Hotel Stork ไม่ได้หรูหราอะไรเลยคะ ตอนจองชอบเพราะอยากรู้ว่า โรงแรม Duplex เล็กๆ มันจะเป็นยังไง เคยไปพักที่โซล มันเป็นคอนโด Duplex ซึ่งเรารู้สึกว่าห้องใหญ่ไปนะ แล้วก็ไม่ได้ใช้ห้องนอนข้างบนเลย ที่ Strok ต้องบอกว่า เค้าออกแบบตึกมาเพื่อการทำ Duplex โดยเฉพาะ และมีการจัดการพื้นที่ที่ดีมากที่เดียว สำหรับสาวเอเชียตัวเล็กอย่างเรา ชอบมาก เพราะนอนสบาย ห้องน้ำอยู่ใต้ที่นอนก็เลยกว้าง ถ้าใครเคยพักโรงแรมที่ญี่ปุ่นจะรู้ว่าห้องน้ำใน Business Hotel นี่มันเล็กอย่างมหัศจรรย์ ศอกกระแทกผนังตล๊อดดด หลังม่านจะเป็นชักโครกนะคะ
โรงแรมนี้อยู่ติดกับ Family Mart ที่มีทุกสิ้ง เมื่อคืนนี้มาถึงหิวๆ ก็มีราเม็งรสชาติดีเหมือนร้านทำสดๆ (ไม่ใช่บะหมี่สำเร็จรูปนะคะ เป็นชุดสำเร็จที่เอาเข้าเวฟก็กินได้) 500 เยน ก่อนนอน .... แล้วจาไม่อ้วนได้งายยยยย เช้ามาก็อาหารเช้าที่เดิมคะ เลือกเลยจะทานอะไร กาแฟ นม ข้าวปั้น สลัด ราเม็ง มากมายอ่ะ
เรื่อง 1 days pass มีแบบ 1 day – 700 เยน, 2 days – 1,200 เยน ข้อดีของที่นี่คือ เค้าคิดเป็น 24Hrs & 48Hrs ซึ่งเรามาถึง Naha ตอนดึก ซึ้อตั๋วแล้วก็ใช้นั่งจากสนามบินมาโรงแรม และวันนี้ก็ใช้ได้อีกทั้งวันเลยจนครบ 24Hrs. และตั๋วนี้ยังใช้เป็นส่วนลดสำหรับค่าเข้าชม Shuri Castle, the Tamaudun Mausoleum, Shikinaen Garden, the Prefectural Museum และ the Former Navy Underground Headquarters แต่จริงๆ แล้วเราว่าบัสไปได้ทั่วถึงกว่า แต่ก็ต้องใช้เวลาทำความเข้าใจระบบที่นี่นิดนึงก่อน และต้องอดทนในการรอรถ และการอัตราความเร็วของรถบัสที่นี่ด้วย
เนื่องจากเมื่อคืนเราซื้อ 1 day pass ไว้ วันนี้ก็ใช้ต่อไป Shuri-jo ได้เลย จากโรงแรม สถานี Omoromachi ไป Shuri-jo ก็แค่ 4 สถานีเท่านั้น พอลงรถไฟมาเราสามารถรอบัสสาย 7 or 8 ไปลงใกล้ๆ ปราสาทได้เลย วัยรุ่นอย่างเราก็เลยเลือกเดินดีกว่า เพราะไม่ไกลมาก ประมาณกิโล ก็ถึงทางเข้าแล้ว จะได้เดินดูบรรยากาศเมือง Naha ไปด้วย
ถ้าเจอกำแพงเมืองอันแรกอย่าเพิ่งขึ้นทางนี้นะคะ ให้เดินตรงไปก่อนจะเจอทางเข้าอีกอันค่ะ เหมือนเค้าเขียนภาษาญี่ปุ่นบอกไว้ แต่อ่านไม่เข้าใจ เดาเอาว่าให้เดินตรงไป การเดินทางรอบนี้ ทำให้เราเห็นความสำคัญของการอ่านใจความในภาษาที่เราไม่เข้าใจ 555 งงมั๊ยค่ะ?
