ก่อนอื่นเลยต้องฝากเพจผมก่อนนะครับ เป็นเพจท่องเที่ยวไสตล์ back packing เน้นการท่องเที่ยวตามแบบคนในพื้นที่ครับ
https://www.facebook.com/7387MilesFromHome/
ส่วนอันนี้คือกระทู้รีวิว Banff นะครับ
https://ppantip.com/topic/36380882
วันนี้เราจะไปเยี่ยมชม Lake Louise กันนะครับ วันที่ไปคือวันที่ 17 เมษายน 2560 ครับ
Lake Louise ทะเลสาบสีเขียวมรกตที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆของโลกอยู่เหนือระดับน้ำทะเลถึง 1600 เมตร ทะเลสาบที่สวยงามจนถูกตั้งชื่อตามเจ้าหญิง Louise Caroline Alberta ธิดาองค์ที่สี่ของ Queen Victoria ทะเลสาบนี้ตั้งอยู่ภายในเขตอุทยานแห่งชาติ Banff ห่างจากตัวเมืองประมาน 40 นาทีโดยรถบัส
ช่วงเวลาที่แนะนำให้มาคือหน้าร้อนครับ เพราะเราจะได้เจอกับทะเลสาบสีเขียวมรกตจริงๆ แต่เพราะเรามีเวลาแค่นี้และงบแค่นี้แน่นอนเราเลยมาได้ตอนนี้ ถามว่าเสียดายมั้ยที่ไม่ได้มาเห็นความงามที่แท้จริงของ Lake Louise เราตอบได้อย่างเต็มมากเต็มคำเลยว่า
"ไม่"
เพราะทริปนี้เราได้สัมผัสบรรยากาศที่แปลกใหม่มาก เราได้ไปเดินบนทะเลสาบที่แข็งเป็นน้ำแข็งและก็ได้ตกทะเลสาบเพราะน้ำแข็งมันแตก ได้คนช่วยไว้ได้ถามข้อมูลทำให้รู้ว่าเมื่อ 1.8 ล้านปีก่อนน้ำแข็งได้ปกคลุมที่ตรงนี้สูงไปจนถึงยอดเขาที่ห้อมล้อมเราไว้
ได้รับบรรยากาศที่อธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้และถ่ายทอดออกมาทางรูปภาพไ้ไม่หมด มันคือบรรยากาศของการโดนภูเขาลูกใหฐ่ทั้งสามลูกล้อมเราไว้ท่ามกลางหิมะนุ่มๆ มันคือการที่เราได้เดินไปใกล้ภูเขาเหล่านั้นซึ่งทำได้เฉพาะช่วงนี้ ได้เห็นลายเส้นของดินที่ับถมกันเรื่อยๆจนเกิดเป็นภูเขาลูกใหญ่เหล่านี้ เราบอกเลยว่าการมาครั้งนี้ขอ เราเราไม่เคยคิดเลยว่ามันจะตระการตาได้ขนาดนี้
การเดินทางเราจองรถบัสของ Brewster Tour จากในตัวแมือง Banff โดยค่าโดยสารไปกลับราคา CAD55 ตัวรถบัสเป็นรถมัสคันใหญ่ที่นั่งกว้างขวางสบาย
ระหว่างทางเราจะเห็นสะพานแบบนี้เป็นระยะๆ ซึ่งสะพานแบบรี้มีไว้ให้สัตว์ป่าที่อยู่สองข้างทางของถนนข้ามไปมาเพื่อหากินเนื่องจากในอดีตเคยเกิดอุบัติเหตุรถชนกับสัตว์ป่ามากมาย โดยถ้าเป็นสัตว์เล็กอาจจะไม่มีปัญหาสำหรับคนที่โดยสารในรถแต่ถ้าหากเป็นสัตว์ใหญ่เช่น หมี วัว กวาง กวางมูส นั้นแรงกระแทกจากการขับชนอาจทำให้ผู้โดยสารบาดเจ็บจนถึงขั้นสาหัสได้
ดังนั้นทางการจึงสร้างสะพานขึ้นมาให้สัตว์ป่าข้ามและสร้างรั้วกันไม่ให้สัตว์เดินมาบนถนนได้
เห็นป้ายแล้ววว
