมพันธ์ประหลาด ของมนุษย์เหล็กไหล และสาวพลังจิต
"เจ้าเป็นสัตว์เลี้ยงของอีโกใช่ไหม"
"ข้าคิดว่าเช่นนั้น"
แม้เขาจะโง่ แต่เขาก็เข้าใจความรู้สึกโดดเดียว และไร้ประโยชน์ของแมนทิสเป็นอย่างดี
ในช่วงท้ายของการต่อสู้กับอีโก เธอจำเป็นสะกดเขาให้หลับก่อนทุกอย่างจะสายเกินไป
"ข้าทำไม่ได้หรอก พลังของเขามันกล้าแกร่งเกินไป"
"ไม่ ข้าเชื่อในตัวเจ้า ข้าเชื่อว่าเจ้าจะทำได้"
(แม้ตอนหลังจะสารภาพว่าพูดไปส่ง ๆ ก็เถอะ!)
จะพบว่าแทบทุกคนในเรื่องมีบุคคลิกแข็งกร้าว ต่อต้านสังคม และชอบสร้างปัญหา พวกเขาสร้างนิสัยเหล่านี้เพื่อเป็นกำแพงปกป้องตัวเองจากจิตใจที่อ่อนแอ และเปราะบาง
มียังอีกเยอะมากที่ตัวหนังพยายามสอดแทรก symbolic เหล่านี้เอาไว้ จริง ๆ แล้วมันมีความหมายดี ๆ ซ่อนอยู่ หากมองเผิน ๆ อาจจะพลาดสิ่งดี ๆ ได้ครับ
(ตรงไหนผิดพลาดอภัยด้วยครับ)
เพจ : โตแล้วคุยอะไรก็ได้
https://www.facebook.com/TalksWithKaowPong/