เมืองนาฮะ (Naha) ในปัจจุบัน เดิมชื่อเมืองชูริ(Shuri) เป็นเมืองหลวงของอาณาจักรริวกิว ปราสาทซูริ เป็นศูนย์กลางของการบริหาร และเป็นที่อยู่อาศัยของกษัตริย์มาตั้งแต่ปลาย คศ 1300 จนกระทั่งกลายเป็นจังหวัดโอกินาว่าในปี 1879 ปราสาทแห่งนี้ได้รับขึ้นบัญชีเป็น UNESCO World Heritage
จากแผนที่จะเห็นว่าเราเดินมาจากสถานีจะเข้าทางจุด 4 และ 5
4. Benzaitendo temple ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของ Ryutan pond เรียกว่า Enkanchi pond ซึ่งเป็นที่เก็บน้ำฝน วัดแห่งนี้ถูกทำลายไปในสงครามถึง 2 ครั้ง อาคารปัจจุบันสร้างขึ้นในปี 1968 ดาราของจุดนี้ คือ เจ้าเป็ดเทศ 2 ตัว สะพานที่เชื่อมเข้าหาวัด เรียกว่า Tennyo-Bashi เป็นสะพานโค้งทำจากหินปูน แบบคล้ายทางตอนใต้ของจีน
5. Enkakuji temple เป็นวัดพุทธ Rinzai Zen ตั้งอยู่ทางตะวันออกของ Benzaitendo temple ถูกสร้างขึ้นในปี 1494 ตามแบบวัด Engakuji ที่ Kamakura และถูกทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ปี 1945
1. Sonohyan Utaki Stone Gate ด้านในเป็นสถานที่บวงสรวงเทพเจ้าของกษัตริย์ริวกิว เป็น World Heritage Site
ถัดมาจะเห็น Shureimon Gate
6. Suimuikan ปัจจุบันเป็นอาคาร Information Center, ร้านอาหาร, ร้านขายของ และที่จัดแสดงนิทรรศการ จุดนี้เราสามารถขอแผ่นพับเพื่อล่าตราประทับภายในเขตปราสาทซูริ ได้ มีห้องน้ำ ร้านอาหาร
เราไม่ได้เดินไปที่ 2 3 และ 7 คือ
2. Tamaudun mausoleum เป็นที่บรรจุพระศพของกษัตริย์และราชินีราชวงศ์ริวกิว ตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกของปราสาท สร้างขึ้นในปี 1501 สมัยกษัตริย์ Sho Shin (กษัตริย์องค์ที่ 3 ของราชวงศ์โช ที่ 2) เป็น World Heritage Site
3. Ryutan pond บ่อน้ำนี้ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของปราสาทซูริ สร้างขึ้นในปี 1427 โดยกษัตริย์ Sho Hashi ปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์ริวกิว รอบๆ บ่อเต็มไปด้วยต้นไม้ ใช้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของเหล่าราชวงศ์
7. Kinjo-cho Stone-paved Street เป็นถนนโบราณทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของปราสาทซูริ ระยะทาง ประมาณ 10 กิโลเมตร แต่ถูกทำลายลงช่วงสงครามโอกินาว่า ปัจจุบันเหลือให้เห็นแค่ 300 เมตร
จากนั้นเราก็จะเข้าไปที่ปราสาทกันคะ ระหว่างทางจะมีแผงถ่ายรูปชุดพื้นเมือง ถ้าหากไม่เจอฝนตก เราก็คงใช้บริการถ่ายรูปชุดพื้นเมือง 500 เยน แล้ว ลายผ้าที่โอกินาว่าสวยจัดแจ่มจริงๆ คะ ชอบมาก
ทางเข้าปราสาท
มุมที่มองกลับออกไป