รถบัสของเราจะมาจอดที่โรงแรม Fairmont Chateau Lake Louise ซึ่งเป็นโรงแรมหรูและที่สำคัญคือเป็นโรงแรมเดียวที่ตั้งติดกับตัวทะเลสาบ มากกว่านั้นห้องส่วนใหญ่ของที่นี่จะหันหน้าเข้าหาทะเลสาบดังนั้นวิวที่จะได้เห็นทุกวันหากพักที่โรงแรมนี้ก้จะเป็นวิวของหนึ่งในทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลกนั่นเอง
พอเราเดินเลยโรงแรมออกมาก็จะเจอบริการรถม้าให้นั่งชมทะเลสาบ แต่เราเลือกที่จะเดินเพราะว่าการมาเที่ยวทะเลสาบแห่งนี้ในช่วงนี้มีความพิเศษที่สุดคือเราจะได้ไปเดินบนตัวทะเลสาบที่ยังเป็นน้ำแข็งอยู่
Lake Louise มีภูเขาล้อมรอบสามลูกได้แก่ Mount Temple, Mount Whyte และ Mount Niblock ถ้าเราเลือกที่จะเดินจากโรงแรมไปจนสุดทะเลสาบจะมีระยะทางประมาณสองกิโล สำหรับเรามันเป็นสองกิโลที่สวยมาก มากจริงๆ ตัวภูเขาทั้งสามลูกล้อมรอบเราไว้โดยที่บนภูเขานั้นบางลูกยังมี Glacier อยู่
Glacier คือธารน้ำแข็งจากยุคน้ำแข็งที่เคยเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 1.8 ล้านปีก่อนนั่นหมายความว่าน้ำแข็งนั้นม่ได้ละลายมาเป็นล้านปีแล้วและที่สำคัยกว่านั้นมันทำให้เรารู้ว่าเมือ 1.8 ล้านปีก่อนน้ำแข็งได้ปกคลุมที่ตรงนี้สูงไปจนเลยภูเขาที่ล้อมเราไว้เลย
พอมานึกดูตอนเดินเราก็ยิ่งชอบบรรยากาศนี้มากขึ้นไปอีกมันทำให้เรารู้สึกว่าเราผอมดี
การที่เราสามารถเดินบนทะเลสาบได้ทำให้เราไปไหนก็ได้ ทำให้เราได้เดินมาใกล้ๆภูเขาแบบนี้ ทำให้เราได้เห็นลายเส้นของชั้นดินที่ทับถมกันมา เราว่ามันสวยและมีเสน่ห์มากจริงๆ
ถ้าหากใครมาช่วงหน้าร้อนเราสามารถนั่งเรือหรือพายเรือบนทะเลสาบได้เช่นกันครับ
พอเราเดินมาจนสุดทะเลสาบก็เห็นว่าน้ำแข็งเริ่มละลายแล้วทำให้ค่อนข้างอันตรายครับ ถ้าตกลงไปคงอันตรายถึงชีวิตเพราะเมื่อน้ำแข็งแตกมันจะยากมากถ้าเราจะปีนกลับขึ้นมาเองคนเดียวเพราะน้ำแข็งรอบๆตัวเราก็จะแตกขึ้นเรื่อยๆหากเรากดมันเพื่อปีนขึ้น ทางที่ดีที่สุดคือหาคนมาช่วยดึงเราขึ้นไป เชื่อเรา...เราตกมาแล้วน้ำเย็นมาก
บรรยากาศรอบๆที่เหลือก็จะประมาณนี้ครับ
คราวนี้เราโชคดีมีคนยอมถ่ายรูปให้ เอาจริงๆเรามาคนเดียวแบบนี้เลยไม่ค่อยมีรูปตัวเองถ้าเรามีรูปตัวเองเพราะเราเดินไปของให้คนแถวนั้นถ่ายให้ครับ แน่นอนว่าเราต้องดูด้วยว่าคนที่เราขอให้ช่วยไว้ใจได้ไหมแต่ส่วนใหญ่คนที่นี่จะเป็นกันเองครับ
พอเราเหนื่อยเราก็มานั่งพักกินอาหารที่โรงแรม ตอนแรกเราไม่กล้ากินเลยเพราะกลัวว่าจะแพงมากแต่พอไปขอเมนูมาดูเท่านั้นแหละ เฮ่ย 25 ดอลรวมทิปแล้ว ราคามันเท่ากับเราไปกินในตัวเมือง Banff เลยนี่หว่าอาหารก็อร่อยกว่าในตัวเมืองเยอะเพราะเป็นอาหารโรงแรม พนักงานก็บริการดี แต่ที่ดีที่สุดคือ...