พอเข้าไปด้านในก็เจอเวทีเล็กๆ มีการแสดงวันละ 3 รอบ ให้ชมฟรีคะ เราไปทันรอบ 11 โมงพอดี ก็สวยสด สนุกสนาน ตามแบบโอกินาว่าคะ ที่นี่จะเป็นการฟ้อนรำทำเพลงเพื่อบวงสรวงเกี่ยวกับการเพาะปลูก และไปดูการฟ้อนกลองแบบสนุกๆ อีกทีที่ Okinawa World แต่ที่นั่นเค้าห้ามถ่ายรูป เลยไม่มีภาพมาให้ชม
ตอนเราไป ปราสาทด้านหน้ากำลังบูรณะ เข้าใจว่าเค้าทาสีอยู่ เลยมีพลาสติกคุมทางเข้า อดถ่ายรูปสวยๆ เลย
ซื้อตั๋วราคา 820 เยน (ลืมใช้ส่วนลด 555)
พอเข้าไปในปราสาท ต้องถอดรองเท้าแล้วใส่ถุงที่เค้าแจกถือไปคะ ก็เดินชมความงามตามห้องต่างๆ ห้ามถ่ายรูป
แต่ตรงจุดเก้าอี้สีแดงให้ถ่ายรูปได้
โมเดลปราสาทซูริ
มีโชว์หินที่ฐานปราสาทให้ดูก่อนออกด้วยคะ
อีกเรื่องประทับใจที่อยากพูดถึงเกี่ยวกับญี่ปุ่น คือ การให้บริการบุคคลพิเศษและผู้สูงอายุ ที่ Shuri ก็มีให้เห็นคะ เจ้าเครื่องสำหรับยกรถเข็น อาจเพราะคนที่ทำโครงการก็เตรียมตัวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเหมือนกันมั้งค่ะ 555 แต่มีทุกที่ที่เป็นสถานที่สาธารณะและแหล่งท่องเที่ยวจริงๆ
[CR] ฉายเดี่ยวเที่ยวฟุกุโอกะ และโอกินาว่า กับหมูหวาน (ภาคที่ 2 โอกินาว่า)
โรงแรมนี้อยู่ติดกับ Family Mart ที่มีทุกสิ้ง เมื่อคืนนี้มาถึงหิวๆ ก็มีราเม็งรสชาติดีเหมือนร้านทำสดๆ (ไม่ใช่บะหมี่สำเร็จรูปนะคะ เป็นชุดสำเร็จที่เอาเข้าเวฟก็กินได้) 500 เยน ก่อนนอน .... แล้วจาไม่อ้วนได้งายยยยย เช้ามาก็อาหารเช้าที่เดิมคะ เลือกเลยจะทานอะไร กาแฟ นม ข้าวปั้น สลัด ราเม็ง มากมายอ่ะ
เรื่อง 1 days pass มีแบบ 1 day – 700 เยน, 2 days – 1,200 เยน ข้อดีของที่นี่คือ เค้าคิดเป็น 24Hrs & 48Hrs ซึ่งเรามาถึง Naha ตอนดึก ซึ้อตั๋วแล้วก็ใช้นั่งจากสนามบินมาโรงแรม และวันนี้ก็ใช้ได้อีกทั้งวันเลยจนครบ 24Hrs. และตั๋วนี้ยังใช้เป็นส่วนลดสำหรับค่าเข้าชม Shuri Castle, the Tamaudun Mausoleum, Shikinaen Garden, the Prefectural Museum และ the Former Navy Underground Headquarters แต่จริงๆ แล้วเราว่าบัสไปได้ทั่วถึงกว่า แต่ก็ต้องใช้เวลาทำความเข้าใจระบบที่นี่นิดนึงก่อน และต้องอดทนในการรอรถ และการอัตราความเร็วของรถบัสที่นี่ด้วย
เนื่องจากเมื่อคืนเราซื้อ 1 day pass ไว้ วันนี้ก็ใช้ต่อไป Shuri-jo ได้เลย จากโรงแรม สถานี Omoromachi ไป Shuri-jo ก็แค่ 4 สถานีเท่านั้น พอลงรถไฟมาเราสามารถรอบัสสาย 7 or 8 ไปลงใกล้ๆ ปราสาทได้เลย วัยรุ่นอย่างเราก็เลยเลือกเดินดีกว่า เพราะไม่ไกลมาก ประมาณกิโล ก็ถึงทางเข้าแล้ว จะได้เดินดูบรรยากาศเมือง Naha ไปด้วย
ถ้าเจอกำแพงเมืองอันแรกอย่าเพิ่งขึ้นทางนี้นะคะ ให้เดินตรงไปก่อนจะเจอทางเข้าอีกอันค่ะ เหมือนเค้าเขียนภาษาญี่ปุ่นบอกไว้ แต่อ่านไม่เข้าใจ เดาเอาว่าให้เดินตรงไป การเดินทางรอบนี้ ทำให้เราเห็นความสำคัญของการอ่านใจความในภาษาที่เราไม่เข้าใจ 555 งงมั๊ยค่ะ?
เมืองนาฮะ (Naha) ในปัจจุบัน เดิมชื่อเมืองชูริ(Shuri) เป็นเมืองหลวงของอาณาจักรริวกิว ปราสาทซูริ เป็นศูนย์กลางของการบริหาร และเป็นที่อยู่อาศัยของกษัตริย์มาตั้งแต่ปลาย คศ 1300 จนกระทั่งกลายเป็นจังหวัดโอกินาว่าในปี 1879 ปราสาทแห่งนี้ได้รับขึ้นบัญชีเป็น UNESCO World Heritage
จากแผนที่จะเห็นว่าเราเดินมาจากสถานีจะเข้าทางจุด 4 และ 5
4. Benzaitendo temple ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของ Ryutan pond เรียกว่า Enkanchi pond ซึ่งเป็นที่เก็บน้ำฝน วัดแห่งนี้ถูกทำลายไปในสงครามถึง 2 ครั้ง อาคารปัจจุบันสร้างขึ้นในปี 1968 ดาราของจุดนี้ คือ เจ้าเป็ดเทศ 2 ตัว สะพานที่เชื่อมเข้าหาวัด เรียกว่า Tennyo-Bashi เป็นสะพานโค้งทำจากหินปูน แบบคล้ายทางตอนใต้ของจีน
5. Enkakuji temple เป็นวัดพุทธ Rinzai Zen ตั้งอยู่ทางตะวันออกของ Benzaitendo temple ถูกสร้างขึ้นในปี 1494 ตามแบบวัด Engakuji ที่ Kamakura และถูกทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ปี 1945
1. Sonohyan Utaki Stone Gate ด้านในเป็นสถานที่บวงสรวงเทพเจ้าของกษัตริย์ริวกิว เป็น World Heritage Site
ถัดมาจะเห็น Shureimon Gate
6. Suimuikan ปัจจุบันเป็นอาคาร Information Center, ร้านอาหาร, ร้านขายของ และที่จัดแสดงนิทรรศการ จุดนี้เราสามารถขอแผ่นพับเพื่อล่าตราประทับภายในเขตปราสาทซูริ ได้ มีห้องน้ำ ร้านอาหาร
เราไม่ได้เดินไปที่ 2 3 และ 7 คือ
2. Tamaudun mausoleum เป็นที่บรรจุพระศพของกษัตริย์และราชินีราชวงศ์ริวกิว ตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกของปราสาท สร้างขึ้นในปี 1501 สมัยกษัตริย์ Sho Shin (กษัตริย์องค์ที่ 3 ของราชวงศ์โช ที่ 2) เป็น World Heritage Site
3. Ryutan pond บ่อน้ำนี้ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของปราสาทซูริ สร้างขึ้นในปี 1427 โดยกษัตริย์ Sho Hashi ปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์ริวกิว รอบๆ บ่อเต็มไปด้วยต้นไม้ ใช้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของเหล่าราชวงศ์
7. Kinjo-cho Stone-paved Street เป็นถนนโบราณทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของปราสาทซูริ ระยะทาง ประมาณ 10 กิโลเมตร แต่ถูกทำลายลงช่วงสงครามโอกินาว่า ปัจจุบันเหลือให้เห็นแค่ 300 เมตร
จากนั้นเราก็จะเข้าไปที่ปราสาทกันคะ ระหว่างทางจะมีแผงถ่ายรูปชุดพื้นเมือง ถ้าหากไม่เจอฝนตก เราก็คงใช้บริการถ่ายรูปชุดพื้นเมือง 500 เยน แล้ว ลายผ้าที่โอกินาว่าสวยจัดแจ่มจริงๆ คะ ชอบมาก
ทางเข้าปราสาท
มุมที่มองกลับออกไป
พอเข้าไปด้านในก็เจอเวทีเล็กๆ มีการแสดงวันละ 3 รอบ ให้ชมฟรีคะ เราไปทันรอบ 11 โมงพอดี ก็สวยสด สนุกสนาน ตามแบบโอกินาว่าคะ ที่นี่จะเป็นการฟ้อนรำทำเพลงเพื่อบวงสรวงเกี่ยวกับการเพาะปลูก และไปดูการฟ้อนกลองแบบสนุกๆ อีกทีที่ Okinawa World แต่ที่นั่นเค้าห้ามถ่ายรูป เลยไม่มีภาพมาให้ชม
ตอนเราไป ปราสาทด้านหน้ากำลังบูรณะ เข้าใจว่าเค้าทาสีอยู่ เลยมีพลาสติกคุมทางเข้า อดถ่ายรูปสวยๆ เลย
ซื้อตั๋วราคา 820 เยน (ลืมใช้ส่วนลด 555)
พอเข้าไปในปราสาท ต้องถอดรองเท้าแล้วใส่ถุงที่เค้าแจกถือไปคะ ก็เดินชมความงามตามห้องต่างๆ ห้ามถ่ายรูป
แต่ตรงจุดเก้าอี้สีแดงให้ถ่ายรูปได้
โมเดลปราสาทซูริ
มีโชว์หินที่ฐานปราสาทให้ดูก่อนออกด้วยคะ
อีกเรื่องประทับใจที่อยากพูดถึงเกี่ยวกับญี่ปุ่น คือ การให้บริการบุคคลพิเศษและผู้สูงอายุ ที่ Shuri ก็มีให้เห็นคะ เจ้าเครื่องสำหรับยกรถเข็น อาจเพราะคนที่ทำโครงการก็เตรียมตัวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเหมือนกันมั้งค่ะ 555 แต่มีทุกที่ที่เป็นสถานที่สาธารณะและแหล่งท่องเที่ยวจริงๆ