ที่ดีที่สุดในการมากินอาหารในโรงแรมคือวิวครับ นี้คือวิวจากโต๊ะเราเลยเราแบบเฮ้ยมันสวยมากกกก สำหรับเราเราเดินไปกลับทะเลสาบใช้ระยะทาง4กิโลแบกกล้องและเดินลุยหิมะ กลับมาเหนื่อยๆนั่งกินอาหารกับซุปร้อนๆดูวิวแบบนี้มันสุดยอดไปเลย
เป็นการจบ One Day Trip กับ Lake Louise ทะเลสาบที่คงความสวยมานานมากและสวยทุกฤดูจริงๆครับ ยิ่งถ้ามาหน้าร้อนจะได้เจอกับทะเลสาบสีเขียวมรกตที่โดนล้อมไว้โดยภูเขาทั้งสามลูก แต่ถ้ามาตามเราเราก็บอกเลยว่าเราไม่เสียดายเงินหรือโอกาสที่จะได้มาเห็นทะเลสาบแห่งนี้ในหน้าร้อนเลยเพราะเราได้เดินบนทะเลสาบ ชมวิวทุกจุด นอนบนหิมะและตกน้ำแข็ง เราว่ามันคุ้มค่ากับการเดินทางของเรามากๆเลย สรุปเราจ่ายไป CAD80 สำหรับทริปนี้รวมค่าอาหารและค่ารถแต่วิวที่เราได้ไปสัมผัสมันเกินกว่าราคานี้ไม่เยอะมากกกก แนะนำครับสำหรับคนที่มาแถวๆนี้ แนะนำให้มาที่นี่จริงๆแต่วันเดียวก็เที่ยวได้ครับ
ถ้าหากชอบก็ฝากกดไลค์เพจกันด้วยนะครับจะได้เป็นกำลังใจในการเขียนต่อๆไปครับ
https://www.facebook.com/7387MilesFromHome/
จริงๆคือมีอีกหลายที่มากที่อยากจะเขียนบอกเล่ากันครับ ขอบคุณมากๆครับที่ติดตามกัน
[CR] Lake Louise Day Trip ฤดูใบไม้ผลิกับการเดินบนทะเลสาบมรดกโลก
https://www.facebook.com/7387MilesFromHome/
ส่วนอันนี้คือกระทู้รีวิว Banff นะครับ
https://ppantip.com/topic/36380882
วันนี้เราจะไปเยี่ยมชม Lake Louise กันนะครับ วันที่ไปคือวันที่ 17 เมษายน 2560 ครับ
Lake Louise ทะเลสาบสีเขียวมรกตที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆของโลกอยู่เหนือระดับน้ำทะเลถึง 1600 เมตร ทะเลสาบที่สวยงามจนถูกตั้งชื่อตามเจ้าหญิง Louise Caroline Alberta ธิดาองค์ที่สี่ของ Queen Victoria ทะเลสาบนี้ตั้งอยู่ภายในเขตอุทยานแห่งชาติ Banff ห่างจากตัวเมืองประมาน 40 นาทีโดยรถบัส
ช่วงเวลาที่แนะนำให้มาคือหน้าร้อนครับ เพราะเราจะได้เจอกับทะเลสาบสีเขียวมรกตจริงๆ แต่เพราะเรามีเวลาแค่นี้และงบแค่นี้แน่นอนเราเลยมาได้ตอนนี้ ถามว่าเสียดายมั้ยที่ไม่ได้มาเห็นความงามที่แท้จริงของ Lake Louise เราตอบได้อย่างเต็มมากเต็มคำเลยว่า
"ไม่"
เพราะทริปนี้เราได้สัมผัสบรรยากาศที่แปลกใหม่มาก เราได้ไปเดินบนทะเลสาบที่แข็งเป็นน้ำแข็งและก็ได้ตกทะเลสาบเพราะน้ำแข็งมันแตก ได้คนช่วยไว้ได้ถามข้อมูลทำให้รู้ว่าเมื่อ 1.8 ล้านปีก่อนน้ำแข็งได้ปกคลุมที่ตรงนี้สูงไปจนถึงยอดเขาที่ห้อมล้อมเราไว้
ได้รับบรรยากาศที่อธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้และถ่ายทอดออกมาทางรูปภาพไ้ไม่หมด มันคือบรรยากาศของการโดนภูเขาลูกใหฐ่ทั้งสามลูกล้อมเราไว้ท่ามกลางหิมะนุ่มๆ มันคือการที่เราได้เดินไปใกล้ภูเขาเหล่านั้นซึ่งทำได้เฉพาะช่วงนี้ ได้เห็นลายเส้นของดินที่ับถมกันเรื่อยๆจนเกิดเป็นภูเขาลูกใหญ่เหล่านี้ เราบอกเลยว่าการมาครั้งนี้ขอ เราเราไม่เคยคิดเลยว่ามันจะตระการตาได้ขนาดนี้
การเดินทางเราจองรถบัสของ Brewster Tour จากในตัวแมือง Banff โดยค่าโดยสารไปกลับราคา CAD55 ตัวรถบัสเป็นรถมัสคันใหญ่ที่นั่งกว้างขวางสบาย
ระหว่างทางเราจะเห็นสะพานแบบนี้เป็นระยะๆ ซึ่งสะพานแบบรี้มีไว้ให้สัตว์ป่าที่อยู่สองข้างทางของถนนข้ามไปมาเพื่อหากินเนื่องจากในอดีตเคยเกิดอุบัติเหตุรถชนกับสัตว์ป่ามากมาย โดยถ้าเป็นสัตว์เล็กอาจจะไม่มีปัญหาสำหรับคนที่โดยสารในรถแต่ถ้าหากเป็นสัตว์ใหญ่เช่น หมี วัว กวาง กวางมูส นั้นแรงกระแทกจากการขับชนอาจทำให้ผู้โดยสารบาดเจ็บจนถึงขั้นสาหัสได้
ดังนั้นทางการจึงสร้างสะพานขึ้นมาให้สัตว์ป่าข้ามและสร้างรั้วกันไม่ให้สัตว์เดินมาบนถนนได้
เห็นป้ายแล้ววว
รถบัสของเราจะมาจอดที่โรงแรม Fairmont Chateau Lake Louise ซึ่งเป็นโรงแรมหรูและที่สำคัญคือเป็นโรงแรมเดียวที่ตั้งติดกับตัวทะเลสาบ มากกว่านั้นห้องส่วนใหญ่ของที่นี่จะหันหน้าเข้าหาทะเลสาบดังนั้นวิวที่จะได้เห็นทุกวันหากพักที่โรงแรมนี้ก้จะเป็นวิวของหนึ่งในทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลกนั่นเอง
พอเราเดินเลยโรงแรมออกมาก็จะเจอบริการรถม้าให้นั่งชมทะเลสาบ แต่เราเลือกที่จะเดินเพราะว่าการมาเที่ยวทะเลสาบแห่งนี้ในช่วงนี้มีความพิเศษที่สุดคือเราจะได้ไปเดินบนตัวทะเลสาบที่ยังเป็นน้ำแข็งอยู่
Lake Louise มีภูเขาล้อมรอบสามลูกได้แก่ Mount Temple, Mount Whyte และ Mount Niblock ถ้าเราเลือกที่จะเดินจากโรงแรมไปจนสุดทะเลสาบจะมีระยะทางประมาณสองกิโล สำหรับเรามันเป็นสองกิโลที่สวยมาก มากจริงๆ ตัวภูเขาทั้งสามลูกล้อมรอบเราไว้โดยที่บนภูเขานั้นบางลูกยังมี Glacier อยู่
Glacier คือธารน้ำแข็งจากยุคน้ำแข็งที่เคยเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 1.8 ล้านปีก่อนนั่นหมายความว่าน้ำแข็งนั้นม่ได้ละลายมาเป็นล้านปีแล้วและที่สำคัยกว่านั้นมันทำให้เรารู้ว่าเมือ 1.8 ล้านปีก่อนน้ำแข็งได้ปกคลุมที่ตรงนี้สูงไปจนเลยภูเขาที่ล้อมเราไว้เลย
พอมานึกดูตอนเดินเราก็ยิ่งชอบบรรยากาศนี้มากขึ้นไปอีกมันทำให้เรารู้สึกว่าเราผอมดี
การที่เราสามารถเดินบนทะเลสาบได้ทำให้เราไปไหนก็ได้ ทำให้เราได้เดินมาใกล้ๆภูเขาแบบนี้ ทำให้เราได้เห็นลายเส้นของชั้นดินที่ทับถมกันมา เราว่ามันสวยและมีเสน่ห์มากจริงๆ
ถ้าหากใครมาช่วงหน้าร้อนเราสามารถนั่งเรือหรือพายเรือบนทะเลสาบได้เช่นกันครับ
พอเราเดินมาจนสุดทะเลสาบก็เห็นว่าน้ำแข็งเริ่มละลายแล้วทำให้ค่อนข้างอันตรายครับ ถ้าตกลงไปคงอันตรายถึงชีวิตเพราะเมื่อน้ำแข็งแตกมันจะยากมากถ้าเราจะปีนกลับขึ้นมาเองคนเดียวเพราะน้ำแข็งรอบๆตัวเราก็จะแตกขึ้นเรื่อยๆหากเรากดมันเพื่อปีนขึ้น ทางที่ดีที่สุดคือหาคนมาช่วยดึงเราขึ้นไป เชื่อเรา...เราตกมาแล้วน้ำเย็นมาก
บรรยากาศรอบๆที่เหลือก็จะประมาณนี้ครับ
คราวนี้เราโชคดีมีคนยอมถ่ายรูปให้ เอาจริงๆเรามาคนเดียวแบบนี้เลยไม่ค่อยมีรูปตัวเองถ้าเรามีรูปตัวเองเพราะเราเดินไปของให้คนแถวนั้นถ่ายให้ครับ แน่นอนว่าเราต้องดูด้วยว่าคนที่เราขอให้ช่วยไว้ใจได้ไหมแต่ส่วนใหญ่คนที่นี่จะเป็นกันเองครับ
พอเราเหนื่อยเราก็มานั่งพักกินอาหารที่โรงแรม ตอนแรกเราไม่กล้ากินเลยเพราะกลัวว่าจะแพงมากแต่พอไปขอเมนูมาดูเท่านั้นแหละ เฮ่ย 25 ดอลรวมทิปแล้ว ราคามันเท่ากับเราไปกินในตัวเมือง Banff เลยนี่หว่าอาหารก็อร่อยกว่าในตัวเมืองเยอะเพราะเป็นอาหารโรงแรม พนักงานก็บริการดี แต่ที่ดีที่สุดคือ...
ที่ดีที่สุดในการมากินอาหารในโรงแรมคือวิวครับ นี้คือวิวจากโต๊ะเราเลยเราแบบเฮ้ยมันสวยมากกกก สำหรับเราเราเดินไปกลับทะเลสาบใช้ระยะทาง4กิโลแบกกล้องและเดินลุยหิมะ กลับมาเหนื่อยๆนั่งกินอาหารกับซุปร้อนๆดูวิวแบบนี้มันสุดยอดไปเลย
เป็นการจบ One Day Trip กับ Lake Louise ทะเลสาบที่คงความสวยมานานมากและสวยทุกฤดูจริงๆครับ ยิ่งถ้ามาหน้าร้อนจะได้เจอกับทะเลสาบสีเขียวมรกตที่โดนล้อมไว้โดยภูเขาทั้งสามลูก แต่ถ้ามาตามเราเราก็บอกเลยว่าเราไม่เสียดายเงินหรือโอกาสที่จะได้มาเห็นทะเลสาบแห่งนี้ในหน้าร้อนเลยเพราะเราได้เดินบนทะเลสาบ ชมวิวทุกจุด นอนบนหิมะและตกน้ำแข็ง เราว่ามันคุ้มค่ากับการเดินทางของเรามากๆเลย สรุปเราจ่ายไป CAD80 สำหรับทริปนี้รวมค่าอาหารและค่ารถแต่วิวที่เราได้ไปสัมผัสมันเกินกว่าราคานี้ไม่เยอะมากกกก แนะนำครับสำหรับคนที่มาแถวๆนี้ แนะนำให้มาที่นี่จริงๆแต่วันเดียวก็เที่ยวได้ครับ
ถ้าหากชอบก็ฝากกดไลค์เพจกันด้วยนะครับจะได้เป็นกำลังใจในการเขียนต่อๆไปครับ
https://www.facebook.com/7387MilesFromHome/
จริงๆคือมีอีกหลายที่มากที่อยากจะเขียนบอกเล่ากันครับ ขอบคุณมากๆครับที่ติดตามกัน
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น